***วันที่ 53 เกอเนรับส์ ปี 126 เวลา 12:00 น.***
“คุณ ทัวร์มาลีเนต ควอตซ์ หรือครับ? ”
คนที่เจอกันอย่างไม่คาดคิด คือแม่ค้ากระต่ายลึกลับที่เคยออกผจญภัยด้วยกันช่วงหนึ่ง ตอนอยู่ที่ทวีปแห่งความวุ่นวาย
มานึกดูแล้ว ผมกับเธอเองถือว่าความเกี่ยวข้องที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกคาร์นิวอย และพวกภูติผีปีศาจมาไม่ใช่น้อย
“ไม่ได้เจอกันนานเลย สวัสดีที่ได้เจอกันอีกครั้งเจ้าค่ะ”
แม่สาวกระต่ายขนสีดำโค้งตัวแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมให้ผมด้วยทวงท่าที่สวยงาม
เส้นผมสีดำยาวของเธอที่เคยเงางามเป็นผืนผ้าไหมยังไง ตอนนี้ก็ยังคงความเงางามเหมือนเช่นตอนที่ได้เจอกันครั้งล่าสุดไม่มีเปลี่ยนแปลง
“ใครอะ? ”
“แฟนพี่ควอตซ์? ”
“ทุกคน พี่ควอตซ์แอบไปมีแฟนด้วยละ!”
“ฮุ ฮุ ฮุ~ ต้องขออภัยที่ข้าน้อยไม่คิดที่จะมีแฟนเป็นผู้ชาย ที่อ่อนแอกว่าตัวเองหรอกนะเจ้าค่ะ”
ปากนี่กัดเจ็บไปถึงสรวงอก!
ถึงคุณควอตซ์จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่พวกเด็ก ๆ ไซบอร์กยังคงวิ่งวนรอบตัวคุณควอตซ์อย่างร่าเริง ไปพร้อมกับล้อเลียนเรื่องที่ผมอาจจะเป็นแฟนของเธอ
แต่พอเห็นว่าพี่สาวสุดสวยของตัวเองยังคงยืนยิ้มแบบไม่สนใจอะไร สุดท้ายพวกเด็ก ๆ เลยเริ่มเบื่อ แล้วพากันวิ่งไปที่จุดชมวิวจุดอื่นของยานเหาะแทน
“พวกเด็ก ๆ … ร่าเริงกันดีนะครับ”
“ร่าเริงกว่าเดิม แถมยังเกิดการพัฒนาการทางสมองเทียม ได้เหมือนสมองปกติของด้วยเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่คิดเลยว่าการจับตัวกลับไป เพื่อเก็บเกี่ยวผลการทดลองของโนอาร์เมื่อตอนนั้น จะกลายเป็นผลดีกับพวกเด็ก ๆ ในท้ายที่สุดได้… โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยแต่เรื่องที่เหนือความคาดคิด และไม่เป็นไม่ตามที่พวกเราคาดคิดเจ้าค่ะ”
“…ใช่ครับ”
โลก— ไม่เคยเป็นไปตามที่พวกเราคาดหวัง
มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ
ผมคนนี้เจอเหตุการณ์ทำนองเช่นนั้นมามากแล้ว
“คุณออนเดินทางมาทำธุระอะไรเจ้าคะ? ”
“มาทำงานนะครับ แล้วไม่ทราบว่าคุณควอตซ์จะพาพวกเด็ก ๆ ไปเที่ยวที่ไหนของทวีปแห่งความโกลาหลอย่างงั้นหรือครับ? ”
“อุ๊ย? รู้ได้ยังไงเจ้าค่ะว่าข้าน้อยพาพวกเด็ก ๆ มาเที่ยว? ”
“ก็— คงไม่น่ามีเหตุผลให้คิดอย่างอื่นได้แล้วนี่ครับ? ”
คุณควอตซ์ส่งรอยยิ้มที่สวยงามมาให้ผม พร้อมกับเอามือขวาลูบเส้นผมสีดำของตัวเองลงมาอย่างครุ่นคริด
กลิ่นหอมที่คล้ายกลิ่นดอกหญ้าและแครอท ของน้ำยาที่อาบลงบนเส้นผมกับขนฟูนุ่มตามตัว กำลังลอยตามลมมาแตะปลายจมูกจนเกือบทำให้หัวใจของตัวเองเต้นแรง
คุมสติเอาไว้เจ้าออน…
แกนะ ชอบคุณลาพิสไปแล้ว…
ต้องรักเดียวใจเดียว…
ผู้ชายที่ดี ต้องรักเดียวใจเดียว…
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยพาพวกเด็กมาเที่ยว เพราะอยู่ ๆ มีคนใจดีมาบริจาคเงินจำนวนมาก พร้อมกับมอบตั๋วท่องเที่ยว ให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไซบอร์กของข้าน้อยเจ้าค่ะ”
“คนใจดี? ”
“เจ้าค่ะ ตอนแรกตกใจยอดเงินอยู่เหมือนกัน แต่พอรู้ว่าเป็นการโอนเงินที่มาจากทาง [แวม แวม ชาร์สเซอร์] ราชินีเผ่าปีศาจจากปากของคุณแวนเจอร์ที่เป็นมือขวาของเธอ ด้วยเหตุผลว่า “เป็นค่าตอบแทนที่ช่วยกันปกป้องเมืองของเรา” มันก็ทำใจยอมรับเงินก้อนนี้ขึ้นมาได้เจ้าค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง”
ผมพอจะรู้เรื่องข่าวที่พวกคุณลาพิส ราชินีเผ่าปีศาจ คุณควอตซ์ กับ โนอาร์ ร่วมมือกันปราบอีกายักษ์จนเกิดเป็นกลุ่มขบวนการ 5 สี ที่มี 6 คน [เพาเวอร์-โซล เรลเจอร์] อยู่เหมือนกัน
มันเข้าใจได้อยู่ ว่าเธอคนนั้นคงอยากตอบแทนบุญคุณคนที่มาช่วยเมืองของเธอเอาไว้
“ข้าน้อยเลยกะว่าจะถือโอกาสนี้ ใช้เงินกับตั๋วฟรีที่ได้รับมา พาพวกเด็ก ๆ มาชมงานแข่งขัน [จ้าวเวหา] เจ้าค่ะ ”
“งานแข่งขันจ้าวเวหาอย่างงั้นหรือครับ? ”
“ใช่เจ้าค่ะ งานแข่งขัน [จ้าวเวหา] เจ้าค่ะ”
***
งานแข่งขัน [จ้าวเวหา]
มันคืองานแข่งขันเพื่อค้นหาเผ่ามนุษย์นก ผู้มีความสามารถในการบิน
เป็นประเพณีที่จัดขึ้นทุกปี ต่อหน้าเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า อันเป็นเทพสูงสุดที่พวกเขานับถือ
เผ่ามนุษย์นกจำนวนมากจะมารวมตัวกัน แล้วเข้าท้าสู้กับท้องฟ้า อันเป็นช่วงฤดูที่วุ่นวายและโหดร้ายที่สุดของทวีปแห่งความโกลาหล
พวกเขาจะต้องใช้ปีกคู่ของตัวเอง กับสัญชาตญาณอันเป็นญาณหยั่งรู้ภัยพิบัติอันทรงเกียรติ์ ซึ่งได้รับมอบมามาจากเทพเจ้าตามความเชื่อ ในการหาญกล้าท้าประลอง แล้วคว้าชัยชนะมาสู่ตน
ผู้ชนะจะได้รับตำแหน่งแห่งเกียรติยศ [ปักษาแห่งการพยากรณ์] มาครอง
[ปักษาแห่งการพยากรณ์] คือตำแหน่งสูงสุดของเผ่ามนุษย์นก มีอำนาจยิ่งกว่าตำแหน่ง [ผู้กล้า] หรือ [จ่าฝูง] สำหรับพวกเขาเสียอีก
เพราะมันคือตำแหน่งของผู้ที่มีสุดยอดแห่งสัญชาตญาณ ผู้ซึ่งสามารถหลบเลี่ยงภัยอันตรายทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในระดับราวกับรับรู้อนาคต
เสมือนหนึ่งเป็นคนทรง ที่สามารถสื่อสารกับเทพแห่งท้องฟ้า ผู้มอบคำพยากรณ์แห่งการล่วงรู้อนาคตที่มีนามเชิงวิทยาศาสตร์ว่า [สัญชาตญาณ] ให้ ในตามความเชื่อของเผ่ามนุษย์นก
ในอดีต— มันคืองานแข่งขันประเภทนั้น
แต่ปัจจุบัน เนื่องจากวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปมาก บทบาทของ [สัญชาตญาณ] เพื่อใช้ในการทำนายฟ้าดิน รวมไปถึงภัยธรรมชาติ จึงมีบทบาทน้อยลงอย่างน่าเศร้า
การจะหาเผ่ามนุษย์นกที่ฝึกฝนลับคม จึงมีน้อยลงในระดับแค่มีเพื่อใช้ในการต่อสู้ อย่างคนของกองทัพเท่านั้น
คนที่มี [สัญชาตญาณ] ในระดับรับรู้อนาคตและชะตากรรมของทั้งเผ่า จึงแทบไม่มีปรากฏให้เห็นมานานนับหลายสิบปี
อำนาจ— ของ [ปักษาแห่งการพยากรณ์] จึงเหลือเป็นเพียงแค่ตำแหน่งเชิงสัญลักษณ์
การแข่งขัน [จ้าวเวหา] ในปัจจุบันนี้ จึงเป็นเพียงแค่งานแข่งเพื่อความบันเทิงไปแล้ว—
***
“แต่เพราะงานแข่งมันโหดหินมาก เลยทำให้นับตั้งแต่ [ปักษาแห่งการพยากรณ์] รุ่นแรก [คาร์เนต] ได้เสียชีวิตลง ตำแหน่งนี้ก็เว้นว่างไม่เคยมีใครมาแทนได้เลยนับตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ที่ 50 จนถึงปัจจุบัน ครับ พอเป็นแบบนี้ เงินรางวัลเลยถูกยกยอดมาทบมากขึ้นทุกปี จนทำให้ยอดเงินรางวัลในปีนี้มีมูลค่ารวมปาเข้าไปถึง 700 ล้านยูนิต เข้าให้แล้วครับ”
ณ สถานที่จัดหางาน
พนักงานชายเผ่ามนุษย์นกในชุดสูทกำลังอธิบายถึงงานน่าสนใจ ที่สามารถทำเงินให้ฉันได้อย่างรวดเร็วในช่วงนี้ให้ฟัง
เพราะตอนนี้ถังแตก และมีค่าซ่อมยานจำนวนมากรอคอยอยู่ เลยทำให้ฉันต้องมาหวังพึ่งงานจากสถานจัดหางาน ที่ไม่ได้มาเสียนาน
ไม่คิดเลยว่างานที่จะได้เงินดี และเร็วพอมาหาค่าไถ่ค่าซ่อมยานได้ จะเป็นไองานแข่งบ้า ๆ ของเผ่าที่ฉันแสนจะเกลียดชัง…
ถ้าถามว่าเกลียดขนาดไหน?
“เอโซ… จะหางานอื่นทำก็ได้นะ พวกเราไม่เกี่ยงหรอก”
[คุณเอโซ ถ้าไม่ไหว ก็อย่าฝืนเลยค่ะ >_<]
ก็คงเกลียดระดับที่แสดงออกมาผ่านมาทางสีหน้า จนสหายรักสองคนรู้ได้ทันที ว่าฉันไม่อยากเข้าแข่งในงานนี้
งานแข่งขันจ้าวเวหา งานที่รับเฉพาะเผ่ามนุษย์นก
เส้นทางการแข่งจะต้องบินเลียบต่ำไปตามภูมิศาสตร์ที่อันตราย เต็มไปด้วยควันพิษจากภูเขาไฟ ความร้อนระอุจากลาวา และกระแสลมที่ผิดเพี้ยน รวมไปถึงคลื่นมหาสมุทรที่โกลาหล
ต้องบินโดยไม่พึ่งอุปกรณ์ช่วยเหลือ ใช้แต่เพียงปีกกับสัญชาตญาณของตัวเองในการพาไปให้ถึงเป้าหมาย
ถ้าฉันลงแข่งงานนี้ ก็จะแก้ปัญหาเรื่องเงินไปได้ในระยะยาว
แต่— ปีกของฉันมันบินไม่ได้…
ปีกที่มีสภาพบนปีกพิการคู่นี้ คือต้นเหตุที่ทำให้ในสมัยที่ฉันยังไม่ได้เป็นเทพเจ้า ต้องถูกฝูงกับพ่อแม่ทิ้งให้เกือบหิวตาย
มนุษย์นกที่บินไม่ได้ ไม่ต่างอะไรไปจากภาระของสังคม
แล้วจะให้ฉันเอาขนปีกที่แข็ง แถมหนักอย่างกับแผ่นเหล็กแบบนี้ไปแข่งเพื่อหาเงิน…
“อืม หางานอื่น—”
“อ่าว~? นั่นใช่คุณนักบวชชื่อดังที่เป็นข่าวไม่ใช่หรือ? ”
ฉันหันไปตามเสียงที่ทักขึ้นมาจากด้านหลัง
ที่ตรงนั้น มีเผ่ามนุษย์นกที่ดูคุ้นตายืนอยู่สามคน
พวกเขามีขนสีขาวเรียงตัวสวย ตัวสูงใหญ่ และมีแผงขนคอฟูฟ่องดั่งพญาอินทรี
ทั้งสามคนล้วนแต่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาประหนึ่งเป็นเทพบุตรจากสวรรค์
ใคร?
“ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอที่นี่? ”
“เรื่องเมื่อตอนที่ทวีปแห่งความแห้งแล้ง พวกเราต้องขอโทษคุณนักบวชคนสวยด้วยนะครับ”
“ต้องขอโทษนักบวชนกที่ [บินไม่ได้] นะครับ”
น้ำเสียงกวนตีน และบทพูดจาที่ดูถูกอันเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ ฉันพอจะจำได้แล้ว
เจ้ามนุษย์นกสามตัวที่เคยมาดูถูกฉันตอนอยู่ในทวีปแห่งความแห้งแล้ง เพราะมารู้ว่าฉันบินไม่ได้เมื่อตอนนั้น
รู้สึกว่าจะเป็นนักสำรวจที่มาจากบริษัทเอกชนเดียวกับที่เจ้าฑาทิมทำงานให้นี่แหละ
“มาทำอะไรที่สำนักงานจัดหา— ใบสมัครแข่งจ้าวเวหา? อย่าบอกนะครับว่าคุณนักบวชชื่อดังจะลงสมัครงานแข่งนี้? ”
“ถึงคุณนักบวชจะเก่งและมีชื่อแค่ไหน แต่บินไม่ได้ก็คือบินไม่ได้ อย่ามาแข่งให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเลยครับ”
“แต่ถ้าจะมาเป็นจำอวดเรียกเสียงฮาให้ในงานละก็ คงจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว”
“…”
เจ้าหนุ่มสามคนนั้นแย่งใบสมัครของฉันไปจากหน้า แล้วเดินออกไปจากอาคารสำนักงานทั้ง ๆ แบบนั้น
ส่วนพนักงานเองก็ทำได้แค่อ้าปากค้าง ก่อนจะหันมามองทางปีกของฉันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“บินไม่ได้…”
แล้วพูดพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างระวัง
สายตาต้อนรับลูกค้าที่เคยแสดงความเคารพเพราะได้เจอคนดัง ฉับพลันเปลี่ยนเป็นแววตาสงสารเวทนาไปแทน
อีกแล้ว…
เคยคิดว่าทนกับสายตาแบบนี้ได้แล้ว…
แต่รอบนี้มันไม่ไหวจริง ๆ แฮะ…
ทั้งเรื่องวุ่นวายของฑาทิมที่ยังไม่จบ
ทั้งเรื่องยานที่พังเพราะฝีมือของยัยนกติดบัคที่ถือวิสาสะตามมา
ทั้งเรื่องเด็ก ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่ต้องลำบากพามาเลี้ยงดูด้วย
แล้วยังต้องมาเจอไอพวกเผ่ามนุษย์นกทำตัวแบบนี้ใส่…
อารมณ์ —! ของฉันมันทนรับไม่ไหวแล้ว!
“เอาใบสมัครใบใหม่มา”
“แต่ว่าคุณ—”
“บอกว่าให้เอามาให้เรา เดียวนี้!”
“คะ— ครับ!?!”
ฉันแผ่จิตสังหารออกมาโดยไม่คิดจะเก็บอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเอาไว้
ตัดสินใจแล้ว ฉันจะลงแข่งงานนี้!
บินไม่ได้ก็ช่างมัน! ฉันจะพิสูจน์ให้เผ่าโง่ ๆ นี้รู้กันไปเลย ว่าจุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่ามีปีกที่บินได้หรือบินไม่ได้!
การบิน ใช่ว่าจะต้องพึ่งสภาพของน้ำหนักตัว โครงสร้างปีก กับจังหวะของการกระพือแต่เพียงอย่างเดียวสักหน่อย!
ขนาดเครื่องบินเองยังบินได้โดยที่ไม่ต้องกระพือปีกเลยจริงไหม?
ขอแค่แก้ปัญหาเรื่อง [แรงยก] ได้ ไม่ว่าจะใครก็บินได้ทั้งนั้นแหละ!
ฉันจะเอาชนะงานแข่งในสภาพที่ปีกเป็นแบบนี้ให้ทุกคนเห็นเอง!
MANGA DISCUSSION