***วันที่ 55 เอนมูว์ทัวร์ ปีที่ 125 ทวีป ออโรร่า ดาว ไดม่อน***
ฤดูใบไม้ร่วงที่แสนเศร้า และพระจันทร์ที่ส่องแสงสีแดงอมชมพู
ณ บริเวณนอกเมืองที่เต็มไปด้วยดวงไฟประดิษฐ์สุกสว่าง
บนถนนสีเทาผิวคล้ายแผ่นยางที่ลอยตัวเหนือป่า มีรถตู้ลอยฟ้า 6 ที่นั่งจำนวน 4 คัน วิ่งเรียงแถวเป็นขบวนเหมือนฝูงปลา มุ่งหน้าออกนอกเมืองด้วยความเร็วสูง
เสียงสัตว์ร้ายขับขานคำรามก้อง ดังผ่านเหนือราตรีอันเงียบสงัดให้ลืมตาตื่น
“อืม… ที่นี่ที่ไหน~”
บนสัตว์เหล็กยักษ์ที่ขับเคลื่อนด้วยการลอยตัว มีสตรีผมสีทองคนหนึ่งถูกบรรทุกติดมาด้วย
มีความสูง 135 ซม. และมีขนสีทองคำเรียงไปในทิศทางเดียวอย่างสวยงามทั่วทั้งร่างกาย
ดวงตากลมโตสะท้อนแสงสดใสดั่งเป็นทองคำสุกสว่าง
ไว้ผมสั้นสีทอง แล้วรวบเป็นหางม้าด้วยผ้าสีฟ้าสดใส ชวนให้นึกถึงหงอนของลูกเจี๊ยบตัวจ๊อยที่ดูไร้เดียงสา
สวมเสื้อกล้ามสีแดงสดอย่างโดดเด่นชวนน่าเอ็นดู
เธอเป็นสตรีเผ่ามนุษย์นกร่างเล็กที่ดูน่ารักน่าถนุถนอมไร้พิษภัยอย่างแท้จริง
แต่ทว่ามนุษย์นกตัวน้อยที่ควรออกไปบินบนท้องฟ้าอย่างเสรี กลับถูกจับมัด และกักขังเอาไว้บนท้ายรถตู้คันโตคันนี้
บนดวงตาสีทองที่ตื่นจากภวังค์ กำลังสะท้อนภาพของแสงไฟประดิษฐ์สีฟ้าอ่อนที่วิ่งผ่านขนานขนาบข้างรถตู้ไป
“สถานที่ซึ่งไม่คุ้นตา— โดนลักพาตัวแล้วสิน้า~”
ช่างเป็นน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ทุกร้อนเหมือนสถานการณ์ดั่งที่ปากว่ากล่าว
สตรีเผ่ามนุษย์นกเริ่มเอียงคออย่างน่าเอ็นดูในความมืด ปล่อยให้แสงไฟส่องกระทบใบหน้าอย่างไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน
บนพื้นที่เล็ก ๆ ที่ปูด้วยผ้านวม กับแบะนั่งดัดแปลงหลอกสายตา คือพื้นที่ปิดกั้นระหว่างเธอกับโลกภายนอก
ดูทรงแล้ว คงสร้างมาพิถีพิถันอย่างน่าประทับใจ เพื่อเอาไว้ตบตาผู้คน มิยอมให้มีใครล่วงรู้ถึงสาวน้อยน่ารักที่กำลังถูกจับมัดขึงบนพื้นรถอย่างน่าเวทนาข้างในนี้
ผนังเองก็ดูหนาตัน ยากที่จะตะโกนร้องให้เสียงทะลุออกไปขอความช่วยเหลือใด ๆ ได้
“เริ่มมองเห็นออโรร่าแล้ว~”
เมื่อทะลุผ่านชายป่าที่อยู่เป็นแนวเขตรั้วของเมือง สิ่งที่รออยู่ตรงหน้าคือทุ่งอันกว้างใหญ่
มันเป็นทุ่งสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
มีธารน้ำแข็งไหลทอดตัวยาวเป็นสายฟาดผ่านเลียบถนนลอยฟ้า
ใต้ผิวน้ำแข็งนั้น เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาด ที่แหวกว่ายผ่านมวลน้ำแข็งอย่างเสรี
บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงออโรร่าหลากสี ทอดม่านกางผืนใหญ่บดบังดวงจันทรา
ไร้ผู้คนพักอาศัย เป็นเขตพื้นที่นอกเมืองซึ่งเหมาะสมแก่การก่ออาชญากรรม
ตอนนั้นเองที่แสงไฟจากถนนและท้องฟ้าออโรร่าเริ่มเลือนหาย ถูกบดบังด้วยสิ่งปลูกสร้างที่ดูแข็งกร้าวขนาดใหญ่ปกคลุมเหนือศรีษะ
รถตู้ที่บรรทุกเธอมาเริ่มหยุดเคลื่อนไหว
“ถึงแล้ว”
“นำของลงมา! โดยเฉพาะยัยไก่เหลืองตัวนี้ อย่าทำให้มีรอยช้ำเชียวละ! เนื้อของยัยนี่ดูนุ่มสุด ๆ หัวหน้าต้องดีใจแน่ ๆ “
“หวังว่าจะมีส่วนเหลือมาให้พวกเราบ้างน้า~”
“ข้าละ ชอบส่วนต้นขาของเผ่ามนุษย์นกที่สุด เอาไปทำน้ำแดงราดนี่อร่อยอย่าบอกใคร~”
เสียงสนทนาอันน่ารังเกียจดังผ่านรอยแง้มของประตูหลังที่กำลังเปิดอ้าออก
จากบนสนทนา ทำให้สตรีที่ถูกจับมัดนึกถึงชื่อของกลุ่มอาชญากรรมที่จับตัวเธอมาได้
กลุ่มอาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาตร์ของชาวดาวไดม่อนที่พึ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อราว 20 ปีก่อน
กลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลาที่เธอกลับมาจุติบนโลก
กลุ่มที่เกิดจากการรวมตัวของหลายเผ่าพันธุ์ที่มีรสนิยมอันแปลกประหลาด
ลักพาตัว
แย่งชิงข่มขืน
จับฆ่า —แล้วกินเนื้อของสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าอย่างผิดกฏหมาย
ชมรมสัตว์กินเนื้อ กลุ่ม [คาร์นิวอย (carnivore) ]
“เอาละสิ~ ถูกพวกเลวร้ายจับมาซะได้~ เค้าจะถูกเอาไปทำเป็นอะไรกินกันน้า~ นกทอดเทมปุระ? ต้มซุปไก่? จะทำอะไรก็ช่างมันเถอะนะ~♫ ”
นกน้อยสีทองยังคงดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร
และแล้ว ประตูรถก็เปิดออกกว้าง พร้อมกับแสงสว่างสีขาวที่เจิดจ้าจนต้องหรี่ดวงตาให้คับแคบ
มันคือโดม
เป็นโดมขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างโดยฝีมือของสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญา
กำแพงรอบด้านถูกบุด้วยแผ่นหินแปรรูปหนา แบ่งพื้นที่ภายในให้เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ทรงหกเหลี่ยม
พื้นถูกปูด้วยพรมสีส้ม ลงลวดลายดอกไม้สีทองแทรกอย่างวิจิตรงดงาม
เสียงดนตรีขับกล่อมเบา ๆ ดังลอดผ่านลำโพงที่วางรายล้อม ขับจิตใจให้รู้สึกผ่อนคลายสบาย
ใจกลางของห้อง คือพื้นที่ครัวเปิดขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยเหล่าพ่อครัวจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ สวมชุดสีขาวเตรียมเครื่องปรุง และหม้อต้มขนาดยักษ์
รอบพื้นที่ครัวขนาดยักษ์นั้น มีโต๊ะไม้ทรงสี่เหลี่ยมจำนวนมากเรียงรายล้อมนับสิบโต๊ะ
เผ่ามนุษย์
เผ่ายักษ์
เผ่ามนุษย์นก
เผ่ามนุษย์มด
เผ่ามนุษย์สัตว์
เผ่าลิซาร์ดแมน
เผ่าเอลฟ์
เผ่าภูติ
เผ่าคนแคระ
เหล่าเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่มีรสนิยมผิดแปลกธรรมชาติ ต่างกำลังสวมชุดสูทสีดำกลัดเข็มสีทองรูปหม้อต้มกระดูกบนปกเสื้อ นั่งรายล้อมพร้อมดมกลิ่นหอมของเครื่องปรุงสดที่กำลังนำมาวางเรียงบนห้องครัว
เครื่องปรุงสด— ที่พึ่งถูกลักพาตัวมาพร้อมกับรถตู้ลอยฟ้าทั้ง 4 คันที่มาถึง
สามคันบรรทุกเครื่องปรุงและพืชพรรณสมุนไพร
หนึ่งคันบรรทุกเนื้อสดใหม่อันอ่อนนุ่ม
เนื้อสดที่เป็นเผ่ามนุษย์นกขนสีทองผู้น่ารัก…
“โอ๊วววว! ยังดูอ่อนวัยอยู่เลย! เนื้อน่าจะนุ่มหวานฉ่ำเลยละ! ”
“แถมยังหน้าตาน่ารัก ก่อนจะเอาไปต้มกิน ช่วยเอาไปขึงตรงกำแพงตรงนั้นให้พวกเราได้เล่นสนุกกับร่างกายก่อนจะได้ไหม? ”
“ต้องรอหัวหน้าเป็นคนเปิดสิวะ”
“หัวหน้าสาขาทวีปนี้ [เฮิร์บ] … ที่เป็นเผ่ามนุษย์อย่างเจ้านั่นจะสนใจร่างกายของเผ่ามนุษย์นกเรอะ? ”
“เผ่ามนุษย์มันขึ้นชื่อเรื่องความหื่นอยู่แล้ว จะเผ่าอะไร พวกแม่งก็หื่นใส่ได้หมดนั่นละ”
“แล้วหัวหน้าจะมาถึงเมื่อไหร? ”
“อีก 1 ชม. ทนเอาหน่อยแล้วกัน”
ช่างน่ารังเกียจ
ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือเพศชายที่นั่งอยู่ในอาคารโดมเล็ก ๆ หลังนี้ ล้วนแล้วแต่ไม่แตกต่างกัน
พวกเขาสามารถพูดเรื่องน่ารังเกียจได้อย่างราวกับเป็นเรื่องธรรมดาที่ทำทุกวันจนคุ้นชิน
“… นี่หนู~ จะถูกกินอย่างงั้นหรือคะ~? ”
“ก็ใช่นะเซ่! แถมยังถูกทำแบบสด ๆ ด้วยนะ! แล้วก่อนที่จะนำไปกิน พวกเราก็คิดว่าจะเล่นสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ กับร่างกายของเธอก่อนด้วยน้า~”
“เอ๋~ ไม่จริง! เรื่องแบบนั้น มันผิดกฏหมายระหว่างดวงดาวนะคะ! ”
“ช่างหัวกฏหมายไปดิ”
“พวกเราอยากกินอะไรก็ต้องได้กินแบบนั้น”
“ว่าไงเจ้าหนู ชักกลัวแล้วสินะ? กลัวแล้วละสิ? วะ ฮะ ฮะ! ”
เผ่ามนุษย์นกตัวน้อยที่ถูกจับลงมาจากบนรถ เริ่มแสดงท่าทีหวาดกลัว
เธอตัวสั่น ยกปีกขึ้นมาบังใบหน้า พร้อมกับทรุดเข่าสองข้างนั่งลงบนพื้นพรมที่เย็นเฉียบ
“เดิน! ”
เผ่ามนุษย์ที่เป็นคนจับตัวเธอมา เข้าไปปลดเชือกที่ขึงเธอเอาไว้กับพื้นรถ แล้วตะโกนคำรามเสียงดังลั่น
ทว่านกน้อยตนนั้น หวาดกลัวเกินกว่าที่จะก้าวเท้าเดินต่อไปได้
บรรดาแขกผู้ดีที่นั่งรวมตัวกัน ต่างเริ่มหัวเราะให้กับภาพที่เห็นตรงหน้า
รู้สึกได้ถึงความเหนือล้ำ
รู้สึกได้ถึงอำนาจที่กำลังข่มเหงผู้อ่อนแอ
รู้สึกได้ถึงพลัง ที่ยามปกติพวกเขาไม่อาจสัมผัสได้จากภายใต้กฏหมายที่ถูกตีกรอบเอาไว้
รู้สึกได้ว่า [วิญญาณ] อันเหม็นเน่าของตัวเองกำลังได้ถูกเติมเต็มไปด้วยสารอาหาร
มันคือความบันเทิงที่พวกเขา ชมรมสัตว์กินเนื้อ กลุ่ม [คาร์นิวอย (carnivore) ] จะพึงได้รับก่อนการรับประทานมื้อค้ำนี้
“สั่นเป็นเจ้าเข้าเลย~ ยิ่งตื่นกลัว ยิ่งหลั่งฮอร์โมนพิเศษออกมามาก รสชาติก็จะอร่อยขึ้นด้วยน้า~”
“ใช่ ๆ! จงกลัวจนตัวสั่นเพื่อรสชาติที่เข้มข้นให้กับพวกเราเสียเถิด วะ ฮะ ฮะ ฮะ! ”
ชายเผ่ามนุษย์เดินเข้าไปใกล้
เขากระซิบข้างหูของนกสีทองตัวน้อยอย่างหื่นกระหาย
แลบลิ้นเตรียมพร้อมเลียสัมผัส หมายจะทำให้สาวบริสุทธิ์ตรงหน้าแปดเปื้อนด้วยน้ำลายอันโสมม–
“… จบการเล่นละครแค่นี้ดีกว่า ได้เวลาเก็บดวงวิญญาณเน่า ๆ แล้วค่ะ~”
*ฉัว! *
ประหนึ่งว่าเวลาได้ถูกเสมือนหยุดเอาไว้
ลิ้นที่โสมมของชายเผ่ามนุษย์ผู้นั้น ถูกตัดกระเด็นลอยข้ามห้องโถง แล้วร่วงตกลงไปในหม้อต้มเดือดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เจี๊ยกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก——————-!?!!!!! ”
เสียงกรีดร้องเจ็บปวดดังลั่นไปทั่วหล้าฟ้าดิน
เลือดสีแดงสาดกระเซ็นดั่งเป็นสายน้ำพุ
“—? ”
ท่ามกลางความสงสัย
ท่ามกลางสมองที่กำลังประมวลผลต่อเหตุการณ์อันไม่คาดฝัน
ร่างของมนุษย์นกสีทองก็ได้เลือนหายไป พร้อมกับทิ้งรอยยับเอาไว้บนพรมสีส้มที่วางปูบนพื้น
เธอวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ มุ่งตรงไปที่โถงใจกลางของห้องครัว
ย่อตัวลงต่ำกว่าระยะความสูงสายตาของทุกคนที่กำลังเพ่งความสนใจไปตรงน้ำพุสีเลือด แล้วใช้ขาที่ประดับด้วงกรงเล็บอันแหลมคม กระโดดถีบใส่หม้อต้มน้ำเดือดที่วางอยู่ตรงหน้าของเซฟมือทองเผ่ายักษ์ซึ่งกำลังถือมีดทำครัวเอาไว้
“ว๊ากกกกก!!!!!!! ”
น้ำร้อนเดือด 200 องศา ที่มีขนาดความสูง 3 เมตร ล้มครืนราดใส่ชายเผ่ายักษ์จนสิ้นชีวิตในพริบตา
กลิ่นก้อนโปรตีนต้มสุกเริ่มลอยส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว พร้อมกับเสียงเครื่องเรือนที่ล้มพังลงอันเนื่องจากร่างกายที่กำลังดิ้นทุรนทุรายของเชฟเผ่ายักษ์
“ยะ— ยาม! พวกการ์ดมัวทำอะไรอยู่! [วัตถุดิบ] กำลังอาละวาดอยู่ไม่เห็นหรือยังไง!? ”
เสมือนหนึ่งมีใครเอาน้ำเย็นมาราดใส่ใบหน้า
เสียงกรีดร้องของแขกเรือได้ปลุกสติให้การ์ดทั้งสี่ที่เป็นผู้ขับรถตู้กลับสู่ปัจจุบัน
การ์ดสามคนที่เป็นเผ่ามนุษย์พร้อมใจกันหยิบอาวุธรูปร่างปืนลูกโม่ออกมา
ถึงจะมีรูปทรงโบราณ ทว่ามันคือปืนอันกระสุนอากาศ ที่สามารถปรับความแรงได้ดั้งแต่ระดับเท่ามดกัด ไปจนถึงกระสุนปืนใหญ่
พวกเขาปรับปุ่มความแรงไปที่ระดับสูงสุด แล้วเล็งปลายกระบอกโลหะสีดำไปที่นกน้อยสีทองคำ
ทว่านกน้อยสีท้องคำนั้น ได้เคลื่อนไหวเป็นดั่งอสรพิษ มุดลอดไปตามที่นั่งของบรรดาแขก จนยากที่จะเล็งยิงได้
แสงสีทอง กำลังวิ่งลอดไปตามโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่รายรอบ พร้อมกับใช้ขาของตัวเองขวนลงบนใบหน้า ทำให้ดวงตาของเหล่าแขกมืดบอดลง
“เล็งไม่ได้! รบกวนแขกทุกท่านช่วยหลบออกไป—”
“ช้าจังนะพวกนาย~”
กว่าจะรู้ตัว อรสพิษสีทองก็เลื้อยผ่านทุกโต๊ะ ตรงเข้าประชิดในจุดที่การ์ดทั้งสามคนยืนอยู่ได้สำเร็จ
เธอวาดขาเป็นวงตั้ง 90 องศากับพื้นโลก แล้วสับลงตรง ๆ พร้อมกรงเล็บทั้งสามใส่ข้อมือของการ์ด
มือทั้งสองข้างที่ถือปืน ถูกตัดผ่านเส้นเลือดใหญ่จนสารเหลวสีแดงสาดกระเซ็นไปทั่วบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเขา
“เจี๊ยกกก! ”
“โอ๊ยยยย!? ”
“อ๊ากก! ”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นต่อเนื่องท่ามกลางความอลหม่านที่มีสายน้ำพุปลิวว่อน
ยามเมื่อสายน้ำพุสีแดงสิ้นแรงลง การ์ดเผ่ามนุษย์ทั้งสามคนก็นอนดาวดิ้นกองเรียงรายอยู่บนพื้นไปแล้ว
“เผ่ามนุษย์นี่ช่างอ่อนแอเสียจริง ฉันจัดการเอง! ”
การ์ดอีกหนึ่งที่เป็นสตรีเผ่ามนุษย์นกกำลังกางปีกบินติดเพดานอาคารที่อยู่สูงขึ้นไปถึง 15 เมตร
เธอใช้โคมไฟเครื่องแก้วสุดหรูหราที่ห้อยเรียงรายเป็นเครื่องกีดขวาง แล้วใช้ขายิงลูกดอกอาบยาพิษที่ส่งกลิ่นเหม็นเปรี๊ยวน่ากลัวลงมา
ด้วยอุปกรณ์เครื่องทดแรงที่ทันสมัย จึงทำให้หน้าไม้ของเธอสามารถยิงธนูที่มีความเร็วเทียบเท่ากับลูกปืนขนาด 0.5 มม. ได้
เสียงมรณะวิ่งเสียดสีอากาศดังลั่นสะท้อนไปทั่วห้องโถง
เล็งยิงจากที่สูงด้วยความชำนาญของยอดนักล่า ชิงความได้เปรียบด้วยปีกคู่ที่โบยบินอย่างอิสระเสรี
“…”
นกน้อยสีทองเลือกที่จะใช้ขาของตัวเองวิ่ง ใช้ความรวดเร็วในการหลบหลีลูกธนู
วิ่งหลบโดยไม่ยอมกางปีกบิน
เน้นพึ่งขาของตัวเองมากกว่าจะพึ่งพาปีก
ราวกับว่า—
“อย่าบอกนะ ว่าแกบินไม่ได้? มีมนุษย์นกที่บินไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้ด้วยหรือคะ!? ฮ่ะ! ฮ่ะ! ฮ่ะ! ”
เผ่ามนุษย์นกที่บินไม่ได้ ก็เสมือนหนึ่งไม่มีแขนอยู่จริง
“…”
นกสีทองหยุดที่จะวิ่งหนี
ดวงตาของเธอที่เคยสดใส ฉับพลันดูว่างเปล่าไร้สีสัน
เธอกางปีกสีทองทั้งสองข้างออก แล้วเกร็งกล้ามเนื้อจนขนปีกที่ดูอ่อนนุ่มแข็งกร้าวเป็นดังเกล็ดของมังกร
*ฉึก! *
แล้วใช้ปีกที่เรียงตัวเป็นเกล็ดแข็งนั้น ปัดสะท้อนลูกธนูให้พุ่งลอยกลับขึ้นไปเสียบใจกลางหน้าผากของผู้ที่ใช้มันเอง
“บินไม่ได้แล้วจะทำไม? จริงอยู่ว่าฉันเกิดมามีความผิดปกติที่ปีกจนขนมันแข็ง หนักบินไม่ได้—”
เธอเดินเข้าไปใกล้การ์ดเผ่ามนุษย์นกที่ร่วงตกจากฟากฟ้า
“แต่อย่างน้อย ฉันก็ได้ปีกที่แข็งเหมือนเกล็ดมังกรนี้ทดแทนกลับมา”
เดินเข้าไปใกล้ แล้วใช้กรงเล็บตรงฝ่าเท้าเหยียบทับลงบนใบหน้า ใช้ปีกสีทองที่เรียงตัวแข็งเหมือนใบมีด สับร่างของเหยื่อ
“สับ~♪♩”
เธอเริ่มร้องเพลงด้วยดวงตาที่ไร้แสงสว่าง
“สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩ สับ~♪♩”
ร้องเพลง พร้อมกับเต้นระบำ โยนร่างของเหยื่อให้ลอยกลางอากาศ แล้วสับออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติ์ที่มารวมตัวกัน
หยาดน้ำฝนสีแดงไหลเทอาบครึ่งร่างของนกน้อยสีทองจนกลายเป็นนกสีแดงไป—
“วะ— เหวออออ!!! ”
“ยัยนี่มันนกบ้าชัด ๆ! ”
“หนีเร็วพวกเรา! ”
“เอ๊~? พวกคุณพี่จะวิ่งหนีกันทำไมละคะ~? “
ราวกับได้ยินเสียงเพียรเรียกจากขุมนรก
ชมรมสัตว์กินเนื้อ กลุ่ม [คาร์นิวอย] ต่างวิ่งหนีกันจ้าละหวั่นโดยไม่คิดชีวิตในทันที…
“ประตู!? ประตูถูกพังไปแล้ว! มันพังไปตอนไหนกันฟะ! เปิดไม่ได้!? ”
“ติดต่อข้างนอกไม่ได้ด้วย มันมีคลื่นรบกวนบางอย่างอยู่!? ”
“อ๊า~ อันนั้นเป็นฝีมือของเราเองค่ะ~”
นกน้อยสีแดงส่งยิ้มให้เหล่าแขกของเธอที่กำลังรวมตัวอยู่ตรงประตูเข้าออกเพียงหนึ่งเดียว
เธอหยิบคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กออกมาจากใต้ขนปีกที่เรียงตัวสวย
“เรา— ไม่ได้ใช้เวลานั่งเฉย ๆ อยู่หลังรถตู้คันนั้นหรอกนะคะ~ ถ้าจะโทษ ก็ไปโทษคนลักพาตัวหนู ที่ตรวจร่างกายไม่ดีจนหาเจ้าสิ่งนี้ไม่เจอนะคะ~ แต่… ถึงต่อให้เอาเครื่องหาวัตถุมาแสกนบนร่างกาย ก็ไม่มีทางหาเจ้าหนูนี้เจอได้หรอกค่ะ~”
เธอกำลังส่งยิ้ม
จากเหยื่อตัวน้อยแสนน่ารัก กลับกลายเป็นนักล่าที่แสนดุร้าย
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้— คงกำลังคิดแบบนี้อยู่สินะคะ? ”
“ความจริงคือฉันมีนัดกับเพื่อนที่ร้านเหล้าในตัวเมือง แต่ไม่มีเงินนะ เลยต้องการเงินจำนวนมาก”
“ทีนี้ก็มาคิดได้ว่าเงิน [เก็บ] ที่ขอยื้มมาจากอาชญากรรมเนี่ย คงไม่มีใครกล้าเอาไปพ้องตำรวจอยู่แล้วใช่ไหมละ~? ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องหลักฐานในหลังจากนี้ด้วย เพราะภาพอัดทุกอย่างได้ถูกเราคนนี้ลบทิ้งไปหมดแล้ว”
“แถมที่นี่ยังเป็นอาคารนอกเมือง จะร้อง จะขอความช่วยเหลือยังไง ก็ไม่มีใครได้ยิน สัญญาณเองก็ถูกเราตัดขาดหมด~”
“ส่วนหัวหน้าสาขาทวีปนี้ของพวกท่าน ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่มาหรอก เพราะข้อความที่ถูกส่งออกไป มันไหลมารวมอยู่ในเจ้าหนูเครื่องนี้หมดแล้วค่ะ~”
“สรุปคือ ไม่ว่าเราคนนี้จะทำอะไรกับพวกท่าน มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะคะ~”
เพราะฉะนั้น รบกวนช่วยถวายค่าขนมให้คนละ 100,000 ยูนิต 200,000 ยูนิต มาให้หนูทีนะคะ สุภาพบุรุษ สุภาพสตรี ทุกท่าน~


เธอฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงแก้วหู
เป็นรอยยิ้ม… ของผีสางซาตานที่ชั่วร้าย
***ย้อนกลับไปในอดีตที่ไกลแสนไกล***
ในอดีตอันนานแสนนานนับหลายพันปี…
เคยมีเผ่ามนุษย์นกผู้หนึ่งเกิดมาอย่างน่าเวทนา
เกิดมาพร้อมกับขนปีกที่ผิดปกติ
ไม่อาจโบยบิน
ไม่อาจล่าสัตว์ หาอาหารเลี้ยงชีพ
ถูกเพื่อนร่วมเผ่าดูถูกดูแคลน
ถูกมารดาและบิดาปล่อยทิ้งไม่เหลียวแล
แทบล้มตายอยู่บนกองฟาง ท่ามกลางความหิวโหย ความหนาว
ถูกปล่อยให้เกือบตายเพียงตัวคนเดียว…
ต้องทนใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน
เธอ… จึงฝึกตน
ฝึกขาของตัวเอง จนวิ่งเร็วยิ่งกว่าการโบยบิน
ฝึกปีกที่บินไม่ได้ ให้กลายเป็นอาวุธ
ฝึกสมองของตัวเอง เพื่อสร้างกับดักหาอาหาร
ฝึก— จนกลายเป็นนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคช่วงเวลานั้น
เก่งกล้า จนดวงจิตกลายเป็นเทพเจ้า
ดวงจิตนั้น ได้เวียนว่ายดับสูญ จากชีวิตเทพ กลับคืนสู่สิ่งมีชีวิตในอีกคร่า
[เอโซ คอมพาวด์]
นั่นคือชื่อของเธอเมื่อครั้งยังมีชีวิต
MANGA DISCUSSION