ณ มิติดินแดนคนตาย
วิญญาณผู้ที่เสียชีพในเขตดินแดนดวงดาวคริสตัล ต้องถูกส่งมารวมตัว ณ ที่แห่งนี้ เพื่อนำไปชำระวิญญาณ แล้วส่งกลับคืนสู่วัฐจักรแห่งโลกคนเป็น ต่อหน้าบัลลังก์กระดูกที่มีชายผู้หนึ่งนั่งประทับ
ชายร่างยักษ์ผู้มีผิวสีแดงสด สวมชุดประดับทอง พร้อมห้อยบ่วงทองและถือคฑาเวทอย่างน่าเกรงขาม
[พยายมราช]
“…”
ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?
พอหันไปมองด้านข้าง ก็เจอกับร่างกึ่งโปร่งแสงของยัยแบมซีที่กำลังนั่งชันเข่าอย่างสงบนิ่ง
จริงด้วย
ฉันถูกยัยนี่แทงคอตายคาที่ในการปะทะครั้งสุดท้าย
คือไม่คิดว่าจะยัยนี่มันจะยอมแลกเพื่อฆ่าตัวตายไปพร้อมกัน
อืม~ ไม่น่าพลาดโง่ ๆ เลยนะเรา~
“เจ้าเป็นอะไรตาย ก่อความผิดบาปอะไรเอาไว้ จงบอกข้ามาให้หมด”
“ไม่ตลกสักนิดเลยค่ะท่านยม…”
ฉันประท้วงชายผิวแดงที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์กระดูก
ระดับท่านยม แค่เห็นสภาพของฉันกับยัยแบมซี ก็น่าจะเดาได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ?
“… ไม่มีอารมณ์ขันกันเลยนะเจ้าเนี่ย เอาเถอะ ถึงแม้จะตัวตาย แต่อย่างน้อยสามารถจับตัวการที่ปั่นป่วนมิติคนเป็นกับคนตายกลับมาให้ข้าได้ ข้าขอขอบคุณเจ้ามาก”
ท่านพญายมว่าเช่นนั้นละ~
ในที่สุด ภารกิจกับบทลงโทษของพวกเราก็จบสิ้นเสียที~
จะได้กลับมานั่ง ๆ นอน ๆ ในแดนคนตายเหมือนแต่ก่อนแล้ว~
“งั้นข้าขอเริ่มจากการพิพากษาของแบมซีก่อน ว่ายังไง? พอใจตามคำขอหรือยัง? ความผิดของการกระทำของเจ้าที่ลงไปปั่นป่วนโลกเบื้องล่าง อีกทั้งสังหารชีวิต—”
เดียวถ้าได้กลับมาเป็นเทพเจ้าผู้คุมแดนคนตายเหมือนแต่ก่อน คราวนี้จะเล่นสนุกอะไรอีกดีน้า~
แต่คราวนี้คงต้องทำให้เนียนขึ้น อย่าไปให้ท่านยมจับได้อีก
ไม่อย่างงั้นรอบนี้คงโดนลงโทษหนักกว่าเดิม
“—เมื่อตีเป็นค่าพลังงานวิญญาณขั้วลบที่เสียสมดุลในตัวเจ้าอันเนื่องจากการกระทำทั้งหมด รวมไปถึงครั้งก่อนที่ยังติดค้าง จึงทำให้เจ้าต้องรับการชำระล้างที่ขุมนรกชั้นที่ 8 อเวจีมหานรก เป็นระยะเวลา—”
“เดียวก่อนค่ะท่านยม”
เมื่อกี้เหมือนจะได้ยินอะไรสักอย่างที่ปล่อยผ่านไปไม่ได้
[พอใจตามคำขอหรือยัง?]
[รวมไปถึงครั้งก่อนที่ยังติดค้าง]
ทำไมพูดเหมือนอย่างกับว่าสองคนนี้เคยเจอกันมาก่อน?
*จ้อง—*
“…”
นั่นปะไร ทั้งที่มีร่างกายเป็นเทพ แต่ท่านยมกลับกำลังเหงือไหลเป็นน้ำตกแล้ว
มีพิรุธนะเรา~
มาคิดดูอีกที มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ดูน่าสงสัยมาตั้งแต่แรก
ท่านยมไปรู้มาจากไหน ว่าพวกเรากำลังแอบสร้างโลก แล้วกลั่นแกล้งวิญญาณ?
แถมยังพึ่งจะมารู้เอาหลังจากที่พวกเราเริ่มเบื่อ ๆ ลามือจากการกลั่นแกล้งไปนานราวเกือบ 80 ปี ตามเวลาของโลกนั้นด้วย
บทลงโทษที่ให้พวกเราไปสืบสวนจับคนร้าย ทั้งที่ความจริงตัวเองลงมือทำเองยังจะเร็วกว่า
เบาะแสต่าง ๆ ที่ท่านยมเคยให้พวกเรามา— ท่านไปเอามาจากไหน?
ความเก่งกาจอีกทั้งวิชาเทพเจ้า ที่ไม่รู้ว่ายัยแบมซีไปเรียนรู้มาจากใคร?
แล้วยังศึกสุดท้าย ที่ไม่สามารถติดต่อกลับไปหาท่านยมได้เลย
ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะถูกปิดกั้น แต่มาคิดอีกที— มันจะทำได้จริง ๆ นะเรอะ? กับการปิดกั้นพื้นที่ทั้งหมดของโลกฝั่งนี้ไม่ให้ท่านยมเห็นนะ?
ถ้าทำแบบนั้นจริง ท่านยมคงได้ส่งกองทัพบุกมาโลกฝั่งนี้ไปนานแล้ว
เฮ้ย…
เดียวก่อนสิยะ?
คงไม่ใช่ว่า?
“นี่คงไม่ใช่ว่ารวมหัวกันแกล้งฉันใช่ไหมคะ? ”
“เออ— อืม— แบมซี— เธอต้องไปชำระล้างวิญญาณที่— ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นเปลี่ยนเรื่องเลยนะคะ (ไอ) ท่านยม! สรุปนี่รวมหัวกันจริง ๆ สินะ! สินะ!!!”
ฉันตะโกนด้วยความโกรธและฉุนเฉียว
งานนี้ต่อให้เป็นระดับท่านยม ฉันก็ไม่มีทางยอมยกโทษให้!
“ทำไมถึงต้องทำแบบนี้!? ถ้าอยากลงโทษก็ลงโทษมาตรง ๆ เลยสิ! รู้ไหมว่าไอที่ยัยแบมซีทำเอาไว้กับโลกคริสตัล มันต้องทำให้มีคนบริสุทธิ์– มีคนมากมายต้องตาย!”
“อ่าว? นี่เทพเน่า ๆ อย่างแกใส่ใจความเป็นไปของโลกนั้นด้วยเรอะ? ”
“— อ๊ะ? ”
ยัยแบมซีท้วงใส่ฉันเบา ๆ
ยัยนี่พูดถูก…
ปกติฉันไม่น่าจะ…
“อย่างที่แบมซีพูด ถึงจะยาแรงไปนิด แต่นิสัยเจ้าเปลี่ยนไปเยอะใช้ได้ ดูเหมือนการลงโทษของข้าจะได้ผลไม่เลวนี่? ”
ท่านยมกำลังพูดด้วยรอยยิ้ม
ตั้งแต่เมื่อไหร…?
ทั้งที่อดีตฉันสร้างโลกนั้นขึ้นมาเพื่อความสนุกของตัวเอง
เคยทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยมากกว่าที่ยัยแบมซีทำ
ไม่เคยใส่ใจกับชีวิตของคนอื่น
แต่ทำไม— รอบนี้
“เป็นอย่างที่เจ้าเดาเอาไว้นั่นแหละ ข้ารู้ความจริงเรื่องที่เจ้ากับพรรคพวกเจ้าทำ มาจากวิญญาณแบมซีที่พึ่งหลุดจากการคุมขังของเพื่อนเธอ ความจริงตอนแรกคิดว่าจะลงโทษขั้นหนัก แต่มาคิดอีก ข้าว่าควรจะให้โอกาสพวกเจ้าบ้าง เลยเปลี่ยนใจเป็นการมอบบทลงโทษดัดนิสัยแบบนี้ให้แทน”
“บททดสอบที่ต้องทำให้สมดุลระหว่างมิติเกือบพัง รวมไปถึงมีคนตายเป็นจำนวนมากเนี่ยนะ? ”
“ถ้ายัยแบมซีมันล้ำเส้นเกินไป แน่นอนว่าข้าจะเป็นคนเข้าไปหยุดอย่างแน่นอน อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าเจ้าน่าจะรู้ดียิ่งกว่าใคร ในเรื่องของมุมมองธรรมชาติแห่งความผิดบาปหรอกหรือ? ”
ความผิดบาปในมุมมองของเทพเจ้านั้นแตกต่างจากมุมมองของคนบนโลก
การฆ่า การสังหาร เพื่อความอยู่รอด เพื่อสนองตันหา ทุกการกระทำ ล้วนแล้วแต่มีความดี-เลว แยกไปตามปัจเจกมุมมองของบุคคล
ยิ่งมีหลากเผ่า หลากดวงดาวนับล้าน มันจะไปเอากฏเกณต์ไหนมาวัด?
เหล่าเทพจึงพิพากษา โดยยึดจากกฏแห่งความมัวหมองของวิญญาณ แล้วนำไปชำระล้างให้บริสุทธิ์อันถือว่าเป็นพิธีชดเชยบุญบาปกรรม ก่อนนำไปคืนสู่วัฐจักรสืบต่อไป
เถียงไม่ขึ้น…
เพราะเราเองก็เคยมีพฤติกรรมที่ส่งผลต่อชีวิตของผู้คนโลกเบื้องล่างเป็นจำนวนมาก
ดีไม่ดีอาจจะเป็นต้นเหตุของความตาย มากกว่าที่ยัยแบมซีทำกับพวกเรา
“ความต้องการของแบมซีคือการแก้แค้น กับทำให้โลกที่น้องสาวเธออาศัยแน่ใจว่าปลอดภัยจากเทพที่เป็นบ้า ข้าเลยทำแบบนี้เป็นยาแรงสอนเจ้า เอาละ ตอนนี้ข้าได้พิพากษาแบมซีเสร็จสิ้นแล้ว ต่อมาคือเจ้า เอโซ— ตอนนี้ข้ามีสองทางเลือกให้กับเจ้า”
“… ว่ามาค่ะ”
“เจ้าอยากจะกลับมาใช้ชีวิตในฐานะเทพเจ้าแห่งนรกต่อ หรืออยากจะกลับลงไปใช้ชีวิตที่โลกพร้อมกับพรรคพวกของเจ้าต่อกันละ? ”
“กลับลงไปที่โลก— ด้านล่าง? เราไม่สน—”
ท่านยมยกคฑาหัวกะโหลกขึ้นสูง
ตอนนั้นเองที่มีภาพฉายหนึ่งปรากฏขึ้นบนที่ว่าง
มันเป็นภาพฉายที่ดูคล้ายกับงานศพภายในวิหารใหญ่ของเทพทั้งสาม
เป็นห้องโถงขนาดยักษ์ที่ปกติจะเอาไว้ใช้ทำพิธีกรรมสำคัญ แต่กลับถูกเอามาใช้จัดงานศพ
แสงสว่างจากภายนอก กำลังส่องผ่านช่องแสงของหลังคาวิหาร ลอดผ่านกระทบลงบนโลงศพสีขาวที่ตั้งอยู่ใจกลางรูปปั้นเทพทั้งสาม
ผู้คนคุ้นหน้าจำนวนมากกำลังมารวมตัวนั่งเรียงตรงที่นั่งไม้ตัวยาว พร้อมกับหลั่งน้ำตาให้กับป้ายภาพถ่ายที่ดูคล้ายกับตัวฉันเอง
ทั้งเจ้าพ่อบ้าน
ไอยักษ์โง่
ลูกศิษย์
ยัยนกติดบัค
พวกแก๊งภูติของยัยแมรี่
รวมไปถึงกลุ่มที่ไม่มีน้ำตา แต่มีใจมาร่วมงานอย่างยัยโนอาร์
ยัยกระเป๋าเงินที่ปากบอกแต่ว่าจะทำให้ติดหนี้บุญคุณ
มีกระทั้งคนที่แทบจะไม่ได้สนิทอะไรด้วยมาร่วม อย่างยัยแวม แวม
ในอีกมุมหนึ่งของงานศพ มีพวกหนูไซต์กับร่างโคลนของเธอ แล้วยังป้าเทเรซ่า ที่ร้องไห้ฟูมฟามหนักยิ่งกว่าใคร ๆ ในงาน
ไกลออกไป มียัยแมรี่กับลาพิส ที่กำลังบ่อน้ำตาแตก
เฮ้ย…
ยัยสองหน่อตรงนั้นมันต้องรู้สิ ว่าการตายมันก็แค่การย้ายจิตมาโลกฝั่งนี้?
ให้ตายสิยะ
ต่อให้เอาภาพโง่ ๆ แบบนี้มาฉาย— มันเปลี่ยนใจฉันไม่ได้หรอกนะท่านยม
ฉันนะชอบชีวิตแบบเทพเจ้า
ได้ดื่มกินฟรี สบาย แถมมีอิสระสุด ๆ
อยู่โลกเบื้องล่างนะมีแต่ปัญหา
ความทรงจำเรื่องเก่า ๆ กำลังไหลย้อนกลับมา
ทั้งพวกเด็กที่ชอบมองด้วยสายตาปลาบปลื้ม
“พี่สาวฮีโร่ค่ะ!”
ทั้งพวกจอมจุ้นต้องให้ช่วยเหลือสอนสิ่งต่าง ๆ
“ท่านอาจารย์เจ้าค่ะ”
ทั้งไอยักษ์โง่บางคนที่พยายามจ้องแต่จะจีบเพื่อนของฉัน
“ข้าขอ— ลาพิสแต่งงานได้ไหม!”
มนุษย์หนุ่มที่ไม่น่าจะเป็นตำรวจ แต่ควรไปเป็นพ่อบ้าน
“คุณเอโซครับ นี่ครับน้ำชา”
แล้วยังคนมียัยป้าขี้บ่น…
“ทำตัวดี ๆ ให้ยายแก่คนนี้สบายใจหน่อยจะได้ไหมพวกเธอนี่!”
เห็นไหม? มีแต่ปัญหาจริง ๆ นั่นแหละ—
“ท่านยม ช่วยส่งฉันกลับลงไปทีค่ะ”
“ได้สิ”
—ดังนั้นฉันเลยต้องลำบาก กลับลงไปอยู่ช่วยดูเจ้าพวกโง่อีกสักพักเลยเห็นไหม?
ยังไงเดียวแก่ตายก็ได้กลับมาที่โลกฝั่งนี้อยู่แล้ว เสียเวลาอีกสัก 40-60 ปี ใช้ชีวิตอยู่ข้างล่าง มันก็— ดูไม่เลวเหมือนกัน
“… ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มเลยท่านยม มันดูกวนประสาทค่ะ!”
*** วันที่ 7 โทว์ ปี 126***
มันคือวันที่นักบวชระดับสูงคนหนึ่งแห่งวิหารเทพทั้งสามต้องมาจบชีวิตลงด้วยอายุเพียง 21 ปี
[เอโซ คอมพาวด์]
หากเป็นแค่การตายของคน คน หนึ่ง อาจเป็นพิธีที่เงียบเหงา
ทว่าเธอคนนี้ได้สร้างบุญอันทรงค่าแก่ผู้คนจำนวนมาก
ทั้งช่วยเมือง
ช่วยชีวิตคน
แล้วยังปราบปรามเหล่าร้ายของโลก
พิธีได้ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่โดยเหล่าผู้มีอำนาจ
ผู้คนมากหน้าหลากตาต่างมาร่วมงานอย่างโศกเศร้าต่อหน้าศพที่ถูกแช่ และรักษาให้มีสภาพเฉกเช่นเดียวกับตอนมีชีวิต
เสียงน้ำตาร่ำไห้ดังกึกก้องต่อเนื่องอย่างไร้ที่สิ้นสุด ราวกับมีฝนตกโหมกระหน่ำใส่อย่างมืดมน
*โครม!*
แต่แล้วเสียงน้ำตาแห่งการร่ำไห้
“เออ… สวัสดี? ”
กลับตาลปัตรฉับพลันกลายเป็นเสียงกรีดร้อง ราวกับมีคนเห็นผีไปในบันดล
***
ยังมีบททิ้งทวนอีกตอนนะครับ
***
MANGA DISCUSSION