***วันที่ 50 เกอเนรับส์ ปี 126 เวลา 25:00 น.***
“… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”
ฉันกำลังพูดกับตัวเองด้วยความสับสน
ณ สถานที่กว้างเปิดโล่งตรงหน้าร้านภูติโภชนาที่พังย่อยยับ กำลังเริ่มเต็มไปด้วยคนมุง นักข่าว กับตำรวจ
คนนอกไม่อาจรับรู้เหตุการณ์ข้างใน
คนข้างในตกอยู่ใต้ความหวาดกลัวตัวสั่น ราวกับคนพึ่งตื่นจากฝันร้าย
ทั้งที่อยู่บนเกาะเดียวกัน เวลาเดียวกัน แต่พวกเรากลับไม่อาจตั้งสติสื่อความกันได้
แม้แต่ฉันเองก็ยังสับสนในความเป็นจริง
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หากจะให้ทวนเหตุการณ์แล้ว…
ตอนแรกมีคนมาแย่งตัดหน้าฉันลอบสังหาร
แต่คน คนนั้นทำพลาด
พอถูกคุณออนจับตัว นางก็กดสวิตช์ระเบิด แต่กลายเป็นเรียกตัวประหลาดออกมาแทน
คุณออนสู้กับตัวประหลาดที่ว่านั่น แต่พ่ายแพ้จนบาดเจ็บหนัก
ฉันเลยเข้าไปช่วยพยาบาลคุณออน ในขณะที่มีผู้หญิงสองคน กับมังกรหนึ่งตัวแหวกโดมเข้ามาสู้
ซึ่งคนที่บุกเข้ามา คือนักบวชชื่อดังที่ชื่อลาพิส
ฉันพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาคนที่ชื่อลาพิสอยู่ แต่อีกคนไม่รู้จัก
คนที่ชื่อลาพิสส่งลูกแตะที่น่าเหลือเชื่อ ส่งเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นหายไปในอากาศภายในพริบตา
พอรู้ตัวอีกที ท้องฟ้าก็กลับมาสว่าง
หลังจบเรื่องทั้งหมด สองสาวที่เข้ามาช่วย ต่างรีบวิ่งหนีหายตัวไปเลย
แล้วหลังจากนั้นตำรวจก็ค่อยมาเป็นการปิดท้าย
“เอาจริงคนที่มีสติพอให้คำให้การได้ มันก็มีอยู่หรอก”
ฉันบ่นกับตัวเอง แล้วหันไปมองทางเผ่ามนุษย์มดตัวใหญ่สวมสูทที่กำลังยืนคุยกับตำรวจเผ่าภูติหน้าโฉด ที่กำลังบินลอยตรงหน้า
ในจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล คือนังแพศยาที่กำลังนั่งกินอาหาร แล้วจิบไวท์ต่ออย่างสบายใจอยู่ภายในร้าน
สองคนที่พอจะให้การได้ แอบหนีไปกินข้าวแล้วหนึ่ง
ส่วนอีกสองคนที่น่าจะให้การ ก็มีเหลือแค่ฉันกับคุณออน
แต่เพราะคุณออนบาดเจ็บหนักจนสลบไปแล้ว เลยกำลังอยู่ในสภาพที่ถูกฉันจับมานอนหนุนตักตัวเองเอาไว้
ส่วนฉันไม่อยากคุยกับตำรวจ เลยทำเป็นคนนอก นั่งเงียบ ๆ กลืนตัวตนไปกับฝูงชนซะ
“ขอไวท์เพิ่มอีก! เซีย!”
“คะ– ครับ!”
นังแพศยายังคงสั่งลูกน้องของเธอให้รินไวท์ไม่หยุดมือตัวเอง
ยังจะมีอารมณ์มาดื่มกินต่อได้อีกนะยัยนี่…
ให้ตายสิ ทั้งที่ผู้คนกำลังวุ่นวาย มีคนตาย ทำไมเธอถึงใจกล้าหน้าด้านมาดื่มกินต่อกันได้เนี่ย?
อยากให้พวกกลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกสังเกตุเห็นถึงพฤติกรรมอันน่ารังเกียจที่เธอกำลังทำ—
*จงสาป—*
*ร่างกาย—*
*เจ้า… ใช้ได้… *
*เฮือก!! *
รู้สึกเหมือนกับมีสานน้ำเย็นจัดวิ่งผ่านผิวหนังกับร่างกายไป
เมื่อกี้นี้มันคืออะไรกัน?
ฉัน—
“…”
“ไม่มี— คนสังเกตุเห็น นอกจากลูกน้องของเธอที่ทำหน้าที่เทเครื่องดื่มคนเดียว…”
เหมือนจะมองเห็นโอกาสบางอย่าง…
ฉันยกหัวของคุณออนออกจากตักตัวเอง แล้วอุ้มเขาไปวางนอนลงบนเก้าอี้ตัวยาวที่อยู่นอกร้าน
หลังจากนั้นได้นำตัวเองเดินแทรกฝูงชน ย้อนศรกลับเข้าไปข้างในร้าน
ก้าวขาข้ามผ่านทางกระจกที่แตกลงมา
เดินอ้อมผ่านมุมอับที่เกิดจากเศษซากโต๊ะที่พังกระจายไปทั่ว เพื่อตรงไปที่ด้านหลังของอาคาร
มองหาเสื้อผ้าของพนักงาน—
ไม่ต้องกังวลเรื่องกล้องจับภาพ— เพราะกำลังปลอมตัวอยู่—
แต่ควรระวังเพื่อเอาไว้—
นี่ไง— ตู้เก็บเสื้อ—
เปลี่ยนตัวแบบระวัง อย่าให้มีรอยนิ้วมือติด—
แล้วเดินกลับไปที่ฝั่งหน้าร้าน—
ย่องเข้าไปอย่างระวัง แล้วหยิบถาดวางไวท์ที่บนโต๊ะพักอาหาร เอากลับเข้ามาผ่านทางหลังร้าน
“ขอไวท์เพิ่ม! เซีย!”
“ได้ครับ— อ่าว? ถาดวางไวท์ไม่อยู่? คือ… ไวท์หมดแล้วครับท่านลาฟาเซีย บ๊อง…”
“งั้นก็ไปเอามาเพิ่มจากหลังร้านซะ! ทั้งที่เป็นวันเปิดร้านแต่เจอกับเรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้! ฉันจะดื่มให้เมาจนลืมทุกอย่างไปเลย!”
ล่อให้พนักงานเพียงคนเดียวมาที่หลังร้านสำเร็จ
*แอ๊ด—*
“นาย ไปพักก่อนเถอะ เดียวฉันรับช่วงต่อทำหน้าที่ดูแลเธอให้เองค่ะ”
“เหวอ! ใครเนี่ย!? ตกใจหมด! เอ? คุณคือ—”
“พนักงานใหม่ชื่อสตอเบอร์รี่ค่ะ”
“เผ่ายักษ์เนี่ยนะ? แต่ช่างเถอะ… ผากด้วยแล้วกัน… บ๊อง…”
คุณภูติที่ดูอิตโรยตอบรับข้อเสนอของฉันอย่างง่ายดาย
ต้องบอกว่าโชคดีมาก ที่สถานการณ์เป็นใจเอื้อให้คนแทบไม่อยากจะทำงานกันแล้ว
“บอกว่าให้ไปเอาไวท์มาเพิ่ม! ทำไมถึงยังไม่รีบเอามาให้อีก! เซีย!”
น้ำเสียงของเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ดังขึ้น
ฉันรีบเดินเข้าไปหาเธอ พร้อมกับขวดไวท์ที่มีผ้าพันจนแน่นในมือ
ส่วนสองตา กำลังมองตรงออกไปฝั่งนอกร้าน เพื่อดูสภาพความเป็นไปของผู้คน
ไม่มีใครที่คิดจะหันกลับมามองข้างในฝั่งร้านเลย เพราะการรวมตัวของพวกนักข่าว
ผ้าม่านที่ออกแบบมาเป็นพิเศษของโต๊ะ VIP เอง จะช่วยให้เกิดส่วนพื้นที่ปิดซ่อนครึ่งตัวบน บังสายตาจากพวกนักข่าวกับตากล้องจากข้างนอกร้านได้เป็นอย่างดี
“นี่ค่ะไวท์”
“เยี่ยม— เดี่ยวก่อน? นี่เธอเป็นใคร— อุ๊ก!!!”
ฉันรีบชิงลงมือก่อนที่อีนังแพศยาจะได้ทันลงมือ
ใช้มือซ้ายนัดผ้าอุดปากเธอ แล้วใช้มือขวาสับเข้าไปที่ใจกลางรอยต่อของปีกภูติใจกลางหลังเต็มแรง
ปีกภูติคือจุดอ่อนตามธรรมชาติของเผ่าภูติ
“!!!—”
ดวงตาของเธอกลายเป็นสีขาวโพล้นทันทีที่ถูกสับด้วยสันมือของฉัน แล้วหมดสติไปเลย
ฉันรีบรับร่างของนังแพศยาด้วยผ้าสีขาวแล้วนำมันมาห่อเธอคล้ายกับผ้าห่อของ ก่อนจะเอาไปยัดใส่ถุงพลาสติกใบใหญ่ เพื่อให้ดูเหมือนกับว่าเพิ่งจะเดินกลับมาจากห้างร้านค้า
ด้วยความที่เผ่ายักษ์ที่มีขนาดตัวใหญ่ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นเผ่ายักษ์ถือถุงผ้าขนาดใหญ่กว่าหนึ่งเมตร หรือสองเมตร เดินไปมาตามท้องถนน
ฉันรีบมองไปรอบตัวอีกที
ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติมาจากฝั่งข้างนอก
แผนลักพาเสร็จสิ้น!
“…”
ทำไมอยู่ ๆ ฉันถึงนึกคึก อยากลักพาตัวเธอ ทั้งที่สถานการณ์ยังสุ่มเสี่ยง—
*อย่า– คิดมากน่า—*
*ความตั้งใจเดิมของเธอ—มิใช่หรือ —*
*ได้ตัว—แล้ว—*
“นั่นสิ… อย่าไปคิดมาก… เลย…”
***ในเวลาเดียวกัน***
ณ ยานน้องโลมา
“กลับมาได้เสียทีนะยัยสมองกล้ามลาพิส…”
[ค่า~ ^_^]
“ไม่ต้องมาเขียนตัวอักษรตอบว่า “ค่า~” ด้วยหน้ายิ้มเลยนะ! ให้ตายสิ ถ้าพลาดตำแหน่งของศัตรูไปละก็ ถือว่าเป็นความผิดของเธอเลยนะยัยลาพิส!”
[^_^]
ลาพิส สหายสมองกล้ามของเรากำลังเดินเข้ามาในห้องสะพานเดินเรือด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม โดยมียัยนกติดบัคพ่วงตามมาด้วย
“…”
แล้วคุณเธอจะพาคนนอกอย่างยัยนกติดบัค กลับเข้ามาทำไมกันละยะ?
“รบกวนคุณเปอร์ไซต์ออกไปรอข้างนอกด้วยค่ะ กรุณาคำนึงถึงสถานะของตัวเองหน่อย ว่าตั้งแต่แรกพวกเราไม่ได้ยอมให้คุณมาอาศัยอยู่ในยานนี้นะคะ? ”
“เอาน่า~ เอาน่า~ อย่าได้เกรงใจหนูเลย คิดซะว่าหนูเป็นแค่ไม้ประดับที่น่ารักก็ได้~ อีกอย่าง~ จริงอยู่หนูนะโง่ แต่ไม่ได้บื้อนะขอบอก หนูรู้นะว่าพวกคุณกำลังปกปิดบางอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องของเจ้าดำเอาไว้อยู่~ สัญชาตญาณมันบอกหนูแบบนั้น~”
“…”
ถ้าเอ็งยังยืดหัวโด่ตรงนี้ พวกเราก็พูดเรื่องปัญหาแดน นรก-สวรรค์ ออกไปตรง ๆ ไม่ได้นะสิ
แต่… ถ้าหลุดพูดแค่เรื่องผีสาง วิญญาณร้าย คงพูดแบบอ้อม ๆ ไปได้อยู่หรอกมั้ง?
ยังไงคนบนโลกนี้ก็มีพวกที่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่ด้วย
คิดว่าถ้ามีหลุดพูดออกไปให้ได้ยินนิด ๆ หน่อย ๆ บ้าง คงไม่ถูกท่านยมลงโทษหรอก
แต่ยังไงก็วุ่นวายเกะกะชะมัด
ให้ตายเถอะ ช่างเป็นยัยนกติดบัคที่น่ารำคาญเสียจริง
ว่าแล้วขอดื่มชาจีนขม ๆ ย้อมใจสักอึก!
เรารีบดื่มชาจีนแบบชงเข้มจนหมดแก้วในรวดเดียว แล้วกลับมาตั้งสติอีกครั้ง
“เอาละ! ลาพิส เนื่องจากเธออาจจะไม่รู้เพราะมัวแต่ไปวุ่นข้างนอก แต่ตอนนี้เจ้าฑาทิมถูกศัตรูจับตัวไปแล้ว พวกเราสองคนได้พยายามใช้สัมผัสวิญญาณตามรอย แต่เพราะพวกเราไม่ได้มีทักษะเทียบเท่ากับเธอ เลยทำให้รัศมีการตรวจจับคับแคบ สัมผัสล่าสุดที่จับได้เมื่อสิบนาทีที่แล้ว คือพบว่าศัตรูกำลังพาตัวฑาทิมออกไปทางทิศตะวันตก รบกวนรีบฝากเธอตรวจจับให้ที!”
พอพูดจบ เราก็หันไปทางยัยแมรี่ที่กำลังนั่งทำเนียนหลับอยู่บนเก้าอี้นวม
“ส่วนเธอ แมรี่! ศัตรูอาจมีการใช้ทักษะแทรกแทรงพื้นที่มิติได้ทุกเวลา เลยอยากจะให้เธอเตรียมพร้อมใช้พลังภูติกับวิชาพลังวิญญาณ เตรียมการรับมือเอาไว้ทุกเวลาด้วย!”
“หืม? ได้สิเงียม~”
หลังจากปลุกเจ้าภูติขี้เซาแล้ว ก็ถึงตาของยัยนกติดบัค
ไหน ๆ มานั่งเสือกเรื่องชาวบ้านแล้ว ก็ขอใช้ให้คุ้มสักหน่อยเถอะ
“ส่วนเธอ! คุณเปอร์ไซต์”
“เรียกว่าเปอร์ไซต์ก็ได้ค่ะ เรียกว่าคุณแล้วมันฟังห่างเหินแปลก ๆ งะ”
“… เปอร์ไซต์! ไหน ๆ ก็บอกว่าอยากรู้ความจริงเรื่องเจ้าดำสินะ! ถ้าเตรียมใจรับเรื่องวุ่นวายได้ละก็ อีกเดียวพวกเรากำลังจะตามรอยคนที่ทำให้เจ้าดำของเธอกลายเป็นแบบนั้น! จงลับคมกรงเล็บให้พร้อม! เพราะอนาคตข้างหน้ามีได้ลุยศึกเดือดอย่างแน่นอน!”
“เยี่ยม! รับทราบค่ะ!!!”
ยัยนกติดบัคยิ้มร่าอย่างมีความสุข พร้อมกับกำปีกขวาเหมือนมนุษย์ที่กำลังกำหมัดอย่างดีใจ
ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่ต้องเช็คอีกรอบด้วยสัมผัสวิญญาณเพื่อความมั่นใจ
ห้องสะพานเรือ มีเรา แมรี่ ลาพิส กับยัยนกติดบัค
ที่ห้องเก็บยาน เจ้ามังกรของยัยนกติดบัคยังคงนั่งกกไข่ของมังกรทมิฬอยู่
พื้นที่นี้ดูไม่น่ามีปัญหาอะไร
ส่วนที่ห้องนั่งเล่นรวม— พวกเด็ก ๆ ยังนั่งทำการบ้านกันเรียบร้อยดี
กันพวกเด็ก ๆ ออกไปจากเรื่องวุ่นวายได้สำเร็จ
สุดท้ายคือช่องทางเดินส่วนล่างสุดของยาน ที่มียัยโรโยตี้กำลังทรุดตัวกองอยู่กับพื้น
ตรงนี้ก็ปกติ
“…”
ปกติกับผีนะสิ!
ทำไมยัยสต็อกเกอร์ถึงมาแอบอยู่บนยานของพวกเราได้กันเนี่ย!
ระบบป้องกันของยานมันมัวทำอะไรอยู่! แอบนอนอู้อยู่หรือยังไง!?
รู้แบบนี้กางสัมผัสวิญญาณคอยระวังตัวเอาไว้ตลอดก็ดี
ปล่อยให้มีคนแอบมาขึ้นยานได้แบบนี้ เสียชื่อเทพเจ้ากันหมด
ต้องรีบไปไล่ออกจากยาน—
*ครื่น!*
[เปิดระบบลอยตัว เดินเรื่องออกยานเสร็จสิ้น พร้อมปล่อยตัวค่ะ]
เสียงระบบ AI [โฮโลมิกุไลฟ์] ได้ดังขึ้นมาก่อนที่เราจะได้ทันเดินออกจากห้องสะพานเดินเรือ
เวลาเดียวกันได้มีเสียงลมตีจากใต้ท้องยานดังกระหึ่ม
พอหันไปมองที่ยัยลาพิส ก็พบว่าเธอกำลังเอามืออังอุปกรณ์ควบคุมยานที่เป็นแท่งคริสตัลวิญญาณสีรุ้งอยู่
“ลาพิส นั่นเธอกำลังจะทำ–”
[ไม่มีเวลาเขียนอธิบาย กำลังจะตามศัตรูไปด้วยความเร็วสูงค่ะ ^_^]
เธอโยนป้ายที่เขียนข้อความเช่นนั้นมาให้เรา
มีเครื่องหมายหน้ายิ้มอีกแล้ว…
ดูมีความสุขมากเลยนะเรา…
นี่คงอยากขับซิ่งมากเลยสินะ? สินะ!?
“…”
มาคิดดูตอนนี้ก็ว่าแปลก ๆ
ปกติถึงยัยลาพิสจะสมองกล้ามแค่ไหน แต่เธอมักจะเชื่อฟังทำตามแผนการของเราอยู่เสมอ
มีรอบนี้ ที่อยู่ ๆ เธอหุนหันรีบพุ่งตัวออกไปก่อน
แถมทั้งที่ความวุ่นวายจบไปนานแล้ว แต่เธอดันกลับมาที่ยานช้า จนเรากับแมรี่คลาดกับเป้าหมายนานไปตั้งสิบนาที
อย่าบอกนะว่าที่ยัยนี่กลับมาช้า เพราะจงใจ–
[ฉัน— คือความเร็ว (ᗜˬᗜ) ]
–จงใจ เพื่อที่จะได้มีเหตุจำเป็นให้ขับยานซิ่งสุดแรงเกิด
พอรู้ตัวอีกที ยานน้องโลมาของพวกเราก็พุ่งทะยานบินออกไปเสียแล้ว
MANGA DISCUSSION