***วันที่ 60 เกอเนรับส์ ปี 126 เวลา 10:00 น.***
*ปุ๊ง! ปุ๊ง! ปุ๊ง!*
“B1 ปีกของพวกท่านพร้อมหรือยัง!? ”
“B2 สัญชาตญาณแห่งเผ่ามนุษย์นกพร้อมหรือยัง!”
“ [B1 & B2] ถึงจะเช้ามืด แต่ยังดวงตาสว่างจ้า! นี่คือเวลาของนักล่าแห่งท้องฟ้า! หากว่าพร้อมแล้ว ก็ขอยินดีต้อนรับสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีทุกท่านเข้าสู่— งานประลอง [จ้าวเวหา] ครับ!”
“โอ๊ววววววววววว!!”
เสียงผู้ชม เสียงโฆษก เสียงพลุ เสียงกระพือปีก กำลังดังกระหึ่มไปทั่วลานกว้างขนาดใหญ่ที่มากพอจะบรรจุผู้คนได้ถึงแสนคน
แสงไฟที่ส่องสว่างยามเช้ามืด ได้เผยรูปร่างของสนามไม้ให้ปรากฏบนเมือง
สว่างเจิดจ้า ราวกับว่าดวงอาทิตย์ได้ขึ้นฉายแสง
เวทีแห่งการแข่งขัน [จ้าวเวหา] ของเผ่ามนุษย์นก ถูกสร้างอย่างเรียบง่ายอยู่ตรงริมผาขอบแผ่นดินบนต้นไม้ลอยฟ้า อันเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของพวกเขา
ลู่แข่งขันถูกตีเส้นเป็นทรงสี่เหลี่ยมกว้าง เหมือนกับลู่วิ่งออกตัวของการวิ่งแข่งระยะสั้น
หากแต่ลู่วิ่งนั้นไม่ได้ถูกตีเส้นทางวิ่ง แต่ทำเป็นแค่เพียงตีกรอบขาวลงบนพื้นยางขนาดใหญ่ แล้วเอาผู้เข้าแข่งจำนวนนับหมื่นมารวมตัวกันอย่างแออัดจนแทบไม่มีที่จะให้วิ่งออกตัวไปแทน
เพราะพวกเขาใช้ลานเพื่อ [ขึ้นบิน]
ตัวอัฒจรรย์ถูกสร้างเป็นอัฒจรรย์ไม้อย่างเรียบง่ายและมีกลิ่นอายของสิ่งโบราณงานฝีมือช่าง ตั้งล้อมลู่แข่งที่ว่าในลักษณะของตัว [U] ที่โอบปิดสามด้าน แล้วเปิดเพียงด้านเดียวคือฝั่งที่หันไปทางริมขอบผา
ไกลออกไปจากริมขอบผา คือทะเลเมฆสีดำที่กำลังกู่ร้องอย่างบ้าคลั่งด้วยสายฟ้าคำราม กับเสียงหวีดร้องของสายลมที่พัดกระหน่ำราวกับเป็นพายุ
“B1 สภาพอากาศช่างเหมาะสมกับการแข่งเหลือเกินนะวันนี้”
“เพราะว่าวันนี้ของทุกเดือน เป็นช่วงที่เปลี่ยนฤดูกาลของโลกพอดี ดังนั้นมันเลยวุ่นวายเป็นพิเศษยังไงละ B2”
“ถ้าใครปีกไม่แข็งพอ สัญชาตญาณไม่แน่นพอ อาจทำให้ถึงตายได้เลยนะ B1”
“ดังนั้น ถ้าใครอยากจะถอนตัว ตอนนี้คือโอกาสสุดท้ายแล้วใช่ไหม B2”
“B1 & B2 นี่คือโอกาสถอนตัวสุดท้ายของพวกคุณ~”
ผมไม่สนใจเสียงของโฆษกเผ่ามนุษย์นกที่กำลังเริ่มเกริ่นเปิดรายการ
ไม่สนใจเสียงดนตรีที่กำลังทำพิธีเปิดการแข่ง
เพราะตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่าที่ผมต้องเตรียมรับมือ ในฐานะของ [ตำรวจสากล]
ในงาน เจ้าเวหา วันนี้ จะมีคนตายเป็นจำนวนมาก…
“คุณออนครับ ทำไมสีหน้าถึงดูเครียดแบบนั้น? มีอะไรหรือเปล่าครับ? หรือว่าศัตรู? ”
“เปล่าครับ… แค่ว่าพอมีคนเยอะ เลยทำให้รู้สึกใจหวาดระแวงนะครับ ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะครับคุณเดสตินีย์”
“นั่นสินะครับ เพราะวันนี้คงจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเยอะพอสมควรเลยครับ”
ใช่
มีเรื่องวุ่นวายแน่
เพราะว่าวันนี้ ผมนี่แหละ ที่จะต้องเป็นคนจับคุณ…
ตอนนี้ฝั่งตำรวจสากลน่าจะเริ่มแอบแฝงเข้ามาปนในกลุ่มของคนดูกันแล้ว
ถึงผมจะไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง แต่ใกล้ ๆ นี้มีคนน่าสงสัย ที่ดูแล้วน่าจะเป็นคนจากฝั่งตำรวจสากล นั่งอยู่ใกล้ ๆ ราวอีกยี่สิบคน
นั่งล้อมพวกเรา ตรงที่นั่งชั้นบน ซึ่งมีคนที่น่าทึ่งจำนวนหนึ่งกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่
กลุ่มหนึ่งคือกลุ่มของพวกผู้นำคาร์นิวอย คุณเดสตินีย์ ซิงเคไนต์
กลุ่มที่สองคือตำแหน่งที่นั่งติดกันทางขวา
ผู้นำเผ่าปีศาจ [แวม แวม ชาร์สเซอร์] กับผู้นำทางศาสนา ผู้อ้างตนว่าเป็นเทพเจ้าเผ่ามนุษย์สัตว์ที่ยังมีชีวิต [โนอาร์]
ระดับผู้นำประเทศมาทำอะไรตรงยนี้…
“อ่าว? นั่นเจ้าหนุ่มหมนุษย์ออนใช่หรือเปล่า? ”
“โอ๊ว! ไม่ได้เจอกันตั้งนานหลายเดือนเลยสหาย! จำพวกข้าได้หรือเปล่า? [ซุนไกท์] กับ [วานาดิไนต์] ไง!”
“ตอนนี้พวกข้าได้รับการอัพเกรดสมองกลแล้ว ไม่มีบ้อง ๆ เหมือนแต่ก่อนแน่นอน! พวกข้ารับประกันได้!”
ผู้คุ้มกันของโนอาร์ที่คุ้นหน้า กำลังทักทายมาทางผมอย่างร่าเริง
ทำไมระดับผู้นำประเทศถึงมานั่งอะไรในตำแหน่งที่นั่งชั้นบน ที่ไม่ใช่ห้องส่วนตัวแบบนี้กันเล่า?
“รบกวนช่วยทำเป็นไม่รู้จักพวกข้าทีนะเจ้าออน เพราะว่าพวกข้ามาในฐานะที่ไม่เป็นทางการ แบบว่าเจ้านายของพวกเราอยากมาแบบเป็นการส่วนตัวละ”
“ว่าแต่เจ้าออนมันรู้ด้วยเรอะ ว่าความจริงพวกเราทำงานให้ใคร? ”
“จริงของแกวะเจ้าซุนไกท์!”
คู่หูไซก์บอร์กมนุษย์สัตว์พูดเองเออเองจนผมรู้หมดแล้วว่าทำไมคนระดับอย่างโนอาร์ถึงมานั่งที่นี่
ส่วนสตรีมนุษย์แมว กับสตรีแวมไพร์ร่างน้อยปีกค้างคาว ต่างกำลังสวมชุดคลุมพร้อมกับมีแว่นกันแดดสีดำปกปิดใบหน้า
แต่บอกตามตรงว่าเป็นการปลอมตัวระดับที่เลวร้ายอย่างมาก
ดูนั่นสิ คนรอบข้างเองก็เริ่มสังเกตุเห็น แล้วพากันคุยซุบซิบนินทา พร้อมกับยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกันแล้ว
ระหว่างที่กำลังนั่งสงสัยว่าที่นั่งที่แสนจะชวนบังเอิญนี้เกิดขึ้นได้ยังไง ชายที่เป็นเป้าหมายหลักของแผนการ การจับกุมในวันนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
“สวัสดีครับทุกท่าน ท่านราชินีของกระผม ท่านโนอาร์เองก็ขอบคุณที่ยอมตอบรับคำชวนเอาแต่ใจของราชีนีของกระผม และสวัสดีเพื่อนของกระผมทุกคนครับ คุณเดสตินีย์ คุณซิงเคไนต์ ”
ชายสวมสูทสีดำเผ่าปีศาจหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางที่นั่งของพวกเรา
เขาเป็นชายที่มีใบหน้าหน้าสวยราวกับเป็นผู้หญิง ผมสีเงินยาวจรดเอว ผิวสีเงินซีดเผือก และมีดวงตาคมกริบราวใบมีด
ฮืม…? เดียวนะ?
เมื่อกี้เขาทักทายมาทางพวกคุณเดสตินี่ย์ด้วยอย่างงั้นหรือ?
“เฮ้ย! บาร์-ธา-ซาร์ นี่แกลืมอะไรหรือเปล่า!? ”
“…คุณบาร์-ธา-ซาร์ หน้ากากของคุณ? ”
ผมหันไปทางฝั่งพวกคุณเดสตินีย์
พวกเขากำลังอ้าปากเหวออย่างตื่นตระตนก
“ครับ ผมตั้งใจจะเปิดเผยตัวจริงวันนี้ต่อหน้าเจ้านายที่เคารพรักยิ่งของกระผม ท่าน ราชินีแวมไพร์ [แวม แวม ชาร์สเซอร์] กระผมมีอีกหนึ่งใบหน้า คือการได้เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งชมรมคนกินเนื้อสัตว์ที่โด่งดังครับ สองสุภาพบุรุษที่นั่งตรงนี้ คือเพื่อนร่วมก่อตั้งของกระผมเองครับ”
“แหม่ ๆ ~ ฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมครั้งนี้มาแปลก เพราะปกติเธอจะไม่ยอมพบปะสังคมแม้แต่น้อยเลย ที่แท้ตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ฉัน ด้วยการชวนโนอาร์ กับคนอื่น ๆ มาดูงานแข่งเป็นเพื่อนฉันนี่เองสินะ? ”
“เพราะว่าท่านราชินีไม่เคยได้พักผ่อนแบบเป็นส่วนตัวสักครั้ง กระผมเลยทำทุกอย่างโดยพลการเองครับ ต้องอภัย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
อะ— อะไรกันเนี่ย…?
บาร์–ธา-ซาร์ ชายลึกลับที่ตำรวจสากลพยายามตามสืบมาตลอด ตัวจริงของเขาคือมือขวาของราชินีแวมไพร์ [แวม แวม ชาร์สเซอร์] !?!
แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงมาเปิดเผยตัวตนจริงเอาในวันนี้?
ไม่สิ! ที่สำคัญคือเขามีจุดประสงค์ยังไง ถึงได้จงจัดที่นั่งแบบนี้มากกว่า?
แถมเรื่องนี้ไม่ได้ถูกนำมาพูดคุยในแผนการเมื่อวันก่อนด้วย
พอหันไปดูหน้าคุณเดสตินีย์ ก็พบว่าเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน ว่าทำไมมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้
ในแผนการเดิม พวกเขาตั้งใจแค่จะก่อความวุ่นวายด้วยผนึกบรรจุวิญญาณแค้น ไม่ใช่ว่าจะมีระดับผู้นำประเทศมานั่งข้าง ๆ ตัวพวกเราแบบนี้
คุณเดสตินีย์กับซิงเคไนต์ ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ถูกเจ้าหนุ่มปีศาจผมยาวยกมือหยุดเอาไว้ก่อน
เขายิ้ม แล้วเดินตัดผ่านที่นั่งไปนั่งข้างราชินีของเขาโดยไม่สนใจพวกเรา
ซึ่งตำแหน่งที่นั่งที่ว่า คือตำแหน่งตรงด้านข้างของผมพอดีนี่แหละ
“ว่าไงครับคุณออน วันนี้ดูท่าจะเป็นงานแข่งของเผ่ามนุษย์นกที่จดจำไม่ใช่น้อยเลยนะครับ”
“อ๊ะ…? ครับ? ”
ทำไม… ถึงเข้ามาคุยกับผม?
เริ่มชักจะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้วสิ…
ในตอนนั้นเองที่เขายื่นริมฝีปากเข้ามากระซิบที่ข้างใบหู
“ (ยี่สิบ— ไม่สิ อาจจะราวห้าสิบคนที่อยู่ในบริเวณนี้ ด้านนอกเวทีอีกราวหนึ่งร้อยคน กระจายไปตามที่นั่งคนดูอีกราวหนึ่งพันคน… นี่ยกมาทั้งกรมเพื่อจับพวกผมแค่สามคน พวกคุณนี่โหดไม่ใช่เล่นเลยนะครับ) ”
“!!”
รู้ได้ไง!?!
ขนลุก…
ชายคนนี้รู้…!
เขารู้แต่แรกแล้วว่าผมเป็นคนของฝั่งไหน…!
รู้สึกว่าตัวเองกำลังเหงื่อแตกพล่าน
รู้สึกเหมือนกับเป็นลูกหมูที่อยู่ใต้กรงเล็บของราชสีห์
ชายคนนี้… [เขารู้]
ชายเผ่าปีศาจยิ้ม แล้วจ้องมาทางผมราวกับกำลังประเมินอะไรสักอย่าง
“ครับ! คุณออนมาสนุกกับงานแข่งจ้าวเวหาไปพร้อมกันเถอะครับ!”
เขาตบหลังผมราวกับเป็นเพื่อนสนิท แล้วหันไปขยิบตาให้กับคุณเดสตินีย์ กับซิงเคไนท์ ว่าไม่มีอะไรในระหว่างการสนทนาด้วยเสียงกระซิบของพวกเราสองคน
“ (… ตัวสั่นแบบนี้ คงไม่น่าใช่— โนอาร์เองก็ดูสนใจที่จะคุยกับท่าน [แวม แวม ชาร์สเซอร์] มากกว่า… ไม่ใช่ทั้งคู่เลยอย่างงั้นหรือ?) ”
ก่อนจะทิ้งท้ายบ่นเบา ๆ เช่นนั้นออกมา
โชคดีที่ผมหูดีเลยได้ยิน
ไม่ใช่ทั้งคู่…?
หมายความว่ายังไง?
ชายคนนี้… กำลังตามหาใคร?
ทว่า— ไม่ว่าเขาจะวางแผนเช่นไร แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าชายคนนี้ได้รู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของทางฝั่งตำรวจสากลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ชายที่รู้ทุกอย่าง พร้อมกับเปิดเผยตัวเอง ถ้าไม่ใช่ว่าบ้า—
นั่นแปลว่า— เขามั่นใจ
มั่นใจ ว่าทุกอย่างกำลังจะเต้นไปตามการแสดงที่เขาได้ร่างบทเอาไว้ในวันนี้
MANGA DISCUSSION