ในยุคสมัยที่เทพทั้งสามสร้างโลก
พวกเขาต้องการที่จะเล่นสนุกกับชีวิต
เหมือนมนุษย์ที่สร้างเกมส์สงครามจำลองเพื่อความบันเทิงด้วยคอมพิวเตอร์ เทพเจ้าทั้งสามเองก็สร้างโลกจำลองเช่นนั้นขึ้นมา
แต่ทว่า– เทพเจ้าสามองค์นั้น กลับเลือกที่จะใช้เลือดเนื้อกับวิญญาณในการสร้างเกมส์นองเลือด
คัดเลือกเผ่าพันธุ์
คัดเลือกวิญญาณที่หมายตา
แล้วจับมาขังในโลกที่ตัวเองสร้าง ล้างสมองความทรงจำ แล้วสร้างสถานการณ์ที่บีบบังคับในการทำสงคราม
ไร้ซึ่งวัฐจักรเวียนว่ายตายเกิด ทำสงครามวนลูปอย่างไม่จบสิ้น— จนถึงวันที่พวกเทพเจ้าเบื่อหน่ายกันไปเอง…
***
[ศัตรู… มันลอกการบ้านพวกเราค่ะ…]
“โดยใช้พวกเด็ก ๆ ”
“ชิ…”
เทพเจ้าทั้งสามคนที่ว่า กำลังยืนมองฉากสงครามของสาวน้อยผมสีขาว จากบนยอดภูผาที่ยานของตัวเองลงจอด
มันเป็นภาพที่โหดร้าย
เลือดสาดเทกระจาย
ทุกคนต่างฆ่าฟันด้วยดวงตาที่เสียสติ
“เพื่อท่านลาพิส!”
“เพื่อท่านเอโซ!”
“เพื่อท่านแมรี่!”
ถูกชักนำความคิดให้ตะโกนร่ำร้องชื่อของเทพเจ้าที่ตนเองนับถือ แล้วฆ่าฟันฝ่ายที่เห็นต่างอย่างบ้าคลั่ง
ฆ่า— ราวกับไม่เห็นอีกฝ่ายเป็น [คน] เหมือนกัน
“ดูจากแววตาแล้ว พวกเด็ก ๆ กับคุณป้าเทเรซ่าคงถูกปลอมแปลงความทรงจำ”
นักบวชผมสีเหลืองพูดอย่างครุ่นคิด แล้วชี้ไปที่แววตาอันดุร้ายของยายแก่คนหนึ่ง
ยายแก่คนนั้นพึ่งคืนชีพกลับมาจากคริสตัล แล้วจับลูกตุ้มเหล็กในสภาพสวมชุดคลุมสีดำ วิ่งกระโจนไล่ทุบเหล่านักรบเด็กน้อยเป็นว่าเล่น
” ป้าแกไม่มีทางมีแววตาแบบนั้นได้”
” รวมไปถึงนิสัยด้วย…”
ทุกศพที่ตายในสนามรบทุ่งหญ้า จะทิ้งกายเนื้อทอดเหนือแผ่นดิน
ต้นหญ้าจะแทงยอดสูง เข้าหุ้ม แล้วดูดกลืนศพ
กระแสวิญญาณจะถูกดูดกลับคืนใต้ผืนพิภพ กลับคืนสู่แท่งคริสตัลเจ็ดสีที่ลอยเหนือวงแหวน ณ ปลายขอบของโลกทั้งสามฝั่ง
แท่งคริสตัลเริ่มเรื่องแสงเจิดจ้า คืนกายเนื้อ และวิญญาณ คืนสู่สนามรบอันโหดเหี้ยมต่อไป
ด้วยการแบ่งฝ่าย แบ่งกำลังพล ที่ถูกคำนวณให้เท่าเทียมมาอย่างดี
สงครามจำลองนี้จะไม่มีวันจบสิ้นตราบจนฟ้าดินแตกสลาย—
“บังอาจมาทำกับพวกเด็ก ๆ ! – -!!”
“ใจเย็นก่อนแมรี่!”
นักบวชภูติผมสีแดงกำลังเลือดขึ้นหน้า
เธอทำท่าจะใช้พลังบางอย่าง แต่กลับถูกสหายอีกคนหยุดเอาไว้
“ของพวกนี้ มันไม่แตกต่างจากสิ่งที่พวกเราเคยทำในอดีต… จะไปโกรธมันทำไม? ก็แค่เกมส์สงครามเกมส์หนึ่ง… อย่าได้เอาอารมณ์เป็นที่ตั้งเพราะแค่เป้าหมายที่ถูกใช้เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเราสิ”
นักบวชผมสีเหลืองพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์
ถึงดวงตาและน้ำเสียงจะแสดงถึงความไม่ใส่ใจ
แต่—
“อย่าได้ใช้อารมณ์นำไปเลย…”
—แต่ปีกของเธอที่แข็งกร้าว มันกำลังสั่นอย่างรุนแรง
ถ้ามีนิ้วทั้งห้าแบบเผ่าอื่น ๆ เธอคงใช้นิ้วจิกฝ่ามือตัวเองจนนองชุ่มไปด้วยเลือดแล้ว
“ลาพิส… พอจะจับที่อยู่ของตัวการ หรือต้นตอในการชักใยทางความคิดไหม? ”
[ยังไม่พบตัวการ แต่คลื่นวิญญาณของทุกคนกำลังถูกคริสตัลแห่งชีวิตทั้งสามเชื่อมโยงเอาไว้ค่ะ]
“เข้าใจละ ตอนนี้พวกเราต้องหาวิธีแก้อาการล้างสมองของพวกเด็ก ๆ กับคุณป้าก่อน”
“ทำยังไง? ”
“จับมัดเรียงตัว แล้วค่อยใช้วิชาเทพเจ้า สะกดจิตวิญญาณย้อนกลับเพื่อคืนสติ”
“เข้าใจแล้ว!”
“แหม่ ๆ วางแผนกันเสร็จหรือยังคุณเหล่าเทพเจ้าผู้น่าชิงชัง ”
เสียงที่เย้ายวนได้ดังกังวาล
เหนือสนามรบภายในโลกที่มีแต่ทุ่งหญ้ากับภูเขาหนึ่งลูก ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นกึกก้องไปทั่ว
บนท้องฟ้าสีฟ้า มีภาพของสตรีเผ่าปีศาจวาดประทับปรากฏ
“ยัยนี่มัน — แบนซี? ”
“ฮุ ฮุ ฮุ~ รู้สึกเป็นเกียรติมาก พวกท่านยังจดจำเหยื่อแบบดิฉันได้”
“ต้องจดจำได้อยู่แล้วสิ…”
“ไม่ทราบว่าถูกใจกับโลกที่ดิฉันสร้างเตรียมต้อนรับเอาไว้ให้หรือเปล่าคะ? ”
“ไม่เลย เพราะเป็นแค่ของเลียนแบบราคาถูก ถ้าอยากจะให้เวทีสงครามมันสนุกกว่านี้ ต้องไม่ล้างสมองคน แล้วเราจะได้เสพทุกรสชาติของอารมณ์ ทั้งความหวัง ความทุกข์ ความรัก มิตรภาพและการทรยศ ตั้งมากมายยังไงละ”
” ฮุ ฮุ ฮุ~ ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันจะเก็บเอาไว้ไปปรับปรุงค่ะ”
วินาทีที่เห็นสตรีปีศาจสีเงิน เหล่าเทพเจ้าจักจดจำขึ้นมาได้
ในอดีต ตอนที่เล่นสนุกกับสงครามครั้งที่สอง
สงครามที่จำลองสร้างรูหนอน แล้วชักนำให้คนจากดาวต่าง ๆ มาสู้รบกัน
ช่วงเวลาแห่งการถือกำเนิดของเผ่าปีศาจ
ราชินีสีเงิน [แบนซี] คือบุคคลที่ถูกพวกเธอจับกินวิญญาณ ก่อนจะถูกนำไปปลดปล่อยในที่ถูกที่ควรเพื่อคืนสู่วัฐจักร—
“เธอหนีออกมาจากคอลเล็กชั่นของผมได้จริง ๆ ด้วย!”
—คืนสู่วัฐจักร….
…
หืม?
เหมือนจะมีใครบางคนพูดอะไรบางอย่างออกมา?
“เออ… คุณแมรี่คะ? ปกติไม่ใช่ว่าวิญญาณทุกดวงที่ถูกพวกเราแกล้งในอดีต ต้องเอาไปใส่คืนในวัฐจักรเวียนว่ายตายเกิด เพื่อเลี่ยงการถูกท่านยมจับ หรือมีวิญญานที่มีความทรงจำหลงเหลือกลับเข้าสู่โลกคนเป็นไม่ใช่หรือคะ? ”
“อ๊ะ? เผลอหลุดปากออกไป!”
“ต้นเหตุทุกอย่างมันมาจากเธอจริง ๆ ด้วย! ลาพิส จับยัยแมรี่มาเชือดทิ้งเลย!”
[รับทราบค่ะ!]
” แอ๊ะ? ”
วินาทีนั้นราชินีสีเงิน แบมซี ถึงกำเบ้ปากต่อภาพที่ตัวเองกำลังก้มลงมามองดูจากอีกฟากของกำแพงมิติ
เพราะสามเทพที่เธอแค้นหนักหนา กำลังเริ่มตบตีต่อสู้กันเองแล้ว
“ตายซะสหายแมรี่ เดียวศพของเธอเราผู้นี้จะเอาไปประดับที่หน้าวิหารให้เอง!”
“ไม่เอา!”
นักบวชสีเหลืองเกร็งปีกจนแข็งเป็นดาบสีทอง
ดาบสีทองที่ถูกหุ้มด้วยคลื่นพลังงานวิญญาณมหาศาล
เธอใช้ดาบสีทองนั้นเหวี่ยงลง ตัดจากบนลงล่าง
ส่วนนักบวชสีแดง เธอกำลังรีบบินหลบหนีขึ้นฟ้า
*ฉับ!*
พริบตานั้นได้เกิดคลื่นดาบฟันทะลุภูเขา พุ่งตรงลงมาจากบนยอดลงข้างล่าง แหวกแผ่นดินจนเกิดเป็นรอยแยก แบ่งคลื่นกองทัพผมสีขาวที่กำลังโหมโรมรัน จนเวทีแตกกระเจิงเป็นสองฝั่ง
[กรุณารอสักครู่ เดียวจะจับตัวการไปให้ต้มยำทำแกงค่ะ ^~^]
“เออ…? ”
ราชินีสีเงิน แบมซี เบ้ปากรอบสอง เมื่อเห็นป้ายคำอธิบายถึงสาเหตุที่ทะเลาะกันเอง
“ไม่ใช่ว่านัดกันมาเพื่อตบกับข้าหรอกหรือ? ”
เธอกำลังคิดเช่นนั้น
นักบวชสีฟ้ากระโดดตีลังกา
เธอวาดวงขาออก หุ้มปลายเท้าด้วยพลังงานวิญญาณ แล้วฟาดมันออกไปเต็มแรง ชนิดไม่มีกัก
ฝ่ายภูติผมแดงที่บินหลบการโจมตีแรกได้ ถึงกับต้องรีบกางม่านบาเรีย แล้วสร้างระเบิดลมระยะประชิดศูนย์ เพื่อใช้แรงดันพลักตัวเองให้หนีไปจากศูนย์กลางการระเบิด
*บรึ้ม! *
แผ่นดินถึงกับสั่นสะเทือน
จุดปะทะใจกลางอากาศได้ปะทุขึ้น กลายเป็นคลื่นอากาศที่กระจายออกรอบทิศทาง
หนึ่งในคลื่นกระแทกนั้น ได้พุ่งลงสู่สนามรบ แหวกแผ่นดินให้แตก แบ่งสนามรบอันยุ่งเหยิงให้กลายเป็นอีกส่วน
เพียงการปะทะแค่สองครั้ง แผ่นดินทุ่งหญ้าจักแยกออกเป็นสามส่วน ถูกคั่นด้วยหุบเหวลึก จนไม่มีใครอาจข้ามไปฆ่าฟันอีกฝ่ายได้
” แว๊ก! นี่กะเอากันถึงตายจริงหรือเนี่ย!? หน่อย!”
ภูติหัวแดงกรีดร้องทั้งน้ำตา
เธอบินขึ้นไปในจุดที่แทบจะแนบชิดกำแพงมิติส่วนเพดานของโลกจำลอง
กางปีกออก แล้วเร่งพลังงานวิญญาณ ผสานพลังภูติ
ปีกจักเรื่องแสงรองสีขาว
เปล่งประกายดั่งเป็นเทวฑูติจากสวรรค์
ดลบันดาล สร้างปาฏิหาริย์ เกิดเป็นละอองหมอกสีม่วงอันน่าหวั่นใจปกคลุมโลก
“อย่าไปดมมันลาพิส มันคือยาสลบ!”
[รับทราบค่ะ]
นักบวชทั้งสองกระโจนตัวขึ้นทะลุผ่านเหนือหมอกม่วงด้วยแรงกระโดด
หมอกพิษที่ปกคลุมโลกทั้งใบ ทำให้แผ่นดินนั้นเข้าสู่ความเงียบสงัด
เหล่าเด็กน้อย รวมไปถึงนักบวชราแห่งวิหารเทพ ต่างพากันล้มตัวสิ้นสติแนบเนื้อเหนือแผ่นดิน
เสียงอาวุธหล่นกระทบดังกรุ๊งกริ๊ง สิ้นเสียงสงครามในบันดล
“อย่าคิดว่าข้าจะโง่นะยะ ไอพวกสวะ!”
เธอพึ่งรู้ตัว
การทะเลาะกันของสามสาวเป็นเพียงแค่ละครลิง
พอรู้ตัวอีกที สงครามจำลองที่เตรียมมาเพื่อสั่นคลอนจิตใจ ได้ถูกทำให้สงบลงไปอย่างสมบูรณ์
ทั้งที่คิดว่าจะใช้มันเป็นฉากหลัง
ให้มันเป็นละครฉากของเวทีต่อสู้อันยิ่งใหญ่ระหว่างเธอกับสามเทพเจ้าที่ชิงชัง
คิดว่าจะทำการต่อสู้ยืดเยื้อ เพื่อให้เจ็บปวดใจต่อภาพของการฆ่าฟัน
เธอไม่คิดที่จะมุ่งเน้นเอาชนะเทพเจ้า
เธอแค่อยากทรมาน
อยากทรมานเทพเจ้า
ถ้าระหว่างต่อสู้ แล้วมีเสียงกรีดร้องฟันแทงของเด็ก ๆ ดังแทรกเป็นเสียงฉากหลัง พวกเทพเจ้ามันจะแสดงสีหน้าเช่นไร?
ถ้าระหว่างต่อสู้ แล้วมีเด็กพวกนั้นโดนลูกหลงจากการโจมตี จะเกิดอะไรขึ้น?
แค่นึกภาพตาม ตัวเนื้อก็สั่นอย่างมีความสุข~
แต่ตอนนี้ ทุกคนกลับถูกทำให้หลับไปกันหมด…
“ช่วยไม่ได้— เปลี่ยนแผน จงตายไปซะ!”
เธอดีดนิ้ว
พริบตาที่ดีดนิ้ว มิติโลกจำลองสงครามก็เริ่มสั่นคลอน
แผ่นดินแตก
ท้องฟ้าแตก
พื้นที่ว่างกำลังแตก
รวมไปถึงเส้นเวลา
ทุกสิ่งกำลังแตก สลาย และพังทลาย
*เพล๊ง! *
ราวกับมีม่านกระจกที่กั้นระหว่างแผ่นดิน กับท้องฟ้า ได้แตกออก
ดวงดาวและทุ่งหญ้าได้หายไป แล้วถูกคืนพื้นที่อันเวิ้งว้างสู่มิติคนเป็น
ไร้ซึ่งแสงสว่าง มีแต่เพียงเสียงคลื่นน้ำที่ไหลบ่าตามผิวอุโมงค์ให้ได้ยิน
มวลทรงกลมประหลาดที่เคยลอยอยู่ใจกลาง ได้ละลายหายไปในพริบตา
“ฮะ ฮะ ฮะ! ขอต้อนรับกลับสู่พื้นที่โลกเดิม! ในพื้นที่แบบนี้ ข้าไม่คิดว่าเด็กกับยายแก่ธรรมดาจะเอาตัวรอดกันได้หรอก!”
ท่ามกลางความมืด มีเพียงแค่สตรีสีเงินที่หัวเราะร่วนอยู่เพียงหนึ่ง
ตรงหน้าของเธอ คือยานโลมาที่ลอยตัวสูง กับนักบวชสามคน ที่กำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือด้วยร่างกายที่ชุ่มเหงื่อ
” ถ้าคิดว่ายานเหาะแค่ลำเดียวจะบินไปรับทุกคนทัน ก็เอาเลย แต่ข้าก็จะหนีไป เพื่อหาเรื่องทรมานโลกนี้ต่อ! จงเลือกซะ ว่าจะทิ้งเด็กเพื่อหยุดข้า หรือช่วยเด็กกับยายแก่แล้วปล่อยให้ข้าลอยนวลไปทรมานโลกต่อ!”
เวลานั้น ตัวตนแห่งแบนซี่ได้เลือกที่จะเผยตัวเองมาในโลกของคนเป็น
แหวกมิติที่หลบซ่อน แล้วออกมาปรากฏเพื่อบีบให้อีกฝ่ายเลือก…
ไอเทพไร้นำใจพวกนี้จะเลือกใคร?
โลก หรือครอบครัวของตัวเอง?
แต่เธอรู้
เธอรู้จากการเฝ้ามองตั้งแต่ที่สร้างองค์กรคาร์นิวอย
เฝ้ามองทุกคนที่ตนสงสัย
เฝ้ามองจนรู้นิสัย
รู้— ว่าเทพเจ้าสามตนที่ดูแล้งน้ำใจ แท้ที่จริงมีจิตใจหวงแหนคนอื่นมากกว่าที่เห็น
สันโดษ ไม่เชื่อใจใครนอกจากพวกตัวเอง
ทว่ากลับหวงแหน รักของ ๆ ตัวเอง เหมือนเด็กเอาแต่ใจที่ไม่ยอมให้ใครเข้ามาแตะต้องของเล่นของตัวเอง
ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ย่อมสามารถบีบคั้นจิตใจให้เทพสารเลวทั้งสามให้รู้สึกเจ็บปวดได้อย่างแน่นอน
“ไม่อะ ขอเลือกข้อสาม ช่วยทั้งเด็ก ป้า และจับแกไปพร้อมกัน!”
แต่ทว่านักบวชสีเหลืองกลับให้คำตอบที่ไม่คาดฝัน
ในตอนนั้นเองที่ดวงตากับสัมผัสจิตของสตรีปีศาจ พึ่งจะมองเห็นบางอย่างในความมืดในระยะตรวจจับของเธอ
ในความมืดมียานลำอื่น นอกจากยานโลมาของเหล่าเทพเจ้า กำลังบินเข้ามาที่จุดศูนย์กลางของโลกด้วยความเร็วสูง
ยานเหล่านั้นมีจำนวนมาก
พวกมันบินไปรับเด็กน้อยที่ปลิวว่อนกระจาย ไม่ยอมให้ใครไหลจมไปกับกระแสน้ำ
“นี่มัน—? ”
ใคร?
ทำไมถึงมีคนนอกกล้ามาในสถานที่อันตรายแบบนี้?
ไม่ใช่ว่าพวกเธอมากันแค่สามคนนะหรอกหรือ?
หรือว่าจะแค่เป็นเรื่องบังเอิญ?
“ช่วยทุกคนกลับมาได้แล้วค่ะพี่สาวเอโซ”
“ผม นายตำรวจออน ทำการกู้ภัยเด็ก ๆ ให้แล้ว ไม่มีใครจมน้ำครับ!”
“ฉะ— ฉันเองก็มาค่ะ! โรโยตี้คนนี้! จะทำให้พวกคุณเป็นหนี้บุญคุณให้ได้! ”
“เรียนท่านอาจารย์ ข้าน้อยพร้อมประจำตำแหน่งแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้า ฑาทิม เองก็มา! วะ ฮะ ฮะ ฮะ! เริ่มรู้สึกหลงเสน่ห์ของข้าหรือยังครับคุณลาพิส!”
“คุณแมรี่ อย่ารีบหนีไปตายก่อนที่จะทำตามคำสัญญาที่ให้สิ เนี๊ยว~”
“ลูกพี่หญิง พวกเราแก๊ง [ภูติสีชาด] ขอมารายงานตัวค่ะ!”
“เปอร์ไซน์เองก็มาด้วย มาพร้อมกับเจ้าหนูมังกรที่พร้อมล้างแค้นให้พ่อมันละ~”
*กีสสส*
*ฮูมมม*
“มาจากไหนกันเยอะแยะ…!!!”
ราวกับเป็นฉากรวมพลังอันยิ่งใหญ่
มันเป็นฝูงยานเหาะจำนวนหลายสิบลำที่กำลังส่องแสงไฟจากความมืด ฉายไปรวมตรงนักบวชทั้งสามซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม
” พร้อมที่จะเจอพลังหมาหมู่หรือยัง คุณแบมซี่ผู้เคียดแค้นเทพเจ้า? ”
ก่อนจะปิดฉาก ด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ของนักบวชผมสีเหลืองเป็นการปิดท้าย
MANGA DISCUSSION