วันที่ 5 โทว์ ปี 126 เวลา 30:00 น.
ณ จุดศูนย์กลางของโลก
พื้นที่จุดศูนย์กลางของดาวไดมอน
หากถามถึงจุดศูนย์กลางของโลก หรือดวงดาวแล้ว พวกท่านจะนึกถึงสถานที่แบบไหน?
จุดที่เส้นสมมติศูนย์สูตรสองเส้นวิ่งตัดกันเพื่อแบ่งโลกเหนือ-ใต้ ตะวันออก-ตะวันตก เช่นนั้น?
หรือจะเป็นความหมายในเชิงมหาอำนาจ เพ่งมองไปที่ทวีปและเมืองซึ่งใหญ่อันดับหนึ่งของโลก?
หรือจะเป็นพื้นที่ขั้วโลก อย่างขั้วเหนือกับขั้วใต้?
ไม่ใช่…
ไม่ใช่เลย…
สำหรับโลกไดมอนแห่งนี้ มันมีนิยามของคำว่า [จุดศูนย์กลางของโลก] ที่ชัดเจนมากกว่านั้น–
“ดูกีทีก็ยังน่ากลัวไม่เปลี่ยน”
“พวกเราบ้าดีนะ ที่สร้างดาวซึ่งมีโครงสร้างแบบนี้ขึ้นมากันได้”
–มันหมายถึง ณ ที่แกนกลางของดาวตรงตามตัวอักษรของมัน
เมื่อบินตรงขึ้นไปทางทิศเหนือ หรือไม่ทางทิศใต้
บินไปจนถึงสุดขอบแผนที่โลก ตรงเส้นสมมติศูนย์สูตรที่ [0] ไม่ว่าจะเหนือหรือใต้
แล้วบินไต่ไปทางเส้นตัดตั้งของแผนที่ มุ่งหน้าไปจนถึงเส้นขีดที่ 30 ซึ่งลากตัดผ่านจากจำนวนเส้นลองจิจูดที่มีทั้งหมด 60 เส้น
บนผืนทะเลที่ไม่มีทวีปหรือแผ่นดินใด ๆ ให้มองเห็น จะพบกับหลุมน้ำวนขนาดใหญ่
มันเป็นทั้งหลุม
เป็นทั้งน้ำวน
เป็นทั้งน้ำตก
และเป็นทั้งมหาสมุทรไปในเวลาเดียวกัน
หากจะให้อธิบายถึงโครงสร้างของมัน คงคล้ายกับเป็นอุโมงค์ขนาดยักษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางระดับเทียบเท่าทวีปหนึ่ง แล้วเจาะเชื่อมจากซีกเลือกเหนือ ไปที่ซีกโลกใต้ซึ่งอยู่ในฝั่งทิศตรงกันข้าม
เมื่อใช้ดาวเทียมส่องตรงลงมาดู จะเห็นเป็นโลกทรงกลม ที่ถูกเจาะเป็นรูโดนัทอันกว้างใหญ่
ด้วยโครงสร้างของดวงดาว และแรงโน้มถ่วงอันแปลกประหลาด จึงทำให้อุโมงค์แห่งนี้เต็มไปด้วยผืนน้ำขนาดใหญ่ ที่ถูกดึงให้ไหลแนบติดเปลือกผิวโลก
เป็นอุโมงค์ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เห็นแต่มวลน้ำอันมหาศาล ที่ไหลเชี่ยวกรากไปทั่วดินแดน
สำหรับชาวดาวดวงนี้ พวกเขาได้ขนานนามของรูที่แปลกประหลาดนี้ว่า
[Big Hole] – รูขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อมไปหยั่งจุดศูนย์กลางของโลก
“มีสัญญาณชีพจรวิญญาณแรงกล้ามาจากข้างในชัดเจนเลยเอโซ”
“จะมีกับดักอะไรก็ช่าง บินลงไปเลย ลาพิส ส่วนระบบ [โฮโลมิกุไลฟ์] ฝากดูเรื่องสัตว์ร้ายโดยรอบให้ด้วย”
[รับทราบค่ะ]
ยานลำหนึ่ง
มียานเหาะทรงโลมาลำหนึ่งกำลังบินอยู่เหนือ [Big Hole] ที่ว่า
เจ้าโลมาน้อยลำนั้นกำลังลดเพดานลงต่ำ จนดูเหมือนกับเป็นสัตว์แรกเกิดที่กำลังคิดสนุก แล้วกระโดดลงไปในปากบ่ออย่างไร้เดียงสา
เงาของโลมาน้อยลำนั้น ได้ทอดเป็นเงาตามแสงแดดของวันที่สาดแสงผ่านปากหลุมเข้าไปข้างใน
“ตรวจพบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่”
*ครื่น!*
มันคือเสียงคลื่นมหาสมุทร
แทบจะวินาทีเดียวกับที่เงาของโลมาตัวน้อยทอดกายลงไปบนผิวของอุโมงค์ ได้มีคลื่นลูกใหญ่ถือกำเนิดขึ้น
คลื่นลูกนั้นมีขนาดระดับเทียบเท่ากับยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก
ตัวใหญ่ยิ่งกว่ามังกรทมิฬที่ว่ากันว่ามีปีกกว้างไกลระดับกลืนกินท้องฟ้า
เอาแค่มวลน้ำมหาศาลที่กำลังนูนขึ้นมา แล้วไหลเทกระจายออก ก็น่าจะมากพอเข้าท่วมพื้นที่ถึง 1 ใน 5 ของทวีปคริสตัลได้
“นี่— พวกเรามีใส่ไอตัวน่าเกลียดนี้เข้ามาในโลกด้วยสินะ? ”
“ใช่ ๆ ทั้งที่ผมคัดคาดไปขนาดนั้น เพราะว่ามันหน้าตาน่าเกลียด แต่เอโซก็ยังจะบ้าใส่มาให้ได้เนี่ยแหละ“ความคิดของลาพิสต่างหาก ที่ว่าอยากได้สัตว์ร้ายโหด ๆ อยู่ในดาวดวงนี้ไม่ใช่เรอะ? ”
[พอมานึกดูแล้ว… มีเรื่องแบบนั้นอยู่เหมือนกันค่ะ :3]
สามสาวพูดคุยกันเองอย่างออกรสชาติอยู่ในห้องสะพานเดินเรือ แล้วมองภูเขาน้ำที่กำลังผุดขึ้นมาจากผิวของอุโมงค์
ภูเขามวลน้ำทะเลนั้น กำลังเริ่มที่จะไหลเทลาดกลับคืนสู่ผิวทะเล จนเผยผิวหนังของสัตว์ยักษ์ที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ให้เห็น
มันดูคล้ายตัวหนอนที่มีครีบปลาติดกระจายไปตามลำตัว
ขนาดความหนาของมัน อาจจะใหญ่พอกับภูเขาลูกหนึ่ง
ส่วนความยาวของมัน น่าจะมากพอลากผ่านทวีปออโรร่าได้สบาย ๆ
ไม่มีลูกตา แต่มีหนวดที่ใช้รับแรงสั่น กับต่อมจุดสีดำรับแสงกระจายไปทั่วลำตัว จนเห็นเป็นลายจุดสีดำมันวาวที่เรียงตัวอย่างน่าขนลุก
ส่วนปากเป็นเขี้ยวเรียงตัวคล้ายกับเครื่องขุดดิน เป็นโพรงวงกลมที่ดูแล้วถ้าเผลอหลุดเขาไป คงได้กลายเป็นเนื้อบดภายในแค่ 3 วินาที เท่านั้น
นอกจากนี้ มันยังเพิ่มความน่ากลัวน่าขนพอง ด้วยการมีใบหน้าคนของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากเรียงรายแทรกนูนไปตามต่อมจุดสีดำ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะที่น่าสะอิดสะเอียนให้ได้ยิน
ใบหน้าเหล่านั้นล้วนแต่ร้องไห้เป็นหยาดน้ำตาสีดำ ทว่ากลับยิ้มเย้ยราวกับจะประชดชีวิตอันน่าเศร้าซึ่งกำลังแสดงผ่านมาทางสีหน้านั้น
“เออ… เอโซ? จากความทรงจำของผม เหมือนว่าเจ้าวาฬหนอนทะเลมันไม่ควรจะหน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้นะ? ”
“นั่นสิ… ถึงจะจำไม่ค่อยได้ แต่มั่นใจเลยว่ามันไม่ควรมีรูปร่างเหมือนถูกผีสาปส่งแบบนั้นอะนะ”
*ฮูมมม!*
“ตรวจพบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังมุ่งตรงมาทางนี้”
“ลาพิส เร่งเครื่องหนีด่วน! แมรี่ เตรียมใช้อุปกรณ์ของยานโจมตีกลับ!ระบบ [โฮโลมิกุไลฟ์] ฝากดูเรื่องการสนับสนุนป้องกัน!”
นักบวชผมสีเหลืองรีบออกคำสั่งเป็นการด่วน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าสัตว์ยักษ์ดุร้ายตรงหน้า คือผู้รับแขกที่อีกฝ่ายได้เตรียมรอต้อนรับเอาไว้ให้
ยานโลมาลำน้อยส่งเสียงเครื่องยนต์ดังลั่นไปทั่วอุโมงค์มหาสมุทร
เสียงนั้นเป็นการบอกสัญญาณ ถึงการพร้อมต่อสู้อันห้าวหาญที่โลมาน้อยพึงมีต่อวาฬหนอนยักษ์
หลังสิ้นเสียงเร่งกำลัง ฉับพลันตัวยานได้เริ่มเรื่องแสงสีเงิน
คลื่นพลังงานแม่เหล็ก
คลื่นวิญญาณ
คลื่นเวทมนตร์
วิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ และหลักการควบคุมธรรมชาติ จักรวมเป็นหนึ่ง
เปล่งประกายเป็นแสงหุ้มยาน เปลี่ยนวัตถุหยาบให้เป็นวัตถุแห่งดินแดนเทพเจ้า
จากโลมาน้อย ได้กลายเป็นโลมาที่เรื่องรอง กลายเป็นวัตถุพาหนะของเทพเจ้าทรงเข้าประทับ
ในเวลาเดียวกัน ราวกับรับรู้ได้ถึงความเป็นศัตรูที่เจ้านายสั่ง
วาฬหนอนได้เริ่มกระโจนตัวขึ้นจากผิวทะเล
กระโจนจากปลายอุโมงค์หนึ่ง ไปสู่อีกปลายอุโมงค์หนึ่งในขณะที่ยานโลมากำลังบินลอยต่ำ
อุโมงค์ที่ว่างเปล่า ได้ถูกเติมเต็มด้วยเส้นสีดำอันน่าขยะแขยงที่กำลังลากวาดผ่านเป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง
*ซูม!*
แต่กระนั้นมันไม่ได้ว่องไวมากพอ เมื่อเทียบกับยานที่บินด้วยคลื่นพลังงานโน้มถ่วง
เจ้ายานน้อยหลบการโจมตีของวาฬหนอนอย่างง่ายดาย แล้วตัวดำดิ่งลึกเข้าไปในอุโมงค์ด้วยความเร็วสูง
ผ่านพ้นในจุดที่แสงสว่างจากเบื้องบนส่องถึง สู่จุดที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงพระสุริยัน
*ฮูมมม!*
วาฬหนอนคำรามลั่น
ใบหน้าของวิญญาณตามผิวหนังเริ่มร่ำร้อง
พวกมันอ้าปากกว้าง แล้วพ่นสารเหลวสีขาวออกมาเป็นแท่งที่ยาวยืด
สารเหลวนั้นพุ่งจมลงไปในผิวมหาสมุทรของอุโมงค์ กระจายกางไปทั่วราวกับเป็นใยแมงมุมที่ถูกกางขึง
“มันคิดที่จะทำอะไร? ”
นักบวชสีเหลืองถามตัวเองด้วยความฉงน
เพราะถ้าจะกางตาข่ายดัก มันควรจะดักก่อนที่พวกเขาจะบินเข้ามา
มิใช่จะมากางดัก หลังจากที่พวกเขาบินผ่านเข้าไปแล้ว
“สังหรณ์ใจไม่ดี…”
เธอว่าเช่นนั้น
เสียง—
เสียงผืนทะเลที่กำลังยกตัวได้เริ่มดังขึ้น
ตาข่ายสีขาวที่กางออกมาจากทั่วลำตัวแล้วกระจายไปทั่วอุโมงค์ เจ้าสิ่งนั้นมันกำลังเคลื่อนไหว
ขึ้นมาจากผืนน้ำ
ยกตัว แล้วขยับพุ่งออกไปด้านหน้าเหมือนเป็นขาของแมลงที่วิ่งบนผิวน้ำ
หนึ่งก้าว
สองก้าว
ก้าวทีละก้าว ด้วยขาสีขาวที่มีนับพันพร้อม ๆ กัน
“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย! น่าขยะแขยงเป็นบ้าเลยเอโซ! ”
“จะเป็นหนอน เป็นปลา หรือเป็นแมงมุมน้ำก็เลือกมาสักอย่างสิยะ!”
ด้วยขานับพัน กับขนาดตัวที่ใหญ่เกินความจำเป็น จึงทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของมันสร้างมหาคลื่นสึนามิขึ้นมา
เป็นคลื่น— ที่ใหญ่ระดับแทบจะปกคลุมทั้งอุโมงค์จนมิด
” เร่งความเร็วสูงสุด!”
ยานโลมาบินเลียบอุโมงค์จนผิวทะเลแตกออกเป็นสองฝั่ง
ในโลกอุโมงค์แห่งนี้ ไม่ทั้งบน เหนือ และล่าง
แรงดึงดูดจักแผ่กระจายอย่างเมามัวไร้ซึ่งทิศทาง
ระบบนำทางยานจักรวนเรผันผวน
แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้หาได้เป็นอุปสรรคอันใดต่อผู้บังคับยานดวงตามืดบอด [ลาพิส]
ใข้จิตจับกระแสแรงดึงดูด
ใช้สมองสั่งการควบคุมตอบสนอง
ยานทั้งลำรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตของลาพิส
ก่อเกิดเป็นการบินผสาน เคลื่อนไหวไปกับกระแสโน้มถ่วงอันผันผวนรวนเร เป็นความเร็วอันไร้ขีดจำกัด
*ฝุบ!*
*พุบ!*
ทว่าเส้นแสงที่เคลื่อนไหวสู่แกนกลางโลกนั้น กลับถูกสิ่งมีชีวิตอันน่าขยะแขยงวิ่งไล่ตามติดชนิดราวกับมีเชือกผูกติดเอาไว้
“เฮ้ย! ขี้โม้น่า! นี่ตามความเร็วระดับเทพเจ้าทันด้วยเรอะ!? ”
“แมรี่ แช่แข็งมันเลย!!”
*พรึบ!*
มันเกิดขึ้นทันทีที่ออกคำสั่ง
วินาทีนั้นเกิดแสงสว่างราวกับแสงแฟลชจ้าไปทั่วอุโมงค์
พอแสงนั้นสิ้นลง ทั้งคลื่น ทั้งสัตว์ประหลาด ได้ตกอยู่ใต้ดินแดนอันหนาวเหน็บไร้ที่สิ้นสุดไปโดยปริยาย
*แกร๊ก*
หรืออาจไม่ใช่…
*เพล๊ง!*
*เฮ้ย!เอาจริงดิ!? ทำลายน้ำแข็งระดับศูนย์สมบูรณ์ได้ด้วย!”
” แมรี่! ใช้วิชาเทพเจ้าเลย! ดึงความหนาวเหน็บของโลกวิญญาณมาใช้ซะ!”
” แต่ว่ากฏ—”
” ช่างหัวกฏของแดนเทพไปซะ! พวกเราถึงขั้นดัดแปลงยานให้เป็นวัตถุเทพเจ้าไปแล้วยังจะมากลัวอะไรกันอีกยะ! ”
*พรึบ!*
เกิดแสงสว่างครั้งที่สอง
คราวนี้เป็นแสงสีขาวที่เจิดจ้า
ทว่าทั้งที่เจิดจ้า แต่กลับไม่แสบดวงตาที่มองเห็น
ราวกับเป็นแสงสว่างที่ไม่มีอยู่ในพื้นที่มิติแห่งกายภาพเดินดินแห่งนี้
*แกร๊ก*
เมื่อสิ้นแสง ทุกสิ่งเบื้องหลังได้หยุดนิ่งไปอย่างสมบูรณ์
หยุดระดับโมเลกุลไปจนถึงอัตตา ตัวตน และคลื่นวิญญาณ
สัตว์ประหลาดที่ถูกผีแค้นสิงสู่ ได้หยุดนิ่งดับสลายภายใต้มิติที่ไร้ซึ่งสรรพสิ่งไปโดยบริบูรณ์
“หยุดได้แล้ว~”
“ต้องใช้พลังวิญญาณไปมากตั้งแต่ปากทางเข้า— ดูท่าจะงานหยาบแล้วสิ”
นักบวชสีเหลืองบ่นกับตัวเอง
เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคาดหวังว่าตัวแบบนี้จะหยุดพวกเธอได้
แต่ถ้าส่งมาเพื่อตัดกำลัง นับว่ามันได้ผลมากทีเดียว
*ฮูมม!*
*โฮกกก!*
แถมดูท่าจะไม่ได้มีเตรียมเอาไว้แค่ตัวเดียว
ตรงหน้าของพวกเธอ มีวาฬหนอนผีสิงอีกนับสิบตัว กำลังเริ่มทะยอยผุดขึ้นมาจากผิวน้ำอย่างไม่หยุดหย่อน
“ฮึ แต่ทางนี้เองก็มีเตรียมวิธีรับมือเอาไว้แล้วเฟ้ย!”
นักบวชสีเหลืองดีดนิ้ว แล้วลากรถเข็นลอยอากาศเข้ามาใกล้
บนโต๊ะนั้นมีขวดแก้วลงตราอักขระประหลาดสีแดงจำนวนมากวางเรียงเอาไว้
“นี่มัน… แก้วบรรจุวิญญาณ? ไปรวบรวมมาจาก…? ”
“เก็บมาจากซากวิญญาณตามห้องดับจิตนักโทษประหาร กับโรงฆ่าสัตว์”
“เฮ้ย! ไปแอบรวบรวมมาตอนไหนกัน!? ”
จะเติมพลังงานวิญญาณ ก็ต้องใช้พลังงานวิญญาณสด ๆ มากินเพิ่ม
ยิ่งวิญญาณที่เข้มข้น ยิ่งให้พลังงานสูง และอร่อย
ส่วนวิญญาณนักโทษ วิญญาณสัตว์เลี้ยงเพื่อกินเป็นเนื้อนั้น…
“มันรสชาติชวนอ้วก แถมยังให้พลังงานห่วยสุด ๆ เลยนะ!”
“เคยได้ยินไหมว่ากินเยอะ ๆ เดียวก็อิ่มเอง อย่าบ่น แล้วรีบ ๆ กินเข้าไปซะแมรี่ บนยานลำนี้มีแค่เธอคนเดียวที่ใช้เวทมนตร์เทพเจ้าในสภาพกายเนื้อได้ไม่ใช่เรอะ!”
“ม่ายอ้าววว—!!!”
MANGA DISCUSSION