“อย่าลืมฉันไปสิค่ะ! บินไปบินมาอยู่ได้ มันน่ารำคาญค่ะ!”
นกสีแดงขาวตะโกนด้วยความไม่พอใจ
ดูเหมือนว่าเธอจะถูกทำให้ต้องบินไปวนมาทั่วสนามอย่างหัวปั่น เพราะตำแหน่งที่ไม่อยู่ติดที่ของพวกอสูร
เธอพุ่งตัวลงมาจากด้านบน ชนิดไม่สนบรรยากาศที่ดูคล้ายกับเป็นการเตรียมปะทะครั้งใหญ่ของทั้งสองฝ่าย
ทำลายจังหวะดนตรีแห่งการต่อสู้ระหว่างอสูรกับขบวนการ 6 สาว ด้วยกรงเล็บอันคมกริบที่กำลังยื่นตรงออกมา
*ฉัวะ!*
ปลายกรงเล็บที่พุ่งตรงลงมา ได้เข้าขยุ้มปีกแมลงของเบลเซบับจากข้างหลัง
จับยึดจิกด้วยปลายเล็บเป็นดั่งพญาอินทรีย์ที่กำลังจับเหยื่อกลับรัง เค้นแรงบีบอันน่าทึ่ง แล้วฉีกปีกของแมลงยักษ์จนขาดออกราวกับเป็นเศษกระดาษ
*ฮูม!— แค้น!— พวกเทพเจ้า!!*
เบลเซบับไม่คิดจะยอมให้ถูกลอบโจมตีทีเผลอไปอย่างไร้ซึ่งสิ่งแลกเปลี่ยน
มันใช้แขนแมลงของตัวเองกางออกกว้าง แล้วแทงลงไปที่ใบหน้า กับหน้าอกซ้ายของอีกฝ่าย หวังสังหารอีกฝ่ายให้ตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แต่ทว่า—
*กึ๊ง!*
*ฮุ่ม–? *
ปลายแขนแมลงอันแหลมึคมที่แทงทะลุได้แม้แต่เหล็กกล้า กลับไม่อาจเจาะผิวหนังของมนุษย์นกขนสีแดงขาวผู้นั้นเข้าไปได้
“สมกับที่เป็นยัยนกติดบัค ซึ่งถูกดัดแปลงร่างกายจากเผ่าพิเศษ”
นักบวชผมสีเหลืองบ่นอุบด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับคิดในใจว่าดีแล้วที่ดึงเอายัยคนนี้มาเป็นพรรคพวกไว้ใช้งาน
เธอเริ่มวิ่งเข้าประชิดเบลเซลบับจากทางด้านหน้า
พร้อมกันนั้น นักบวชผมสีฟ้าได้วิ่งคู่ขนานฝั่งซ้ายมือ แล้วใช้ลูกแตะสกัดแขนพันมือของเสือสมิงที่กำลังชกเข้าใส่นักบวชผมสีเหลืองที่กำลังวิ่งเข้าไป
ฝั่งด้านขวามือของนักบวชสีเหลือง มีเงาของโนอาร์ซึ่งกำลังกระโดดง้างหมัดพายุ เตรียมแลกกับเทนงุที่กำลังเตรียมโบกพัดขนนกสีดำ
ทว่าเทนงุนั้นว่องไวกว่าโนอาร์มากนัก
ก่อนที่โนอาร์จะง้างหมัด พัดของเทนงุก็ถูกเหวี่ยงลงมาได้ราวหนึ่งในสามของระยะโบกแล้ว
หากว่าเป้าหมายของโนอาร์คือเทนงุ เป้าหมายของเทนงุคือกลุ่มเด็กสาวตัวน้อย กับนักบวชผมแดงที่กำลังบินอยู่บนฟ้า
*ฉึก!*
ก่อนที่พัดสีดำเล่มนั้นจะได้ทันเหวี่ยงลงมา ได้มีแสงสีแดงวิ่งตัดผ่านมาปักลงบนหลังฝ่ามือของมัน
ตัวจริงของแสงสีแดงนั้นคือมีดดาบรังสีที่ถูกร่อนมาจากเงามืดของฝั่งอัฒจันทร์
แรงกระแทก ๆ เบาจากมีดปา ทำให้ปลายพัดหันเหทิศทางไปในเป้าหมายที่ไม่ได้ตั้งใจ
พายุลูกยักษ์นั้นได้บินพุ่งออกไปในอากาศ เฉออกจากเป้าทั้งสองไปราวสามเมตร
“แวม แวม!”
“จัดให้”
โนอาร์ได้ชกหนึ่งหมัด แล้วแตะเสยส่งเทนงุขึ้นท้องฟ้าด้วยขาแมว
พร้อมกันนั้นราชินีแวมไพร์ได้วาดนิ้ววนเป็นวงกลม ส่งฝูงค้างคาวที่บินรออยู่ พุ่งเข้าล้อมเทนงุ
ส่งมันเข้ารุมด้วยสสารมืดอันเป็นร่างที่แท้จริงของค้างคาวเทียม
เข้าขยี้ ดูดกลืน แล้วกดทับด้วยมวลสารระดับที่สามารถกลืนแสงสว่างได้
*บรึ้ม!*
ทว่าเทนงุกลับสามารถระเบิดฝูงค้างคาวนั้นให้แตกกระจายออกมาได้อย่างง่ายดาย
มันแผ่พลังงานวิญญาณออกมารอบตัวเอง จนเกิดเป็นพายุอันหนาวเหน็บที่เปี่ยมไปด้วยเสียงกรีดร้องของคนตาย
ทุกสิ่งที่สัมผัสมัน จักถูกแช่แข็งในระดับสิ้นสูญพลังงานในตัว แล้วแตกกระจายกลายเป็นผงไปในพริบตา
*กีส!*
ราวได้รับรู้ว่าสหายของตัวเองกำลังจะใช้ท่าเผด็จศึกใหญ่
เบลเซบับได้สลัดปีกเก่าที่ขาดออกทิ้ง แล้วสร้างปีกใหม่ขึ้นมาในช่วงเพียวเสี้ยววินาที
มันบินขึ้นฟ้า แล้วปล่อยให้สหายเสือสมิงที่มีพันมือ เข้าหยุดศัตรูอันน่ากลัวอย่างนกสีแดงขาว นกสีทอง หนูสีฟ้า แล้วก็แมวอีกหนึ่งตัวที่พยายามจะไล่ตาม
“อย่ามาขวางหนูสิ!”
“น่ารำคาญไอมือพวกนี้จริง”
เสือสมิง กำลังโรมรันด้วยมือนับพัน กับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าถึง 4 คน
เบลเซบับบินขึ้นไป พร้อมกับใช้ปล้องที่มีปลายแหลมคล้ายผึ้งของตัวเอง ยิงกระสุนเหล็กในออกมาใส่โนอาร์กับกระต่ายสาวที่กำลังโรมรันกับเสือสมิง
เป้าหมายคือเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพวกสองสาวที่เริ่มมีท่าทีเคลื่อนไหวกำลังจะเปลี่ยนเป้าหมาย ไปที่ทางเทนงุแทน
สนามรบแห่งนี้ช่างยุ่งเหยิง
นักรบทั้งหมดล้วนต่างกำลังหางทางหยุดศัตรู และถูกศัตรูหยุดเอาไว้
แต่ทว่าบทละครแห่งการต่อสู้นี้กำลังจะจบลงด้วยพายุวิญญาณของเทนงุ
เพื่อไม่ให้การต่อสู้จบลงโดยเป็นฝ่ายพ่ายศึก เหล่าสาว ๆ จึงหาทางพยายามหยุดมัน
แต่ค้างคาวแห่งสสารมืดของราชินีที่กำลังสั่งให้บินปะทะใส่พายุช่างไร้ค่า ต่อหน้าพายุพลังงานวิญญาณของปีศาจเทนงุ
คนอื่นเองก็ไม่ว่างมือพอจะมาโจมตีใส่ได้
หากปล่อยให้พายุสีขาวยังคงขยายตัวออกเป็นบอลรัศมี อีกไม่นานคงกลืนร่างของนักบวชผมสีแดง ที่กำลังทำพิธีทำลายพื้นที่มิติแห่งนี้
แล้วทุกคนจะหมดหนทางเอาชนะปีศาจวิญญาณทั้งสามตัวไปอย่างสิ้นเชิง
“ต้องหาตำแหน่งเล็งปืน—”
คนที่มีอิสระและเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น จึงเหลือแค่มนุษย์หนุ่ม ที่ถูกมองเป็นคนนอกสายตา
ตำรวจสากล ณ — ผู้ที่เอาตัวรอดจากเหตุระเบิดอัฒจันทร์มาได้อย่างหวุดหวิด
ถึงจะมีตำรวจอีกจำนวนหนึ่งที่รอดมาได้ แต่เขาคือตำรวจสากลเพียงคนเดียว ที่พอจะมองกระแสวิญญาณออก
ชายผู้มีนามว่า [ออน-เอ็ซท]
“ตำแหน่งที่ดีที่สุด… บริเวณฝั่งคนดูจากฝั่งที่พวกเด็ก ๆ นักบวชฝึกหัดของคุณลาพิสอย่างงั้นหรือ? ”
ออนไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ทำไมพายุทรงกลมฝั่งนั้นถึงได้มีความหนาแน่นของกระแสวิญญาณบางกว่าฝั่งอื่น
บางทีอาจเป็นเพราะผิวของพายุฝั่งนั้นต้องเอาไปรับการโจมตีกองทัพค้างคาวของราชินีแวมไพร์กระมั้ง?
เขาคิด แล้วกระชับปืนคู่ใจจนแน่นเพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง
วิ่งตัดผ่านริมขอบอัฒจันทร์ไปอีกฝั่ง มองหาตำแหน่งที่จะใช้เล็งปืน—
เวลานั้นเอง ที่เขาได้นำพาตำแหน่งของตัวเองไปจนถึงตำแหน่งที่นักบวชฝึกหัดอยู่อย่างไม่ทันรู้ตัว
ดวงตาของเขา ได้ไปประสาทเข้ากับดวงตาสีฟ้าที่ซ่อนลึกในห้วงความทรงจำ
ดวงตาของเพื่อนสมัยเด็ก [โรโยตี้]
“เธอ—”
เพื่อนสมัยเด็กของเขากำลังใช้ร่างกายของตัวเองกอดพวกเด็ก ๆ นักบวช พร้อมกับเผ่ามนุษย์สัตว์ไซบอร์กอีกสองคนของโนอาร์ที่ได้รับคำสั่งมา
เขาไม่สงสัยในพฤติกรรมปกป้องของพวกเหล่ามนุษย์สัตว์ไซบอร์ก
แต่เขากำลังสงสัยในเพื่อนสมัยเด็กของตัวเอง…
ทำไมเธอคนนั้นถึงหันหลังออกไปด้านนอกรับแรงลมของพายุที่กำลังพัดโบก?
เพื่อใช้ร่างกายของตัวเองเป็นเครื่องกำบังให้กับเด็กอย่างงั้นหรือ?
คนอย่าง โรโยตี้ เนี่ยนะ?
พอเห็นภาพเพื่อนสมัยเด็กที่แสนชิงชังใช้ตัวเองเป็นโล่ มันเลยทำให้เขารู้สึกสับสน
“… เอาไว้เดียวค่อยคุยกัน”
เขาพูดทิ้งท้ายเบา ๆ ออกมาจากริมฝีปากพอให้อีกฝ่ายได้ยิน แล้วเริ่มตั้งสมาธิไปที่เทนงุที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
เล็งปืน – ตั้งสมาธิ—
ตัดเสียงอันว้าวุ่นออก
ดวงตาสะท้อนเพียงแต่พายุสีขาว
จิตกับดวงตา จับต้องคลื่นกระแสวิญญาณ
มองผ่านเส้นแสงที่ดวงตาเปล่ามิอาจมองเห็น ซึ่งกำลังวิ่งไหลวนเวียนขยายตัว
เล็ง— ไปที่ช่องว่างเล็ก ๆ ของเส้นสายเหล่านั้น
สูดลมหายใจ
ผ่อนคลาย
มือเที่ยงตรงนิ่งประดุจวางบนแท่นหินที่มิอาจขยับ
*เปรี๊ยง!*
แล้วลั่นกระสุนรังสียิงมันออกไป
เส้นแสงสีฟ้าเล็ก ๆ เท่าเส้นด้ายนั้น ได้เริ่มวาดผ่านตัดใจกลางพายุขาว
พริบตานั้นพายุทรงกลมสีขาวจักแตกตัวสลายหายไป ราวกับเป็นลูกโป่งที่ถูกเข็มเจาะแตก
ร่างเทนงุถูกยิงทะลุหน้าผากใจกลางหัว ผ่านสมองจนเห็นหมอกควันน่ากลัวปลิวกระจายออกไปทางด้านหลังของขนสีดำที่ปกคลุมหัว
*ฮูม!*
มันคำรามอย่างโกรธแค้น
ถึงจะไม่ทำให้มันตายได้ แต่ต้องทำให้มันสูญเสียพลังงานวิญญาณไปส่วนหนึ่ง เพื่อเรียกคืนกายเทียมที่สร้างขึ้นมา
มันทำท่าจะบุกเข้าโจมตีใส่มนุษย์หนุ่มที่ทำให้มันบาดเจ็บ
แต่ทว่า—
*เพล๊ง!*
—ได้เกิดเสียงคล้ายเศษแก้วแตกดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
ภูติผมแดงได้แผ่ละอองแสงประหลาดกระจายออกไปทั่วสนาม
ยามเมื่อแสงนั้นปะทะเข้ากับเขตแดนของมิติ มิติจักแตกตัว – สลาย – กลับคืนสมดุลพลังงานสู่สภาพแห่งมิติคนเป็นในชั่วเวลาลืมตาตื่น
ทุกคนต่างที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแต่มองท้องฟ้าที่ฉับพลันสว่างอย่างไม่เชื่อสายตา
*ตู้ม!*
*ฉัวะ!*
*ผัวะ!*
พร้อมกับเกิดเสียงอัดกระแทกอย่างรุนแรงดังขึ้น
ปีศาจทั้งสามถูกการโจมตีบางอย่างอัดเข้าใส่ด้วยความรุนแรง
เกิดความเจ็บปวดที่ไม่ใช่เป็นทางร่างกาย แต่เป็นทางวิญญาณ เสียดแทงฝั่งลึกประทับเข้าไปในความรู้สึกของพวกมัน
เป็นความเจ็บปวดที่พวกมันเคยจดจำได้ยามเมื่อถูกทรมานอยู่ในแดนคนตาย ในฐานะของวิญญาณบาป
“ทีนี้ก็ไม่มีพื้นที่มิติมาคอยขัดขวางการใช้พลังงานวิญญาณแล้ว”
“เตรียมใจโดนเอาคืนได้เลยไปพวกผีกระจอก”
[เตรียมใจได้ค่ะ (ᗜ_ᗜメ) !]
ที่ตรงหน้าของอสูรวิญญาณทั้งสาม คือเหล่านักบวชสามสาวแห่งวิหารเทพ
ก่อนหน้านี้— ทั้งที่มองเห็นเป็นแค่กายเนื้อที่ดูมีดีแค่วิชา แต่ช่างอ่อนแอ
ทว่าทำไมในคราวนี้—
*ฮี่~!?! ~เทพผู้สร้าง??? *
—ในสายตาของพวกมัน ทำไมถึงได้มองเห็นเป็นร่างทรงของเทพเจ้าไปได้…
MANGA DISCUSSION