***ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 โทว์ ปี 126 เวลา 24:00 น.***
ณ ล้านกว้าง หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่งของเมืองหลวงในทวีปคริสตัล
แสงแดดอันร้อนแรงกำลังสาดส่องจนทำให้ผู้คนเหงื่อไหลย้อยเป็นสายน้ำ
แต่ทว่าที่ลานกว้างแห่งนี้กลับร่มรื่น เต็มไปด้วยร่มเงาจากไม้ใหญ่ จึงทำให้เป็นสถานที่นิยมสำหรับการนัดเรียกรวมตัวชุมนุมของผู้คน
“เอาละ ถึงที่นัดหมายแล้ว รอก่อนนะเจ้าหนูไซน์ พ่อบุญธรรมสุดแสนใจดีผู้นี้พร้อมที่จะมารับตัวแล้ว!”
“แต่ลูกตาหัวหน้าเป็นรูปอักษรเงินยูนิตชัดเจนแจ่มแจ้งเลยนะครับ”
“แถมยังหายใจแรงอีก”
“เรียกตำรวจให้เตรียมพร้อมจับหัวหน้าเข้าตารางก่อนล่วงหน้าดีไหมเนี่ยพวกเรา? ”
*กรร*
ชายเผ่ายักษ์ผมสีเพลิงคนหนึ่ง กำลังเป็นเป้าสายตาของลูกน้องกับมังกรเลี้ยงของตัวเอง
ถึงกระนั้น เขากลับหาได้สนใจสายตาที่กำลังส่งมาอย่างรังเกียจนั้นไม่
เพราะจิตใจของเขากำลังตื่นเต้นเบิกบาน อันเนื่องจากตัวเองกำลังจะได้กลายเป็นพ่อคนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
“ถึงข้าจะหื่นกาม แต่ไม่ได้เลวขนาดจะจับเด็กกินหรอกนะ”
“ไม่เชื่อ”
“อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ”
*กรร*
“ปากเหม็นน่าพวกแก!”
ฑาทิมยกกำปั้นขู่ลูกน้องตัวเอง แล้วเดินเข้าไปที่กลางลานนัดหมายตรงใต้รูปปั้น [เทพทั้งสาม] ที่วางตั้งอยู่ตรงใจกลางน้ำพุ
มันเป็นรูปปั้นที่สวมฮูทคลุมหัวปิดบังใบหน้า ไม่รู้รูปลักษณ์ – เพศ – อายุ และเผ่าพันธุ์
หนึ่งตนไม่มีแขน หนึ่งตนไม่มีขา หนึ่งตนไม่มีใบหน้าแท้จริง
เป็นรูปปั้นที่ถูกบรรจงปั้นตามจินตนาการของผู้นับถือ แล้วมาวางประดับเอาไว้ในสวนแห่งนี้
ที่ใต้รูปปั้นนั้น มีคนกลุ่มหนึ่งได้มารวมตัวกันอยู่ก่อนหน้าแล้ว
“หืม? ทำไมคนเยอะแบบนั้นละ? ”
ฑาทิมพูดอย่างสงสัยกับตัวเอง
ถึงจะบอกว่าเป็นสวนยอดนิยมสำหรับนัดพบ แต่ในเวลาเที่ยงตรงที่ร้อนระอุแบบนี้ คงไม่ค่อยมีคนอยากจะออกมาจากพื้นที่นอกอาคารกันนักหรอก
เขาเดินเข้าไปใกล้คนกลุ่มนั้นด้วยความสงสัย
แล้วเมื่อเห็นใบหน้าของคนกลุ่มที่ว่า เขาก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ
“เจ้ามนุษย์หน้าอ่อน!! ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่!”
“ฑาทิมเองเรอะ? ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่!? ”
สองหนุ่มกำลังยืนชี้นิ้วใส่กันเองด้วยความสงสัย
“เสียงนั้น… เจ้าออน!”
“อ่าว? เสียงนี้—? คุณออนไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ”
“เฮ้ย! คุณควอตซ์ นี่ตกลงคุณควอตซ์เองก็จะมารับ—? แล้วตรงนั้น… ยัยโรโยตี้… เธอเกี่ยวอะไรด้วย!”
“กะ— กระต่ายน้อยน่ารัก แล้วยังมีแมวน้อยน่ารักอีกคน!”
กลายเป็นสี่คนที่กำลังชี้นิ้วใส่กันเอง
“หืม–? นั่นมันแม่สาวกระต่ายตัวแสบ กับเจ้าคนที่ถูกยัยแมรี่ลากไปในงานเลี้ยงทิ้งทวนเมื่อวันก่อนหรือเปล่า? ”
“นะ— โนอาร์!!”
“ผะ— ผู้นำสูงสุดของเผ่ามนุษย์สัตว์โนอาร์!”
“เดียว—!? ทำไมโนอาร์ถึงมาอยู่ที่นี่!? ”
ห้าคน…
“เมื่อกี้เหมือนจะได้ยินชื่อนายหญิงแมรี่! พวกเจ้าเป็นคนรู้จักของนายหญิงแมรี่อย่างงั้นหรือค่ะ!”
““แล้วเธอคือใคร!!!””
“นี่ไม่มีใครรู้จักฉัน [ชี] รองหัวหน้าแก๊ง [ภูติสีชาด] ของท่านนายหญิงแมรี่กันเลยเรอะ!”
“ส่วนผมคือรองของรองหัวหน้า [ชาง] ยังไงละ!”
““ก็แล้วคือใครกันละ!!!””
จบลงที่ทุกคนกำลังชี้นิ้วรุมใส่สองคนสุดท้าย ที่เป็นผู้หญิงเผ่าปีศาจผิวสีเงินร่างใหญ่ กับลิซาร์ดแมนเกล็ดสีเขียวที่เต็มไปด้วยแผล
รวมทั้งสิ้นเจ็ดคนที่ได้มารวมตัวกัน
“เอาเถอะ เรื่องบังเอิญแบบนี้คงเกิดขึ้นได้บ้าง เอาเป็นว่าตอนนี้ข้าขอยึดพื้นที่ลานน้ำพุแต่เพียงผู้เดียว เพราะอีกเดียวข้าจะต้องรอต้อนรับลูกสาวคนใหม่ของข้า!”
“ฑาทิมครับ นี่คุณ (มึง) ไปมีลูกสาวกับเขาตอนไหนไม่ทราบครับ? ”
“ฟังแล้วอย่าอิจฉาเชียวละ เพราะว่าน้องไซน์ นักบวชฝึกหัดสายตรงของพวกคุณลาพิสได้ระบุชื่อของข้ามาโดยตรง ว่าอยากได้ข้าเป็นพ่อบุญธรรมเลยเชียวละ! ได้รับนางมาเลี้ยง ก็เหมือนกับว่าข้าได้แต่งงานกับคุณลาพิสไปแล้วครึ่งหนึ่งยังไงละ!”
“ที่แท้หัวหน้าก็ดีใจเรื่องนี้เองหรือเนี่ย!”
“ก็ว่าอยู่ว่าหัวหน้าอารมณ์ดีผิดปกติ”
ชายร่างยักษ์พูดจาอย่างอวดเบ่งพร้อมกับถือกระดาษรับจัดจ้างงานออกมาแสดงให้อีกฝ่ายดูต่อหน้า
“สรุปนี่มาเพราะเรื่องของหนูไซน์เหมือนกันสินะครับ? ”
“เหมือนกัน? ”
ฑาทิมแสดงสีหน้าสับสน
เมื่อเห็นดังนั้น ออนจึงเดินเข้าไปชี้ตรงที่ท้ายสุดของใบประกาศรับงานที่เขากำลังถือโชว์
บนท้ายประกาศนั้น ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า
***
*ระบุตัวตน คนที่มีคุณสมบัติสามารถเป็นพ่อหรือแม่บุญธรรมดังนี้
***
“สรุปคือไม่ได้มีแค่ฑาทิมที่ถูกเรียกตัวมาเป็นพ่อบุญธรรมครับ”
“เฮ้ย! ข้าพึ่งเห็น!! แล้วนี่หมายความว่ายังไง!? จะให้มาแข่งกันเป็นพ่อแม่บุญธรรมอีกทีอย่างงั้นเรอะ? ”
เขาตะโกนลั่นเช่นนั้น แล้วหันไปมองทางสตรีกระต่าย กับสตรีแมวสีฟ้า
“แล้วใครคือคนที่ชื่อ ควอตซ์ ครับ? ”
“เออ… ข้าน้อยเองเจ้าค่ะ? ”
“นะ— น่ารัก! อย่าไปสนเจ้ามนุษย์ที่อ่อนแอตรงนั้น แล้วมาแต่งงาน เป็นพ่อแม่บุญธรรมร่วมให้กับหนูไซน์ด้วยกันเถอะครับ!”
“ไหนแกบอกว่าชอบคุณลาพิสไม่ใช่เรอะ! แล้วคนที่พึ่งจะเจอหน้ากัน ก็ไปขอเขาแต่งงานเลยเนี่ยนะ!? ไอเจ้ายักษ์หน้าม่อ!”
ออนกระโดดพร้อมกับคว้าเอากระดาษพัดที่ไม่ทราบที่มา ฟาดลงใส่ศรีษะของฑาทิมเต็มแรง
“จะเอาเรอะเจ้าหน้าอ่อน!”
“ก็เออสิ!”
“ให้ตายสิ มีแต่พวกบ้าทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กคนนั้นใช้ชื่อของแมรี่มาเรียก ฉันไม่มีทางมารวมตัวที่นี่แน่”
“ข้าเองก็ถูกหนูน้อยคนนั้นเรียกมาเช่นกัน เห็นว่านายท่านหญิงกำลังลำบาก อยากให้มาช่วยอะไรสักอย่าง”
“ฉันเองก็ถูกเรียกมาด้วยเหตุผลเดียวกันค่ะ”
เกิดความวุ่นวายขึ้นมาเล็กน้อยในสถานที่รวมตัวของคนบ้า
แต่แล้วท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้น
“ขอบคุณทุกคนที่มารวมตัวกันนะคะ!”
เธอคนนั้นคือเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่มีผมสีขาวโพล้น
เธอมาพร้อมกับเหล่าน้องสาวร่างโคลนของตัวเองอีกสามคน กับพี่เลี้ยงมนุษย์นกหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ที่พามังกรมาอีกสองตัว
“ไซน์!”
“โอ๊วว พ่ออยู่ที่แล้วไซน์!”
“เธอยังไม่ได้ประกาศรับใครเป็นพ่อบุญธรรมอย่างเป็นทางการแล้วเสียหน่อย”
ผู้คนที่มารวมตัวเริ่มส่งเสียงดังอีกครั้งต่อการปรากฏตัวของผู้จ้างวาน
“กรุณาเงียบก่อนค่ะ!”
ทั้งที่ควรเป็นงานที่ดูตลกขบขันชวนให้อมยิ้มจากเจ้านายตัวน้อย แต่ทว่าวินาทีนั้นบรรยากาศโดยรอบกลับเริ่มดูตึงเครียดขึ้นมาแทน
น้ำเสียง และใบหน้าของเด็กสาวผมสีขาว กำลังบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่ามันมีความหมายมากกว่าสิ่งที่กำลังมองเห็น
“ก่อนอื่น บางคนอาจรู้จักกัน บางคนอาจไม่รู้จักกัน แต่ฉันมีเหตุผลที่เรียกทุกคน– ที่น่าจะเป็นคนรู้จักของพวกพี่สาวมารวมตัวกันที่นี่ค่ะ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ความจริงแล้ว ไม่กี่วันก่อน ฉันพึ่งถูกพวกคุณ แมรี่ ลาพิส กับเอโซ ทิ้งมาค่ะ แล้วปล่อยให้มีแค่พี่สาวเปอร์ไซต์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตรงนี้ดูแลแทนค่ะ”
“ช่าย~ ใจร้ายมากเลยละ”
“ถึงจะถูกทิ้งโดยไม่บอกสาเหตุ แต่ฉันคิดว่าพวกคุณแมรี่ต้องมีเหตุผล ดังนั้น ทุกคนที่ถูกเรียกมาที่นี่วันนี้ คือคนที่ฉันคิดว่าเป็นบุคคลใกล้ชิดของเหล่าพี่สาวฮีโร่— เป็นคนที่พวกพี่สาว แมรี่ ลาพิส กับเอโซ สามารถเรียกได้ว่าเป็นมิตรสหายที่แท้จริงในสายตาของฉันค่ะ”
“มีคำถาม งั้นทำไมถึงไม่เรียกยัยแวมไพร์มาด้วยละ? ”
เด็กสาวถูกแมวน้อยโนอาร์พูดแทรก
“… คนนั้นเป็นถึงระดับผู้นำทวีป– หนูไม่กล้าเรียกมางะ”
“แต่กลับกล้าเรียกฉันเนี่ยนะ? ”
“ก็… ก็ในงานวันก่อนเห็นคุยซุบซิบกับพี่สาวแมรี่อย่างสนิทใจ แถมเป็นคนทางศาสนาเหมือน ๆ กัน… เลย… เลยรู้สึกว่าเข้าถึงง่าย… กว่า… ”
“ไม่ต้องเสียงอ่อยขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่จับเธอกินหรอก เอาเป็นว่ามีเรื่องอะไร รีบเล่ามาเถอะ~ เนี๊ยว~”
โนอาร์ยิ้ม แล้วปล่อยให้เด็กน้อยผมสีขาวพูดต่อ
“ฉัน— อยากจะได้ความช่วยเหลือจากพวกคุณ เพื่อช่วยเหลือฮีโร่— ช่วยเหลือคนที่ช่วยพวกเรามาตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ได้เวลาที่พวกเราจะตอบแทนบุญคุณคนกันแล้วค่ะ!”
และที่นี่คือเรื่องราวที่มาทั้งหมดของเหตุการณ์ในอดีต—
***ตัดกลับมาปัจจุบัน***
“ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเรามีพรรคพวกมาช่วยเหลือในยามจำเป็นอย่างที่เห็นแบบนี้ยังไงละ”
“เป็นไปไม่ได้!”
ราชินีแบมซีกรีดเสียงร้องดังลั่น
“ข้าเฝ้ามองผ่านดวงตาเทพเจ้าจากอีกมิติที่เหนือกว่ามาตลอด! ข้ารู้ว่าพวกแกทิ้งเด็ก แต่ไม่ได้มอบคำสั่งอะไรไปให้เลยไม่ใช่หรือ!? แล้วทำไมถึงมีไอพวกงี่เง่าปรากฏตัวมาช่วยพวกแกได้!”
“เอาจริง ๆ ขนาดเราเองยังไม่ได้คาดหวัง ว่าจะมีคนมาช่วยเสียด้วยซ้ำ”
นักบวชสาวผมสีเหลืองพูด แล้วหันกลับไปดูกองทัพของฝั่งตัวเอง
“เพราะเราไม่ได้ให้คำสั่งอะไรเด็กคนนั้นไปจริง ๆ นั่นแหละ”
“แล้วทำไม—!”
“คงต้องบอกว่าไอพลังแห่งความเชื่อใจ มันมีอยู่ในโลกที่โสมมนี้จริง”
นักบวชสีเหลืองพูด
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและเปี่ยมสุข
“พวกเราสามเทพเป็นอย่างที่เธอว่า เลว! ชั่ว! เอาแต่เล่นสนุกกับชีวิตเบื้องล่าง”
“แต่พอได้มาจุติใหม่อีกครั้ง”
“ได้ใช้ชีวิตกับผู้อื่น”
[ได้มีสร้างมิตรสหายใหม่ (ᗜˬᗜ) ]
“เลยเรียนรู้ว่าการเชื่อใจคนอื่นบ้างมันก็ไม่เลวเหมือนกัน”
“ข้อผิดพลาดของเธอคือการที่รู้จักพวกเราดีเกินไป”
“เพราะพวกเราเองก็คิดเหมือนเธอ ว่าพอถึงเวลา พวกเราคงไม่คิดขอความช่วยเหลือจากใคร ด้วยความที่มีนิสัยสันโดษขนาดนี้”
“แต่ความจริงมันไม่ใช่”
[ไม่ใช่ค่ะ (ᗜˬᗜ) ]
ทั้งสามคนเริ่มพูดบรรยายสลับกัน
“เราแค่อยากเดิมพัน ลองเดิมพันและเชื่อใจคนอื่นสักครั้ง”
“เชื่อใจ— ว่าเจ้าหนูตัวน้อยไซน์กับไอพวกเด็กซนทั้งสามคน จะมองเห็นถึงความลำบากของพวกเราผ่านทางแผ่นหลังที่ทอดทิ้งพวกเธอ”
[แล้วให้เธอไปตามคนอื่นมาช่วย (ᗜˬᗜ) ]
“ด้วยความตั้งใจของเด็ก ๆ เอง”
“ด้วยเหตุนี้ เธอที่ตามเฝ้ามองแต่เรา เลยมองข้ามการกระทำที่เกิดจากการด้นสดของหนูไซน์ไป”
“แผนที่ไม่มีในแผนแต่แรก จะให้วางแผนรับมือล่วงหน้าได้ยังไง จริงไหม? ”
นักบวชทั้งสามคนพูดเช่นนั้นแล้วเหลือบไปมองข้างหลัง
ภาพ– ร่างเงาแห่งวิญญาณที่มารวมตัวกัน
ทั้งนายตำรวจที่เคยถูกพวกเธอแกล้งจับเป็นพ่อบ้าน
ทั้งกลุ่มของฑาทิมที่พวกเธอเคยใช้เป็นทั้ง TAXI ขนส่งฟรี รวมไปถึงใช้เป็นเหยื่อล่อศัตรู
ทั้งลูกศิษย์ฝึกวิชาวิญญาณ
ทั้งนกติดบัค ที่หลงเหลือมาจากยุคสมัยที่พวกเธอจงใจจับมาใช้ทำสงครามในยุคแห่งการจำลองทำสงคราม
ทั้งคนที่เคยเกือบถูกแมรี่ฆ่าทิ้ง
ทั้งพวกแก๊งป่วนเมืองที่ถูกแมรี่รวบรวมมาใช้งานช่วงหนึ่ง
แม้แต่คนที่ถูกหลอกใช้เพื่อเป็นกระเป๋าเงิน
แล้วยัง— เด็กสี่คน ที่พวกเธอมองว่าเป็นภาระ
ไม่เคยทำดีด้วยเลย
ไม่เคยคิดประพฤติดีด้วยอย่างบริสุทธิ์ใจ
แต่ยังได้รับความช่วยเหลือกลับมา
มีความสุข…
นักบวชทั้งสาม
เทพเจ้าทั้งสามที่มีอดีตถูกทอดทิ้งจาก [ครอบครัว]
เวลานี้ พวกเธอได้มี [ครอบครัว]
หยาดน้ำตาหยดหนึ่ง ได้หนึ่งเกิดขึ้นใต้เป้าตาอย่างไม่ทันรู้สึกตัว
“ตัวประกันของแกไม่มีอีกต่อไปแล้ว— ได้เวลา ของฮีโร่ปราบวายร้าย!”
MANGA DISCUSSION