วันที่ 60 เกอเนรับส์ ปี 126 เวลา 23:00 น.
“เชี่ยร์!”
“มาดื่มกินให้กับการต่อสู้ของวันนี้กันหน่อย!”
“คนจ่ายเป็นเปอร์ไซต์นะ”
“ทำไมต้องเป็นหนูด้วยละ!? ”
งานปาร์ตี้!
หลังจากเสร็จศึกแล้วมันต้องจัดงานฉลอง!
ดื่มกินให้กับชัยชนะ!
“เออ.. ท่านอาจารย์เอโซเจ้าค่ะ พวกเราพึ่งจะผานเหตุการณ์ที่มีคนตายเป็นจำนวนมากมา…”
“เราไม่ควรยึดติดกับอดีต ถ้ามัวแต่เศร้าเสียใจกับความตายคนอื่น ชีวิตก็มิอาจเดินก้าวหน้าต่อไปได้หรอกเจ้าศิษย์รัก”
ทำเป็นพูดเท่
แต่ความจริงคือ—
มีคนตายแล้วไง?
ขอแค่ไม่ใช่พรรคพวกหรือคนสำคัญของตัวเองเสียอย่าง แล้วจะให้เราไปเศร้าตามเพื่ออะไร!
ผลลัพธ์จึงกลายเป็นสถานการณ์อย่างที่เห็น
คือการพาทุกคนมากินอาหาร ณ ที่ร้านแห่งหนึ่งในตัวเมือง
สมาชิกที่ชวนมากินข้าวก็มีแต่พวกหน้าคุ้น ๆ
ตัวฉันเอง
สหายรักสองคน ลาพิส แมรี่
เด็กน้อยไซน์ กับร่างโคลนอีกสามหน่อที่ไม่รู้ว่าจะได้ส่งตัวคืนกลับไปให้โบสถ์เมื่อไหร
ลูกศิษย์ที่ดันมาอยู่ในเหตุการณ์ แม่สาวกระต่ายดำ
มนุษย์หนุ่มพ่อบ้านระดับเทพ
ยัยกระเป๋าเงิน แมวสีฟ้า
ยัยนกติดบัค
แล้วก็อีกสองคน ที่ไม่รู้ว่าจะตามมาด้วยทำไมอย่าง ยัยหุ่นกระป๋อง โนอาร์ กับ ยัยราชินีโลลิหนึ่งร้อยกว่าปี แวม แวม
“ฉันไม่อยากถูกรังควานโดยนักข่าว พวกคุณเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักหน้าตากันเสียทีเดียว ต้องขออภัยที่เสียมารยาทตามมาด้วยนะคะ”
“ส่วนฉันมีเหตุผลเดียวกับสาวแวมไพร์ตรงนี้ อีกอย่าง พอดีมีคำถามมากมายที่อยากจะถามแม่รี่ เพื่อนรักของฉันด้วย”
โนอาร์ขยิบตาหนึ่งทีให้กับสหายแมรี่ แล้วลากคอยัยนั่นไปคุยกันอยู่ตรงมุมห้องอาหารทันที
แถมยังให้บอดี้การ์ดหน้าโฉดมายืนบังเอาไว้อีก
จะว่าไปแล้ว— ตอนที่กลับไปทวีปคริสตัล มันมีช่วงเวลาหนึ่ง ที่เหมือนว่าสองคนนี้จะสนิทสนมกันดีอยู่ไม่ใช่เรอะ?
“…”
แอบรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอยู่หน่อย ๆ แฮะ
อารมณ์แบบนี้สินะ ที่เรียกว่า [หึงหวง]
“…ช่างยัยสหายหัวแดงไป มาดื่มกันดีกว่าลาพิส”
[ค่ะ :3]
สหายลาพิสว่าเช่นนั้น แล้วเทน้ำตาลทั้งขวดลงไปในเหล้าชงของตัวเอง
วิธีปรุงอาหารกินของยัยนี่ยังสุดยอดไม่เปลี่ยน…
ถึงจะบอกว่าลิ้นตัวเองไม่รับรสชาติใด ๆ แต่ช่วยระวังเรื่องสุขภาพตัวเองหน่อยเถอะ
ยิ่งพวกเราตอนนี้อยู่ในร่างกายหยาบเสียด้วย
*เกร๊ง* *เกร๊ง*
เสียงกระทบช้อนส้อมจานชามยังคงดังต่อไปไม่หยุดภายในร้านอาหาร
ถึงจะไม่หรูหราหรือมีเสียงดังวุ่นวายมากนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะนับเป็นงานเลี้ยงหลังศึกใหญ่ได้อยู่
เหล่าสหายรัก
เด็กน้อยใต้การดูแล
ลูกศิษย์
พ่อบ้านประจำตัว (?)
กระเป๋าเงิน (?)
ไม่เลว—
การกลับมามีชีวิตใหม่แบบนี้ —
บางทีมันก็ไม่เลวเหมือนกัน
“จะว่าไป ท่านยมไม่ได้ติดต่อกลับมาเลยแฮะ เกิดอะไรขึ้นที่ฝั่งนั้นกันแน่หว่า? ”
ปกติเห็นออกจะหูตาไว แต่ทำไมคราวนี้กลับเงียบเป็นเป่าสาก?
สงสัยคงต้องหาเวลาไปเยี่ยมท่านยมที่โลกฝั่งนั้นบ้างสักหน่อย
“นี่ นี่! เอโซ!”
“เหวอ!? อย่าอยู่ ๆ ก็เข้ามาตบไหลคนอื่นแบบนี้สิ!”
ยัยนกติดบัคตบแผ่นหลังของฉันด้วยปีกของเธอเต็มแรง
ทำเอาแทบจะพ่นน้ำชากลับออกมาจากท้องเลยละ
“ตกลงคนที่ทำให้เจ้าดำเป็นแบบนั้นไปมันตายไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม!? ทำไมหนูถึงรู้สึกว่ายังไม่ได้แก้ไขที่ต้นตอของปัญหาเลยอะ!”
*กรร!*
*กร!*
ที่ข้างหลังของเธอ มีมังกรตัวน้อยสีดำ กับมังกรตัวแม่สีน้ำตาลพ่วงติดมาด้วย
เฮ้ย…
นี่แอบพาเข้ามาในร้านตอนไหนกันเนี่ย?
นึกว่าสั่งให้พวกมันรออยู่ที่ข้างนอกร้านเสียอีก
ว่าแต่จัดการที่ต้นตอของปัญหาอย่างงั้นเรอะ?
“อืม… จะว่ายังไงดี คงเป็นเพราะตัวการใหญ่สุดยังไม่ถูกจัดการละมั้ง? ”
“ว่าแล้วเชียว! งั้นขอหนูกับเจ้าพวกนี้ติดตามต่อไปอีกสักระยะด้วยเถอะค่ะ! ตอนนี้หนูมีเงินแล้ว! จะค่าซ่อมยาน จะค่าน้ำมันอะไร เดียวช่วยออกให้ค่ะ!”
“พูดออกมาเองแล้วนะ”
“—อ๊ะ? ”
ยัยนี่ก็บื้อดีแฮะ
ขอเปลี่ยนสถานะจากนกติดบัค ไปเป็นกระเงินเบอร์สองอย่างเป็นทางการ
ส่วนใบแรกขอเปลี่ยนชื่อเป็นกระเป๋าเงินเบอร์หนึ่ง
พอพูดถึงกระเป๋าเงินเบอร์หนึ่ง—
“โรโยตี้…”
“ออน-เอ็ซท…”
ดูท่าว่าจะกำลังคุยเรื่องเครียดบางอย่างกันอยู่
“…”
ว่าแล้วก็ขอแอบเสือกเรื่องชาวบ้านหน่อยดีกว่า~
***
“โรโยตี้…”
“ออน…”
ผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไงกับเพื่อนสมัยเด็กคนนี้ดี
หลังจบการต่อสู้ พอรู้ตัวอีกที ก็ถูกลากคอมาในงานกินข้าวแบบนี้ไปแล้ว
รายงานไปให้หัวหน้าก็ยังไม่ได้ทำ กับเพื่อนร่วมงานเองก็ยังไม่ได้ไปสรุปเรื่องราวคดีความ แล้วยังมากินอาหารสบายใจเฉิบแบบนี้—
มันจะดีแน่หรือเปล่า?
แต่เอาเถอะ
ไหน ๆ มางานแล้ว ถือโอกาสเคลียร์ความข้องใจกับยัยโรโยตี้ดีกว่า
เคลียร์ความข้องใจ—
“โรโยตี้…”
“ออน…”
—แล้วจะเคลียร์เรื่องอะไรกันละ?
เรื่องที่ยัยนี่มาใส่ความพ่อของผมเมื่อสมัยก่อน?
ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ไม่รู้จะไปขุดกลับมาพูดเพื่ออะไร
งั้นถามเรื่องสารทุกข์สุขดิบ?
“โรโยตี้…”
“ออน…”
จะถามเพื่อ?
ไม่ได้อยากจะรู้ว่ายัยนี่ไปใช้ชีวิตอะไรยังไงสักหน่อย
“โรโยตี้…”
“อ–”
“โว๊ยยย! เอาแต่เรียกชื่อใส่กันอยู่ได้! พวกแกเป็นเด็กอมมือกันหรือยังไง? มีอะไรอยากจะพูดก็พูดออกมากันเลยสิยะ! จะเรื่องไร้สาระ เรื่องงี่เง่า หรือเรื่องอะไรก็ได้! พูด ๆ ออกไปเลย!”
“เหวอ! คุณเอโซมาจากไหนครับเนี่ย? ”
“กรี๊ด! คุณเอโซอย่ามาแทรกแบบนี้สิคะ? ”
… หืม?
“เธอรู้จักกับคุณเอโซด้วย? ”
“นายรู้จักกับคุณเอโซด้วย? ”
เอาจริงดิ?
มีจุดเชื่อมเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
แต่พอรู้แบบนี้ เลยหมดข้อสงสัยว่าทำไมคนอย่างโรโยตี้เข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย
ว่าแต่–
“เธอไปรู้จักกับคุณเอโซตอนไหน? ”
“นายไปรู้จักกับคุณเอโซตอนไหน? ”
“โว๊ยยย! จะพูดบททับกันเองเพื่อ!? มา! เดียวเราจะเป็นคนชี้แจงเอง! โรโยตี้! เจ้าหนุ่มบื้อตรงนี้คืออดีตพ่อบ้านของพวกเรา! มีฝีมือทำอาหารเก่งสุด ๆ ! ส่วนออน! แมวขนสีฟ้าหน้าตาน่ารักตรงนี้ เธอพึ่งรู้จักกับพวกเราตอนไปทำใบขับขี่ยานเมื่อเร็ว ๆ นี้! เป็นแฟนคลับของพวกเราเอง! โอเค! ทีนี้ก็ข้ามการแนะนำตัวอันน่าเบื่อ แล้วไปพูดเรื่องที่อยากจะพูดกันได้!”
เรื่องราวเป็นแบบนี้นี่เอง~
“…”
เดดแอร์กันต่อไป…
เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เลยไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกไปอีก
เอาจริงแล้ว มันมีเรื่องอะไรที่พวกเราสองคนจะต้องคุยเปิดอกให้กันตั้งแต่แรกด้วยหรือ?
ความสัมผัสระหว่างพวกเรามันจบไปตั้งแต่ตอนที่ผมถูกยัยบ้านี่ป้ายสีให้กับคุณพ่อ—
“คุณเอโซค่ะ ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี อย่าไปคบกับไอหมอนี่ค่ะ มันเป็นอาชญากรรม เป็นหนึ่งในพรรคพวกขององค์กรวิปริตอย่างคาร์นิวอย ที่คอยจับคนไปกินค่ะ”
“เดียวเซ่! เธอไม่รู้ความจริงอะไรสักอย่าง อย่ามาใส่ความคนอื่นแบบนี้! ผมไม่ใช่พวกมัน!”
“ไอตอแหล่ ฉันเห็นมากับตาตัวเองแล้ว”
“เธอต่างหากที่ตอแหล่! นิสัยเมื่อก่อนเป็นยังไง สมัยนี้ก็ไม่ต่างจากสมัยก่อนเลย! ทั้งโกหก! ทั้งหลอกลวง! คอยดูนะ! ผมจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณพ่อให้ได้! แล้วจะจับยัดเธอเข้าคุกแทนให้ดู!”
“ฮึ! จนป่านนี้ยังคิดว่าพ่อตัวเองบริสุทธิ์อยู่อีก ช่างไร้เดียงสาจริง”
“ยัยนี่–!! ผมยังไม่ลืมเรื่องที่เธอมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน! แล้วยังลอบวางสัตว์ร้ายจนเป็นเหตุให้มีคนตายในเหตุการณ์เปิดร้านใหม่ของภูติโภชนาหรอก! อียัยชั่ว!”
“โอ๊ย— พอเลย พอเลย งี่เง่าพอกันทั้งคู่นั่นแหละ!”
คุณเอโซเดินเข้ามาแยกพวกเรา ก่อนที่พวกเราจะเริ่มวางเวทีมวยใส่กัน
“โรโยตี้ เราคนนี้ขอรับรองเจ้าออนด้วยชื่อเสียงของนักบวชแห่งวิหารเทพทั้งสาม ว่าเจ้าออนนั่นโคตรจะบริสุทธิ์ไร้เดียงสาจนเหมือนเด็กแรกเกิดเลยเชียวละ มันเป็นตำรวจสากล เลยมีเหตุต้องลอบเข้าไปในองค์กรนั้น ๆ ”
“!!!”
ฮึ!
เป็นยังไงละเพื่อนสมัยเด็กสารเลว!
ทีนี้รู้แล้วสินะว่าใครเป็นฝ่ายถูกต้อง!
“ส่วนออน แกนะจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว นี่คิดจริง ๆ หรือว่าในโลกนี้มันมีนักการเมืองที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็น? ”
“เออ—”
เรื่องแบบนั้น—
พอมาคิดย้อนดู
ตอนที่ผมได้เป็นตำรวจ
หรือแม้แต่ช่วงตอนเรียน
เอาจริง ๆ ผมมีโอกาสและเวลาตั้งมากมาย ที่จะขุดคดีของคุณพ่อขึ้นมาทำคดีใหม่ด้วยตัวเอง
แต่กลับไม่ได้ทำ
เพราะ— ไม่กล้า…
ลึก ๆ ในใจแล้ว…
บางทีผมคงแอบกลัว…
กลัวว่าถ้าขุดลึกลงไป จะพบว่าคุณพ่อของตัวเองนั้น…
[ผิดจริง]
“ส่วนเธอ โรโยตี้ เราไม่ถือสาเรื่องที่เธอจะไปทำเรื่องร้าย ๆ อะไรหรอก ตราบเท่าที่ไม่เป็นการเสียผลประโยชน์กับพวกเรา”
“เฮ้ย! คุณเอโซไปพูดให้ท้ายคนชั่วแบบนั้นได้ยังไงกันครับ? ”
“ดีกับชั่วคือเรื่องนิยามของผู้ใช้ ถ้าเราทำประโยชน์ให้นาย นายก็จะคิดว่าคนนั้นเป็นคนดี ในมุมกลับ หากการทำประโยชน์นั้นทำให้ใครเสียผลประโยชน์ ฝ่ายที่ถูกกระทำก็จะมองว่าไอนี่มันชั่ว”
“แต่ว่า–”
“หรือแม้แต่แกเองก็เถอะ แกสามารถพูดได้เต็มปากไหมว่าตัวเองเป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็น? ในสายอาชีพตำรวจสากลมันต้องมีบ้างใช่หรือเปล่า? ที่ต้องทำเรื่องชั่ว เพื่อสืบสาวเรื่องที่ชั่วกว่าออกมาจัดการ”
พอพูดแบบนี้แล้ว เหตุการณ์ในร้านภูติโภชนามันก็กลับย้อนผุดขึ้นมาในสมอง
ผม— คือสาเหตุที่ทำให้ผู้ให้กำเนิดโรโยตี้ต้องตาย
แถมยังกินพวกเขาเข้าไป เพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัย—
“อึ๊ก…”
มันจุกอกจนพูดไม่ออก…
ไม่กล้าแม้แต่จะบอกความจริงเรื่องนี้กับโรโยตี้
ผม…
“ที่พูดมันถูกครับ แต่จะให้—”
“แน่นอนว่าเราไม่ไว้ใจยัยนี่หรอก”
—เอะ? อ่าว?
ผมหันไปมองทางโรโยตี้
เธอกำลังทำสีหน้าที่บอกได้ยากว่ากำลังทึ่ง หรือตกใจอยู่
“คิดจริง ๆ หรือว่าคนที่กล้าทำร้ายคนอื่นอย่างไร้เหตุผลรองรับเพียงพอเป็นจำนวนหลาย ๆ ครั้ง มันจะได้รับการไว้วางใจจากคนอื่นได้? โรโยตี้ อย่าคิดนะว่าเราไม่รู้ทันเรื่องที่เธอมีความปราถนาแอบแฝงในการเข้ามาตีสนิทกับพวกเราสามคน!”
คุณเอโซพูดไปพร้อมกับหันไปมองทางคุณแมรี่
“อาจจะมีข้อยกเว้นก็ยัยหัวแดงคนหนึ่งอะนะ ที่บื้อมากพอให้คนอื่นเข้ามาปั่นหัวง่าย ๆ ”
ก่อนจะจบทิ้งท้ายเอาไว้เช่นนั้นแล้วเดินกลับไปกินอาหารต่อ
ผมกับเพื่อสมัยเด็กต่างมองหน้ากันเอง
“…จบเรื่องนี้ แค่นี้เถอะ”
“…เห็นด้วย”
ระหว่างพวกเราจะไม่มีความแค้นต่อกันอีก
เป็นแค่คนอื่นคนไกลที่รู้จักแค่ในนามเท่านั้น
เรื่องของคุณพ่อก็ให้มันจบแค่นี้ด้วย
แบบนี้แหละ น่าจะดีที่สุดแล้ว
***
ชีวิตของผมนี่ช่างวุ่นวายแท้
ทั้งเรื่องสมัยเด็ก
ทั้งการสืบคดีของคาร์นิวอย
มันช่างวุ่นวายจริง ๆ
แต่ทุกอย่างมันได้จบลงในวันนี้
จะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุข—
*กริ๊ง~*
ในตอนที่คิดว่าเรื่องทุกอย่างได้จบลง กลับมีเสียงข้อความเข้ามาในมือถือ
มันเป็นข้อความจากคุณโนเนม ผู้บัญชาการสูงสุดของตำรวจสากล
สงสัยมาตามตัวให้กลับไปทำงานแหง่
แต่พอเปิดอ่านดู—
“คุณลาพิส คุณเอโซ คุณแมรี่ ผมมีเรื่องสำคัญที่ผมต้องแจ้งให้พวกคุณทราบครับ!”
MANGA DISCUSSION