ในนัยตาสีฟ้าของชายผู้พูด มีเงาหนึ่งกำลังสะท้อนอยู่ในดวงตาดวงนั้น—
มันคือเงาของสตรีปีศาจ
“!!!”
การต่อสู้ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยไม่จำเป็นต้องมีกลองศึกตีส่งสัญญาณอันใด
ชายเผ่ามนุษย์ผมสีน้ำตาลทองพุ่งตัวเข้าใส่อีกฝ่ายสุดแรง โถมน้ำหนักทั้งหมดออกไป
ไหล่ขวาของเขาที่กำลังเคลื่อนไหวเข้าใกล้ร่างของสตรีปีศาจผู้บอบบาง ช่างดูใหญ่โต ดุดัน รุนแรง ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับรถไฟที่วิ่งตรงเข้าใส่
“ไหนบอกว่าจะไม่คิดจับแล้วไม่ใช่หรือ? ”
สตรีปีศาจพลิกตัวหลบ พร้อมกับใช้ปลายนิ้วชี้ขวาจิ้มลงไปบนร่างกายของอีกฝ่าย
ใช้ปลายนิ้วเป็นจุดหมุน ใช้ประโยชน์จากแรงพุ่งของศัตรู หมุนให้ปลายทางของเขาพุ่งไปสู่อีกทิศทาง
หัวไหลของชายสวมชุดคาวบอย พุ่งเข้าชนใส่กำแพงหินของวิหาร
ตัวอาคารสั่นไหวรุนแรง พร้อมกับที่กำแพงของวิหารถล่มพังลงมา
ไม่ว่าใคร คงคิดว่าชายคนนั้นคงสิ้นชีพไปในวินาทีนั้น
แต่ทว่าร่างกายเนื้อของชายผู้นั้นกลับไร้ซึ่งบาดแผล แล้วเป็นตัวอาคารเอง ที่เป็นฝ่ายที่ถูกทำลายลง
ผู้คนเริ่มกรีดร้อง แล้ววิ่งเข้ามาชุมนุมมองดูคนตีกัน
“คำพูดนั้น ผมแค่หวังทำให้คุณลดการระวังตัวลงนะครับ”
ชายที่เจาะรูบนกำแพงตอบกลับมา พร้อมกับใช้มือซ้ายปัดฝุ่นหินที่สกปรกบนเสื้อผ้าออก
ส่วนมือขวาถือปืนรังสีหนึ่งกระบอก แล้วลั่นไกยิงออกไปแทบจะในทันที
แต่แสงจากปืนรังสีนั้นถูกทำให้สลายหายไปในอากาศ โดยที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องกระพริบตา
มันถูกทำให้หายไปด้วยม่านพลังงาน ที่ถูกสร้างด้วยคลื่นเวทมนตร์ที่เธอแผ่ออกมาจากส่วนเขาอย่างฉับพลัน
ส่วนฝ่ายผู้บุกโจมตีได้คาดการเอาไว้อยู่แล้ว ว่าอีกฝ่ายจะป้องกันได้
เบื้องหลังแสงรังสี มีระเบิดสร้างพื้นที่เวทมนตร์เป็น [0] ถูกโยนซ้อนมาด้วย
“กระจอกน่า”
ฝ่ายปีศาจสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
เธอตวัดหางปีศาจที่มีลักษณะคล้ายแส้สีเงิน
*ฉับ!*
เพียงแค่ตวัดเพียงครั้งเดียว
วิหาร—
วิหารครึ่งหนึ่งได้ถูกตัดขาดครึ่ง แล้วพังทลายลงมา
ผู้คนที่มุงดูคราวนี้เริ่มกรีดร้องหนีตาย
แต่ไม่ทันแล้ว
อาคารกำลังถล่มลงมา
วิหารแห่งเทพทั้งสามซึ่งกินพื้นที่มากพอจะสร้างทับสนามฟุตบอล มันกำลังถล่มลงมาทั้งหลัง
“เฮ้ย! ทำลายทั้งวิหารแบบนี้ เดียวเป้าหมายของเธอก็–”
“ช่างหัวเป้าหมายอย่างเทเรซ่าไปสิ เพราะยังไงเป้าหมายของเราก็คือการทำให้ [เทพเจ้า] รู้สึกเจ็บแค้นเท่านั้น”
หรือถ้ารอด ก็จะจับเอามาทรมานต่อ แล้วค่อยส่งกลับให้พวกเทพเจ้า ในสภาพที่พิกลการไป
“เลว!”
“เพราะแกไม่เคยเจอ หรือถูกเทพเจ้าจับไปเป็นของโชว์ คงไม่มีทางรู้หรอกว่าความแค้นของเรามันเป็นเช่นไร”
เธอตะโกนเสียงดังผ่านม่านฝุ่นอาคารที่กำลังลอยคลุ้งไปทั่ว
ผู้คนที่หนีไม่ทันล้วนแต่ถูกเศษหินเหล่านั้นหล่นทับ
ร่างเนื้อแตกกระจาย
เลือดสาดกระเซ็น
สภาพเละเทะอยู่ใต้ซากจนไม่อาจแยกแยะแม้แต่เผ่าพันธุ์หรือรูปนามดั้งเดิม
“ความจริงถ้าแกรักโลกนี้ แกควรจะร่วมมือกับเรา หาทางฆ่าไอพวกเทพสารเลวพวกนั้น!”
เธอพูดด้วยความโกรธ
ท่ามกลางฝุ่นควันที่ลอยคลุ้ง ชายเผ่ามนุษย์ได้วิ่งกระโจนเข้าใส่จากทางด้านหน้า
ชุดหนังคาวบอยที่สวมทับร่างกาย กำลังกระจายแสงสีฟ้าออกมาอย่างโดดเด่น
ไอพลังงานจากชุดรบที่กำลังเสริมทับกล้ามเนื้อ กำลังเร่งขับดันให้เกิดการเคลื่อนไหวเหนือสามัญ
พุ่งเข้าปะทะ แล้วกระหน่ำเพลงยุทธชนิดไม่ให้อีกฝ่ายพักหายใจ
ออกหมัดนับสิบ
เหยียบย่างเวหา เคลื่อนไหวไปในอากาศประดุจแยกร่าง
ฟาดหน้าแข้ง แทงศอกเข้าลิ้นปี่ กระแทกฝ่ามือใต้คาง เล็งโจมตีหวังสะเทือนให้ไปถึงสมองและจุดตายของอีกฝ่าย
อีกฝ่ายเริ่มตั้งรับด้วยท่าประยุทธ์หมัดประชิด
ใช้ประโยชน์จากที่ตัวเองมีหาง กับปีก เพิ่มโอกาสตอบโต้สวนกลับที่อีกฝ่ายมีเพียงแค่สองแขนกับสองขา
ตอบรับทุกการโจมตีด้วยความรวดเร็ว หนักแน่นที่ ไม่แตกต่าง จนเห็นเป็นเสมือนหนึ่งภาพเงากระจกที่สะท้อนกลับวิชายุทธ์ของอีกฝ่าย
สองฝ่ายแลกวิชายุทธ ชนิดไม่มีใครยอมใคร
สายลมที่ถูกบีบอัดระเบิดจากทุกหมัดที่เข้าแลกใส่ ช่างดังกึกก้องราวกับมีเครื่องบินรบมาปูพรมทิ้งระเบิด
พื้นดินถูกแรงอัดปะทะกดทับ กลายเป็นหลุมคล้ายอุกกาบาตตก
สายฟ้าจักลั่นคำราม บังเกิดเป็นสนามพลังงานธรรมชาติที่แผ่ขยาย โดยมีพวกเขาเป็นจุดศูนย์กลางของความวิบัติ
จากแรงปะทะเล็ก ๆ เริ่มขยาย กลายเป็นวงกว้าง
จากพื้นที่เท่าคนสองคนโอบล้อม แผ่ออก– ไปจนถึงริมรั้วของวิหาร
จากริ้มรั้ว แผ่ออกไปกลืนกินบ้านเรือน
เพียงไม่ถึงสองนาที พื้นที่หนึ่งในสามของเมืองจักวอดวายฉิบหาย
“ฮะ ฮะ ฮะ! ไอชุดทหารรบยุคนี้มันเสริมกำลังได้ถึงระดับนี้แล้วสินะ? ฝีมือแกเองก็ไม่เลว! ไม่คิดมาย้ายฝั่ง มาเข้าพวกเดียวกับเราเรอะ? มาฆ่าเทพเจ้าด้วยกันดีกว่าน่า!”
“เรื่องของเธอสิ!”
ทั้งสองยังคงแลกหมัดกันต่อเนื่อง
“งั้น– เราจะแสดงให้เห็น ว่าวิชาของเทพเจ้าที่เราเห็นมากับตามันเป็นเช่นไร? ”
ฝ่ายสตรีปีศาจว่าเช่นนั้น
เธอเลิกที่จะรับหมัด แล้วยอมปล่อยให้ตัวเองถูกอัดหน้าท้องจนตัวปลิว
เกิดเสียงคล้ายยิงกระสุนปืนใหญ่จากเรือรบดังกระหึ่มขึ้น พร้อมกับที่มีวัตถุสีเงินพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
” ไม่เจ็บสักนิด”
วัตถุสีเงินนั้นกางปีกของตนออกกว้าง แล้วหยุดตัวเองไว้ที่ท้องฟ้าสูงขึ้นไป
เธอหันหลังให้กับดวงอาทิตย์ทั้งสองดวงที่ลอยอยู่บนฟ้า
เขาคู่เรืองแสง สองมือกางออกแผ่ไอพลังงานประหลาด
ควรรีบหยุดเธอ—
ทั้งที่รู้ แต่ด้วยแรงกดดันบางอย่าง ชายเผ่ามนุษย์จึงไม่อาจแม้แต่จะขยับร่างกายได้ตามใจนึก
มันเป็นความรู้สึกที่ราวกับถูกจับไปแช่แข็งทางความนึกคิด
เสมือนหนึ่งกำลังยืนเผชิญหน้าผา โดยตัวเองมีเพียงแค่ร่างเปลือยที่ไร้สิ่งป้องกันภัย
ราวกับเป็นเด็ก— ที่กำลังแหงนมองบิดา มารดา ผู้สร้างตน
กำลังแหงนมอง— เทพเจ้าผู้สร้าง
“นี่ละคือพลังของเทพเจ้า!”
สิ่งที่สตรีปีศาจสร้างขึ้นมานั้น ไม่อาจบรรยายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ หรือหลักวิทยาศาสตร์เวทมนตร์ใด ๆ ที่เขารู้จัก
มันคล้ายกับวัตถุพลังงานทรงกลม แต่สัมผัสไม่ได้ถึงความร้อน หรือมีพลังงานใด ๆ
มันคล้ายวัตถุ แต่ก็รู้ได้ว่ามันไม่ใช่วัตถุ
รู้ เห็น ว่ามีตัวตน ณ ที่ตรงนั้น แต่กลับไม่มีตัวตน
“แหลกสลายไปซะ”
พริบตาที่สตรีปีศาจดีดนิ้ว
พื้นที่ทุกอย่างได้แตกสลายหายไปในระดับมิติ–
ไม่สิ
ไม่ใช่แค่มิติที่หายไป
แต่หายไปในระดับการรับรู้ การมีอยู่ การคงอยู่
หายไปชนิดไร้ซึ่งสิ่งใดหลงเหลือแม้แต่เชิงคำนิยาม
หายไปทุกสิ่งแม้แต่ตัวเขาเอง
หายไป– รวมไปถึงทั้งทวีปคริสตัล ทวีปแห่งการก่อกำเนิดแห่งนี้ด้วย
***
“!!!”
“เป็นจินตนาการที่สนุกดีใช่ไหม? ”
ชายเผ่ามนุษย์ผมสีน้ำตาลทองกำลังเหงื่อแตกเป็นสายน้ำตก
เขากำลังตกอยู่ในสภาพที่กำลังจ้องไปทางสตรีปีศาจบนม้านั่งของวิหาร
กำแพงยังไม่ถูกทำลาย
วิหารยังไม่ถูกพัง
“นี่คือ? ”
“หนึ่งในวิชาของเทพเจ้า การต่อสู้แห่งจิตและอัตตา ภาพที่เกิดขึ้นคือทั้งความจริงและมิใช่ความเป็นจริง เป็นเพียงภาพแห่งโลกคู่ขนานสมมติที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังงานวิญญาณ โลดแล่นบนมิติอีกเส้นเวลา เพื่อจำลองเหตุการณ์จริงที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า”
ฟังแล้วไม่อาจเชื่อได้
แต่ความเจ็บปวด ความตาย ความรู้สึกที่ถูกลบหายไปที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
ความรู้สึกพวกนั้น เขารู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ของโกหก
” ยังคิดจะจับเรา ผู้สร้างคาร์นิวอยที่แท้จริงอยู่ต่ออีกไหม? ”
“…”
ค่าใช้จ่ายที่แลกมาเพื่อจับเธอ คือทวีปนี้ทั้งทวีป…
“ไม่ละ”
“ฉลาด”
ชายเผ่ามนุษย์กัดฟันอย่างเจ็บใจ
เขาลุกขึ้นยืน แล้วเดินกลับออกไปจากวิหารด้วยความรู้สึกอันเจ็บปวดที่กำลังแน่นอยู่ตรงหน้าอก
” เดียวก่อน ขอฝากข้อความหน่อยจะได้ไหม? ”
แต่เขากลับถูกสตรีปีศาจหยุดเอาไว้ก่อน
“ฝากข้อความอะไร? ”
“ฝากเจ้าไปบอกพวกแม่สาวนักบวชชื่อดังของวิหารนี้”
เธอกำลังแสยะยิ้ม
เพราะจากการต่อสู้เมื่อกี้ ได้ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำ
ทั้งแผนการ
ทั้งองค์กรที่สร้างมา
ทุกอย่างได้ระบุตัวตนของเทพเจ้าไปที่คนเพียงสามคน
เธอมั่นใจต่อเป้าหมายที่แท้จริง ที่ตนกำลังควานหา
“ว่าเราผู้นี้ จะรออยู่ที่จุดศูนย์กลางของโลก”
ตอนนี้ เธอมั่นใจแล้วว่าเทพผู้สร้างโลก ได้กลับลงมาจุติในร่างของผู้ใดกันแน่
MANGA DISCUSSION