บทที่ 9 ศึกแห่งเทพเจ้า
ตอนที่ 165 จิตใจของเทพเจ้าทั้งสาม
วันที่ 1 โทว์ ปี 126 เวลา 31:00 น.
“หายไปหมด… หายไปหมดเลย ทั้งหนูน้อยน่ารัก ทั้งคุณป้า แล้วก็ของสะสมทุกอย่าง…”
“จะไปสนใจทำไมแมรี่? เจ้าพวกนั้นอยากอ่อนแอเอง พวกเราไม่จำเป็นต้องรู้สึกเดือดร้อน หรือรีบร้อนอะไรหรอก”
[…]
“ลาพิส แค่ป้าย จุด จุด จุด ไม่ต้องลำบากเขียนขึ้นมาหรอก”
สหายเอโซกับลาพิสกำลังไปยืนคุยกันตรงมุมของห้อง
ส่วนตัวฉันนั้น กำลังบินมองดูห้องโถงเลี้ยงเด็กที่ว่างเปล่าอยู่ในวิหารสาขาใหญ่
ทั้งที่ปกติควรจะมีเหล่านางฟ้าผมสีขาวเดินกันยั้วเยียเต็มโถง พร้อมกับมีคุณป้าขี้บ่นยืนอยู่ตรงใจกลางหมู่สาวน้อย
แต่เวลานี้ห้องโถงที่ว่ากลับว่างเปล่าไร้ผู้คน…
“ดีเสียอีกที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะมันทำให้พวกเราได้เจอกับศัตรูตัวจริง—”
ทำไมพวกเราถึงกลับมาที่วิหารนะหรือ?
เรื่องมันมีอยู่ว่าในงานเลี้ยงไม่กี่วันก่อน เจ้าหนุ่มพ่อบ้านมันแจ้งข่าวร้ายให้กับพวกเรา
เห็นว่ามีคนมาลักพาตัวคนสำคัญของพวกเราไป และจะรออยู่ที่จุดศูนย์กลางของโลก
พวกเราเลยรีบร้อนขึ้นยานที่ซ่อมเสร็จ แล้วบินกลับมาที่ทวีปนี้
“—ตอนนี้พวกเราควรใช้เวลาไปกับการวางแผน ต่อให้ป้าเทเรซ่าจะตาย หรือเด็กพวกนั้นจะตาย หรือจะถูกทรมาน มันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราสักหน่อย”
“เอโซ…”
ถึงสหายเอโซจะพูดแบบนั้น แต่น้ำเสียงของเธอมันฟ้องชัดเจนว่าจิตใจกำลังหวั่นไหว
ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกหวั่นไหว
เพราะมีป้าเทเรซ่ กับเด็กพวกนี้ ที่สามารถเปิดใจให้พวกเรารู้สึกถึงคุณค่าของการมี [แม่] กับ [ครอบครัว]
[แม่] ที่คอยห่วงใยด้วยใจรัก
[ครอบครัว] อย่างพวกเด็กตัวน้อย ๆ น่ารัก
มันไม่เกี่ยวกับเรื่องรสนิยมส่วนตัวของฉันที่ชอบสิ่งที่น่ารัก
มันเป็น— ความรู้สึกของฉัน
ฉันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
***
ฉันกำลังยืนคุยกับเอโซ
“ลาพิส… เธอพอจะจับเบาะแสอะไรด้วยคลื่นวิญญาณของเธอได้ไหม? ”
[ไม่มีค่ะ— ถ้าจะมี ก็มีตรงห้องลับของพวกเราในพื้นที่สวน ที่มันถูกขนของสำคัญ อย่างเช่นของที่ใช้เพื่อติดต่อกับโลกทางนู้นออกไปหมดแล้วค่ะ]
นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่พวกเราบินกลับมาที่วิหาร
เพราะต้องการจะใช้อุปกรณ์สื่อวิญญาณที่เก็บในห้องลับ มาติดต่อกลับไปหาท่านยมที่เงียบหายไปอย่างไร้สาเหตุ
แต่พอฉันตรวจสอบสภาพของห้องด้วยคลื่นวิญญาณตรวจจับที่ว่างแล้ว กลับพบว่ามันตกอยู่ในสภาพที่ถูกทำลายทิ้งไปเสียก่อน
ทั้งกระท่อมไม้พุ ๆ
ทั้งทางลับใต้ดิน
อุปกรณ์ทุกอย่างที่เก็บเอาไว้ข้างในห้อง ล้วนถูกขน หรือไม่ก็ถูกทำลายไปจนหมดเกลี้ยง
“ศัตรู— ฉลาดไม่เลว…”
ศัตรูฉลาดอย่างงั้นหรือคะ?
ของแบบนั้น ไม่ว่าจะฉลาดหรือโง่ ถ้าใช้พลังกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง ฉันเชื่อมั่นว่าจะต้องผ่านมันไปได้
ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งค่ะ!
ใช่แล้วค่ะ
ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง
ฉันเกิดและใช้ชีวิตในสภาพเช่นนั้นมาตลอดตั้งแต่ที่ถูกทิ้งให้ดูแลตัวเองในสมัยที่มีชีวิต
ร่างกายที่พิการทั้งการมอง การฟัง การรับกลิ่น และการรับรส มันทำให้ถูกดูถูกจากคนรอบข้างทั้งหมด
เผ่ามนุษสัตว์นับถือผู้แข็งแกร่ง
ได้ค่ะ
งั้นฉันจะแข็งแกร่งที่สุดให้ทุกคนดูเอง
เผ่ามนุษย์หนูที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามนุษย์สัตว์ที่เคยมีมา
ความแข็งแกร่ง…
เคยคิดว่าขอแค่มีสิ่งนี้ มันจะไม่มีใครมาสั่นคลอนพวกเราสามคนได้
แต่ทว่า—
“อย่าซนกันได้ไหมพวกเธอ! ให้ตายสิ! ดื้อกันจริง! ทำไมถึงไม่เคยฟังกันบ้างเลย!”
“—กินข้าวได้แล้ว! ลาพิส เอโซ แมรี่! วันนี้มีของชอบของพวกเธอด้วยละ!”
“—ถึงจะซนและดื้อ แต่ไม่เป็นไร จงใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ จงมีอิสระ แล้วรู้จักกลับมาแวะทำพิธีที่วิหารเป็นครั้งคราวก็พอใจแล้วละ~”
—เธอคนนี้
ผู้หญิงที่ชื่อเทเรซ่า
ทั้งที่ไม่มีพลัง ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร
แต่เธอกลับสามารถสั่นคลอนจิตใจของพวกเราสามคนได้
เธอทำให้ฉันได้รู้จักกับอารมณ์บางอย่าง…
บางที— มันอาจเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าความแข็งแกร่ง!
[คุณเอโซ รบกวนขอแผนการและคำสั่งด้วยค่ะ ╰︿╯!]
คราวนี้ความแข็งแกร่งของฉัน จะไม่ได้มีเพื่อใช้ต่อสู้เพื่อหาความสนุกหรือให้ใครมายกย่อง
แต่จะมีเอาไว้เพื่อ [ปกป้อง] ค่ะ!
***
“พวกเธอสองคน…”
ดูจากสีหน้าของยัยพวกนี้—
สงสัยคงมีอารมณ์นำหลักการและเหตุผลไปแล้วแหง่
ให้ตายสิ จะไปมีความรู้สึกผูกพันต่อพวกสิ่งมีชีวิตระดับล่างไปกันทำไม?
กับอีแค่ป้าแก่ ๆ คนหนึ่งที่มาทำดีด้วย
มีผลประโยชน์ให้กับพวกเราอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีนอก ไม่มีใน
เลี้ยงดูพวกเราราวกับเป็นลูกที่มีสายเลือดแท้
แล้วยังอีเด็กเปรตนับร้อยคนที่ถูกโคลนมาแบบไม่มีค่า
คอยมาวุ่นวาย ส่งเสียงหนวกหู แล้วยังเกาะติดชนิดเห็นพวกเราเป็นตัวแทนพ่อแม่
แถมยังจะว่าเรียกเอาเองว่าพวกเราเป็น [ฮีโร่]
ไอสิ่งมีชีวิตที่ทั้งน่ารำคาญแล้วยังไม่สำคัญกับพวกเรา จะไปมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมให้ทำไมกัน?
ตอนนี้ศัตรูมันนำหน้าเราไปในระดับที่ทำลายตัวติดต่อกลับโลกฝั่งนั้น
แถมการที่ท่านยมไม่ติดต่อกลับมาเอง มันชี้ให้เห็นว่าศัตรูมีวิธีปิดกั้นพื้นที่ ไม่ให้โลกอีกฝั่งมองเห็นโลกฝั่งนี้ได้
แสดงว่าศัตรูต้องรู้หลักการธรรมชาติของโลกคนเป็นกับคนตายเป็นอย่างดีด้วย
ศัตรู… ไม่ใช่ระดับธรรมดา
ถ้านำอารมณ์มาใช้แทนการตัดสินด้วยเหตุและผล มีหวังได้ปิดประตูชนะไปอย่างถาวร
เราไม่ควรให้สิ่งมีชีวิตชั้นล่างพวกนี้ มาเป็นตัวถ่วงในการต่อสู้ของพวกเรา
ไม่ควรให้ศัตรูมีโอกาสได้ใช้ตัวประกันมาทำให้พวกเราไขว้เขว
เมื่อเทียบกับอายุขัยเทพเจ้าอย่างพวกเราแล้ว ไอพวกนี้มันแทบไม่ต่างอะไรไปจากหนอนแมลงเลยสักนิด!
“เออ… ขอเวลาสักระยะ… ขอเวลาให้เราได้คิดแผนก่อน…”
แต่ถ้าเป็นไปได้…
เราไม่อยากให้ป้าแกต้องมาตายอนาจ…
ไม่อยากให้เด็กร่างโคลนพวกนั้นถูกใช้เป็นเครื่องมือ…
ไม่อยากเห็นคนที่หน้าเหมือนกับเจ้าหนูไซน์ต้องเจ็บปวด…
เออ… มะ— ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงอะไรสักหน่อย!
มันคือแบบ—
ชิ —!
ชะ— ใช่แล้ว!
เป็นชัยชนะอันขาดลอยไง!
เทพเจ้าระดับฉัน ถ้าชนะแบบมีรอยด่างพร้อย คงไม่สามารถเอาไปโม้ให้ใครในแดนคนตายให้ฟังได้หรอก!
พอคิดแบบนั้นได้ เลยหันหน้าไปมองทางสหายทั้งสองคน—
—ยัยพวกนี้มันจะมาฉีกยิ้มหาพระแสงอะไรกัน?
“ฮึ”
[:3]
“พะ— พวกเธอสองคนจะมามายิ้มอะไรตรงหน้าฉันกันยะ!”
แนะ!
ยังจะฉีกยิ้มเพิ่มอีก!
มันน่าตบสักฉาดจริง ๆ ให้ตายสิ!
“… แต่งานนี้ท่าจะยากอยู่”
พอสงบสติอารมณ์ได้ ตอนนี้เลยเริ่มมาบ่นกับตัวเองแทน
ศัตรู— มันกำลังกางตาข่ายรอให้พวกเราวิ่งเข้าไปหา
มันไม่ต่างอะไรไปจากแมงมุมที่กางตาข่ายดักรอเลยสักนิด
ข้อมูลเชิงลึกของศัตรูเองก็ยังไม่มีมากพอ
โอกาสชนะถือว่าน้อยมาก
ใคร?
หน้าตายังไง?
มีความสามารถอะไรบ้าง?
แล้วตัวประกันที่ถูกจับไป กำลังตกอยู่ในลักษณะไหน?
ข้อมูลที่ด้อยกว่า จะนำพามาซึ่งความตายของพวกเราเอง
“อืม… จะว่าไป— อีกฝ่ายจะรู้ความเคลื่อนไหวจากทางฝั่งของเราไหม? ”
ตอนนี้แขนขาที่เป็นคาร์นิวอยของมันล่มไปหมดแล้ว
มันไม่น่าจะมีหูหรือตาช่วยดูให้กับศัตรูอีก
แต่ไม่อาจปัดตกความเป็นไปได้ ที่มันยังมีวิธีสอดดูเพื่อรู้ทุกความเคลื่อนไหวของพวกเรา
บางทีต่อให้พวกเราวางแผนอะไรไป มันก็จะสามารถหาทางรับมือได้ทุกอย่าง
“…แผนการ— แผนการ!”
ความรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นแค่ตัวละครในเกมส์ ที่ดิ้นบนผู้ควบคุมจากหน้าจอ
ไม่สามารถหาทางต่อกรกลับไปได้
ฮึ— เอโซ ผู้ชาญฉลาด
ดูท่าว่าจะมีดีแค่ชื่อเสียแล้ว—
“เบื่อง่าาาาาา!”
“เหวอ!? ”
อยู่ ๆ ก็มีปีกสีแดงขาวพุ่งเข้ามากอดจากทางด้านหลัง
ยัยกระเป๋าเงินเบอร์สอง!
“นี่ ๆ ! ทำไมถึงมาที่วิหารละ? นี่ปาไปตั้ง 3 ชั่วโมงแล้วนะ! พวกเด็ก ๆ กับมังกรของฉันที่รออยู่ข้างนอกเริ่มเบื่อกันแล้วอะ~”
ลืมไปเลยว่ายังพาเจ้าตัวยุ่งพวกนี้พ่วงติดมาด้วย
เด็กน้อยสี่คน
ไซน์ กับร่างโคลนของเธออีกสามคนผู้โชคดี ที่ไม่ถูกลักพาตัวเพราะมากับพวกเราแต่แรก
กับยัยกระเป๋าเงินสีแดงขาว ที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังขอตามพวกเรามาอีก
“ถ้าเบื่อมาก เธอก็ไปตามทางของเธอเลยสิ! ค่าชดใช้ยานจ่ายมาหมดแล้ว พวกคนที่ทำให้เจ้าดำของเธอตายไปก็ถูกฆ่าหมดแล้ว (มั้ง) พวกเราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วสักหน่อย!”
“เอ๊~!? ทำไมพูดแบบเหมือนเป็นคนอื่นคนไกลขนาดนั้นละคะ! นึกว่าพวกเราเป็นเพื่อน—”
“ถ้าเธอรู้จักตัวจริงของพวกเรา เธอจะไม่มีทางกล้าพูดคำนี้ออกมาแน่ยัยกระเป๋าเงิน!”
“หะ– โหดร้ายค่ะ!”
ที่พูดไปนี่เพื่อตัวเธอเองนะ
ศึกหลังจากนี้มันแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับคนในมิติแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว
อย่ามายุ่ง—
“…!!!”
—หรือน่าจะเอามาใช้งานได้?
จริงสิ…
ศัตรู— มันเป็นพวกที่แค้นพวกเรา
แล้วพวกเราก็ขึ้นชื่อเรื่องไม่รับใครเป็นพรรคพวก นอกจากลาพิสกับแมรี่
เทพผู้ไม่ยอมเปิดใจให้กับใครมาตลอด 1000 ปี
จริงสิ! จริงสิ! จริงสิ!
วะ ฮะ ฮะ ฮะ!
ฉันมีแผนแล้ว! มีแผนการผุดขึ้นมาแล้ว!
MANGA DISCUSSION