“ทาฑิม!!! ”
ตำรวจหนุ่มกำลังส่งเสียงร้องด้วยความโกรธ ไปพร้อมกับรัวมือทุบซากเครื่องกลที่ถล่มลงมาปิดเส้นทาง
สีหน้าของเขาดูเหมือนคนที่กำลังกลืนเข็มลงท้อง
ไม่ใช่สีหน้าของคนที่รู้สึกเศร้าเสียใจจากการจากไปของสหาย แต่เป็นสีหน้าของคนที่กำลังรู้สึกเจ็บใจในความอ่อนแอของตัวเอง
ไม่คิดเลยว่าเจ้ายักษ์หื่นจะยอมเสียสละชีวิตเพื่อให้พวกเราหนีออกมากันก่อน
ทั้งที่เป็นคนอ่อนแอแท้ ๆ …
“… รีบไปกันต่อเถอะ อย่าให้เจ้ายักษ์นั่นเสียสละอย่างเสียเปล่าเลย”
เราเองก็รู้สึกหงุดหงิดไม่แพ้กัน
ทั้งที่มีพวกเราสามคนอยู่ด้วย แต่กลับไม่อาจปกป้องใครได้เลยสักคน
มันไม่ใช่ว่าพวกเรารู้สึกอยากปกป้องพวกนั้นหรอกนะ
จะว่ายังไงดีละ—
อัศวินผีสิงอมตะก็ดี
พรมที่สามารถลอบลักพาตัวพวกยักษ์โดยที่พวกเราสามคนไม่รู้สึกตัวก็ดี
เพราะถูกเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่า เลยทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกลูบคมอย่างรุนแรง
มันน่าหงุดหงิดชะมัด
***
ห้องโถงที่พวกเราหนีเข้ามา คือห้องอาหารขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูงเท่าอาคารสองชั้น
พื้นหินถูกปูทับด้วยพรมขนสัตว์ชั้นดี พร้อมกับมีเชิงเทียนจุดไฟส่องสว่างวางรอบห้อง
บนโต๊ะไม้ตัวยาวใจกลางห้อง มีอาหารจำนวนมากถูกจัดเรียงวางเอาไว้ ราวกับเป็นการเตรียมรอคอยใครสักคนให้มานั่งล้อมโต๊ะอาหาร
หากมองออกไปที่ฝั่งหนึ่งของกำแพงสี่ด้าน จะพบกับกระจกผืนใหญ่ที่เชื่อมต่อไปทางสวนน้ำพุขนาดใหญ่
เมื่อพิจารณาจากสภาพของอาคารที่ปิดล้อมสวน จึงพอคาดการวาดเป็นแผนผังของอาคารขึ้นมาภายในหัวได้สำเร็จ
บางทีคฤหาสน์หลังนี้คงสร้างขึ้นมาในลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีสวนน้ำพุตั้งคั่นอยู่ที่ส่วนใจกลางของอาคาร
“อาหารยังสด แถมสวนยังดูมีการตัดตกแต่ง… ”
เราพูดกับตัวเองเพื่อย้ำข้อมูลให้เข้าสมอง
น่าแปลก…
อาหารบนโต๊ะตัวนี้ถูกเตรียมมาเพื่อเสริฟให้ใคร?
ใครที่เป็นคนคอยดูแลตกแต่งสวนตรงหน้า?
ไม่น่าเป็นฝีมือของพวกผีสิงที่เจอเมื่อกี้ เพราะหากดูจากสภาพหมู่บ้านกับอัศวินเกราะ ก็พอจะรู้ได้ถึงระดับของสติปัญญาแล้ว
“คงเป็นฝีมือของตัวการหลัก คงไม่ใช่ว่าตัวการหลักในเหตุการณ์ลึกลับ ดันเป็นวิญญาณของพวกวีรบุรุษหรอกนะ…”
บางทีก็มีเคสแบบนี้เกิดขึ้นได้อยู่
ผีที่ตายโดยมีสิ่งเหนี่ยวรั้ง บางครั้งบางคราว จะกลายเป็นวิญญาณผีสิงประจำบ้าน
หากความปราถนาตกค้างรุนแรง บางครั้งก็จะกลายเป็น [คำสาป] ไป
*ตึ๊ก*
เสียง
มีเสียงคนกำลังเดินอยู่บนระเบียงข้าง ๆ
เสียงนั้นดังมาจากอีกฝั่งของกำแพงห้องอาหารที่พวกเรากำลังอยู่กันตอนนี้
แถมเสียงนั้นยังดังมากขึ้น— เข้ามาใกล้ห้องนี้มากขึ้นทุกขณะ
“ซ่อนตัวก่อน! ”
เรายังไม่อยากเสียพลังกายไปในการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น
เพื่อนรักทั้งสองคนพยักหน้า
ส่วนนายตำรวจหนุ่มนั้น— เขายังดูสับสนกับเหตุการณ์อยู่…
กับอีแค่เห็นยักษ์ตัวเดียวสละชีวิตให้ จะมาผิดหวังอะไรกับตัวเองมากมายขนาดนั้นกันฟะ?
เราเลยจัดการตบหัวมันไปสักดอกเพื่อเรียกสติ
“โอ๊ย!? ”
เขาหันมาพวกเราแล้วหันไปมองทางประตูห้องอาหาร
ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อรับรู้ว่ามีเสียงของใครบางคนกำลังตรงมาที่ห้องนี้
ขาทั้งสองข้างของเขารีบออกเดินตามพวกเรามาอย่างรวดเร็ว เพื่อเข้าไปหลบตามมุมอับของตู้เก็บจานชามที่วางเรียงรายเอาไว้
แน่นอนว่าพวกเราไม่พลาดท่าโง่ ๆ อย่างการทิ้งรอยเท้าเอาไว้บนพรมหรอกนะ
ถ้าจะให้เสี่ยงกับการถูกเจอตัว คงมีแค่ว่าผนังส่วนหนึ่งมันพังลงมาอย่างน่าสงสัยเนี่ยแหละ
แต่คงต้องขอบคุณความตัวเล็กของพวกเราสี่คน เลยทำให้ภายในห้องแห่งไม่มีร่องรอยใด ๆ ของพวกเราเหลือทิ้งเอาไว้อีก นอกจากผนังที่พังลงมาตรงนั้น
คงได้แต่อวยพรให้คนที่กำลังจะเข้ามาภายในห้อง คิดเอาเองว่าเป็นการพังโดยธรรมชาติ หรือไม่ก็มีผู้บุกรุก แต่เป็นผู้บุกรุกที่หนีไปจากห้องนี้แล้ว
*แกร๊ก*
เสียงเปิดประตูไม้ดังขึ้น
ความหนักของบานไม้กับบานพับที่ขึ้นสนิมเขรอะ ต่างเสียดสีซึ่งกันและกันจนเกิดเป็นเสียงที่ชวนให้รู้สึกเสียดแทงลึกเข้าไปในหัวใจ
*ตุบ* *ตุบ*
เสียงย่ำเท้าที่เบาบางราวกับเป็นเการเดินของแมวดังขึ้นบนพื้นพรมที่ปูทับบนพื้นหิน
แสงไฟจากเชิงเทียนที่ถูกจุดเรียงรายรอบห้อง ได้สะท้อนเงาของบุคคลปริศนาที่เยื้องย่างกายเข้ามาข้างใน
เธอเป็นหญิงสาวผมยาวร่างเล็ก
สวมชุดเมดสีดำที่มีชายกระโปรงยาวฟูฟ่อง
มีหางกับหูหนูอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่ามนุษย์หนูประดับคู่ติดบนร่างกาย
ถึงจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้จากจุดที่ซ่อนตัวอยู่ แต่ก็พอจะนึกภาพของเจ้าของเงานั้นออก
ไม่ผิดแน่
คนที่เข้ามาในห้อง ต้องเป็นเมดสาวที่ปรากฏบนภาพวาดในห้องโถงบันไดนั้นอย่างแน่นอน
“วันนี้ล้มเหลวอีกแล้ว… ”
เสียงของเงานั้นดังขึ้น
มันเป็นเสียงที่เจือไปด้วยความเศร้าหมองชวนหดหู่
เงาสีดำของเมดสาวร่างบางกำลังนำมือของตัวเองลูบลงไปบนโต๊ะอาหาร
เธอลูบมัน แล้วเดินวนรอบโต๊ะหนึ่งรอบ ก่อนจะลูบมันซ้ำ ๆ ประหนึ่งกำลังมอบความรักให้กับลูกในไส้
บนพื้นพรมในจุดที่เธอยืน มีหยาดน้ำเล็ก ๆ หยดไหลรินลงกระทบเบา ๆ สองครั้ง
เหมือนจะเป็นหยดน้ำตา?
คงไม่ใช่หรอกมั้ง?
“แต่พรุ่งนี้… มันจะต้องสำเร็จ! เพราะว่าวันนี้เราได้วัตถุดิบชั้นดีมาอยู่ในมือแล้ว~”
เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเริ่มลงมือเก็บจานอาหารบนโต๊ะ
เธอนำมันไปวางเรียงบนรถเข็นที่นำเข้ามา
เก็บจนกระทั้งโต๊ะอาหารที่เลิศหรูว่างเปล่า แล้วเริ่มทำความสะอาดอย่างบรรจง
เธอไม่สนใจสภาพของผนังห้องส่วนหนึ่งที่พังลงมา
ไม่สนใจความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่กำลังสั่นไหวในอากาศ
ราวกับว่าโลกของเธอนั้นมีเพียงแค่โต๊ะอาหารตรงหน้า
พวกเรานี่โชคดีชะมัด
“เอาไว้ค่อยเจอกันพรุ่งนี้นะคะ ที่รัก~”
เธอกล่าวร่ำลาหลังจากทำความสะอาดโต๊ะอาหารเสร็จ
ที่รักอย่างงั้นหรือ?
*ปึ่ง! *
เกิดเสียงปิดประตูไล่หลังดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงย่ำเท้าอย่างเป็นจังหวะบนระเบียงทางเดินข้างนอก
ตอนนี้ไม่มีเงาของสาวน้อยในชุดเมดสะท้อนอยู่ภายในห้องโถงอาหารอีกต่อไป
“ปลอยภัยแล้ว”
“ว่าแต่คนเมื่อกี้คือใครกันครับ? ถ้าจะบอกว่าเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่อยู่บนรูปตรงห้องโถง ก็ดูออกจะสาวเกินไปหน่อยนะครับ? ”
จริงอย่างที่เจ้าหนุ่มพูด
ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิต ย่อมต้องแก่ตัวลงเมื่อเวลาผ่านไป
ลูกหลาน? ก็ไม่น่าจะใช่…
สิ่งที่ไม่แก่ตาย คงมีแต่พวกหุ่นยนต์หรือไม่ก็พวกวิญญาณติดที่เท่านั้น
ซึ่งเมดสาวคนนั้นไม่ใช่ร่างวิญญาณ ดังนั้นจึงเหลือเพียงคำตอบเดียว
เธอคนนั้นนะเป็น—
*โครม!! *
ผนังห้องฝั่งที่เราใช้บุกรุกเข้ามากำลังถูกพังโดยบางสิ่งที่พวกเราคุ้นเคย
สิ่งนั้นคือเกราะอัศวินที่ภายในว่างเปล่าสองตัว
แต่คราวนี้มันมาพร้อมกับสว่านขนาดยักษ์
บนร่างกายของพวกมันทั้งสองตัวเต็มไปด้วยรอยทุบจนบุบบี้ และเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีดำ
เลือดสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่ายักษ์…
“อย่าบอกนะว่าเจ้ายักษ์หื่นนั่นจะ— พวกเรา รีบหนีก่อนเถอะ”
เราบอกทุกคน พร้อมกับกระโดดแตะตู้ที่ใช้ซ่อนตัวให้ปลิวไปทางพวกมัน
เกิดเสียงจานชามแตกดังกระจายกึกก้องไปทั่วคฤหาสน์ พร้อมกับเกิดเสียงไม้แตกหักประกอบคู่เป็นดนตรีแห่งความวินาศพังทลาย
พวกเรารีบใช้จังหวะที่ชุลมุนวุ่นวาย วิ่งหนีออกผ่านประตูไปทางสวนหย่อมที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
“เสียงอะไร!!! ”
เราได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นมาจากทางด้านหลัง
เสียงประตูไม้บานเดิมถูกเหวี่ยงเปิดออกอย่างรุนแรงท่ามกลางความวุ่นวาย
ทันทีที่สาวน้อยเมดกลับเข้ามาในห้อง พวกอัศวินสวมเกราะก็หยุดเคลื่อนไหวกลายเป็นรูปปั้นหินไป
“หะ— ห้องอาหารของนายท่านที่รัก!?! สถานที่แห่งความทรงจำเพียงหนึ่งเดียวของฉัน—!?! พวกแกทำอะไรลงไป!!! ”
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธราวกับเป็นคนบ้า
ไฟโทสะนั้นรุนแรงมากจนถึงขนาดที่ทำให้แม้แต่เรายังไม่อยากหยุดรอหันกลับไปมองดู
“ฝีมือของพวกหน้าใหม่ที่พาตัวมา!?! ฉันสั่งให้พวกแกจับเป็นพวกมัน ไม่ใช่ปล่อยให้พวกมันมาพังคฤหาสน์ของนายท่านแบบนี้!!! ไอพวกไร้ความสามารถ! อยากจะกลับไปเป็นหุ่นไร้ชีวิตแบบเดิมอย่างงั้นใช่ไหม!?! ”
พวกเราสี่คนรีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต โดยทิ้งสาวน้อยที่กำลังลุกเป็นไฟเอาไว้ข้างหลัง
เกิดเสียงระเบิดดังไล่หลัง ตามด้วยแสงไฟวิญญาณที่แตกกระจัดกระจายไปรอบทิศทาง
พลังงานวิญญาณเข้มข้นมหาศาลเริ่มแผ่ขยายปกคลุมห้องโถงอาหารอย่างน่าหวาดหวั่น
ความเข้มข้นของพลังงานมิติคนตายเริ่มแผ่ขยายออกไปรอบทิศทาง จนกระทั้งปกคลุมไปทั่วคฤหาสน์ในพริบตา
“อึ๊ก…”
“ทรมาน—”
[x_x]
เพราะมีสัมผัสวิญญาณดีกว่าชาวบ้าน เลยทำให้รู้สึกเหมือนกับถูกจับกดลงไปใต้น้ำ
เป็นความรู้สึกที่อึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง
เป็นความรู้สึกที่ถูกบางอย่างกดทับร่างกายจนแทบไม่อาจก้าวขาออก
เป็นความรู้สึกที่น่าสะพรึง เสมือนหนึ่งกำลังยืนอยู่ต่อหน้า [เทวดาระดับฉกามาพจร] เทวดาระดับสูงที่มีระดับสูงยิ่งกว่าพวกเราที่เป็นเพียงแค่เทพระดับผู้คุมวิญญาณบาป
ให้ปะทะกับตัวตนระดับนี้โดยไม่มีแผนการ— ขอบอกเลยว่ามีแต่ตายหยังเขียด
“อั๊ก… ทรมาน… ”
แน่นอนว่าเจ้ามนุษย์หนุ่มที่มีสัมผัสทางวิญญาณย่อมได้รับผลกระทบของแรงกดดันนี้
เขาเอาสองมือกุมคอตัวเอง พร้อมกับพยายามสูบลมหายใจให้เข้าไปในปอด
แต่ไม่ว่าจะสูดอากาศเข้าไปมากเพียงใด สมองของเขาก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ว่ากำลังหายใจ
แรงกดดัน ความเครียด กำลังทำให้ร่างกายของเขาเข้าสู่สภาวะหยุดนิ่ง
เข้าสู่สภาวะของคนตาย—
“หน่อย! ใครจะยอมปล่อยให้พ่อครัวมือหนึ่งถูกฆ่าทิ้งง่าย ๆ แบบนี้กัน! ”
สหายเทพไร้ขาว่าเช่นนั้นแล้วบินเข้าไปใกล้เจ้าหนุ่มมนุษย์
เธอสร้างพลังงานภูติ ควบคุมคลื่นพลังงานที่แทรกตัวอยู่ในระหว่างช่องว่างมิติ สร้างเป็นพื้นที่แยก ทำให้คลื่นพลังงานวิญญาณไม่อาจก้าวล้ำเข้าไปทรมานร่างกายของเขาได้
“อึ๊ก… ขอบคุณ…”
“ขอของตอบแทนที่ช่วยชีวิตเป็นอาหารหรูฝีมือของเจ้าสักมื้อแล้วกัน”
สหายเทพไร้ขาสร้างม่านสนามแม่เหล็กคลุมตัวเจ้ามนุษย์หนุ่ม แล้วพามันบินหนีเคียงคู่มากับพวกเรา
ที่ริมฝีปากของเธอเต็มไปด้วยน้ำลายแห่งความหิวโหย
เวลาแบบนี้ยังจะเห็นแก่กินอีกนะคุณเธอ~
[เอโซ เราควรหนีไปที่ไหนดี? มีกับดักอยู่รอบตัวพวกเราเลยงะ? _?]
เทพไร้หน้าชูป้ายคำถามยิงมาทางเรา
กับดักอย่างงั้นหรือ?
เราสั่งให้ทุกคนหยุดเคลื่อนไหว แล้วย่อตัวให้ต่ำกว่าพุ่มไม้หนาที่ขึ้นรายล้อมรอบสวนน้ำพุ
บรรยากาศรอบระเบียงของสวนนั้นไร้ซึ่งผู้คนหรือวี่แววของสิ่งมีชีวิต
ถึงจะมีความหนาแน่นของพื้นที่วิญญาณจนมิติแทบจะถูกฉีกแยกออก แต่ก็ไม่พบเห็นลักษณะของปีศาจผีสิงเลยสักตัว
มีกับดักอยู่จริงดิ?
แต่คนที่มีสัมผัสไวที่สุดในกลุ่มเราก็คือเทพไร้หน้า ดังนั้นเชื่อที่เธอเตือนเอาไว้ก่อนจะเป็นการฉลาดมากกว่า
เราลองหยิบก้อนหินขึ้นมาสามก้อน แล้วปามันไปบนระเบียงตามแต่ละจุด
*แกร๊ก*
ณ วินาทีที่ก้อนหินเล็ก ๆ ทั้งสามก้อนสัมผัสลงบนทางเดินบนระเบียงทั้งสามจุด
วินาทีนั้นพื้นหินฉับพลันได้แตกออก กลายเป็นหลุมกว้าง แล้วสูบก้อนหินเล็ก ๆ นั้นลงไปข้างใต้ในพริบตา
ในขณะเดียวกัน อีกจุดหนึ่งที่หล่นใกล้บันได
พื้นที่บริเวณนั้นเริ่มเคลื่อนตัวไหลคล้ายกับเป็นคลื่นน้ำ พาหินก้อนเล็ก ๆ ไปที่หน้าบันไดขั้นแรก
ฉับพลันนั้นบันไดหินได้ดีดก้อนหินให้กระเด็นขึ้นไปอยู่บนขึ้นบันได
ราวกันตกของบันไดนั้นเริ่มเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นกรงขังเหล็ก แล้วเลื่อนขั้นบันไดด้วยตัวเอง
เลื่อนขึ้นไปสู่ชั้นบน ก่อนจะเลื่อนลงมาสู่ขั้นล่างสุด แล้วเลื่อนขึ้นไปสู่ชั้นบนสุดอีกรอบ
มันเลื่อนขั้นบันไดตัวเองขึ้นและลงอย่างไร้จุดสิ้นสุด อยู่ภายในกรงขังเหล็กที่เล็กแคบ ราวกับว่าจะพยายามให้สิ่งที่มันเข้าใจว่าเป็นเหยื่อหมดแรงตาย
ส่วนหินก้อนที่สามที่หล่นไปบนระเบียงทางขวามือ—
*ตึง! *
มันคือเสียงของผนังที่กำลังเคลื่อนตัวกวาดทุกสิ่งตรงหน้าเข้าไปข้างในกำแพง
ผนังหินที่ดูไม่มีอะไรตรงนั้นได้แยกออกเป็นสองซีก แยกเขี้ยวเหมือนสัตว์ร้าย แล้วกลืนกวาดทุกสิ่งตรงหน้าหายเข้าไปภายในกำแพงของมัน
อืม… อันตรายจริง ๆ ด้วยแฮะ
บอกตามตรงว่าไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ว่ายังมีกับดักติดตั้งเอาไว้อยู่รอบระเบียงอีก
เพราะคราวนี้เราไม่ได้ยินเสียงเครื่องกลดังออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
[ฉันจะไม่ยอมให้พลาดถูกลอบโจมตีเหมือนตอนที่อยู่บนทางเดินนั้นอีกแล้วค่ะ อะไรที่รู้สึกแปลก ๆ คราวนี้ฉันจะเป็นคนเตือนทุกคนให้เองค่ะ! >_<\]
เทพไร้หน้าเขียนข้อความยืดยาวบอกเราเช่นนั้น
“…ดูท่าว่าภายในสวนนี้จะปลอดภัยที่สุด ณ เวลานี้แล้วละ”
เพราะอย่างน้อยคงไม่มีใครบ้าพอมาติดตั้งกลกับดักอยู่ข้างในสวนพักผ่อนของตัวเอง
แล้วภายในสวนก็ไม่จำเป็นต้องมากังวลเรื่องวิญญาณผีสิงอีกด้วย
ดิน มี [วิญญาณของโลก] อาศัย
ต้นไม้ มี [วิญญาณของต้นไม้] อาศัย
มันไม่ใช่สิ่งไร้ชีวิตที่จะยอมให้มีวิญญาณมาเข้าแทรกแทรงร่างกายได้ง่าย ๆ
ดังนั้นภายในสวน ณ เวลานี้จึงปลอดภัยมากที่สุด
แต่ถ้าเมื่อไหรพวกศัตรูมันขยายขอบเขตการค้นหามาถึงตรงบริเวณนี้แล้วละก็—
“ (เอายังไงดี จะว่างานนี้ยากเกินมือควรหนีไปก่อน หรือยังอยู่ในขอบเขตที่ทุ่มสุดกำลังเอาชนะได้ดีนะ?) ”
ตอนนี้เราเริ่มพอที่จะเห็นความเป็นไปได้ของระดับพลังสูงสุดของศัตรูแล้ว
ถ้าสู้ตรง ๆ คงแพ้
แต่ถ้ามีแผนการ คงพอจะเอาชนะได้
เรา… ต้องการข้อมูลของศัตรูเพิ่ม—
เดียวก่อนสิ
คฤหาสน์หลังนี้สร้างตามรูปแบบผังสถาปัตยกรรมโบราณสินะ?
แถมยังเป็นคฤหาสน์หรูที่มีห้องทุกอย่างพร้อมสรรพ
ไม่ใช่ว่ามันอาจจะมีห้องสมุดขนาดใหญ่รวมอยู่ด้วยหรือเปล่า?
ห้องสมุด ห้องทำงานส่วนตัว สถานที่ ที่น่าจะมีข้อมูลสำคัญบางอย่างของเมดสาวน่าสงสัยคนนั้นบันทึกเก็บเอาไว้—
เราเริ่มกวาดตามองไปรอบพื้นที่สวน
มองแสงไฟและเงาที่ส่องสว่างลอดผ่านหน้าต่าง เพื่อคาดเดาว่าห้องไหน จุดไหน คือห้องที่น่าจะเป็นห้องสมุด
แล้วเราก็เจอ
“ตรงนั้นไง”
ที่ตรงหัวมุมอาคารถัดจากห้องโถงอาหารไปอีกราวหกช่วงเสา
ที่ตรงนั้นมีชั้นหนังสือจำนวนมากกำลังสะท้อนเป็นเงาอยู่บนหน้าต่างคริสตัลบานใหญ่บานนั้น
MANGA DISCUSSION