*บรึ้ม!!! *
เกิดระเบิดขึ้นตรงกำแพงชั้นหนึ่งของคฤหาสน์
ประตูไม้เนื้อแข็งบานโตที่หนาราวครึ่งเมตรกำลังปลิวลอยสูงเหนือท้องฟ้าเป็นวิธีโค้ง ด้วยสภาพที่บิดงอเสียรูปทรง
บนรูกว้างที่ถูกเจาะเปิดออก มีเงาสีดำขนาดเล็กจำนวนทั้งหมดสามคน กำลังวิ่งตัดผ่านม่านควันออกมาด้านนอก
บนรูที่ถูกเจาะ มีเส้นแสงสีแดงซึ่งมีความหนาไม่ต่ำกว่าหนึ่งฟุต วิ่งสาดกระจายออกมารอบทิศทางเป็นเส้นตรง
แสงนั้นมีจำนวนด้วยกันสิบเส้น แตกออกเป็นสิบแฉก จนดูคล้ายกับนิ้วที่ยืดยาวออกมาจากฝ่ามือ
ทุกที่ ที่มันวิ่งตัดผ่านล้วนถูกแผดเผาจนมอดไหม้
เพียงไม่ถึงสิบวินาที หมูบ้านรอบคฤหาสน์จักสุกสว่างไปด้วยเปลวไฟ แล้วสาดแสงอันร้อนแรงทาทับผิวนอกของคฤหาสน์ให้กลายเป็นสีแดงฉาน
เป้าหมายผู้ไล่โจมตีนั้นมีเพียงแต่การทำลายล้างเท่านั้น
“เหวอออ!?! ทำไมยัยนั่นถึงใช้อำนาจสถิต [กายทิพย์] ของเทพเจ้าได้ละ เอโซ!?! ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้คิดแต่วิธีถอยหนีก่อนเถอะ! ”
สองสตรีผมแดงกับผมเหลืองต่างกรีดร้องโวยวายด้วยสีหน้าที่ซีดเผือก
แม้แต่สตรีผมสีฟ้าที่มีดวงตามืดบอด ยังสัมผัสได้ถึงอันตราย จนไม่เหลือรอยยิ้มบนใบหน้าอีก
พวกเธอพยายามใช้หมู่บ้านเป็นที่เพิ่มมุมอับสายตาในการหลบหลีกให้กับตัวเอง
แต่มันช่างเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์
แสงสีแดงที่ศัตรูของพวกเธอใช้โจมตีนั้น มันกำลังลบทุกสิ่งออกไปจากแผนที่
มันล้างบ้างเสียจนเห็นเป็นว่าไม่เคยมีหมู่บ้านตั้งอยู่บนพื้นที่ดินโดยรอบนี้มาก่อน
สิ่งที่เหลืออยู่ มีเพียงแต่คฤหาสน์หลังโตที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางทะเลเพลิงเท่านั้น
“ชิ… ไวจริงนะ… เจ้าหมอก เจ้าพวกชาวบ้าน จงช่วยฉันจับพวกมันซะ!! ”
ผู้ไล่ล่า [กรีด] ออกคำสั่งด้วยเสียงอันดัง
เหล่าชาวบ้านอมตะที่ทำเพียงแต่เดินไปมาอย่างไร้เป้าหมาย ต่างเริ่มหันไปมองที่กลุ่มสามสาวเป็นสายตาเดียวกัน
หมอกที่ปกคลุมหมู่บ้านเริ่มเกิดการเคลื่อนไหว
กลุ่มก้อนของไอน้ำที่หนาทึบ เริ่มก่อตัวเป็นสิ่งที่ดูคล้ายกับมือของมนุษย์
ขนาดของมัน ช่างใหญ่โตจนรู้สึกได้ว่าสามารถนำไปบดขยี้รถได้เพียงนำปลายนิ้วไปสัมผัส
พวกมันมีเป็นจำนวนมาก งอกเงยออกมาจากผิวนอกของหมอกทั่วทุกตารางนิ้ว จนเห็นกลายเป็นกำแพงมือสีเทาอันน่าขยะแขยงเข้าลงมาปกคลุมหมู่บ้านเอาไว้
“เอโซ ลาพิส! ”
“จัดให้! ”
“…! ”
ไม่เหลือความซุกซนขี้เล่นเหลืออยู่ในดวงตาของทั้งสามคนอีกต่อไป
สตรีทั้งสามคนเริ่มเคลื่อนไหวกระจายตำแหน่งของตน
สตรีผมสีฟ้าหยุดวิ่ง แล้วกระทืบฝ่าเท้าลงพื้นดินอย่างรุนแรง
เวลาเดียวกัน สตรีผมเหลืองรีบกางปีกแผ่กว้าง
ใช้ความแข็งของขนปีกที่ผิดปกติ คว้านผืนดินในจุดที่มีเศษหิน ช้อนมวลมหาศาลเหล่านั้นโยนขึ้นฟ้าไปตรงหน้าของสตรีผมสีฟ้า
ราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ลาพิสเริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ใช้หลังมือของตนตบลงบนเศษหินที่ลอยตรงหน้า
พลังวิญญาณอันเป็นสิทธิ์เฉพาะของเทพเจ้าที่อนุญาตให้เข้าถึงตัวตน ได้ถูกส่งผ่านออกไปหุ้มเศษก้อนเล็ก ๆ เหล่านั้น
พลังงานที่ไม่สมควรอยู่บนโลกคนเป็น ได้จักขยายขอบเขตตัวเองออกเหมือนเป็นลูกโป่งที่ถูกอัดลมจนแน่น ก่อนจะแตกตัวออกจากการเสียสมดุลพลังงาน กลายเป็นแรงขับดันให้เศษหินพุ่งออกไป
*เปรี๊ยง! *
เกิดเสียงระเบิดกัมปนาทกึกก้อง พร้อมกับที่เศษหินพุ่งกระจายออกไปดั่งเป็นกระสุนลูกปราย
*ฉั่วะ! *
แรงเฉือนที่เข้าปะทะช่างไม่ต่างไปจากใบมีดอันคมกริบ
ร่างเนื้อที่ถูกหุ้มด้วยวิญญาณอย่างพิกลพิการตรงหน้านับร้อย ล้วนต่างถูกเฉือนออกด้วยคมเล็ก ๆ ของคมเศษหินจนพรุนเป็นรังผึ้ง
ทะเลเนื้อสดได้จักถมกองเต็มไปทั่วถนนทุกหนแห่ง พร้อมกับส่งกลิ่นเหม็นเน่าอันน่าสังเวชลอยแตะจมูก
*บรึ้ม!! *
เสาแสงสีแดงได้ฟาดทิ้งตัวลงมาจากฟ้า ในเวลาเดียวกับที่กระสุนดินถูกลั่นโจมตี
กรีดใช้ช่วงจังหวะที่พวกเธอวุ่นวายกับชาวบ้านอมตะตรงหน้า บินขึ้นฟ้าด้วยสนามแม่เหล็ก แล้วฟาดเสาแห่งการพิพากษาลงสู่แผ่นดิน
เสาแสงสีแดงที่เกิดจากการรวมตัวของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากปลายเล็บมือทั้งสองข้าง ได้ถูกขยายพลังงานด้วยการแทรกสอดผสานของคลื่นพลังงานวิญญาณ ก่อกำเนิดเป็นเสาแสงซึ่งรุนแรงระดับแยกมิติออกเป็นสองส่วน
อากาศถึงกับลั่นส่งเสียงคำราม
แผ่นดินถึงกับแตกระแหง ถูกฉีกขาดจมหายไปในความว่างเปล่า
ที่ว่างแห่งมิติถึงกับโกลาหล บิดเป็นเกลียวประหนึ่งมีมือที่มองไม่เห็นมาบิดมันเอาไว้
“เหวอออ!?! ”
สองสตรีผมเหลืองกับผมฟ้าต่างรีบออกตัววิ่งหนีหลบเสาแสงขนาดยักษ์พร้อมกัน
แต่เพราะมีมือหมอกพุ่งลงมาจากฟ้าดั่งหยาดน้ำฝนที่เทลงมา จึงทำให้เส้นทางหลบหลีกถูกบีบบังคับให้คับแคบ
พวกเธอไม่สามารถวิ่งหนีแยกเป็นสองทางได้
สองสตรีกลิ้งเป็นลูกขนุน
ใช้ฝ่าเท้าถีบพื้นด้วยความรุนแรงจนแผ่นดินแตกระเบิด
พุ่งด้วยความเร็วจนเห็นเป็นเส้นสีฟ้าสลับเหลือง
แต่ก็ใช่ว่าจะรวดเร็วมากพอวิ่งหนีพ้นจากผู้ล่า
ถูกมือหมอกที่พุ่งตรงลงมาหมายคว้าตัวเฉี่ยวจนใบหน้ามีแผลยาว
ถูกความร้อนจากเสาแสงสีแดงที่ไล่ตามหลัง เผาผิวหนังจนเนื้อสุกส่งกลิ่นไม่น่าพึงประสงค์
ลมหายใจขาดช่วง ปอดเริ่มลุกไหม้อันเนื่องจากความร้อนในอากาศที่มากจะเกินร่างกายทนรับไหว
สองสตรีที่งดงามต่างเริ่มลุกไหม้ท่วมตัวไปถึงครึ่งอย่างไม่น่าดู
“โอ๊ยย!! ”
“…!?!? ”
ทั้งคู่ต่างพยายามข่มความเจ็บปวด แล้ววิ่งหนีเอาชีวิตรอด
*บรึ้ม! *
ตอนนั้นเองที่มิติรอบตัวของกรีดเริ่มถูกฉีกขาดออกจากกัน
ในระยะห่างออกไปไม่ไกล สตรีผมสีแดงกำลังกางปีกเรื่องแสงสีน้ำเงินอยู่ข้าง ๆ
เธอใช้พลังงานส่วนเกินจากร่างกายที่สะสมใต้ชั้นผิวหนัง เปลี่ยนให้มันเป็นคลื่นพลังส่งผ่านออกไปทางปีกภูติ
ใช้พลังภูติกับความเข้าใจในที่ว่างและมิติจากความเป็นเทพในอดีต สรรค์สร้างคลื่นพลังที่สามารถบิดผันมิติแห่งความเป็นจริง
บิดมิติรอบตัวของศัตรู เพื่อหมายฉีกร่างของเมดสาวตัวเล็กร่างบางให้ขาดเป็นชิ้น ๆ
มันคือการโจมตีที่เกิดจากการสร้างความผิดสมดุลให้เกิดขึ้นบนมิติที่ว่าง
ธรรมชาติย่อมหาทางคืนสมดุล และพลังที่ธรรมชาติหาทางคืนสู่สมดุลนั้น จักเป็นตัวทำลายศัตรูของเธอ!
*ฉั่ว!! *
เสาแสงได้หายไปจากทัศนวิสัยของสามสาว
สตรีผมฟ้ากับผมเหลืองต่างทรุดตัวนั่งในสภาพที่ถูกเผาไปครึ่งหนึ่งของร่างกาย
“ช้าจริงแมรี่โกลว์! ฉันกับลาพิสเกือบตายไปแล้วเห็นไหม!? ”
“เค้าขอโทษ…”
ถึงจะต่อว่าไปเช่นนั้น แต่สตรีผมสีเหลืองกลับส่งยิ้มให้สตรีผมสีแดง
ส่วนสตรีผมสีฟ้าที่ดวงตามืดบอด ทำได้เพียงแค่นั่งอย่างนิ่งเฉย เพราะไม่รู้วิธีการแสดงอารมณ์ออกไป
“แต่— คงไม่จบง่าย ๆ แค่นี้หรอก…”
สตรีผมเหลืองพูดกับตัวเอง แล้วลุกขึ้นยืน
ภายในดวงตาของเธอ มีภาพของสตรีผมสีเงินในชุดเมดกำลังสะท้อนอยู่บนราตรี โดยมีพระจันทร์สุกสว่างเป็นฉากหลัง
สภาพของเธอนั้น คงต้องบอกว่าแทบจะไร้บาดแผล
มีเพียงแค่ชายกระโปรงสีดำ ที่มีรอยถูกฉีกขาดออกไปเพียงเล็กน้อยราวหนึ่งเซนติเมตร
“คิดว่าแผนหลอกเด็กแบบนั้น จะใช้ปราบฉันลงได้หรือคะ? ”
“ก็~ ไม่เคยคิดแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วละ”
สตรีผมเหลืองตอบสตรีผมสีเงินที่กำลังจ้องมองพวกเธอลงมาจากบนท้องฟ้า
ไม่ว่าจะวิเคราะห์เช่นไร ผู้ที่เสียเปรียบย่อมเป็นฝ่ายสามสาวอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่า ทั้งที่ดูเสียเปรียบถึงเพียงนั้น
“ฮึ”
สตรีผมสีเหลืองกลับยังสามารถแสดงรอยยิ้มได้อยู่
รอยยิ้มของผู้ชนะ—
***ในเวลาเดียวกัน
” แน่ใจนะว่าเป็นเส้นทางนี้เจ้าหน้าใหม่? ”
“ใช่ครับ ตรงไปตามเส้นทางน้ำใต้ดินเรื่อย ๆ จะสามารถออกไปที่นอกหมู่บ้านได้ครับ”
ภายในเส้นทางน้ำใต้ดินที่โอ่โถงแห่งนี้ มีคนกลุ่มหนึ่งร่วมมากกว่า 40 ชีวิต กำลังย่ำเท้าเดินเป็นขบวนกันอยู่
เสียงน้ำไหลที่แตกกระเซ็น ยังคงดังเป็นจังหวะต่อเนื่องไม่ขาดสาย
“หัวหน้า อดทนอีกนิดเดียว เดียวพวกเราก็จะหนีพ้นนรกนี้ออกไปได้แล้วครับ! ”
*กรร…*
ที่ตรงกลางของกลุ่ม มีเงาของมังกรสี่ตัวเดินเรียงแถว พร้อมกับมีร่างของยักษ์ที่ท่วมไปด้วยเลือดสีดำ กำลังถูกแบกเอาไว้บนหลัง
ขาหักงอ มีกระดูกแทงทะลุ อีกทั้งปากแผลยังติดเชื้อจนเลือดไหลออกมาราวกับเป็นน้ำก๊อก
ต่อให้มีผ้าบาง ๆ พยายามฝืนรัดปิดเอาไว้ แต่ก็ดูไม่ช่วยอะไรได้มากมายนัก
” (ทำไมถึงเป็นแบบนี้…) ”
เผ่ามนุษย์ที่เป็นผู้นำกลุ่มผู้หลบหนี กำลังมีความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นมาอยู่ภายในหน้าอก
นายตำรวจหนุ่ม ออน-เอ็ซท กำลังนึกย้อนกลับไปก่อนช่วงที่จะเริ่มแผนการ
” ศัตรูนะ น่าจะเป็นหุ่นยนต์โบราณอะไรที่ว่าในบันทึกนั่นละ มันคงเก็บวิญญาณของเอซกับครอบครัวเอาไว้ แล้วสานต่องานวิจัย เพื่อหวังที่จะคืนชีพให้คนรักตัวเอง ไม่อย่างงั้นที่ใจกลางทวีปคงไม่เกิดเรื่องแปลก ๆ แบบนี้หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมช่วย—”
“คนที่จะสู้กับตัวหัวหน้ามีแค่พวกเราสามคนพอ มันไม่ใช่อะไรที่หนุ่มน้อยอย่างเจ้าจะต่อกรได้หรอก พวกเราจะเป็นตัวล่อ ส่วนเจ้าก็ลอบเข้าไปจัดการกับเครื่องจักรอะไรสักอย่างที่ว่านั้นให้พวกเราที แล้วก็ฝากพาเจ้าพวกยักษ์หน้าโง่ไปกับเจ้าด้วย มีสายตาช่วยสอดส่องเพิ่มย่อมดีกว่าอยู่แล้วจริงไหม? จะหลอกพวกมันเพื่อใช้งานก็ได้ พวกมันนะบื้ออยู่แล้ว หลอกอะไรไปก็คงว่าตามอย่างซื่อ ๆ นั่นละ ”
เอโซ หรือเทพไร้แขน เธอรู้อยู่แล้วว่าเครื่องจักรที่ใช้ควบคุมวิญญาณ มันไม่น่าจะถูกเอามาตั้งในสถานที่ ที่เข้าถึงได้ง่าย
เพราะเหตุนี้ เธอจึงมอบหมายหน้าที่นั้นให้กับนายตำรวจหนุ่มจัดการแทน
ด้วยเหตุนี้ นายตำรวจหนุ่มจึงรู้สึกผิด
เพราะเส้นทางที่เขากำลังนำทางทุกคนไปนั้น มันไม่ใช่เส้นทางออก แต่เป็นการคลำเดาทาง เพื่อหาสถานที่ซ่อนของเครื่องจักรที่แม้แต่เขาก็ไม่รู้จักหน้าตาของมัน
“โอ๊ย… เจ็บ… ”
“…”
เสียงคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดที่ลอดผ่านซอกฟันของทาฑิมมันช่างเสียดแทงลึกไปในจิตใจของตำรวจหนุ่มยิ่งนัก
” (เอายังไงดีเนี่ย) ”
หาเครื่องจักร หรือหรือจะพาทุกคนหนีออกไปในจุดที่ปลอดภัยก่อนดีนะ?
ในระหว่างที่เขากำลังสับสน เส้นทางน้ำก็เริ่มกว้างมากขึ้น
มันกว้างมากพอที่จะให้มังกรทั้งสี่ตัวกางปีกออก ยืดเส้นยืดสายได้อย่างสบาย ๆ
มันเป็นโถงทางเดินหินขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเชื้อราเกาะและชื้นแฉะ
นายตำรวจหนุ่มที่เดินนำแถวพร้อมแสงไฟฉายจากปืนได้ชูมือขวาเพื่อหยุดขบวนของตน
เขาเพ่งตาลงไปที่พื้น ก่อนจะก้มลงเอามือสัมผัสพื้นอันเย็นเฉียบ
พื้นที่เปียกน้ำตรงนี้มีแผ่นน้ำแข็งเกาะบาง ๆ อันเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวจัด
แต่ทำไม—
“มีรอยแตกของแผ่นน้ำแข็ง… มีร่องรอยของการใช้งาน… ”
นายตำรวจหนุ่มเริ่มเอะใจบางอย่าง
พวกเขามีมังกรด้วยกันสี่ตัว
เส้นทางในคฤหาสน์นั้นช่างคับแคบเกินกว่าที่มังกรทั้งสี่จะพาผ่านทางประตูหน้า หรือเส้นทางจากในอาคารเข้าไปได้
ตัวขนาดนี้จะพาพวกมันเข้าไปขังในห้องทดลองใต้ดินได้อย่างไร?
” หรือว่าจะพาเข้ามาผ่านทางนี้…? ”
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
เขาเริ่มกวักมือนำทุกคนเดินต่อไป
พวกเขาทั้ง 45 ชีวิต ต่างเดินภายใต้ความมืดที่กดดัน
เสียงน้ำที่ไหลผ่านข้างฝ่าเท้าช่างชวนให้รู้สึกหดหู่จิตใจหลอกหลอน
*เหมาะ*
“โอ๊ย!? ”
“หยุดก่อน! ”
นายตำรวจหนุ่มสั่งให้ทุกคนหยุดอีกครั้ง
มียักษ์คนหนึ่งเดินสะดุดพื้นล้มหัวทิ่ม
นายตำรวจรีบวิ่งตรงไปที่เขาเพื่อดูอาการของชายเผ่ายักษ์ที่มีผมสีฟ้าคนนั้น
“เป็นอะไรไหม? ”
“มะ– มะไม่เป็นอะไรคะ— ครับ!! ”
” (จะตกใจไปทำไมกันเจ้าหมอนี่?) ”
นายตำรวจหนุ่มคิดเช่นนั้นแล้วส่งไฟฉายไปที่ตรงบริเวณเท้าของเขา
ตอนนั้นเองที่เขาค้นพบบางอย่าง
กระแสของน้ำที่ไหลไปตามทางเดิน มันมีทิศทางที่แปลกประหลาด
น้ำที่ควรไหลเป็นเส้นเดียว กลับกำลังไหลแยกออกเป็นสองเส้น
ตรงรอยแยกของทางน้ำ มีรอยนูนเล็ก ๆ ปรากฏให้เห็น
มันคือวาล์วจับขนาดเล็กที่แทบจะเรียกได้ว่าเกือบแนบสนิทซ่อนกลืนลงไปกับพื้นอุโมงค์ก็ว่าได้
“มันคืออะไร…”
เขาลองเดินลุยน้ำเข้าไปใกล้ แล้วใช้สองมือเคาะสัมผัส
*ก้อง*
เสียงที่กังวาลคล้ายระฆัง ได้บอกให้เขารู้ว่ามีบางอย่างอยู่ข้างใต้นั้น
ตำรวจหนุ่มดวงตาเบิกกว้าง พร้อมกับใช้ปืนในมือยิงโจมตีใส่มันอย่างไม่มีลังเล
พื้นถูกเจาะเป็นรูกว้าง จนกระทั้งเห็นท่อไฟฟ้าที่ถูกเดินฝั่งอยู่ข้างใต้
“นี่มัน!! ”
หัวใจของเขาเริ่มเต้นรัวประหนึ่งเป็นเด็กที่พบสมบัติ
เขาลั่นปืนรังสีโจมตีใส่ท่อไฟฟ้าต่อ เพื่อเจาะรูให้ลึกลงไปยิ่งกว่าเดิม
เจาะผ่านชั้นเหล็กที่หนามากกว่าหนึ่งเมตร จนกระทั้งเขาได้พบมัน
พบกับเครื่องจักรกลขนาดใหญ่สูงห้าเมตร ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องที่ซ่อนตัวอยู่ข้างใต้เส้นทางน้ำใต้คฤหาสน์
เครื่องจักรที่มีนามว่า [อึก์ดราซิลล์เทียม] ของวีรบุรุษเอซ
MANGA DISCUSSION