“กลายเป็นแบบนี้ไปจนได้…”
ยัยแบมซีพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ในขณะที่มองมาทางพวกเรา
ตรงหน้า คือเจ้าพวกพ่อบ้านกับลูกศิษย์ที่นอนกองอาบเลือด
ถึงจะยังไม่ตาย แต่ถ้าปล่อยเอาไว้นานเกินห้านาทีคงได้ตายจริง
ต้องรีบพาไปรักษา
“ยัยแมรี่ละ? ”
[สัมผัสวิญญาณของเธออ่อนแรงมากค่ะ]
“ให้ตายสิ ยัยแมรี่ ไปพลาดท่าอีท่าไหนกัน…”
หวังว่ายัยนั่นจะไม่เป็นอะไรมาก
ฉันสะบัดความกังวลที่มีต่อยัยแมรี่ แล้วหันไปเผชิญหน้ากับยัยแบมซี
มันหันมามองทางพวกเราด้วยสายตาที่เคียดแค้น
“คู่ต่อสู้มีแค่สอง—”
“อย่าทำเป็นมองข้ามหนูกับมังกรของหนูสิ! คุณคือวายร้ายที่ทำกับเจ้าดำสินะ!”
“… อ๊า~ ก็นึกอยู่ว่าหน้าตาคุ้น ๆ เป็นยัยเด็กที่สนิทสนมกับมังกรทมิฬที่ถูกเราผู้นี้ล่อให้ไปติดหล่มวิญญาณแค้นนี่เอง”
“มันเป็นฝีมือของคุณจริง ๆ ด้วย!”
ยัยนกติดบัคพุ่งเข้าถีบใส่แบมซีเต็มแรงด้วยกรงเล็บ
ฝ่ายแบมซีรีบยกแขนขึ้นมาตั้งการ์ดด้วยสีหน้าที่ตกใจ
เกิดเสียงกระแทกคล้ายยิงปืนใหญ่ดังกังวาล ไปพร้อมกับที่พวกเขาทั้งสองพุ่งทะลุแผ่นศิลาด้านหลัง
คงคิดไม่ถึงละสิ ว่าจะมีคนเก่งระดับนี้เหลืออยู่อีก
*กรร!? *
*ปี้!?? *
“ไอมังกรน้อยอย่างพวกแกมาช่วยมีแต่จะเป็นตัวถ่วง ไปช่วยดูแลคนเจ็บแทนไป๊”
ฉันออกคำสั่งพวกมังกร แล้วรีบกระโดดตามติดออกไปผ่านทางรูกว้างด้านหน้า โดยมีลาพิสพ่วงตามติดมาด้านหลัง
ณ ภายนอกพื้นที่ศิลาหิน
วัตถุศิลาที่ส่องแสงสีขาวทรงกลม กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
เสาศิลาที่ยึดโยงกับอุโมงค์กำลังแตกหัก เพราะเจ้าของร่างได้หลุดออกมจากพื้นที่สรรสร้างร่างเทียมเทพ
ชั่วขณะที่ฉันพุ่งตัวตัดเวหาออกมา ได้เหลือบเห็นแมรี่ที่หมดสภาพ กับคนอื่นที่กำลังทยอยพากันหนีไปในจุดศูนย์กลาง
ส่วนพวกเด็ก ๆ กับป้าเทเรซ่าที่เคยถูกล้างสมอง ต่างกลับมามีคลื่นวิญญาณปกติเช่นเดิม และกำลังถูกแบกอยู่บนหลังโดยพวกแก๊งภูติสีชาดของยัยแมรี่
“ อืม…”
พอจะเดาได้แล้วว่าทำไมยัยแมรี่ถึงหมดสภาพแบบนั้น
“แก— แกมันเป็นตัวอะไรกัน!? เป็นเทพเจ้าเหมือนกันเรอะ!”
“หนูคือเปอร์ไซต์! นกน้อยเสียงใสอายุสมอง 12 ปี ตลอดกาล ผู้อารมณ์ดีค่ะ!”
“เหวอ!”
แบมซีถูกกรงเล็บของยัยนกติดบัคกระหน่ำใส่ชนิดไม่ยอมให้มีเวลาแม้แต่จะรวมพลัง
สับขาเร็วชนิดระดับมิลลิวินาทีจนไม่อาจละสมาธิไปใช้วิชาเทพเจ้า
ฉันกับลาพิสรีบตามเข้าไปซ้ำ
ใช้ดาบสีทองกับวิชาต่อสู้ เข้ากระหนาบซ้ายและขวา
กระนั้นถึงจะเป็นสามรุมหนึ่ง ยัยแบมซีกลับใช้หาง และปีก เข้ารับการโจมตีของพวกเราทัน
ทุกการปะทะ ได้เกิดเป็นระเบิดคลื่นโจมตีกระจายออกไป
แสงสีแดงขาว สีฟ้า สีทอง กับสีเงิน ได้ซัดกันจนเลียบติดเพดานอุโมงค์ ตกกระทบกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากนั้น ถึงกับยอมหลีกหนี แยกออกเป็นกำแพงสูงซ้ายและขวา
สะเก็ดหิน ดิน และไอน้ำปะทะผิวกาย ไปพร้อมกับความร้อนจากเลือดและพลังงานวิญญาณที่สูบฉีดไปทั่วร่าง
““โอ๊ววว!””
“ฮึ่ม!”
ลาพิสแตะลูกโด่งใส่ช่วงระหว่างขาของแบมซี
แบมซี่รีบใช้หางไขว้ลงมารับเอาไว้
เกิดแรงกระแทกระดับเสมือนระเบิดนิวเคลียร์ซัดกระจาย
ร่างสีเงินพุ่งลอยสูง ขึ้นไปเหนือระดับผิวน้ำ ลอยเข้าหากองยานที่อยู่ท่ามกลางความเวิ้งว้างของอุโมงค์
กองยาน?
ไม่ทันสังเกตุเลย นี่พวกเราซัดกันจนกระเด็นออกมาไกลขนาดไหนกันแล้ว?
แล้วนี่เป็นกองยานจากที่ไหน?
อะไร? นั่นมันตราของตำรวจสากลไม่ใช่เรอะ?
“… จริงด้วยสิ!”
ฉันรีบไล่ตามยัยแบมซีขึ้นไป
แต่แล้วฉีกตัวออกเปลี่ยนทิศทาง ปล่อยให้ลาพิสกับยัยนกติดบัคเข้าปะทะชั่วคราว
ส่วนตัวเองมุ่งหน้าไปทางกองยานของตำรวจสากล
พุ่งเข้าชนใส่ยานที่ดูใหญ่ที่สุด ตัดทะลุทางลัดด้วยการทำลายผนังยาน เข้าไปจนถึงตำแหน่งของสะพานเดินเรือของยานลำนั้น
ภายในห้องสะพานเดินเรือที่ใหญ่โอ่โถง มีตำรวจสากลจำนวนมากกำลังหันมามองทางฉันด้วยดวงตาโตที่ตื่นตระหนก
ท่ามกลางความวุ่นวายของแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างฉัน มีชายคนหนึ่งที่มีสภาพวิญญาณแก่กล้า และนิ่งดุจสายน้ำหันมามอง
ดวงตาสีฟ้า ผมสีน้ำตาลทองไว้ทรง ครูว์-คัต และมีผิวสีเหลือง
ไม่ต้องถามมากความก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้นำกลุ่ม
“ที่ศูนย์กลางของโลก มีคนต้องการความช่วยเหลือ!”
ฉันทิ้งข้อความแล้วกระโดดเหยียบย่างเวหากลับออกไปในทันที
ที่ด้านนอก การต่อสู้กำลังทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม
แบมซีใช้ประโยชน์จากกองยานตำรวจสากลเป็นที่กำบัง พุ่งตัวเองไปตัดมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยหาง แล้วใช้พลังเวทมนตร์สร้างพลังสนามแม่เหล็ก
ห่อตัวเป็นเกลียวท่อปืนใหญ่ แล้วยิงออกไปเป็นกระสุนเรลกันที่ใช้ชิ้นส่วนยานเป็นลูกกระสุนขนาดยักษ์
*บรึ้ม!*
กระสุนเรลกันจำนวนมากถูกรัวยิงใส่พวกเราทั้งสามคนชนิดไม่คิดหยุดพัก
ระหว่างที่พวกเราต้องหักหลบ แบมซีเริ่มใช้ช่วงเวลานั้นรวมพลังวิญญาณ แล้วสร้างปรากฏการแห่งมิติ
แสงสว่างจักเรืองขึ้นที่คริสตัลบนฝ่ามือซ้าย บิดเบือนที่ว่าง แล้วเรียกเปลวไฟสีขาวจากขุมนรกชั้นที่แปดออกมา
เสาไฟแห่งการชำระวิญญาณ ได้พุ่งตรงเข้าหาพวกเรา
มันกินพื้นที่ทั่วทั้งอุโมงค์ ชนิดไม่คิดจะให้เหลือที่หลบซ่อน
ระเหยผืนน้ำให้สลายกลายเป็นไอในชั่วพริบหา กลืนกินกองยานมากกว่าครึ่งให้กลายเป็นอณูธุลีอากาศเพียงแค่สัมผัส
จะปล่อยให้กองยานตำรวจสากลถูกละลายหายไปแบบนี้ไม่ได้
เพราะมันคือตั๋วเที่ยวบิน ที่จะพาทุกคนให้หนีกลับออกไปได้อย่างปลอดภัย!
“เราจัดการเอง!”
ไม่จำเป็นต้องกั๊กพลังอีกต่อไป
เรารีดพลังงานวิญญาณออกมามากกว่าครึ่งที่สะสมอยู่ภายในร่าง
เคลื่อนตัวมันให้ไหลไปรวมตัวตรงปลายปีก
เปลี่ยนมวลกล้ามตรงบริเวณขนที่เติบโตมาอย่างผิดปกติ ให้กลายเป็นดาบ
ดาบสีทองของฉันกำลังถูกล้อมไปด้วยพลังงานมหาศาล
สำแดงวัตถุเทียมจำแลงมายา บังเกิดเป็นคลื่นพลังที่ยืดยาวออกไป
ยืด— ออกไปไกล จนทิ่มแทงผนังของอุโมงค์
*ฉับ!*
มันคือการตัดผ่ามิติให้แยกออกจากกัน
ตัดที่ว่างตรงหน้า เพื่อสร้างรอยแยกมิติให้เกิดขึ้นบนพื้นที่อันว่างเปล่า
ความเวิ้งว้างอันว่างเปล่านั้น ได้กลายเป็นพื้นที่แยกเพื่อสูบเอาเปลวไฟจากขุมนรกกลับออกไปจากมิติคนเป็น
ประหนึ่งเหมือนเป็นเขื่อนกั้นทะเลที่ถูกเจาะรู เพื่อเอามวลสารอันมากล้นให้ไหลกลับคืนไปสู่ที่ ที่มันจากมา
*พรึบ*
แบมซี่มาปรากฏตรงหน้า
เธอเคลื่อนที่ผ่านมิติมาปรากฏขึ้นตรงด้านหน้า พร้อมกับกางมือออก แล้วสร้างพื้นที่มิติในลักษณะแผ่นวงแหวนบาง ๆ ขึ้นตรงกลางลำตัวของเรา
*ผัวะ!*
ลาพิสรีบใช้ขาถีบด้านหลังเรา ก่อนที่ร่างกายจะถูกตัดแยกเป็นสองส่วนเพราะรอยแยกมิตินั้น
พร้อมกันนั้น ยัยนกติดบัคได้กระหน่ำลูกถีบรอบสอง อัดเข้ามาจากทางด้านบนใส่ยัยแบมซี
ลาพิสกระโดดตีลังกา แล้วฟาดส้นเท้าใส่คริสตัลบนฝ่ามือซ้าย ที่เป็นจุดรวมพลังวิญญาณอันไม่จบสิ้นของมัน
ส่วนเรา ได้หมุนตัวพร้อมกับเปลี่ยนปีกให้เป็นเคียว แล้วตวัดเข้าหมายเกี่ยวไปที่คอของมัน
*ปึ่ง!*
เกิดเสียงอัดกระแทกรุนแรงในชั่วขณะจังหวะนั้น
ทุกการเคลื่อนไหวถูกหยุดชะงักงัน ด้วยหางที่คมเหมือนดาบ
*ปึ่ง!* *ปึ่ง!* *ปึ่ง!*
เสียงปะทะอัดกระแทกดังขึ้นต่อเนื่อง
พวกเรารุก-แล้วรับ บนที่ว่างท่ามกลางยานเหาะของตำรวจสากล
วาดบทเพลงสับประยุทธ์ที่เห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวช้าจนแทบหยุดนิ่ง แต่ทว่ากลับรวดเร็วเป็นแสงสายฟ้าในพื้นที่มิติเวลาจริง
สายลมและสายน้ำรอบจุดปะทะต่างถูกอัดกระจายออก จนเห็นเป็นพื้นที่วงกลมครอบคลุมพวกเราไป
ประกายแห่งพลังงานวิญญาณที่ปะทะใส่ ได้แตกตัวกระจายจากการปะทะของสองฝ่าย จนเกิดผลกระทบกับมิติคนเป็น แล้วกลายเป็นประกายพลังงานสายฟ้าแฉลบออกรอบทิศทาง
“โอ๊ววว!”
*เปรี๊ยง!*
แรงกระแทกสุดท้ายนั้น ทำเอาต่างฝ่ายต่างกระเด็นออกมา
ปีกขวาของเราหัก ส่วนขาซ้ายของลาพิสถูกบิดให้ผิดรูป
กรงเล็บทั้งสามของยัยนักติดบัคถูกทำลายจนเหลือแต่ท่อนขาที่ว่างเปล่า
“ฮะ– ฮะ— ฮ่า… สภาพดู— ไม่ได้เลยนะ– แฮก…”
“แกเอง— ก็หอบเหนื่อยเช่นกัน— นั่นแหละ”
ยัยแบมซี่พูดจาถากถาง
ถึงจะยอมรับว่าตัวเองเริ่มหมดสภาพ แต่สภาพของยัยนั่นก็ดูแย่ไม่แพ้กัน
ที่สำคัญ
*แกร๊ก*
คริสตัลบนฝ่ามือของมันกำลังมีรอยร้าวเพิ่มมากขึ้น
“ต้องขอบคุณเจ้าออนมันสินะ? ”
การโจมตีเล็งเป้าสุดท้ายก่อนหมดแรงของเจ้าออนใช้ได้ผล
มันทำให้คริสตัลของมันอ่อนแรงลงไปมาก
ศึกนี้— พวกเรายังพอมีโอกาสชนะ
“มาต่อยกที่สองกัน ไอพวกเทพสารเลว!”
แบมซีกรีดเสียงดัง แล้วเริ่มบินทิ้งระยะ
ส่วนพวกเราเริ่มพุ่งถลาเข้าใส่
การปะทะครั้งนี้ จะเป็นศึกตัดสินของพวกเรา!
MANGA DISCUSSION