สตรีนกสีทองกำลังพุ่งทะยานดั่งเป็นจรวด
เธอกางปีกคู่ออกกว้าง แล้วร่อนเวหา
ตีโค้งบินมุดลอดผ่านห่วงเวหา อันเป็นเครื่องระบุเส้นทางบินอย่างสวยงาม โดยไม่ลดความเร็ว ราวกับเป็นเส้นฟันดาบของยอดนักดาบที่มีชื่อเสียง
*ปิ๊ด ปิ๊ด ปิ๊ด*
เสียงสัญญาณเครื่องบอกทางดังขึ้นมาไม่ขาดสาย
เธอบินเป็นเส้นโค้งอยู่เหนือเฆมสีดำยามเช้ามืด ผ่านผู้เข้าแข่งที่บินนำหน้า จนเห็นเป็นแสงสีทองที่บินตัดผ่านฝูงเงาสีดำไปอย่างรวดเร็ว
“เหวอ!”
“นั่นใครฟะ!? ”
“มะ— ไม่จริง! นั่นมันใช่ยัยที่บอกว่าปีกพิการไม่ใช่เรอะ!”
“ทำไมถึงบินได้เร็วขนาดนั้น! ต่อให้ใช้วิธีการร่อนก็เถอะ แต่มันไปหาแรงยกตัวมามาจากไหนให้บินไต่ระดับได้สูงขึ้น แล้วยังไกล แถมเร็วขนาดนี้!”
เหล่านกผู้เข้าแข่งต่างหันมามองสตรีที่ตัวเองเคยดูแคลนเพียงเพราะแค่มีขนปีกผิดเพี้ยน
ผู้เข้าแข่งสีทองนั้นช่างน่าทึ่งนัก
เธอใช้เพียงแค่หลักการ [ร่อน] และกำลังขาในการบินเท่านั้น
ใช้สัญชาตญาณและคลื่นวิญญาณรับรู้กระแสลม จนตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ว่างอากาศที่แปรผัน แล้วร่อนไปเป็นหนึ่งเดียวกับกระแสลมแรง
ใช้ขาคู่ที่ภาคภูมิใจ เสริมพลังด้วยการเปลี่ยนคลื่นวิญญาณเป็นพลังงานอันปรากฏตัวตามกฎฟิสิกส์ในโลกของคนเป็น แล้วถีบอากาศด้วยวิชา [ก้าวย่างเวหา] ระเบิดปะทุสร้างแรงพลักด้วยกลักการของการจุดระเบิดออกไป
ราวกับตัวเองเป็นจรวดมิซซาย
ไม่มีใครตามเธอทัน
ไม่มีใครอาจบินแซงหน้าเธอขึ้นมาได้
แม้แต่ผู้เข้าแข่งขันที่ดูเหมือนอีแร้ง ซึ่งวางแผนเตรียมมาสังหารเธอในงาน ยังไม่อาจบินไล่ตามทันได้แม้แต่ปลายเศษขนนก
“B1! นั่นมันวิชา [ก้าวย่างเวหา] ! มันแทบไม่มีทางทำได้จริงเลย ถ้าไม่ใช้ชุดเสริมกายหรือสวมชุดต่อสู้เสริมพลังทางการทหารเข้าช่วย! นี่เธอคงไม่ได้แอบโกงใช่ไหม!? ”
“แต่เขาตรวจสอบไปแล้วนะว่าผู้เข้าแข่งเอโซไม่ได้ใช้ของพวกนั้น มันน่าจะเกิดจากพละกำลังของเธอเองล้วน ๆ !”
“บะ— บ้าไปแล้ว! ผู้เข้าแข่งขันนักบวชชื่อดัง [เอโซ] มันบ้าไปแล้ว! นี่มันเป็นการปฏิวัติกีฬาการบินของมนุษย์นกชัด ๆ !”
“เรียกว่าทุบตำราสอนการบินด้วยปีกทิ้งไปได้เลยเชียวละ B2…”
โฆษกที่กำลังบรรยายผ่านภาพฉายผ่านทางอากาศ กำลังพูดด้วยเสียงปนทึ่ง กึ่งไม่อยากเชื่อในสายตาตัวเอง
เผ่ามนุษย์นกคือเผ่าที่ยึดถือความสามารถในการบิน และรังเกียจผู้ที่บินไม่ได้
การต้องมาพึ่งพาอุปกรณ์เสริมการบิน ก็ไม่ต่างอะไรไปจากเผ่าอื่นที่ไม่มีปีก
แต่ทำไม—
ทำไมสตรีสีทองที่เหมือนกับ [ไก่] กลับกลายเป็น [พญาอินทรี] !
“ผู้เข้าแข่งเอโซกำลังจะไล่ตามทันผู้นำฝูง เปอร์ไซต์ แล้ว B1”
“อะไร? ยังไง! การแข่งพึ่งจะเริ่มได้ไม่ถึงสิบนาที นี่พวกเราไปถึงเขตเมฆสายฟ้าคะนองกันแล้วหรือ!”
***
[เวทีสนามแรก บินทะยานท้าความตาย เมฆสายฟ้าคะนอง]
แรงลมที่วิ่งสวนปะทะ ได้ถูกกรีดออกเป็นคลื่นระเบิดอากาศ ส่งเสียงดังกังวาลกู่ก้องแข่งขันเสียงสายฟ้าฟาดของหมู่เมฆเหนือยอดเขา
การบินผ่านเฆมสายฟ้าด้วยตัวเปล่า ก็เหมือนเอาตัวเองบินผ่านลานประหาร
สายฟ้าจะไม่ปราณีผู้ใด
วัตถุที่บินผ่าน จักต้องถูกสายฟ้าฟาดใส่อย่างไร้ซึ่งหนทางหลบเลี่ยง
วิธีเดียวที่จะผ่านพ้นเขตอันตรายนี้ มีเพียงแต่พึ่งพาสัญชาตญาณ แล้วบินหลบจุดก่อเกิดประจุสายฟ้าฟาดก่อนที่มันจะลั่นคำรามใส่เรา
“กระจอกน่า~”
สตรีสีทองพูดด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์
เธอไม่มีความลังเล แล้วถีบอากาศพุ่งทะยานเพิ่มความเร็วเข้าไป
เส้นสีทองบินเลี้ยวหักโค้งเป็นเส้นพาราโบลา แล้วทิ้งตัวลงเพื่อทะลุผ่านวงแหวนนำทาง ที่ตั้งทิศให้หันแหงนหน้าลงสู่เฆมสีดำ
เธอทิ้งตัวดิ่งลง ห่อตัวให้มีพื้นที่ต้านอากาศน้อยที่สุด แล้วปล่อยให้แรงโน้มถ่วงดึงลงไปดั่งเป็นนางฟ้าที่ตกสวรรค์
บินลากเป็นเส้นสีทองผ่านพื้นหลังสีดำจากบนลงล่าง ตีคู่ขนานกับเส้นสีแดงที่กำลังบินนำฝูง
“สวัสดีเปอร์ไซต์ มังกรของเธออยู่ที่ไหน? ยังสบายดีใช่ไหม? ถ้ายังไงขอเราขึ้นนำก่อนนะ”
“เอะ? เอ๊เอ๊เอ๊เอ๊เอ๊เอ๊ —-!!!”
ฉันหันหน้าทักทายพอเป็นพิธีกับยัยนกติดบัค
ดูเหมือนยัยนี่จะไม่รู้ตัวเลย ว่าพวกฉันเองก็มางานแข่งครั้งนี้ด้วย
พอเห็นหน้าตาโง่ ๆ แบบนั้นแล้ว… ทำเอาเริ่มรู้สึกอยากแกล้งคนขึ้นมาเลยแฮะ
“ถ้าฉันชนะ เงินรางวัลจะเป็นของฉัน แล้วเดียวฉันจะส่งหนี้ค่าซ่อมยานมาเก็บเธอทีหลังอีกทีแล้วกัน”
เธอทำหน้าเหวอซื่อบื้อใส่ฉันทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
เพราะนั่นแปลว่าถ้าเธอไม่ชนะ เธอจะต้องติดหนี้ค่าซอมยานฉันหลายสิบล้าน— หรืออาจจะถึงร้อยล้าน ขึ้นอยู่กับว่าฉันจะเรียกไปเก็บเธอเท่าไหรเป็นค่าเสียหาย~
ว่าแล้วฉันก็กางปีกคู่ออกกว้าง ต้านแรงลมหักมุมเลี้ยว 50 องศา เพื่อหลบมวลก้อนสายฟ้าที่กำลังปะทุก่อตัว
หักมุม 80 องศา—
หักมุม 120 องศา—
หักมุม 30 องศา—
เวลาเดียวกัน แสงสีแดงที่ไล่ตามหลัง เริ่มขับเคี่ยวไล่ตามมาติดชนิดเกือบดมปลายขนหาง
ถ้าพูดเอาฮาก็คือกำลังตมปลายขนตูดของฉันอยู่
“…”
แอบฟังดูลามกแปลก ๆ แฮะ…
***
*เปรี๊ยง!*
*คลื่น!*
เสียงคำรามฟ้าร้องยังคงดังกึกก้อง
เหล่าผู้เข้าแข่งกลุ่มหลัง อันดับที่สาม ยังไม่รู้แน่ชัดว่าคือใคร
มันคือการแข่งขันระหว่างผู้นำคาร์นิวอย [แอมโฟเทอริกออกไซด์] กับกลุ่มของ [อัลดีไฮน์] หน่วยสำรวจอิสระเอกชนที่ก่อตั้งโดย [โฮป]
อัลดีไฮน์ คีโตน และ วะนิลีน สามสหายปากเสียที่เคยดูถูกมนุษย์นกสีทองว่าเป็นแค่ [ไก่] ที่บินไม่ได้ กำลังรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ถ้ารู้ว่าเธอจะบินทะยานได้น่าทึ่งแบบนี้ สู้เอาเวลาไปจีบเธอน่าจะดี—
ใช่แล้ว—
สำหรับเผ่ามนุษย์นกนั้น ยิ่งบินทะยานได้เก่งเท่าไหร สำหรับพวกเขาแล้ว มันถือว่ายิ่งมีความสง่างามมากขึ้นเท่านั้น
สามหนุ่มโสดที่ตั้งกลุ่มโดยมีแต่สมาชิกเพศหญิง กำลังรู้สึกตกหลุมรักแม่สาวสีทองอย่างสุดหัวใจ
ทั้งสวย ตัวเล็กน่ารัก แล้วยังบินได้อย่างสง่างาม
คงไม่มีมนุษย์นกหน้าไหน ที่ไม่รู้สึกตกหลุมรักในความสง่างามและน่ารักของแม่นกสีทองคนนั้น
ถึงจะรู้ตัวว่าเป็นการยากที่จะเอาชนะ แต่อย่างน้อยก็ขอบินไปให้ถึงเส้นชัยเพื่อพิชิตกุมใจของเธอให้ได้!
พญาอินทรีย์ กำลังตกหลุมรักลูกไก่สีทองเข้าอย่างจัง
“ไอพวกหน้าม่อ! อย่ามาทำเป็นแซงข้านะเฟ้ย!”
แต่ไม่ใช่กับชายที่พึ่งจะตะโกนด่าทอสามหนุ่มออกไปอย่างเกรี้ยวกราด
หนึ่งในผู้นำแห่งคาร์นิวอย ชายผู้มีหน้าตาคล้ายกับอีแรงค์ มีความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะ [ฆ่า]
แต่เขาไม่คาดคิดว่าศัตรูจะบินไวเหนือสามัญสำนึก จึงเป็นเหตุให้ไม่มีโอกาสลงมือใช้วัตถุอันตรายที่พกติดตัวมา
ดังนั้น มันเลยเหลือเพียงจังหวะเดียวที่เขาจะได้ใช้งานมัน
คือที่เส้นชัย—
“ข้าจะต้อง— ไปให้ถึงเส้นชัยให้ได้!!!”
วินาทีที่กลุ่มอันดับสามทั้งสี่คนกำลังบินขับเคี่ยว
สายฟ้าขนาดมหึมาจักก่อตัวตรงหน้า ส่องแสงสว่างวาบ
ฟาดฟัน แล้วกลืนทั้งสี่คนเข้าไปในแสงสว่าง—
***
สายฟ้าแฉลบสีขาวจากธรรมชาติ ยังคงวิ่งทะลุกระจายไปทั่ววิสัยทัศน์ของผู้นำฝูง จนเห็นเป็นเพียงช่องเล็กเท่ารูเข็มให้บินลอดผ่าน
ถึงจะยาก แต่เส้นแสงสีทองและสีแดงที่วิ่งไล่ขับเคี่ยวกันกลับทำมันได้
พวกเธอบินหักมุมอย่างน่าเหลือเชื่อ ลอดผ่านรูเข็มเล็ก ๆ เหล่านั้นไป
บินผ่านสายฟ้าฟาดที่วิ่งเข้าใส่ พันเกลียวมุดผ่านแสงสว่างที่ขับไล่ตามได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนเหมือนกับว่าพวกเธอได้ทำลายกฏธรรมชาติของสายฟ้าไป
ราวกับว่า– พวกเรากำลังมองดูแสงแห่งชีวิต ขาว – ทอง – แดง พันเกลียวเป็นปมเชือกใหญ่ ที่กำลังวิ่งนำทาง ตัดผ่านทวีปจากจุดหนึ่ง ไปอีกจุดหนึ่ง
“พะ– พะ— พะ— พวกเราไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่ไหม B1? ”
“มะ— ไม่ได้ฝัน… นี่มันเทคนิคการบินอะไรกัน! นี่มันไม่ใช่การแข่งระดับปกติแล้ว B2!”
““ราวกับว่ามนุษย์นกผู้ปรากฏอยู่ในตำนานยุคแห่งเทพเจ้า ได้หวนกลับมาจุติลงมาแข่งกันต่อหน้าพวกเรา!””
“ฮึ่ม! ไม่แพ้หรอก! กับพวกนกที่มีปีกปกตินะ! ไม่ยอมให้แซงหน้าได้หรอก!”
“ไม่! หนูจะไม่ยอมแพ้เช่นกัน! เงินรางวัลค่าซ่อมยานจะต้องเป็นของหนู!”
สองสาวยังคงขับเคี่ยวผ่านเส้นสายฟ้าฟาด เสมือนหนึ่งกำลังเต้นรำหยอกล้อกับสายฟ้า
—จนกระทั้ง พวกเขาทั้งคู่ได้ผ่านจุดเช็คสุดท้าย ณ ปลายทางของหมู่เมฆสายฟ้า
เวลา— ได้เข้าสู่ช่วงรุ่งอรุณแห่งตะวันเบิกฟ้า
แสงอาทิตย์แรกของเดือน กำลังทอแสงทอดกายสู่ผืนน้ำ
ไล่จากผืนน้ำสู่แผ่นดิน
ทอดตัวอาบลงบนต้นไม้ที่กำลังเชิดชูใบรับแสง
เผยปรากฏภูเขาไฟที่กำลังปะทุคำราม
ไล่แสงสู่มวลเมฆาสีดำด้านบน
กระทบลงบนกายแสงสีทองกับสีแดง ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เขตแข่งขันที่สอง
[เวทีสนามสอง ลูกไฟปะทุ ภูผาคำราม แรงพิโรธจากแผ่นดิน]
MANGA DISCUSSION