วันที่ 60 เกอเนรับส์ ปี 126 เวลา 14:30 น.
ณ ยอดหอคอยรังนกใจกลางเมือง
“…มันเกิดอะไรขึ้นที่สนามแข่ง? ”
ชั้นกำลังมองไปที่สนามแข่งฝั่งทิศตะวันออกของเมือง
ตรงตำแหน่งที่ควรมีสนามแข่งไม้รูปตัวอักษร [U] วางตั้งอยู่ ได้มีสภาพคล้ายกับพึ่งผ่านสงครามครั้งใหญ่
มันถูกทำลายไปเกือบครึ่ง
มีเสียงรถหวูดดังขึ้นไม่ขาดสาย พร้อมกับแสงไฟสีแดงเตือนภัยเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ
หากให้เล่าย้อนกลับไป คงเป็นตอนที่ใกล้เวลาลงมือก่อการร้ายตามแผนการของคุณ บาร์-ธา-ซ่าร์
ถ้าตามที่ได้รับข้อมูลมา มันควรจะมีแค่สัตว์ประหลาดยักษ์ที่ว่าถูกฝึกมาดี มาปรากฏตัวขึ้นที่สนามเท่านั้น
แต่กลายเป็นว่าพอถึงเวลา กลับมีโดมประหลาดที่ดูคล้ายกับเป็นแผ่นกระจกคริสตัล ถูกสร้างขึ้นมาปกคลุมรอบสนามแข่ง
ถึงจะมองเห็นทะลุผ่านเข้าไปข้างในตัวสนามได้ แต่ไม่อาจมองเห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ ของภายในนั้น
ราวกับว่าเวลาข้างในได้ถูกหยุดนิ่งเอาไว้
แถมทุกสิ่ง ไม่ว่าจะอากาศ พื้นดิน สิ่งก่อสร้าง ที่เข้าไปสัมผัสกับแผ่นเปลือกที่ดูคล้ายแก้วคริสตัล ยังถูกทำให้สลายกลายเป็นฝุ่นผงไปในทันทีอีกด้วย
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดได้ไม่นาน ก็มีเสียงกระจกแตก ก่อนจะตามมาด้วยการพังทลายของโดมคริสตัล จนมีสภาพเป็นภาพอย่างที่เห็น ณ ปัจจุบันไป
*ตู้ม!*
*กีสสสส!*
*เอ๋ง!*
*เจี๊ยกกก!*
เหมือนจะได้ยินเสียงแปลก ๆ ร้องดังขึ้นมาอย่างเจ็บปวดมาจากทางฝั่งสนามแข่ง
ตอนนี้พวกคุณ บาร์-ธา-ซ่าร์ จะเป็นยังไงแล้วบ้างนะ?
“ปะ— ปล่อยข้า!”
“ปากเหม็นน่า”
ชั้นเดินเข้าไปเอาที่อุดปาก จับยัดใส่ปากของเจ้ายักษ์ที่ถูกจับตัวมาอีกรอบเป็นครั้งที่ยี่สิบ
เพราะมันเล่นกัดที่อุดปากจนพังเสียทุกครั้ง เลยต้องขยันหามาเปลี่ยนใหม่ตลอด
ไม่อย่างงั้นคงได้ทนฟังมันพล่ามหนวกหูไม่หยุด
“…ใคร? ”
มีคนกำลังมาที่นี่
ใช่คนที่คุณ บาร์-ธา-ซ่าร์ หมายหัวเอาไว้หรือเปล่า?
ชั้นลองหันกลับไปหรี่ตามองในจุดที่ได้ยินเสียงลมหายใจอันแผ่วเบา
“สมกับที่เป็นอาร์เซนิค… [คู่หู] ของผม… รู้ตัวทันทีที่เข้ามาในนี้เลยนะ ออน~”
“…เสียงนี้ ดิไลออนอย่างงั้นหรือ? ”
“ถูกต้อง— ออน”
ภูติผมขาว
ภูติผู้ชายที่ผมสั้นกุดคนนี้ คือเพื่อนรวมงานในเวลาที่ชั้นต้องสวมบทบาทแสดงเป็นตำรวจสากล
เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ และมีความจริงใจให้กับคนทรยศอย่างชั้น…
“การที่คู่หูมาอยู่ที่นี่— แปลว่าทางตำรวจสากลรู้แล้วสินะ ว่าชั้นคือคนของทางฝั่งไหน? ”
“ตอนที่ได้รับคำสั่งมาว่าให้ปกปิดข่าวจากนายเอาไว้ ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนกระทั้งได้มาเห็นกับตาตัวเองเนี่ยแหละ… ตอนที่นายโยนความผิดทุกอย่างให้เจ้าหน้าที่รุ่นน้อง [ออน-เอ็ซท] … ทำไมผมถึงไม่รู้สึกตัวให้เร็วกว่านี้กันนะ…ออน…”
“เพราะว่าคู่หูเชื่อใจคู่หูมากเกินไปยังไงละ”
“มันเจ็บปวด… พอได้ยินมาจากปากของคู่หูที่ผมคิดว่าเชื่อใจได้มากที่สุดแบบนี้…”
สายตาของอดีตเพื่อนร่วมงานกำลังจะกลายเป็นเหมือนกับของชั้น
สายตาของคนที่เคยเชื่อใจใครสักคน แล้วถูกหักหลังอย่างรุนแรง
เป็นสายตาของคนที่ไม่อยากจะเชื่อใจใครในโลกใบนี้อีกต่อไป
ใช่ แบบนี้แหละดี
อย่าไปเชื่อใจใครมากนักเลยคู่หู
เพราะเดียวจะเหมือนกับชั้นในสมัยก่อน
ในตอนที่ยังเป็นนักล่าค่าหัว
ตอนนั้นชั้นทำงานคู่กับอีกคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิงเผ่าปีศาจผมสีเงิน
พวกเราสองคนต่างเป็นสหายที่ซื่อตรงต่อกันมาก
แต่ทว่ากลับเป็นแค่ชั้นที่คิดเช่นนั้น
ยัยนั่นกล้าหันปืนใส่จากทางด้านหลังของชั้น เพราะหวังฮุบเงินรางวัลไปเพียงคนเดียว
ชั้นเลยยิงสวนกลับ ฆ่ายัยนั่นไปซะ!
นายเองก็ควรจะทำแบบนั้น
ถ้าถูกพบว่าทรยศ ก็ควรจะหันปืนมาเล็งฆ่าชั้นซะ!
“ได้ข่าวที่อยู่ของชั้นมาจากใคร? ”
“จากข้อมูลที่ [ออน-เอ็ซท] ขุดมาได้นะสิ คือในนั้นมันไม่ได้ระบุหรอกนะว่ามีการจับเผ่ายักษ์มาคนหนึ่ง มันมีแค่ระบุตำแหน่งของ [อีกาดำ] เท่านั้น”
“ทั้งที่บอกคุณ [บาร์-ธา-ซ่าร์] ไปแล้วนะว่าควรรีบฆ่าหมอนั่นให้พ้น ๆ ไป ไม่เข้าใจความคิดของเขาเลยจริง ๆ ให้ตายสิ”
“แล้วคู่หูจับเจ้ายักษ์คนนั้นมาเพื่ออะไร? ”
“ไม่ใช่เรื่องที่คู่หูจำเป็นจะต้องรู้”
การสนทนาของพวกเราจบแต่เพียงเท่านี้
ฝั่งของคู่หูมีสองมือ บินลอยเหนือพื้น พร้อมที่จะชักปืนซึ่งเหน็บตรงเอวซ้ายกับขวาออกมายิง
ส่วนฝั่งเรา ถึงปีกจะจับด้ามปืนไม่ได้ และอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบกว่าเพราะกำลังยืนอยู่บนพื้น
แต่ชั้นมีแขนกลที่ติดตั้งตรงหัวไหลมาชดเชยในการเล็งปืนโจมตี
พวกเราสองคนยืนประจันหน้ากันด้วยลมหายใจที่หยุดนิ่ง
ดวงตาไม่แม้แต่จะกระพริบ
เหราะหากเผลอกระพริบให้วิสัยทัศน์มืดบอดเพียงชั่วครู่ อาจนำมาซึ่งความตายได้
…
..
.
ไม่มีใครเคลื่อนไหวนอกจากสายลมเบา ๆ ที่พัดผ่านตามรอยแยกของกำแพงโกดังสินค้า
ฝุ่นก้อนที่ถูกลมพัดม้วนตัวเป็นเส้นใยลูกบอล ได้กลิ้งตัดผ่านหน้าพวกเราไป เสมือนหนึ่งเป็นดินแดนอันรกร้างที่รายล้อมไปทะเลทราย
.
..
…—!!!
มันเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว
เส้นรังสีจากรังเพลิงปืนรังสีได้ถูกยิงออกไปแทบจะพร้อมกัน
แขนกลกับแขนเนื้อขยับตัว แล้วเล็งยิงไปที่อีกฝ่าย
*ฉับ!*
เสียงตัดปลายวัตถุโลหะดังขึ้น
หนึ่งในแขนกลของชั้นถูกปืนรังสีทำลายไป
แต่ในทางกลับกัน
“อั๊ก… คู่หู… นี่นาย…”
ฝั่งคู่หูเองก็ถูกชั้นยิงทะลุส่วนแขนซ้ายกับขวาพร้อมกันเช่นกัน
เขาทิ้งปืนลงข้างตัวในสภาพที่หมดแรงจะสู้ต่อได้เพราะบาดแผล
“ทำไม… ถึงไม่เล็งที่หัว? ออน…”
“…”
คู่หูยิงคำถามเช่นนั้นมา
ชั้นไม่รู้ว่าจะควรตอบยังไงดีเหมือนกัน
รู้ทั้งรู้ว่าควรเอาชีวิต แต่สมองกลับสั่งการแขนกลให้เล็งไปที่แขนแทน
แต่คู่หูเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?
ทำไมนายถึงเล็งมาที่แขนกลของชั้น แทนที่จะเป็นใจกลางหัวละ?
“ฮะ– ฮะ ฮะ…”
เขายิ้ม
ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายแพ้ แต่กลับยิ้มออกมาได้…
ไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจทั้งความคิดของเขา และความคิดของตัวเองเลยให้ตายสิ
“พอแค่นี้เถอะ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะเอาชีวิตใคร แถมอีกเดียวต้องไปหาหัวหน้า—”
“ถ้าหัวหน้าของคู่หู– บาร์–ธา-ซ่าร์ คนนั้นละก็ เขานะตายไปแล้วละ”
“—ว่ายังไงนะ? ”
“สายจากฝั่งตำรวจสากลที่ควบคุมสนามแข่งแจ้งมาว่า ระดับผู้บริหารคาร์นิวอย ได้ตายกันหมดทุกคนแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ลองวิ่งไปดูด้วยสายตาของตัวเองสิ ออน…”
“เรื่องแบบนี้—”
กำลังจะบอกว่าไม่เชื่อหรอก
ฟังยังไงก็เป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำเพื่อลากคอไปให้ถูกจับตัวชัด ๆ
แต่สายตาของคู่หูบอกว่าไม่ได้โกหก
เรื่องแบบนี้มัน! อย่างคุณ บาร์-ธา-ซาร์ เนี่ยนะ!? จะถูกฆ่า!
ชายคนนั้นคือคนที่เก็บชั้น [อีกาดำ] มาเลี้ยงดูและมอบที่อยู่ใหม่ให้!
เขาไม่ใช่ชายที่จะมาตายง่าย ๆ แบบนี้!
“— จะทำอะไรก็ทำไป!”
ชั้นรีบทิ้งคู่หูกับเจ้ายักษ์ไว้ แล้วออกไปนอกอาคารหอคอยโกดังที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
กางปีกสีดำบินออกไปทางทิศตะวันออก
ของแบบนี้มันต้องไปดูด้วยสายตาของตัวเอง—
—ชั้นได้เห็นมัน
ถึงหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้อีก
“ทุกคน… ตายกันหมด… จริง ๆ ด้วยสิ… แม้แต่คุณ บาร์-ธา-ซ่าร์”
ตรงลานกว้างของสนามแข่งขัน
ที่ตรงนั้นมีตำรวจกับเจ้าหน้าที่ขนศพจำนวนมาก กำลังเข้ามาเก็บศพที่น่าสงสารออกไป
ส่วนตรงกลางลาน มีฝูงนักข่าวกำลังล้อมกรอบคนกลุ่มหนึ่งอยู่
ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกนักบวชสามสาวคนดังจากวิหารเทพทั้งสาม ผู้นำทางศาสนาโนอาร์ ผู้นำประเทศเผ่าปีศาจ แล้วมีกระต่ายขนดำอีกหนึ่งคน
ที่ข้าง ๆ พวกเขา มีศพของสัตว์ประหลาดร่างยักษ์หน้าตาไม่คุ้นเคย นอนจมกองเลือด
แต่พอเพ่งดูให้ดีกลับพบว่าท่ามกลางมวลเนื้อที่ปูดโปนอย่างน่าขยะแขยง มีใบหน้าของเหล่าผู้นำคาร์นิวอยปะปนอยู่ข้างในนั้นด้วย
นี่มัน…
ชั้นรีบหันไปดูทางกลุ่มถุงศพอย่างร้อนรน
เจ้าหน้าที่จำนวนมาก กำลังขนถุงศพสีดำมาวางกองเรียงเอาไว้ที่มุมของสนาม
หนึ่งในนั้นมีถุงศพอันหนึ่ง ที่มีของประจำตัวอย่าง [แก้วไวท์] สุดโปรดของเขาผู้นั้นบรรจุอยู่ในถุง [เครื่องใช้ติดตัว] ที่วางอยู่ใกล้กัน
เขาตายจริง
ท่าน บาร์-ธา-ซ่าร์ แห่งผู้นำคาร์นิวอย
เหล่าผู้นำในผู้นำ
องค์กรคาร์นิวอย— ได้จบสิ้นลงแล้ว
***ในเวลาเดียวกัน***
วันที่ 60 เกอเนรับส์ ปี 126 เวลา 14:30 น.
ณ โบสใหญ่ของศาสนาเทพทั้งสาม บนทวีปคริสตัล
ที่แห่งนั้นมีเงาของสตรีเผ่าปีศาจที่ไม่ทราบนาม กำลังเยื้องกายมุ่งหน้าเข้าไปใกล้
เธอคนนั้นมีผมสีเงินยาวเข้ม ผิวสีเงิน ดวงตาสีเงินเข้ม ปีกสีดำแผ่กว้าง และหางปลายแปลมที่ดูทรงพลัง
มันเป็นช่วงเวลาเช้าตรูของวัน
ท่ามกลางบรรยากาศเช้ามืดที่นักบวชต่างกำลังวิ่งวุ่นเพื่อเตรียมทำพิธีในเวลาเช้า จึงทำให้ไม่มีใครมามัวสนใจสตรีแปลกหน้าที่ดูเหมือนชาวบ้านธรรมดา ซึ่งอาจเข้ามาเพื่อสักการะบูชาด่าทอเทวรูป แบบที่เห็นได้เป็นปกติในทุกวัน
แต่ทว่า—
“คุณเผ่าปีศาจตรงนั้น กรุณาหยุดอยู่แค่นั้นครับ”
“…”
กลับมีผู้ชายเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเรียกหยุดตัวเธอคนนั้นเอาไว้เสียก่อน
เขาคนนั้นมีดวงตาสีฟ้า ผมสีน้ำตาลทอง และมีผิวสีเหลือง ไว้ผมทรง ครูว์ คัต
“โอ๋~? เสียงนี้ แล้วยังใบหน้านั้นอีก? นี่เจ้ายังไม่แก่ตายอีกอย่างงั้นหรือ? ”
“พอดีว่าผมไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา… แล้วก็ดีใจที่คุณจำหน้าของกระผมได้”
คนปริศนาทั้งสองคนต่างทักทายกันราวกับเป็นเพื่อนเก่าแก่ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานแสนนาน—
“ครั้งล่าสุดที่ได้เจอกันคือปีอะไรนะ? ”
“ถ้าตามเวลาของโลกนี้ มันคือปีประวัติศาสตรที่ 25 นะครับ”
—นานถึง 101 ปี…
“ฉันควรเรียกเจ้าด้วยนามไหนดีละคะคุณตำรวจสากล? [โน-เนม] ? หรือ [ฮาร์ดี ชาร์สเซอร์] ? ”
“ยังใช้ชื่อเดิมนั่นแหละครับ เรียกว่า [โน-เนม] เถอะครับ แล้วคุณละ? ”
ผู้ชายเผ่ามนุษย์ลุกขึ้นยืน ยิ้ม แล้วพูดต่อจนจบด้วยนามหนึ่ง
“คุณคือ— ราชินีสีเงิน [แบนซี] ใช่ไหมครับ? ”
MANGA DISCUSSION