***วันที่ 30 เรตนิว ปีที่ 131***
ณ ห้องบัลลังก์กระดูกที่คุ้นเคย
พวกเราสามสาวสุดสวยน่ารักกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าท่านยมในสภาพกายเทพเจ้าอีกครั้ง
“เจ้าเป็นอะไรตาย? ”
“ถอดจิต ละทิ้งกายเนื้อกลับมากันเอง ใช่ไหมแมรี่ ลาพิส? ”
“ใช่ ๆ !”
“ใช่ค่ะ—”
“เลือกที่จะใช้ชีวิตต่ออีกแค่ 5 ปี เองหรือพวกเจ้านะ? ”
พวกเราสามคนได้ตายจากโลกใบเก่า หลังจากเหตุการณ์นั้นในอีก 5 ปีต่อมา
มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก
ทั้งได้เห็นการเติบโตของผู้คน
ทั้งได้เห็นเรื่องตลก ๆ
ทั้งได้ออกผจญภัย
รวมไปถึงได้รับความรู้สึกของการมีครอบครัวกับป้าเทเรซ่าและพวกเด็ก ๆ
“อยู่นานไม่ได้ เดียวลืมบ้านเกิด (ในแดนนรก) กันพอดีค่ะท่านยม”
ถ้าอยู่นานไป มีหวังได้ลืมบ้านเกิดที่โลกฝั่งนี้กันพอดี—
โอเค… ล้อเล่นหรอกน่า!
ความจริงคือพวกเราจมน้ำตายในบ่อน้ำพุร้อน…
แบบว่าไปเที่ยวบนยอดเขาธรรมชาติกันสามคน แล้วท้าแข่งความอึดกัน ว่าใครจะกลั้นหายใจได้นานสุด
ไม่รู้ว่ามีอะไรมาดลใจพวกเรา เลยทำให้ไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายจึงขาดอากาศตายคาบ่อน้ำที่ตื่นแค่หัวเข่าพร้อมกันสามคน~
สรุปคือตายอนาจเพราะตัวเอง…
จะให้รู้ความจริงไม่ได้ ไม่งั้นรู้ถึงไหนอายถึงนั่น
เพราะแบบนี้เลยต้องรีบทำลายหลักฐาน ล้างบางกายเนื้อที่อยู่ทางฝั่งโลกนั้นให้สลายไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นไป
“นึกว่าจะอยู่ฝั่งนั้นต่ออีกสัก 50-60 ปีเสียอีก… น่าเสียดายแทนแฮะ เอาเถอะ! ข้าหวังว่าการกลับมาทำหน้าที่ในฐานะเทพเจ้าประจำแดนนรกคราวนี้ พวกเจ้าคงจะไม่ไปแกล้งสัตว์โลกเบื้องล่างที่ไหนกันอีกนะ”
“ค่ะ พวกเราจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”
ระ— รีบออกจากห้องนี้ก่อนท่านยมจะจับพิรุธได้ก่อนเถอะ!
***
ชีวิต
ทุกชีวิตย่อมเดินต่อไป
“ลูกพี่ฑาทิม!”
“ลูกพี่! วันนี้จะแต่งตัวหล่อเชียว จะออกไปที่ไหนหรือครับ? ”
*กรรร~*
“ไปออกเดทกับคุณควอตซ์เฟ้ย!”
“นี่ยังไม่เลิกหวังอีกเรอะ? ”
“เห็นจีบกันมาตั้ง 5 ปี ตั้งแต่หลังเหตุการณ์นั้นแล้ว น่าจะเลิกหวังได้แล้วมั้ง~”
“สรุปพออกหักจากคุณลาพิส ก็หันหน้าไปจีบสาวอื่นแทนทันทีเลยนะครับหัวหน้า”
“เลิกแซวข้าสักทีน่า!”
ชายเผ่ายักษ์ เจ้าของหน่วยยักษาฑาทิมกำลังแต่งตัวสวมสูทสีดำอย่างหรูหร่าในโรงแรมพร้อมพังของเขา
บนโต๊ะใกล้ ๆ กันนั้น มีดอกกุหลาบงาม กับกล่องใส่แหวนบุผ้ากำมะหยี่ที่น่าสงสัยวางคู่เอาไว้
” วะ— วันนี้แหละ ข้าจะขอคุณควอตซ์แต่งงานให้ได้! เรื่องอะไรจะยอมให้เจ้ามนุษย์หน้าอ่อนมาแย่งไปก่อน!”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าออนไปได้ดีกับเจ้าเบอร์รี่หรอกหรือ? ”
“กรณีคู่นั้นน่าจะตบมือข้างเดียวมากกว่ามั้ง? ”
“คู่ของหัวหน้าด้วย”
“ปากเหม็นน่าพวกแก!”
ชายเผ่ายักษา ฑาทิม ยังคงบ้าบออย่างไร้สาระ เฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมา
***
” คุณควอตซ์? บังเอิญเจอกันในที่แปลก ๆ อีกแล้วนะครับ? ”
” อ่าว? คุณออนนี่เอง? บังเอิญจังนะคะ”
ณ สนามบินนานาชาติของเผ่าคนยักษ์
มนุษย์หนุ่มผมสีน้ำตาล กับกระต่ายสาวผมสีดำได้มาเจอกัน
“ผมขอตัวคุยกับเพื่อนสักครู่นะครับรุ่นพี่”
“อย่าช้านักละเจ้ารุ่นน้อง~ ออน~”
“ถ้าชักช้านัก เดียวจะแพ้น้องใหม่ที่พึ่งเข้ามาได้ รู้ตัวไหม? ”
ที่ด้านหลังของมนุษย์หนุ่ม มีชายสองคนสวมชุดสูทน้ำตาลยืนโบกมือให้ด้วยรอยยิ้ม
คนหนึ่งเป็นเผ่ามนุษย์นกที่มีขนสีดำจนดูคล้ายอีกา
ส่วนอีกคนเป็นเผ่าภูติที่มีผมสีขาว
” คุณออนมาทำงานหรือคะ? ไม่น่าเชื่อว่าจะกลับมาทำงานร่วมกันได้อีกนะคะกับทีมนี้”
” ใช่ครับ ใครจะคิดละว่าคนที่เคยพยายามจะฆ่ากันในอดีต จะมาร่วมงานกันได้— คงต้องบอกว่าหัวหน้าใหญ่ของพวกเราใจ้กว้างระดับยอมรับคนที่เคยทำผิด ให้กลับใจมาทำงานได้นั่นแหละครับ ส่วนคดีที่มาทำ คือมาสืบคดีการหายตัวไปอย่างลึกลับของพวกคุณลาพิสนะครับ”
” ท่านอาจารย์หายตัวไปหรือเจ้าค่ะ!!”
มนุษย์หนุ่มเริ่มเล่าย้อนความให้กระต่ายสาวฟัง
ผู้แจ้งความคือเทเรซ่า นักบวชระดับสูงสุดแห่งวิหารเทพทั้งสาม
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ 1 อาทิตย์ก่อน
นักบวชระดับสูงสามคน ลาพิส เอโซ แมรี่ ได้ขาดการติดต่อไปนานถึงหนึ่งอาทิตย์ หลังจากที่ได้ลามาพักร้อนที่ทวีป ป่าหิน-ร็อค ฟอร์เรส ของเผ่ายักษ์
“ คุณเทเรซ่าคิดมากไปเองหรือเปล่าเจ้าคะ? นิสัยอย่างท่านอาจารย์คงเที่ยวเพลินจนลืมติดต่อกลับมากกว่าเจ้าค่ะ”
“ ผมก็คิดแบบนั้น แต่ยังไงมีคนมาแจ้งความ พวกผมก็ต้องมาสืบคดีความครับ ว่าแต่คุณควอตซ์มาทำอะไรที่ทวีปนี้หรือครับ? ”
“ มาออกเดทกับคุณฑาทิมเจ้าค่ะ”
“ อย่างงั้นหรือครับ”
เกิดความสงบครู่หนึ่งในการสนทนาของทั้งสองคน
“ อะ— ออกเดท!? กับเจ้าฑาทิมเนี่ยนะ!! ตั้งแต่เมื่อไหรกันครับ!”
“ จะแปลกใจอะไรขนาดนั้นกันเจ้าคะ? ข้าน้อยกับเขาเริ่มจีบกันตั้งแต่เมื่อ 5 ปี ที่แล้วนั่นแหละเจ้าค่ะ จะตกข่าวเกินไปหรือเปล่าเจ้าค่ะคุณออน? ”
หรือก็คือหลังเหตุการณ์รวมพลังต่อสู้กับปีศาจแบมซีนั่นเอง
“ นี่จีบกันมานานถึง 5 ปีแล้วหรือเนี่ย!? ”
“ ใช่ค่ะ ข้าน้อยกำลังรอให้อีกฝ่ายมาขอแต่งงานอยู่ ไม่รู้ว่าเมื่อไหรคุณฑาทิมจะมาขอก็ไม่รู้เจ้าค่ะ”
กระต่ายสาวพูดด้วยแววตาที่เปล่งประกายแสง พร้อมกับมีระบายแก้มสีแดงเกิดขึ้น
มนุษย์หนุ่มมองแววตาของกระต่ายสาวแล้ว— ถึงกับนิ่งชะงักงันไปชั่วครู่
ไปหลงชอบตั้งแต่เมื่อไหร?
หรือจะบอกว่าการที่ฑาทิมใช้ร่างกายเป็นโล่ปกป้องเธอในวันนั้น จะทำให้เธอรู้สึกชอบพอกับเจ้ายักษานั่น?
[ข้าน้อยนะชอบผู้ชายที่แข็งแกร่งเจ้าค่ะ]
เหมือนจะเคยมีคำพูดอะไรทำนองนี้จากปากของเธออยู่เช่นกัน
“ หรือว่าคุณควอตซ์จะเป็นพวกบ้ากล้าม? ”
“ ชะ— ชอบกล้ามแล้วผิดตรงไหนเจ้าค่ะ! ทีคุณออนเองยังหันไปคบกับเบอร์รี่ ผู้หญิงเผ่ายักษ์ผมสีฟ้าทันทีที่รู้ตัวว่าจีบท่านอาจารย์ลาพิสไม่ได้ไม่ใช่หรือยังไงเจ้าค่ะ! แล้วเหมือนในทีมจะมีผู้หญิงเผ่าแมวผมสีฟ้าอีกคนเข้าร่วมด้วยไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ดูท่าสเป็คคุณออนนี่จะชอบแต่ผู้หญิงผมสีฟ้าสินะเจ้าคะ? ”
“ เฮ้ย!? ผมกับคุณเบอร์รี่ไม่ใช่แบบที่คิดสักหน่อย!! ส่วนยัยชั่วอีกคน อย่างผมไม่มีวันยอมรับนังนั่นให้มาอยู่ในทีมหรอก!”
“ งั้นเชิญคุยกับคนที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังคุณออนเองนะคะ”
“!!!”
พอถูกว่าเช่นนั้น เขาเลยกลับหลังหันไปมองด้วยการเคลื่อนไหวราวเครื่องจักรที่สนิทขึ้น
ที่ด้านหลังของเขา มีสตรีผมสีฟ้ายาวผิวสีเทากำลังส่งรอยยิ้มอันน่าสยดสยองมาให้เขา
ส่วนใกล้ ๆ กันนั้น มีมนุษย์แมวผมสีฟ้าอีกคนยืนมองมาทางเขา ด้วยสายตาของคนที่กำลังมองเศษขยะ
“รุ่นพี่ออนค่ะ~ ห่างตาไปแปบเดียว ถึงกับออกมาจีบสาวคนอื่นอย่างงั้นหรือคะ? นี่มันอยู่ระหว่างเวลางานนะคะ? ”
“ปะ— เปล่าสักหน่อย… เบอร์รี่”
“ขยะ”
“ว่ายังไงนะยัยบ้าโรโยตี้! ถึงหัวหน้าจะเห็นถึงความสามารถในการล้วงข้อมูลของเธอ แต่อย่ามาคิดว่ากรรมในอดีตจะถูกชดเชยได้ด้วยของแบบนี้เชียวละ ให้ตายสิ ทำไมหัวหน้าถึงจัดทีมแบบนี้ให้กับผมเนี่ย!”
สตรีเผ่ายักษาคนนี้มีชื่อว่าเบอร์รี่
อดีตหนึ่งในนักสำรวจของทีมยักษาฑาทิม
ปัจจุบัน หลังเกิดเหตุการณ์ต่อสู้กับแบมซี เธอได้มาสมัครเข้าเป็นตำรวจสากล
ด้วยความสามารถอันโดดเด่ด ประกอบกับเป็นคนรู้จักกับออน เลยทำให้เธอได้เข้าหน่วยเดียวกับมนุษย์หนุ่มผู้นี้
ส่วนอีกคนคือคือโรโยตี้ เผ่ามนุษย์แมวผมสีฟ้า เพื่อนสมัยเด็กที่เป็นคนยัดข้อหาใส่พ่อของเขาให้ติดคุก
หลังจากจบเรื่องราวคดีของแบมซี ออนได้ยอมเปิดใจตัวเอง แล้วค้นลึกเข้าไปในคดีเก่าเพื่อสืบหาความจริง
ความจริงที่ต้องยอมรับว่าพ่อของตัวเอง มีส่วนรู้เห็นในการโกงกินบ้านเมือง…
ถึงสิ่งที่โรโยตี้กระทำกับเขานั้น มันคือแผลลึกทางจิตใจที่ไม่อาจยอมให้อภัยได้
แต่ทว่าโลกนี้ไร้ซึ่งความดีชั่ว ขาวหรือดำ ที่จริงแท้ ตามแต่มุมมองของบุคคล
แถมยังมีความผิดที่เขาไม่กล้าพูด— ที่เคยทำกับพ่อแม่ของเธออยู่
สุดท้าย แทนที่จะปล่อยให้ตัวปัญหาอย่างเพื่อนของเธอคนนี้ออกไปกระทำความผิดเพิ่ม เขาจึงเสนอกับทางเจ้านาย ทาบทามเข้ามาในหน่วยตำรวจ ทำงานในฐานะฝ่ายสนับสนุนหาข้อมูลแทน
ควบคุมความมืดเพื่อจับความมืดที่ดำมืดยิ่งกว่า
แต่ที่เขาคาดไม่ถึง คือการที่เจ้านายของเขาดันจับให้มาทำงานในทีมเดียวกับที่เขาอยู่…
เบอร์รี่ โรโยตี้ ออน
เวลา 5 ปี ที่ผ่านมา จึงทำให้ทั้งสามคนสนิทกันมากขึ้น
แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเรื่องของหัวใจ ชายซื่อบื้อคนนี้มีใจเอนเอียงไปให้ทางเบอร์รี่กว่ามาก
ส่วนโรโยตี้นั้น คงเป็นเพียงได้แค่คู่กัดไปจนวันตาย
“ได้เวลาทำงานแล้วค่ะ”
“ขอเวลาคุยกับเพื่อน—”
““ทำงานค่ะ!””
“เข้าใจแล้วครับ…”
หรือควรจะบอกว่าเป็นพ่อบ้านใจกล้าดีนะ?
***
ณ วิหารแห่งเทพทั้งสาม
“เด็กสามคนนั้น! ทำไมถึงขาดการติดต่อไปนานขนาดนี้กัน! อย่าคิดนะว่าเพราะเคยช่วยยายแก่คนนี้เอาไว้แล้ว เลยจะทำอะไรตามใจชอบกันได้!”
ถูกช่วยเอาไว้—
ใช่แล้ว ทุกคนที่ถูกจับตัวไปในเหตุการณ์คดีปีศาจสีเงิน แบมซี ถึงจะไม่สามารถจดจำอะไรได้เลย เพราะถูกเปลี่ยนแปลงความทรงจำไปถึงระดับวิญญาณ แต่กระนั้นพวกเธอยังพอจะรับรู้ ว่าตัวเองเคยได้รับการช่วยเหลือ
หญิงชราคนบ่นอุ่บกับตัวเองอย่างหัวเสีย แล้วเริ่มเดินไปมาอยู่ภายในห้องสวดมนต์เล็ก ๆ อยู่เพียงคนเดียว
เธอสวมชุดคลุมสีขาว ที่แขนมีเครื่องเงินสัญลักษณ์สามเหลี่ยมด้านเท่าสองชิ้นกลับหัวซ้อนทับกัน ประกอบเส้นวงกลมติดทับด้านบนมาคล้องเอาไว้
เธอคือนักบวชระดับสูงสุดของมหาวิหารเทพทั้งสามผู้สร้างโลก [เทเรซ่า อมรา]
“มันต้องเป็นฝีมือของเทพเจ้าผู้ชั่วร้ายอย่างแน่นอน!”
เมื่อความเป็นห่วงที่มีต่อลูกถึงขีดสุด สตรีชราภาพจึงหันไปโทษเทพเจ้าผู้ชั่วร้าย
เทพเจ้าทั้งสาม ผู้ชอบเล่นตลกกับชะตาชีวิตเพื่อความบันเทิงของตัวเอง
หากว่าไม่ใช่เป็นเพราะฝีมือของเทพเจ้าของสามองค์นี้แล้ว มันจะเป็นฝีมือของใครกันได้อีกเล่า
สีหน้าที่อมทุกข์ของเธอได้หลับตาลง แล้วเริ่มภาวนาด่าทอต่อหน้ารูปปั้นเทพทั้งสามขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ภายในห้อง
ทำไมถึงทำแบบนี้กับลูกสาวทั้งสามคนของฉัน?
ได้โปรด… อย่าแกล้งกันแบบนี้ตอไปอีกเลย
ไม่อย่างงั้น หัวใจของผู้เป็นแม่คงได้แตกสลายเพราะความเป็นห่วงไปกันก่อนพอดี—
*พรึบ—!*
“!?!”
ท่ามกลางการนั่งภาวนา สิ่งแปลกประหลาดได้จักบังเกิด
พื้นที่รอบตัวของหญิงชราฉับพลันกลายเป็นที่ว่างอันเวิ้งว้างไร้ขอบเขต
พื้นคือท้องฟ้า ท้องฟ้าคือท้องฟ้า เป็นสถานที่เช่นนั้นไปจนจรดเส้นขอบฟ้า
“ที่นี่คือ? ”
“ขอบเขตเชื่อมมิติระหว่างสองโลกนะคุณป้าเทเรซ่า”
“เสียงนี้มัน!”
หญิงชราหันไปตามเสียงที่คุ้นเคย
ตรงหน้าของเธอ คือภาพของลูกสาวแสนแสบสัน ที่เธอเก็บมาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังแบเบาะ
ทั้งดื้อ ทั้งซน สร้างแต่ปัญหาให้จนหัวปั่น
ไม่เคยมีวันไหน ที่ไม่สร้างเรื่องปวดหัวให้
ไม่มีวันไหน ที่ไม่ทำให้เธอรู้สึกเบื่อ
เป็นแสงไฟอันแสนอบอุ่น ที่ทำให้หญิงชรา— อยากมีชีวิตยืนยาวต่อไป
“เอโซ แมรี่ ลาพิส! พวกเธอ? ”
เธอไม่อาจหาคำตอบให้กับตัวเอง กับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญหน้า
ที่นี่คือที่ไหน?
แล้วทำไมเด็กทั้งสามคนตรงหน้า ถึงได้ดู—
“ทำไมพวกเธอถึงดู— ศักดิ์สิทธิ์? ”
— ดู [ศักดิ์สิทธิ์]
ร่างกายและผิวพรรณเปล่งประกายแสงด้วยออร่าของเทพเจ้า
โปร่งแสง แถมยังแผ่ไอบรรยากาศที่ชวนให้หลงใหล ราวกับกำลังยืนต่อหน้าตัวตนที่ยิ่งใหญ่จนไม่อาจทาบทาม
“ฮะ ฮะ ฮะ! ถูกต้องแล้วคุณป้าเทเรซ่า นี่คือตัวตนที่แท้จริงของพวกเรา! เทพเจ้าทั้งสามผู้สร้างโลกยังไงละ! เราคือ [เอโซ คอมพาวด์] ผู้มีสมยา เทพไร้แขน!”
“ส่วนผมคือเทพไร้ขาผู้กล้าแกร่ง สุดยอดฮีโร่ขวัญใจมหาชน เจ้าแห่งมนตรานับพันผู้สะเทือนทั่วทั้งพิภพเหนือใต้ [แมรี่โกลด์ ซินเนียร์] เทพไร้ขา!”
“คือพวกเราอยากจะมาบอกลากับคุณป้าค่ะ ฉัน— ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ฉันคือ [ลาพิส ลาซูลีล] เทพไร้หน้าค่ะ”
“เรื่องของเรื่องคือที่พวกเราสามเทพลงไปจุติบนโลก เป็นเพราะว่าต้องทำภารกิจบางอย่างนะ”
“แล้วมันก็ทำเสร็จแล้วด้วย เลยได้เวลาอันดีที่ต้องกลับถิ่น”
“ขอโทษที่อยู่ ๆ หายตัวไปอย่างดื้อ ๆ ด้วยค่ะ”
“…”
อื่ม…
ป้าแกตาถลน แถมยังอ้าปากค้างไปแล้ว…
“เมื่อกี้พวกเธอบอกว่าตัวเองเป็นเทพเจ้าทั้งสาม ผู้สร้างโลกนี้? ”
““ใช่ ๆ ””
“พอทำภาระกิจเสร็จ อะไรเสร็จ เลยขอกลับสวรรค์? ”
““ช่าย~””
ป้าแกตาถลน และอ้าปากค้างเป็นรอบที่สอง
“ใครเชื่อลงก็บ้าแล้วยะ!”
สตรีผู้ชราภาพเริ่มประเคนฝ่ามือไล่ตบเหล่าทวยเทพ (?) เป็นว่าเล่น
“แว๊กกก!”
“ใจเย็นก่อนป้า! อย่าฟาด! ถึงจะเป็นแค่เข้าฝัน แต่มันเจ็บ!”
“เผ่นกัน— โอ๊ย!”
ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากนัก กับการที่ทวยเทพสามคนถูกหญิงชราธรรมดาคนหนึ่งวิ่งไล่กระทืบ
“หน่อย! ไอสามแสบอย่างพวกเธอเนี่ยนะเป็นเทพเจ้า? ถ้าจะโกหก— ช่วยโกหกให้เนียนหน่อยเถอะ! ”
“ไม่ได้โกหกสักหน่อย!”
“งั้นถ้าเป็นเทพจริง ป้าแก่หนังเหี่ยวคนนี้ขอไล่กระทืบให้หนำใจหน่อยแล้วกัน ที่บังอาจมาปั่นหัวตลอด 25 ปี เต็ม ๆ เนี่ย!”
“ถะ— ถอย! ยกเลิกการเข้าฝัน! เอาเป็นว่าขอบคุณ– [คุณแม่] ที่เลี้ยงดูพวกเราตลอดมานะ!”
“ละ— ลาก่อนค่ะ [คุณแม่] !”
“แล้วเจอกันเมื่อ [คุณแม่] แก่ตายนะคะ”
“ยังจะมาแช่งทิ้งท้ายกันอีก!”
*พรึบ!*
ราวกับเป็นการตื่นจากความฝัน
ภาพมายาคติที่ตนหลงทางเข้าไป ฉับพลันกระเด้งกระดอนร่างกายสัมผัสได้กับพื้นหินอันเย็นเฉียบ
“อ๊ะ? ”
เมื่อกี้นี้คือความฝันเช่นนั้นหรือ?
เธอคิดเช่นนั้นแล้วหันไปมองตรงรูปปั้นเทพทั้งสามขนาดเล็กที่วางอยู่ตรงหน้า
ทั้งที่มันเป็นรูปปั้นไร้รูปลักษณ์กับเผ่าพันธุ์ แต่ทว่าวันนี้เธอกลับมองมันต่างออกไป
เธอ— มองเห็นรูปปั้นเหล่านั้น ซ้อนทับกับภาพของเหล่าเด็กแสบทั้งสามของเธอเอง
“ [คุณแม่] … สินะ? ให้ตายสิ เจ้าเด็กพวกนี้—”
นักบวชเทเรซ่าบ่นพึมพำกับตัวเองเช่นนั้นด้วยรอยยิ้ม
***
“แว๊ก~! ป้าแกโหดฉิบหายเลย!”
“ครั้งหน้าถ้าจะเข้าฝันใครอีก คงต้องระวังให้มากกว่านี้”
“เห็นด้วยค่ะ”
ฉันกับพรรคพวกกำลังเนื้อตัวท่วมไปด้วยเหงื่อ เพราะพึ่งถูกคนไล่กระทืบกลับมา
ให้ตายสิ ป้าเทเรซ่านี่สมกับเป็นป้าเทเรซ่าจริง ๆ
“ยังเหลือใครที่พวกเรารู้จัก แล้วยังไม่ได้เข้าฝันบอกลาอีกไหม? ”
“ถ้าของผมละก็ยังขาดอีกเป็นกระบุงเลย”
“หมายถึงพวกแก๊งภูติสีชาดกับโนอาร์นะหรือ? — จะว่าไป สงสัยมานานละแมรี่ เธอไปทำสัญญาอะไรเอาไว้กับยัยโนอาร์หรือเปล่า? เห็นมีได้ยินแว่ว ๆ พูดถึงสัญญาอะไรสักอย่างบ่อยมากเลยไม่ใช่หรือ? ”
“เฮ้ย! เรื่องมันตั้ง 5 ปี แล้วยังจำได้ด้วยเรอะ!? ”
ยัยแมรี่เริ่มเหงื่อแตกพลักเป็นน้ำตก
มีพิรุจ…
“นี่คงไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้อีกใช่ไหม? ”
“มะ— ไม่หรอก! แค่สัญญาว่าจะบอกเงื่อนไขในการขึ้นเป็นเทพเจ้าที่แท้จริงในชีวิตหลังความตายเท่านั้นเอง!”
“ฉิบหาย… แล้วบอกวิธีไปหรือยัง? ”
“บอกหมดเปลือกตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว หลังจบศึกกับยัยแบมซีนั่นแหละ”
“ทำไมถึงบอกไปกันยะ!”
“ก็แหม่.. ผมรู้สึกผิดเป็นเหมือนกันนะ~ เพราะรู้ตัวว่าไปทำให้ชีวิตโนอาร์ยุ่งเหยิงไปหมด ประกอบกับเธอน่ารัก— เอ๊ยไม่ใช่! เธออยากอยู่ด้วยกับคนรักของเธอที่ตายไปแล้วในแดนนรก ผมเลยเสนอวิธีนี้ไปให้ อีกอย่าง ถ้าดูจากตบะวิญญาณของเธอ มันน่าจะพอมีความเป็นไปได้อยู่”
“ให้ตายสิยะ อย่าเอาไปให้ท่านยมรู้เรื่องนี้เข้าเชียว—”
“ให้ใครรู้ไม่ได้เหยอ~? ”
*กรู? *
*ปี้? *
“วิธีการขึ้นเป็นเทพเจ้า มันสมควรให้คนโลกเบื้องล่างรู้ได้ไหมละเปอร์ไซต์? ”
หลังจากนี้แดนนรกคงวุ่นขึ้นอีกระดับหนึ่ง ถ้ามียัยหุ่นยนต์แมวนั่นมาอยู่ด้วย—
“…”
เดียวก่อน?
เมื่อกี้นี้เสียงใคร?
เราทักกลับไปว่า [เปอร์ไซต์] อย่างงั้นเรอะ?
พอหันหลังกลับไป ก็พบใบหน้ายิ้มแป้นแล้นของยัยนกติดบัคยืนอยู่ข้างหลังพวกเรา
“ เฮ้ย! ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่แดนคนตายได้กันยะ!? แถมยังมีมังกรของเธออีกด้วย!”
“ เอ๊!? ที่นี่คือแดนคนตายหรอกหรือ? มันคือที่ไหนอะ? อร่อยไหม? แบบว่า~ แบบว่าบินเล่นกับเจ้าหนูพวกนี้แล้วหลงทางอะ~ แล้วแบบว่าหลงทางไปหลงทางมา~ พอรู้ตัวอีกทีก็มาปรากฏที่นี่แล้วอะ~”
ละ— หลงทางมาโผล่ที่แดนนรกเนี่ยนะ?
หลงทางยังไงถึงหลงระดับหลุดมิติมาโลกฝั่งนี้กันได้ยะ!
สมกับเป็นยัยนกติดบัค
นี่มันตัวบัคระดับจักรวาล— ระดับทะลุมิติได้เลยมั้งเนี่ย?
“ไหน ๆ หลงทางแบบหาทางกลับไม่ได้แล้ว งั้นเค้าขออยู่ที่นี่กับพวกเอโซเลยแล้วกัน”
“หน้าด้านเกิ้น!”
“สมกับเป็น ปัจฉิมบท เอาตัวละครเก่า ๆ โผล่มาสรุปได้ไม่จบไม่สิ้นเลยค่ะ”
“พูดกับใครอยู่นะลาพิส? ”
“กับเหล่าผู้เฝ้ามองค่ะ”
“ใครละนั่น? ”
ฉันมองไปทางลาพิสด้วยความสงสัย
“ถ้าแบมซีมาโผล่อีกคน ตัวละครจะครบพอดีเลยค่ะ”
“อ๊ะ? ถ้าพูดถึงยัยแบมซีละก็—”
ยัยนั่นนะ อีกเดียวจะมาอยู่ร่วมกับพวกเราละ
แต่เรื่องนี้ ยัยพวกนี้ยังไม่รู้ เพราะฉันยังไม่ได้บอกไป
เพราะยัยแบมซียังต้องรับการชำระวิญญาณอยู่ ฉันเลยเอยปากขอท่านยม ว่าช่วงระหว่างที่พวกเรากลับมานรก ขอให้พวกเราเป็นคนดูแลวิญญาณของยัยนั่นจะได้หรือเปล่า?
ที่ทำแบบนั้น เพราะอยากจะชดใช้ความผิดเก่า ๆ ที่เคยทำกับยัยนั่นเอาไว้
คืออยากให้ยัยนั่นได้เห็นกับตา ว่าหลังจากนี้ไปพวกเราจะเป็นเทพเจ้าที่ดีขึ้นได้มากขนาดไหนอะนะ
อนาคต—
แบมซี
โนอาร์
เปอร์ไซต์
แล้วยังมีพรรคพวกที่โลกจากฝั่งนั้น ที่ยังไม่ได้ข้ามมาฝั่งนี้
พอรู้ตัวอีกที พวกเราสามคนกลับมีพรรคพวก– มีคนที่สามารถเรียกได้สนิทปากว่าเป็น [เพื่อน] [ครอบครัว] ตั้งมากมายไปแล้ว
มันเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ
เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ นะ
“หึ ครอบครัวอย่างงั้นเรอะ? เป้าหมายเข้าฝันบอกลาคนต่อไป เอาเป็นเจ้าหนูไซน์แล้วกัน”
***1 ปีต่อมา***
วันที่ 1 เกอเนริบส์ ปีที่ 132
“ไปก่อนนะคะคุณป้าเทเรซ่า”
“อื่ม ไปดีนะ ไซน์”
“ไปก่อนน้า~”
“อื่ม ไปดีนะ นาดี้”
“ไปละคะ”
“อื่ม ไปดีนะ แคนนี่”
“แง! รอเค้าด้วยสิ!”
“อย่าขี้แยสิ โอบีเดี้ยน”
สตรีผมสีขาวหน้าเหมือนอายุไล่เลี่ยจำนวน 4 คน กำลังโบกมือลาให้กับหญิงชราสูงอายุที่กำลังยืนอยู่หน้าทางเข้าวิหารหินอ่อนของเทพทั้งสาม
พวกเธอสวมชุดที่ดูคล้ายกับนักสำรวจ เต็มไปด้วยอุปกรณ์สำหรับออกผจญภัยมากมายประคองติดตัวเอาไว้
“คอยดูให้ดีนะคะ—”
ไซน์โบกมือขึ้น แล้วตะโกนลั่นออกไปที่ท้องฟ้าราวกับเป็นการให้คำสาบาน
เมื่อ 1 ปีที่แล้ว นักบวชเอโซ แมรี่ ลาพิส ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ
ไม่พบศพ ไม่พบร่าง เจอแต่เพียงยานเหาะที่จอดทิ้งเอาไว้อย่างว่างเปล่าในสถานที่ท่องเที่ยว
บ้างว่าเสียชีวิต บ้างว่าถูกสัตว์ร้ายจับกิน
แต่เธอไม่เชื่อ
“—ฉันจะตามหาให้เจอค่ะ”
เพราะว่าในคืนหนึ่งเมื่อ 1 ปี ก่อน เธอได้ฝันเห็น
ฝันเห็นเหล่า [ฮีโร่] ของเธอ
“พวกเราไม่ได้ตายจาก แค่กลับสู่ถิ่นเกิด”
“พวกเราจะเฝ้ามอง จะปกป้องจากทางฝั่งนี้ ขอให้ใช้ชีวิตอย่างสนุก”
“แล้วสักวัน— มาพบกันใหม่ค่ะ”
คำพูดที่ดูคลุมเครือนั้น ได้กลายเป็นแรงไฟในการพลักดันใช้ชีวิต
“สักวันมาพบกันใหม่”
พวกพี่สาวยังไม่ตาย
ไม่ว่าจะต้องบุกน้ำ ลุยไฟ หรือแหวกแผ่นดิน
ฉันจะตามหาให้เจอ
ตามหา– พวกพี่สาว ฮีโร่ของฉัน
“ใช่— ต้องพบกันใหม่!! ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ส่วนไหนของโลก หรือจักรวาล ฉันจะตามหาให้เจอเองค่ะ! ขอสาบานเลย!”
***
การเดินทางเดิมได้จบสิ้นลง
การเดินทางครั้งใหม่จักเริ่มต้นขึ้น
ตราบเท่าที่มีชีวิต การผจญภัยมิอาจจบ
วนเวียน— วนเวียนมิรู้จบสิ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด
นี่คือโลกของเรา
โลกแห่งความบันเทิง
โลกแห่งการผจญภัย
โลกแห่งความสนุก
โลก— ของพวกเรา สามเทพเจ้าที่สร้างขึ้นมา
***
~อวสาน~
ขอขอบคุณ ที่อ่าน และร่วมผจญภัยมา ถึงบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดครับ
ขอ ขอบคุณ ด้วยความเคารพรัก คุณผู้อ่านทุกท่าน
***
MANGA DISCUSSION