*บรึ้ม! *
ดอกเห็ดสีทองได้พวยพุ่งขึ้นเหนือใจกลางหมู่บ้านที่จมในกองเพลิง
แรงระเบิดนั้นได้สร้างกระแสลมปัดเป่าให้เปลวไฟที่ลุกไหม้ดับจางหาย
ท่ามกลางความโกลาหลสับสน มีเงาทรงกลมขนาดสิบเมตรกำลังปลิวลอยทะยานขึ้นเหนือท้องฟ้าอย่างรุนแรง
“นั่นมัน!! ”
ฉันถึงกับหยุดนิ่งคิดอะไรไม่ออก
หนูสกปรกสามตัวที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้กลายเป็นเป้าหมายให้ฉันต้องให้ความใส่ใจอีกต่อไป
สิ่งที่คิด มีเพียงแต่ความสับสนสีขาวโพล้นที่ถูกถมจนเต็มเครื่องประมวลภายในร่างน้อย ๆ ของฉันนี้
“เอซ! ”
ฉันกรีดร้องลั้นจนระบบหลอดเสียงในลำคอแตกพร่า
*ฉึก*
“!!! ”
ในตอนนั้นเองที่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด
ระบบความคิดได้ส่งสัญญาณเตือนความเสี่ยหายที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วผ่ามือซ้ายให้ฉันได้รับรู้
พอลองเหลือบมองไปดู ก็พบว่ามีขนนกสีเหลืองปักทะลุที่ฝ่ามือของฉันอยู่เส้นหนึ่ง
เจ้าหนูสกปรกพวกนั้น… บังอาจโจมตีใส่ฉันทีเผลออย่างงั้นเรอะ?
“… ชิ”
แต่ฉันไม่มีเวลาจะมามัวให้ความสนใจกับพวกมัน
เพราะดวงวิญญาณของเอซกับพี่น้องกำลังอยู่ในอันตราย
ฉันสะบัดมือซ้ายเพื่อให้ขนนกที่แข็งเหมือนมีดหลุดจากฝ่ามือ แล้วสร้างสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่ครอบคลุมร่างกาย สร้างแรงพลักดัน บินตรงไปที่เปลวไฟสีทองด้วยความเร็วสูง
ขอให้ดวงวิญญาณของพวกเขายังปลอดภัยดีด้วยเถิด—
***
“โอ๊ย… นี่เรา… ยังไม่ตาย? ”
ผมกำลังลุกขึ้นยืนแหงนหน้ามองเพดานที่ถูกเปิดออก
พื้นที่ห้องวิจัยได้ถูกทำลายสิ้น และเริ่มลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟสีทอง
คงต้องบอกว่าเป็นโชคดีของพวกเราที่แก๊สส่วนใหญ่มันไปรวมตัวลอยที่ส่วนด้านบนของห้อง เลยทำให้ความเสียหายเกิดขึ้นที่ส่วนครึ่งห้องบนเสียส่วนใหญ่ เลยทำให้พวกเรารอดตายมาได้อย่างไม่คาดฝัน
ถึงกระนั้น แรงระเบิดก็ทำให้เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลจากแรงอัดอยู่ดี
*กรรรร!! *
ในเวลาเดียวกัน
เจ้ามังกรทั้งสี่ตัวกำลังส่งเสียงคำรามอย่างภาคภูมิใจเป็นการโอ้อวด ราวกับจะบอกให้ผมได้รับรู้ว่า “เป็นยังไงล่า จุดไฟให้แล้วเห็นไหม! ” แบบนั้น
ใช่ ช่าย~ ช่างเป็นมังกรที่นิสัยดีม้าก~ มาก~
“…”
พวกเอ็งจะทำเกินเหตุไปแล้วเฟ้ย!
“แต่… มันก็ช่วยให้ได้แสงสว่างอย่างที่ต้องการจริง ๆ ละนะ”
ผมรีบตั้งสติแล้วเล็งปืนออกไป
ด้วยแสงสีทอง เลยทำให้ศัตรูลึกลับในความมืดถูกเปิดเผยตัวตน
พวกมันคือศัตรูที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี
อัศวินเกราะเหล็กที่ว่างเปล่าสองตัว
พวกมันแอบอยู่ตรงหลังแนวท่อเหล็กที่มีอยู่มากมายภายในห้อง พร้อมกับอาวุธขวานรังสีสังหารในมือ
ส่วนที่อีกมุมหนึ่งของห้อง มีพรมสีแดงขนาดใหญ่ยาวกว่าสิบเมตรกำลังขดตัวรัดพวกยักษ์เอาไว้อยู่ห้าคน
ยักษ์ทั้งห้าคนที่ถูกรัด ต่างมีสีหน้าคล้ำประหนึ่งเป็นคนที่กำลังจมน้ำลึก
พวกเขาต่างย้อมสีผมแตกต่างกัน
สีแดง สีเขียว สีเหลือง สีน้ำเงิน สีขาว และสีดำ
พวกเอ็งจะจัดทีมขบวนการห้าสีหรือยังไงนั่น?
เออ… ไม่สิ นี่ตรูมาเสียสมาธิกับเรื่องพวกนี้ได้ยังไงเนี่ย?
ผมรีบสะบัดหัวแล้วตั้งสมาธิกับเจ้าอัศวินสองตัวที่กำลังเคลื่อนไหวตรงมาทางผม
อาจจะด้วยความที่เครื่องจักรตัวการถูกทำลายไปแล้วหรือยังไงไม่ทราบ แต่ผมรู้สึกได้ว่าแสงสีขาวที่เคยเห็นบนผิวชุดเกราะกำลัง มันมีลักษณะที่ดูบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด
เส้นใยบาง ๆ ที่แผ่ออกมาจากผิวเกราะเองก็ไม่มีอีกต่อไปแล้วเช่นกัน
*แกร๊ก*
พวกมันสองตัวเริ่มทำท่าจะเข้ามาโจมตีด้วยขวานรังสีที่พร้อมจะแผ่พุ่งเป็นคลื่นดาบ
ผมรีบก้มตัวหลบในจังหวะที่ศัตรูง้างขวานลงมา
เวลาเดียวกัน คลื่นดาบจากตัวที่สองได้ถูกฟันในแนวทแยงมุม พุ่งไล่ตามติดคลื่นโจมตีลูกแรก
ผมรีบใช้สองขาดันร่างของตัวเอง พร้อมกับห่อตัวมุดลอดผ่านช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างคลื่นโจมตีทั้งสองเส้น
คลื่นรังสีขวานที่แผ่พุ่งเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ ได้พุ่งตัดเฉือนอากาศผ่านปลายเส้นผมและหัวไหล่
ไอร้อนที่แผ่นซ่านไปในอากาศ เริ่มแผดเผาเสื้อสูทจนเกิดเป็นรอยไหม้ยาว
แต่ไม่มีการโจมตีใด ที่สามารถทะลุชั้นผิวผ้าลงมาถึงผิวหนังของผมได้
ผมเล็งปืนพร้อมเหนี่ยวไกยิงสวนกลับ ในระหว่างที่ร่างกายกำลังพุ่งลอดผ่านลำแสงทั้งสองเส้น
แสงสีฟ้าขนาดเล็กสองเส้น ได้แผ่พุ่งออกจากปลายกระบอกปืนไปที่ศัตรู
“ลาก่อน—”
กระสุนรังสีทั้งสองนัดวิ่งเข้าปะทะใส่ส่วนหมวกเกราะ ที่มีแสงสีขาวหุ้มหนาแน่นมากที่สุด
หมวกเกราะถูกแสงรังสีแผดเผาจนหลอมละลาย เผยให้เห็นก้อนแสงที่ดูเหมือนกับกำลังถูกหุ้มด้วยผ้าขาวผืนบาง
ราวกับว่าเป็นเยื่อหุ้มของเหลวที่ถูกฉีกขาด
พริบตาที่หมวกเกราะละลาย แสงสว่างที่ถูกบรรจุอยู่ภายในจักแผ่พุ่งกระจายออกรอบทิศทางคล้ายพลุแสง ก่อนจะค่อย ๆ ดับมอดหายไปในอากาศ
*แกร๊ก—*
ชุดเกราะที่ว่างเปล่าหยุดการเคลื่อนไหวในท่าที่กำลังง้างขวาน
จุดข้อพับของเกราะที่เคยดูมีเรี่ยวแรง กลับเริ่มสั่นคลอน ก่อนจะทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วง
ในเวลาไม่นานนัก เจ้าชุดเกราะที่ว่างเปล่าก็ล้มพังลงไปกองบนพื้น กลับคืนสู่สภาพ เป็นเพียงแค่โลหะขึ้นรูปธรรมดาที่ไร้ชีวิต
“อะ— อั๊ก! หะ— หายใจไม่— ออก! ”
“ใครก็ได้— ช่วย—-”
ผมรีบหันไปมองดูศัตรูตัวสุดท้าย
พรมสีแดงขนาดใหญ่กำลังแผ่ร่างกายออกต่อหน้ากลุ่มเผ่ายักษ์
มันทำท่าคล้ายกับการแผ่แม่เบี้ยของงูเห่า
ในเวลาเดียวกัน ที่ส่วนปลายหางของมัน มีเหยื่อผู้โชคร้ายกำลังถูกรัดเอาไว้ร่วมกันถึงหกคน
คราวนี้นอกจากยักษ์เรนเจอร์แล้ว ยังมียักษ์ผมสีฟ้าที่สะดุดหัวทิ่มพื้นเมื่อกี้ร่วมอยู่ในกลุ่มของเหยื่อด้วย
“จะเล็งตรงไหนดีเนี่ย…”
พลังงานของปืนมีพอยิงได้อีกเพียงแค่หนึ่งนัด
แถมเจ้านี่ดูท่าท่างจะว่องไวไม่หยอก คงเล็งยิงไปที่จุดศูนย์รวมแสงตรงบริเวณที่ดูเหมือนคอของมันยากน่าดู
จะให้พวกมังกรพ่นไฟเผาทิ้งไปเลย ก็ดูจะเป็นอันตรายกับตัวประกันจนเกินไป
“… เอาไงเอากันวะ! ”
ผมรีบวิ่งไปทางเจ้าอสรพิษพรมสีแดง
*พรึบ! *
เสียงลมตีจากการแผ่แม่ของของมันดังกึกก้องไปทั่วห้องวิจัย ก่อนจะลงมาเลื้อยตามพื้นด้วยความเร็วสูง
มันเร็วมาก!
เร็วจนผมไม่สามารถที่จะกระโดดหลบได้ทัน
“อั๊ก! ”
มันรัดขาขวาของผม แล้วจับเหวี่ยงทุบใส่พื้นหินที่แข็งกระด้าง
เลือดสีแดงไหลทะลักผ่านรอยแยกบนศรีษะ ย้อมเส้นผมสีน้ำตาลให้กลายเป็นสีแดงสด
ขาเองก็ถูกบีบรัดจนกระดูกแตก เจ็บปวดจนแทบอยากจะกรีดร้องออกมาไม่เป็นภาษา
แต่ผมคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าจะถูกมันจับอับเอาไว้
“แกพลาดแล้ว ที่ไม่สามารถฆ่าผมได้ในการทุ่มใส่พื้นเมื่อกี้”
ระยะแค่นี้ผมไม่มีทางเล็งพลาดได้หรอก
ผมเล็งในมุมที่สามารถปลดปล่อยผู้ถูกพันธนาการณ์ แล้วเหนี่ยวไกยิงเส้นแสงรังสีตัดผ่านส่วนหาง ฉีกให้มันหลุดขาดครึ่งออกมา
พรมสีแดงในส่วนครึ่งร่างที่รัดผมกับพวกยักษ์ถูกฉีดขาดกระเด็น ก่อนจะร่วงกองบนพื้น
แสงขาวบาง ๆ ที่เคยเห็นหุ้มตัวเนื้อพรมสีแดงส่วนหาง กลับจางบางตา สลายหายไปในอากาศ
*พรึบ พรึบ พรึบ! *
เจ้าอรสพิษพรมแดงดูเหมือนว่าจะโกรธมาก
มันตีเสียงลมรัวเป็นจังหวะอย่างโกรธแค้น และทำท่าจะพุ่งเข้ามาหมายรัดคอผมที่กองอยู่บนพื้นให้ตายคาที่
“จังหวะนี้ละเจ้ามังกร! ”
*กรรรร!!! *
เหล่ามังกรทั้งสี่ของทาฑิมต่างคำรามพร้อมกัน
*พรึบ! *
เจ้าอสรพิษพรมดูตกใจมากที่เห็นมีเปลวเพลิงสีทองกำลังพวยพุ่งมาจากด้านข้างของตน
แต่กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปแล้ว
พรมสีแดงสดได้จมลงในกองเพลิงสีทอง
ถูกแผดเผามอดไหม้ กลับคืนสู่ขี้เถ้าดิน
ภายในเปลวไฟและขี้เถ้า ผมได้มองเห็นแสงสีขาวแตกสลายกระจายหายไปในอากาศ เหมือนเช่นที่อัศวินทั้งสองตัวเป็น
เครื่องจักรตัวการถูกทำลาย
เหล่าสิ่งทดลองเรื่องวิญญาณของท่านวีรบุรุษถูกทำลาย
ในที่สุด มันก็จบได้เสียที…
***
นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้น…?
ทำไม อึกก์ดราซิลล์เทียม ถึงอยู่ในสภาพแตกกระจายและลุกท่วมไปด้วยไฟสีทอง?
ทำไม ตัวอย่างทดลองมีชีวิตที่เก็บบรรจุสะสมมาตลอดตั้งแต่ปีที่ 80 ถึงอยู่ในสภาพแตกกระจายกองเกลื่อนพื้น?
ทำไมเจ้าพวกอัศวินกับเจ้าพรมถึงอยู่ในสภาพคล้ายกับเป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่พังไปแล้ว?
แล้วทำไม..
*เคร๊ง…*
ทำไมห้องนิรภัยที่ใช้เก็บวิญญาณของครอบครัว ของเอซ ถึงได้อยู่ในสภาพที่พังทลายแบบนั้น…
ตรงหน้าฉัน มีซากของหุ่นพี่น้องที่ฉันจับให้จำศีลเพื่อรอวันคืนอัตตาและวิญญาณ
มีเศษแก้วที่ว่างเปล่า กับอากาศที่ไร้วี่แววตัวตนของวิญญาณของครอบครัววีรบุรุษมนุษย์
ไร้วี่แววของ— เอซ วิญญาณของคนที่ฉันรัก
ไม่…
ไม่…! ไม่…! ไม่…! ไม่…!
บอกฉันทีว่านี่คือความฝัน!
ได้โปรดบอกฉันทีว่านี่คือการประมวลผลที่ผิดพลาดของระบบสมองกลของฉัน!
*ฉึก! *
มีบางอย่างกำลังพุ่งลงมาหมายปักใส่ใจหัวไหลขวา
ฉันรีบเอี้ยวตัวหลบเจ้าสิ่งที่มีลักษณะคล้ายขนนกสีทองนั้น
“ไม่จริง…”
สูงขึ้นไปตรงปากหลุม
ที่ตรงนั้นมีแสงอาทิตย์ส่องแสงท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย
ภายใต้เงาของแสงอาทิตย์ มีเจ้าพวกหนูสกปรกทั้งสามตัวที่ฉันได้ทิ้งเอาไว้ไม่สนใจเมื่อกี้ กำลังยืนจ้องมองลงมาอยู่
ทำไมพวกมันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?
จากตรงนั้นมาตรงนี้ ถ้าวิ่งมา มันต้องใช้เวลาร่วมมากกว่า 6 นาทีเลยนะ
แล้วทำไมเจ้าหนูหมอกที่ควรปกคลุมท้องฟ้าถึงได้หายไป?
มันหายไปไหน?
อย่าบอกนะว่า—
“ถ้ากำลังสงสัยเรื่องท้องฟ้าละก็ พวกฉันได้ทำการส่งมันคืนไปที่โลกหน้าให้แล้วละนะ”
ยัยผู้หญิงผมสีเหลืองตอบฉันราวกับว่าอ่านใจได้
อ๊า…
ภายในใจของฉันตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด…
ไม่เหลืออะไรอีก…
ไม่เหลืออะไรอีกต่อไป…
ทุกอย่างตลอดเวลาที่ฉันรวมมือสร้างขึ้นมากับที่รัก กับเอซ ล้วนแต่—…
วิญญาณของเอซไม่ได้อยู่ที่โลกนี้อีกต่อไปแล้ว…
ฉัน… จะมีชีวิต มีวิญญาณอยู่ในโลกนี้ต่อไป… เพื่ออะไร…
“ถ้าสนใจอยากอยู่กับคุณสุดที่รักมากขนาดนั้น ให้พวกเราช่วยได้นะ ตอนนี้พวกเรายินดีให้บริการส่งวิญญาณตรงถึงนรกให้ฟรี ๆ เลยละ”
ยัยผู้หญิงที่มีผมสีเหลืองพูดเช่นนั้นพร้อมกับมองมาทางฉันด้วยสายตาที่ของผู้เหยียดหยาม ที่กำลังสนุกอยู่กับความทุกข์ของผู้อื่น
แกกกกก!!!!
ฉันบินทะยานพุ่งขึ้นหมายจะปลิดชีพของยัยไก่เหลือง
เร่งพลังงานวิญญาณที่ยังเหลืออยู่ในร่างกาย ทุ่มพลังทั้งหมดใส่ไปกับการสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อเร่งอัตราความเร็ว
*ฉึบ—! *
ร่างกายของฉันไปโผล่ที่ตรงหน้าของมันในเสี้ยววินาที
ไม่รู้เป็นเพราะว่าตกใจที่ฉันเข้าจู่โจมอย่างฉับพลันหรืออย่างไร แต่ยัยไก่เหลืองมันไม่ยอมขยับตัวเลย
มันดูตื่นตกใจมาก
“ตาย! ”
ฉันใช้พลังงานวิญญาณที่เหลืออันน้อยนิดเป็นตัวเร่งขยายพลัง แล้วยิงเลเซอร์ออกจายปลายนิ้วชี้ เล็งไปที่หัวใจของมัน
เลเซอร์ที่ถูกขยายออกจนมีขนาดใหญ่กว่าสิบเซนติเมตร ได้วิ่งทะลุผ่านร่างกายส่วนหน้าอกขวาของยัยไก่เหลืองจนเป็นรูกว้างในพริบตา
ร่างกายของมันสั่นเทิ้มชั่วขณะ ก่อนจะล้มหน้าคว่ำใส่พื้นพร้อมกับเลือดที่เจิงนอง
“แกทำอะไร เอโซ! ”
“!!! ”
ในเวลาเดียวกัน เพื่อนของมันสองตัวก็เริ่มพุ่งเข้ามาโจมตีใส่ฉันจากทั้งทางซ้ายและขวา
แต่ตอนนี้ฉันไม่มีพลังงานวิญญาณเหลืออีกต่อไปแล้ว
พลังงานที่ใช้เพื่อขยับร่างกายเองก็ถูกเอาไปใช้ในการต่อสู้จนแทบหมดสิ้น
ฉัน… ไม่มีแรงมากพอที่จะหลบการโจมตีนี้ได้อีก
แขนขวาของฉันถูกยัยหัวฟ้าใช้ขาสับลงใส่หัวไหล จนแขนหลุดขาดออกมาจากร่างกาย
ส่วนแขนซ้ายของฉันถูกยัยหัวแดงใช้พลังภูติ สร้างดาบแสงขนาดหนึ่งเมตรมาตัดจนขาดสะบั้น
“…”
ฉันทรุดกายหัวเข่าชันพื้นอยู่ตรงหน้าของพวกหนูสกปรก
ฉันหลับตาลง
ไม่มีเหตุผลต้องดิ้นรนอีก
เพราะว่าทุกอย่างมันได้กลับคืนสู่ความว่างเปล่าไปแล้ว
“เดียว… อย่าพึ่งฆ่า… ”
“เอโซ! เธอยังไม่ตาย!! ”
“พอดีว่าเลี่ยงจุดตาย… ได้ทันเวลา… ให้ตายสิ… ไม่คิดว่า… จะเคลื่อนไหวแบบนั้นได้…”
“ไม่จริง!? ”
ทั้งที่ทุ่มพลังที่เหลือทั้งหมดเพื่อหวังลากเจ้าสวะสักคนให้ตกนรกไปด้วยกัน แต่กลับไม่อาจทำแบบนั้นได้
ยัยไก่เหลืองมันยังไม่ตาย
“ตกใจที่ฉัน— รอดมาได้… สินะ…? ”
ยัยไก่เหลืองพูดเช่นนั้น แล้วเอาปีกของมันมาแตะที่ใบหน้าของฉัน
“ให้ตายเถอะ— พวกวิญญาณที่เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิตนี่น่ารำคาญชะมัด — ”
พอรู้ตัวอีกที ฉันก็รู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังดูดตัวตนของฉันออกไปจากร่างกาย
สติของฉัน— ได้ดับสิ้น แล้วจมลงสู่ความมืดมิด
จมลง
จมลงไป–ในความมืด—
***
มืด…
มืดสนิท…
ที่นี่คือ— ที่ไหน?
ไม่อาจสัมผัสได้
ไม่อาจเคลื่อนไหวได้
รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังไหลไปกับกระแสอันยิ่งใหญ่
หรือว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าความตายอย่างงั้นหรือ?
“…”
รู้สึกเสียใจ
เสียใจที่ตัวเองต้องมาตาย โดยที่ไม่อาจชุบชีวิตคนที่ตัวเองรัก กับครอบครัวของตัวเองได้
ท่ามกลางกระแสอันเชี่ยวกรากนั้น ฉันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหลับ
เป็นความสงบชวนง่วงที่โหยหาไม่อยากจะคิดหรือฝัน
ท่ามกลางความสับสนชวนผ่อนคลาย ในตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นซึ่งกำลังแผ่ขยายออกมา
รู้สึกได้ถึงสองมืออันอบอุ่นที่กำลังโอบกอดร่างกายของฉัน
รู้สึกว่าตรงหน้ามีคนสำคัญกำลังพยายามเข้ามาใกล้ตัวของฉัน
ฉันเห็น— แสงสว่าง
“ขอโทษ— ที่ทำให้ต้องฝืน— เรื่อยมา—”
ฉัน— ได้ยิน
“จากนี้— เราจะอยู่ร่วมกัน”
ได้ยิน— เสียงของ—
“กรีด—”
เสียงของที่รัก…
***
“ก็บอกแล้วว่ายินดีให้บริการส่งวิญญาณถึงโลกหน้าให้ฟรี ๆ มาเจาะรูบนหน้าอกกันได้นะยัยบ้านั่น…”
MANGA DISCUSSION