แสงอาทิตย์แรกของเดือน กำลังทอแสงทอดกายสู่ผืนน้ำ
ไล่จากผืนน้ำสู่แผ่นดิน
ทอดตัวอาบลงบนต้นไม้ที่กำลังเชิดชูใบรับแสง
หากแต่ต้นไม้เหล่านั้น กำลังถูกลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟจากลาวา จนกลายเป็นต้นไม้สีแดงเพลิงที่ลุกวาว
เผยปรากฏหุบเขาภูเขาไฟที่กำลังปะทุคำราม
ปะทุ— มวลลาวาพุ่งขึ้นทะยาน ปลดปล่อยพลังงานของโลกจากใต้พิภพที่อดกลั้นสู่เบื้องบน
แผนดินจักแตกระแหง
บางวันก่อเกิดแผ่นดิน
บางวันแผ่นดินฉับพลันกลายเป็นผืนทะเล
บางวันผืนทะเลจักก่อตัวนูนกลายเป็นภูเขาสูง
นี่คือสภาพดินแดนอันวุ่นวาย ราวกับเป็นภาพของวันก่อกำเนิดโลกที่แผ่นดินยังไม่มีสเถียรภาพ
ภาพของดินแดนแห่งความโกลหลที่ไม่มีใครคิดอยากจะมาตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัย
[เวทีสนามสอง ลูกไฟปะทุ ภูผาคำราม แรงพิโรธจากแผ่นดิน]
***
“B1! ผู้นำฝูงเข้าเขตภูเขาไฟแล้วละ!”
“ในขณะที่กลุ่มผู้ตามอันดับสามยังอยู่ที่สนามเมฆสายฟ้าเนี่ยนะ!? ”
“นี่มันระดับทำลายสถิติโลก!! ยังไม่เคยมีใครผ่านช่วงเขตแข่งขันแรกได้เร็วถึงขนาดนี้มาก่อนเลย!”
โฆษกของสนามยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับกำลังนอนหลับฝัน
ส่วนคนดูต่างนั่งมองตาค้าง
บางคนถึงกับหยุดปีกที่กำลังเตรียมหยิบถ้วยน้ำเข้าปาก แล้วทำหกใส่คนข้างหน้า
นี่มันคือความจริงใช่ไหม?
ทำไมถึงบินได้เร็วขนาดนี้?
หลังจากยืนมองจอภาพซ้ำจนมั่นใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน
“สุดยอด…”
เสียงหนึ่งจากฝั่งผู้ชมเริ่มดังขึ้นมาเบา ๆ ท่ามกลางความตื่นตะลึงนั้น
“นี่มันสุดยอดไปเลย”
“ไหนบอกว่าปีกของเธอคนนั้นพิการไง? ”
“เรื่องโกหกชัด ๆ ”
“สงสัยคงต้องกลับทบทวนตำราการบินกันใหม่แล้วละ”
“สุดยอดดดดด!!!!”
จากหนึ่งเสียงเชียร์ กลายเป็นเสียงเชียร์นับแสน
ในสถานที่แห่งนี้ ไร้ซึ่งผู้คนสงสัย หรือกังขาในความพิการของผู้เข้าแข่งที่ชื่อเอโซอีกต่อไป
แสงสีแดง กับ แสงสีทอง ต่างขับเคี่ยวกรำศึกเคียงคู่ผ่านวงแหวนนำทาง
พุ่งทะลุผ่านจุดเช็คหลังม่านดำสายฟ้าฟาด แล้ววิ่งตรงเป็นเส้นขนานสู่อีกปลายวงที่ลอยอยู่เหนือทะเลลาวาเดือด
ทั้งคู่ต่างบินทิ้งดิ่งท้านรกอย่างไม่กลัวตายสู่พรมสีแดงฉานนั้น
ด้วยความเร็วราวดับเครื่องชน จึงทำให้ทุกคนต่างแทบจะกลั้นหายใจ
“กรี๊ด!! พวกเขาจะถูกเผา—!?!”
เสียงกรีดร้องที่น่าใจหายนั้นดังไปทั่วลานผู้ชม
แต่แล้วความเป็นห่วงกลับต้องเสียเปล่า
เพียงพริบตา ก่อนที่ปลายแสงทั้งสองจะพุ่งชนพรมสีแดงอันร้อนระอุ
สองแสงจักกางปีกออกพร้อมกัน
หนึ่งคนตีปีกหนึ่งครั้ง สร้างแรงลมกระแทกราวพายุก่อกำเนิดขึ้นหนึ่งครา
หนึ่งคนใช้ขาคู่ทรงพลัง เหยียบย่างเวหา ระเบิดพรมลาวาจนตีกระจายเป็นวงคลื่นทรงกลมที่แตกตัวออก
แล้วบินหัก 90 องศา วิ่งลอดผ่านวงเช็คพ๊อยท์เหนือบ่อลาวา ทิ้งเสียงระเบิดกับมวลเหลวอันร้อนระอุเอาไว้เบื้องหลัง เพื่อมุ่งหน้าไปสู่จุดเช็คพ๊อยท์ถัดไป
ทว่า เวทีธรรมชาติแห่งนี้ ไม่อาจยอมให้ผู้ใดบินผ่านไปโดยง่าย
*บรึ้ม!*
ลาวาบนผืนพรมสีแดงได้ปะทุอย่างไร้ความเมตตาและสัญญาณบอกกล่าว
มวลลาวานั้นฉับพลันผุดตัวสูงจากการดันตัวของพลังงานใต้โลกา ก่อเกิดตัวเป็นภูเขาไฟเกิดใหม่ขึ้นขวางเส้นทางของพวกเธอ
ไม่เพียงแค่ผุดขึ้นอย่างฉับพลัน หากยังพ่นเปลวลาวาอันร้อนระอุขึ้นท้องฟ้า แล้วเททิ้งตัวลงมาดั่งห่าฝน
เปลวไฟน้อยใหญ่เทสาดลงจากฟากฟ้าราวกับเป็นการเทกระจาด ถมที่ว่างทั้งปวงให้ตกอยู่ใต้กองเพลิงไฟ
“เอาแล้ว! สิ่งกีดขวางแห่งธรรมชาติมันปรากฏขึ้นมาแล้ว B2.!”
” ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีใครผ่านเขตนี้ไปได้โดยไร้บาดแผลเลยสักนิด! ใช่ไหม B1.!!”
“มาดูกันว่าผู้เข้าแข่งจะ—”
ยังไม่ทันที่จะได้เท้าความพูดให้จบ
แสงสีแดง แสงสีทอง ได้เผยการบินอันน่าทึ่งให้เห็นอีกครั้ง
พวกเธอทั้งสองเริ่มบินหักหลบเปลวไฟ
วิ่งเลี้ยวคดเคี้ยวชนิดแทบเห็นเป็นมุมองศา โดยไม่มีแม้แต่ความคิดจะลดทอนความเร็ว
แทรกสอด เลื่อนไหล วิ่งลอดใต้เปลวคลื่นลาวาที่กำลังม้วนตัวเกลียวหมายกลืนกิน
อีกทั้งยังบินตีวงโค้งประหนึ่งรถแข่งความเร็วสูงที่กำลังตีโค้งดริฟห์ หลบเลี่ยงฝนลาวาที่ตกหล่นไล่ตามหลัง มิอาจไล่ตามความเร็วของแสงสีทั้งสองได้ทัน
*ปิ๊บ *
เสียงสัญญาณลอดผ่านวงเช็คพ๊อยท์ดังขึ้นอีกครั้ง
สองสาวเริ่มลอดผ่านวงแหวนที่ลอยเหนือผืนพรมแดง ซึ่งวางในตำแหน่งตีวงเลี้ยวเป็นงูคดตามซอกของภูเขาไฟที่ขึ้นเรียงรายซ้อนคู่ขนาด
ม่านลาวาที่ไหลลงมาจากยอดผาลาวาสูง ได้กลายเป็นเส้นทางอันบีบคั้นของพวกเขาทั้งสอง
ลาวาที่กำลังเทลาดลงสู่ทะเลสีแดง ได้กลายเป็นเส้นทางลู่วิ่งอากาศ ที่ทั้งร้อนระอุ และมีกระแสลมผันผวน
*ฟูม!*
แต่หาใช่ปัญหาใด ๆ กับสองผู้นำฝูงที่บินแข่งขัน
แสงสองสีต่างบินขนานไปตามลู่วิ่งแห่งเปลวไฟ ชนิดตีคู่เส้นโดยไม่มีเบี่ยงเบนแม้แต่หนึ่งกระเบียดนิ้ว
แสงสีทองบินแซงยามวิ่งเส้นตรง
แสงสีแดงจักหักโค้งอย่างเฉียบคมราวใบมีด ขึ้นแซงแสงสีทองยามตีวงเลี้ยว
สองม่านลาวาซ้ายและขวา ไม่อาจแตะเนื้อต้องตัวของทั้งสองสาวได้แม้แต่ปลายขนนก
กระทั้งกองหินและลาวาที่ปะทุอย่างไร้ซุ่มเสียงจากหน้าผาสองฝั่ง ยังไม่อาจขัดขวาง
“นะ— นี่พวกเธอมองเห็นอนาคตได้อย่างงั้นเรอะ!!!”
ไม่มีใครที่สามารถตอบคำถามของโฆษกทั้งสองได้
*ฟูมว์ มมม!!*
แสงสีแดง
แสงสีทอง
ทั้งคู่ต่างบินผ่านวงแหวนสุดท้าย ณ ปลายกำแพงลาวา
ตีปีกคู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด วิ่งเป็นเส้นทางตรงสู่ปลายวงแหวนสุดท้าย ณ ทางออก ของเขตลาวาภูเขาไฟ
ก่อเกิดเป็นเส้นสายลมที่ตีขนาบข้าง ซัดเอาลาวาและมวลเหลวร้อนปลิวกระจายว่อน ทำลายสนามแข่งธรรมชาติจนราบพินาศ
*ปิ๊บ*
ทั้งคู่ได้ผ่านเขตลาวาปะทุมาได้ อย่างไร้ซึ่งบาดแผล โดยทิ้งความฉิบหายของสนามแข่งเอาไว้ที่เบื้องหลัง…
ตรงหน้าของผู้ขับเคี่ยวทั้งสอง คือวงแหวนรูหนอน ที่จะนำพาพวกเขาตัดผ่านทวีปไปที่สนามทดสอบสุดท้าย
***
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป
หากเป็นแต่ก่อน พวกเขาจะต้องบินวนทั้งทวีปแบบชนิดตรากตรำทั้งวันทั้งคืนโดยไม่มีหยุดพัก
แต่นี่คือยุคสมัยอวกาศ ที่ผู้คนต่างใช้เวลาอย่างเร่งรีบ
ไม่มีทาง ที่คนจะมาร่วมดูงานแข่งที่ใช้เวลาข้ามวัน
ดังนั้น พวกเขาจึงคัดเฉพาะเวที ที่น่าสนใจ แล้วตัดระยะเส้นทางแข่ง ด้วยเทคโนโลยีประตูรูหนอนแทน
***
*พึ่บ!*
ผู้นำฝูงบินที่ทิ้งกลุ่มสองอย่างไม่เห็นแม้แต่เงา ได้บินลอดผ่านประตูที่ว่า
เกิดเสียง และคลื่นกระจาย คล้ายกับอาการเมาน้ำวนต่อผู้เข้าแข่งขัน ก่อนจะกลับมามีสติบนพื้นอากาศ ณ ที่อีกปลายของเส้นทางออก
แสงแดดแยงดวงตา สะท้อนผืนน้ำที่แวววาว ราวกับเป็นผืนกระจก
ไม่อาจมองเห็นเส้นทางได้เด่นชัด เพราะแสงที่สะท้อนกลับผืนกระจกธรรมชาตินั้น
อีกทั้งวิสัยทัศน์ยังมัวหมอง ถูกบดบังด้วยไอม่านหมอก
เสียงปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเลดังกระหึ่ม สร้างไอน้ำพุร้อนกว่าร้อยองศาเป็นเสาน้ำสูงขัดขวางเส้นทางบิน
ลมกรรโชก อีกทั้งยังมีคลื่นมหาสมุทรยกตัวสูงอันบ้าคลั่ง
บนพื้นที่ทะเลแถบนี้ มีวงแหวนเช็คพ๊อยท์จำนวนมาก ตั้งเรียงเป็นเส้นทางเลียบผืนน้ำกระจกที่ว่าต่อกันไปเป็นแนวยาว
ที่ปลายสุดของเส้นทางบินนี้ คือวงแหวนที่หันขึ้นท้องฟ้า เพื่อนำสู่ลานกว้างแห่งเส้นชัยที่ลอยอยู่สูงขึ้นไปเหนือเมฆา ณ เมืองหลวงของเผ่ามนุษย์นก
นี่คือสนามที่สาม สนามแข่งสุดท้าย สนามแห่งความพิโรธของผืนมหาสมุทร
MANGA DISCUSSION