ณ พื้นที่ใจกลางของร่างศิลาหิน
มันคือสถานที่ดูคล้ายกับรังไหมของตัวหนอน
แต่เป็นรังไหมอันหยาบกระด้างที่เกิดจากผิวศิลาที่แหลมคม
ไกลออกไปรอบนอกรังไหม คือเส้นทางศิลาแสนซับซ้อนดั่งเขาวงกต
“… ให้ตายสิ นี่มันยังไงกัน? ”
ข้า แบมซี กำลังบ่นกับตัวเองอยู่ที่จุดศูนย์กลางของร่างศิลาหินที่ว่า
ร่างนี้คือไพ่ตายที่ไม่เคยใช้มาก่อน
เป็นไพ่ตายที่เกิดจากการใช้พลังงานวิญญาณของผู้ร่วมอุดมการณ์ที่เคียดแค้นเทพทั้งสาม มาสร้างเป็นร่างศิลาขนาดใหญ่
ทุกส่วนของพื้นที่ศิลาคือร่างกายเทียมเทพของข้า แต่ในขณะเดียวกัน มันมิใช่ร่างที่แท้จริง
ต่อให้ทำลายไปเท่าไหร ศิลาก็คือศิลา มิอาจทำให้ตัวข้าเจ็บปวดหรือล้มตาย
เป็นแผนการที่ตั้งใจเอาไว้ใช้ในยามสุดท้าย ซึ่งต้องมาเผชิญหน้ากับพวกเทพเจ้าโดยตรง
ถึงจะคาดการว่าร่างไพ่ตายนี้อาจพบกับความพ่ายแพ้ แต่ไม่เคยคิด… ว่าจะถูกคนนอกที่ไม่ใช่แม้แต่เทพเจ้า รวมกำลังกันเอาชนะผ่านมันมาได้
แถมไอเส้นทางวงกตที่บรรจงสร้าง เสาศิลากับดัก และแมลงศิลา ที่น่าจะสามารถฆ่าพวกมันได้ทุกคน กลับฆ่าพวกตัวกระจอกไปได้แค่สองตัวเท่านั้น
ไอพวกเทพเจ้ากลับชาติมาเกิดยังพอว่า แต่พวกงี่เง่าคนอื่นมันจะเก่งเกินสามัญสำนึกเกินไปหรือเปล่า?
ถ้าจะให้เทียบ มันเหมือนกับมีคนระดับใกล้เคียงเจ้า [โนเนม] ถึง 3 คน กับคนที่เก่งกว่าโนเนมอีก 1 คน อย่างงั้น
“กลับมา— ตามรับสั่ง”
“ดีมาก”
เป็นโชคดีของข้าที่ยังเพื่อเก็บลูกน้องเอาไว้หนึ่งตน ไม่ปล่อยออกไปทั้งหมดในตั้งแต่แรก
ลูกคริสตัลวิญญาณสุดท้ายยังรอดกลับมาถึงมือของข้าได้เพราะเหตุนี้
ข้ารับลูกคริสตัลมาจากมือของเผ่ายักษ์ที่ไร้จิตใจ
ลูกคริสตัลนั้นเริ่มส่องแสงอย่างงดงามอยู่ที่ฝ่ามือ ก่อนจะจมหาย แล้วถูกฝั่งยึดเป็นเนื้อเดียวกับฝ่ามือของข้า
พริบตาที่มันรวมเข้ากับมือของข้า แผ่นดินจักเริ่มสั่นไหว
บางส่วนของร่างกำลังแตกหัก แล้วสลายกลายเป็นผง
บางส่วนหดเล็กลง จนพื้นที่ยืนแทบจะมีไม่พอให้แม้แต่มดอยู่
นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมข้าถึงกระจายก้อนผลึกพลังงานออกไปตั้งแต่แรก
เพราะข้าต้องการจะขยายพื้นที่ให้กว้าง แล้วจับแยกพวกเทพสามตัวให้ออกจากกัน
แต่กลายเป็นว่าต่อให้จับแยกกัน ข้าก็ไม่อาจฆ่าพวกมันได้ทุกคนอยู่ดี
“อย่างน้อยสามารถทำเอาออกจากเกมส์ได้หนึ่งคน”
ข้าพูดกับตัวเองไปพร้อมกับรำลึกเหตุการณ์ของยัยภูติผมสีแดงที่น่ารังเกียจ
เจ้าตัวที่บังอาจจับวิญญาณข้าขังเอาไว้ในผลึกคริสตัลนานนับหลายปี
“ส่วนตอนนี้ คงต้องให้เวลากับการต้อนรับเพื่อนเก่าที่ไม่คาดคิดก่อนสินะ? ฮุ ฮุ ฮุ~”
ข้าหันหน้าไปในความมืดที่อยู่ทางขวา
ท่ามกลางจิตมุ่งร้ายต่อข้าที่มีมากมาย มีอยู่หนึ่งจิตที่ต่างออกไป
เพราะมันคือจิตที่ข้าคุ้นเคย
“สวัสดี [อีกาดำ] ”
“แบมซี… นั่นใช่เธอ? ”
“ถ้าหมายถึงคนที่ถูกนายยิงเข้าใจกลางหน้าผากคนนั้นละก็– ใช่ เป็นคนเดียวกัน และข้ายังไม่ตาย คิดถึงละซิ~”
“…”
ถึงกับนิ่งเงียบไปเลยหรือ? ”
“ขอถามอะไรสักอย่าง… จริงหรือที่ว่าเธอ… คือผู้ก่อตั้งคาร์นิวอย? จริงหรือ.. ที่เธอจงใจ… สร้างให้ข้า..พลักดันให้ตัวข้ากลายเป็นมือปืนสังหารขององค์กร? ”
“ไปได้ยินมาจากใคร? เจ้าโนเนม? หัวหน้าของพวกตำรวจสากล? ”
“ใช่…”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าข้าอยู่ที่นี่? เจ้าโนเนมบอกเช่นนั้นหรือ? ”
“ใช่… ที่นี่นะ… ถูกพวกเราตำรวจสากล… ล้อมเอาไว้หมดแล้ว…”
พอลองขยายขอบเขตการตรวจจับ ก็พบว่าในจุดที่ห่างออกไปราว 1,000 กิโลเมตร มีฝูงยานจำนวนมาก กำลังบินเข้าล้อมพื้นที่เอาไว้จากทุกทิศทาง
ให้ตายสิ
นึกว่าเจ้าโนเนมมันจะยอมถอยไปง่าย ๆ เสียอีก
สุดท้ายดันส่งพวกงี่เง่ามาปิดล้อมข้าอีกอย่างงั้นหรือ?
คิดจริง ๆ หรือว่าจะจับข้าได้?
“คู่หู…”
“ไม่เป็นไร… ข้าแค่… รู้สึกทำใจไม่ได้…”
ตอนนี้ข้าไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมอีกาดำที่ควรถูกตำรวจจับตัวไปถึงมาอยู่ที่นี่
ยิ่งมีเจ้าภูติผมขาวที่เป็นเพื่อนร่วมงานของมันยืนอึ้งอยู่เงียบ ๆ มันยิ่งได้คำตอบชัดเจน
“คิดจะแก้แค้นที่ถูกหลอกเช่นนั้นหรือ? ”
“…เส้นทางเปื้อนเลือด มันคือเส้นทางที่ข้าเลือกเองหลังจากถูกเธอทรยศให้เจ็บแค้น ข้าคงโทษเธอไม่ได้”
ตอบได้อย่างลูกผู้ชายดีแฮะ
“แล้วมาหาข้าทำไม? ”
“ข้า— มาเพื่อทำสิ่งที่ถูกต้องกับคู่หูที่แท้จริงของข้า!”
“ต้องแบบนี้สิคู่หู! ออน~!”
อีกาดำกับภูติขาวกำลังบินแยกออกเป็นสองทาง
คนหนึ่งใช้ปืนรังสีที่ติดตั้งบนแขนกลทั้งสี่ ยิงกระหน่ำใส่เรา
ส่วนอีกคนใช้พลังภูติจากปีก สร้างความแปรปรวนของความหนาแน่นในพื้นที่ เพื่อเบี่ยงวิธีรังสีให้เกิดความซับซ้อนหลอกลวง
เป็นการโจมตีผสานที่ทำให้คาดเดาได้ยากขึ้น ว่าควรจะหลบไปในทิศทางไหน
ไอเดียไม่เลว ที่เอาหลักวิทยาศาสตร์กับวิทยาศาสตร์เวทมนตร์มาผสมกัน
ภูติทั่วไปกว่าจะร่ายเวทบทใหญ่ ต้องใช้เวลามากกว่า 10 ถึง 15 นาที
พวกที่ได้รับการฝึกระดับทหาร จะตกเฉลี่ยที่ 5 ถึง 8 นาที หรืออาจสั้นกว่านั้น
พวกเก่ง ๆ ระดับตำนาน จะอยู่ที่ 5 วินาที ไปจนถึง 1 วินาที ตามแต่ความยากของวิชา
สรุปคือต้องใช้เวลาในการร่าย
หรือถ้าเป็นเวทบทง่าย ๆ อย่างที่เจ้าภูติกำลังใช้ ต่อให้ไม่ใช่ระดับผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถใช้เวลาอันสั้นในการสร้างปรากฏการณ์ทางเวทมนตร์ขึ้นมาได้
ถึงจะตัดสินใจได้ไม่เลวในการเลือกใช้วิชาโจมตี แต่ทว่า—
“ช่างเชื่องช้า และอ่อนแอ”
ข้าแทบไม่มีความจำเป็นจะต้องหลบ
เขาของข้าส่องแสงสว่างในชั่วพริบตาก่อนที่รังสีจะกระทบตัว
สลายพลังงานให้จางหาย ด้วยหลักการหักล้างพลังงานจนสิ้น
“เฮ้ย! ขี้โม้น่า?! ใช้เวลาแค่ชั่วพริบตาเดียวเนี่ยนะ! ออน~!”
ข้าไม่ใจดีขนาดจะปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาคุยเล่น
เสาศิลาจำนวนมากกำลังถูกสร้างขึ้นมาจากทั้งพื้น เพดาน และอากาศ
“จะ— จำนวนขนาดนี้”
“บ้าชัด ๆ !”
ไม่มีแม้แต่โอกาสจะหายใจ
ไม่มีช่องว่างมากพอจะให้แม้แต่จะเหนี่ยวไกปืนเล็ก ๆ
เพียงแค่พยายามวิ่งหนีเอาตัวรอดจากการโจมตีของเสาศิลาหิน ยังแทบจะทำไม่ไหว
แขนกลของอีกาดำที่ภาคภูมิใจทั้งสี่ข้าง ถูกเสาศิลาแทงทะลุทำลายทิ้งไปถึง 3 ข้าง
เจ้าภูติคู่หูของมัน โดนถากใส่แขนหนึ่งข้าง จนเหลือเพียงมือเดียวที่พอจะถือปืนไหว
ยังรอดกันได้อีกหรือ? — ไม่สิ พลังของข้ามันน้อยลงไปมากต่างหาก…
พวกมันทั้งสองคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด ชนิดแบบหมาจนตรอกเข้าไปในซอกมุมอับสายตาของโพรง
พร้อมกันนั้น ได้มีระเบิดสร้างพื้นที่อณูเวทมนตร์ศูนย์ถูกโยนสวนกลับมา
แต่ระเบิดแค่นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่
เราใช้หางจับมันโยนทิ้งไปที่อีกฟากของพื้นที่ได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว
“ใช้หางโยนระเบิดทิ้งไปได้ง่าย ๆ เลยเรอะ! คู่หู ไหนว่าแบมซีเป็นแค่นักวิทยาศาสตร์เวทมนตร์ที่เก่งกาจ แต่พลังกายห่วยแตกสุด ๆ ไม่ใช่หรือ? ออน~!”
“ข้าเองก็พึ่งรู้เนี่ยแหละว่าเธอเก่งมากกว่าที่เคยรู้!”
“…”
รีบปิดเกมส์ดีกว่า
สร้างเสาศิลา— ระบุตำแหน่งโพรงที่พวกมันใช้ซ่อนตัว
พื้นที่ภายในรูมุดแคบ ๆ แบบนั้น ไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้อีก—
“เหวออออ!”
“ร่วง…! ร่วงลงมาแล้ว! เพราะนายดันเดินมาชนนั่นแหละไอเชี่ยฑาทิม!”
“เพราะแกอยู่ ๆ ดันหยุดเดินเองต่างหากเจ้าหน้าอ่อน!”
“มันช่วยไม่ได้นี่! เพราะอยู่ ๆ เหมือนจะรู้สึกถึงสัมผัสของคนรู้จักมาจากด้านล่างเมื่อกี้!”
“พูดอะไรของแกกันวะไอน่าอ่อน? ทำอย่างกับเป็นพวกคนเห็นผีไปได้ ฟังแล้วขนลุกฉิบ!”
“ก็เห็นผีได้จริง ๆ อะ”
“… ว่าแต่ทำไมข้าน้อยถึงดันติดร่างแหมาอีกคนกันได้เจ้าคะ? ”
“จะอะไรก็ช่างพวกเราสามคนกำลังจะร่วงแล้ว!”
““แว๊กกกกก!””
*ตุ๊บ*
“เจ็บ ๆ !”
“ให้ตายสิวะ!”
“ศัตรูเจ้าค่ะ!”
มีแขกไม่ได้รับเชิญสามคนกำลังร่วงลงมาจากด้านบน
เผ่ายักษ์ มนุษย์ กับมนุษย์สัตว์อีกหนึ่ง
เจ้าพวกที่มีมิตรอันดีกับเทพสารเลว
ฟังจากที่พูด สงสัยคงจะร่วงลงมาจากหนึ่งในเส้นทางวงกต แล้วบังเอิญไหลมาตามเส้นทางจนมาถึงที่นี่โดยบังเอิญ
แทนที่จะได้เจอกับพวกเทพเจ้า กลับต้องมาเจอพวกบ้าบอก่อนหรือนี่?
“…”
ข้าเริ่มรู้สึกเหนื่อย
บางทีการสร้างร่างเทพเจ้าเทียมขนาดใหญ่ อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหรนัก
อย่างว่า พึ่งจะลองใช้อย่างจริงจังวันนี้วันแรก…
ตอนนี้เก็บแรงเอาไว้ก่อน แล้วมองดูพวกคนสนิทของเทพเจ้าถูกสังหารน่าจะเป็นการฉลาดกว่า
“… ฝากจัดการที”
“ตามรับ— บัญชา ค่ะ”
สตรียักษ์ที่ถูกสิงสู่ได้ขานรับคำสั่ง แล้วเริ่มโจมตีออกไปในทันที
MANGA DISCUSSION