***วันที่ 50 เกอเนรับส์ ปี 126 เวลา 23:30 น.***
“ขยะสด 40 ที่ พร้อมทิ้ง รบกวนฝ่ายรักษาดูแลให้ทีค่ะ”
“วันนี้พวกคุณลูกค้าเผ่ายักษ์ยังไม่ยอมแพ้กันอีกอย่างงั้นเรอะ? พวกเธอเองก็เหมือนกัน อย่าแกล้งแขกหนักมือขนาดนี้บ่อยนักสิ”
“ฮุ~ ฮุ~ ฮุ~ พวกเราคือผู้ให้บริการฝีมือดี ถ้าไม่ทำให้คุณลูกค้ามีความสุขไปถึงสวรรค์ แล้วจะเรียกว่าเป็นสุดยอดนางบำเรอเผ่านางไม้ได้ยังไงกันคะ? ”
“ลองมาเป็นฝ่ายดูแลรักษาอย่างพวกเราแทนบ้างสิ มันเหนื่อยนะรู้ไหม? ”
นางไม้ผมสีเขียวที่กำลังสูบบุหรี่ด้วยรากฝอยที่ยื่นออกมาจากปลายนิ้ว กำลังบ่นอุบกับนางไม้อีกคนที่กำลังโยนร่างกายอันใหญ่โตของเผ่ายักษ์ออกมาข้างนอกผ่านทางประตูหลังของร้าน
นางไม้ผมสีเขียวยืนมองไปที่กองขยะเผ่ายักษ์ แล้วสลับไปมองประตูบานโตของร้านที่กำลังถูกปิดตัวลงด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย
เธอวางแท่งบุหรี่ลงจานแก้ว แล้วเดินตรงไปที่ภูเขาเผ่ายักษ์นั้น
เสียงลมหายใจแผ่วเบาที่ลอดออกมาให้ได้ยิน กำลังบอกว่าเธอว่าแขกกลุ่มนี้กำลังหมดเรี่ยวแรง และกำลังจะตายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
“ให้ตายสิ คุณแขกผู้น่ารัก ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหว ยังไงกรุณารบกวนอย่ามาร้านนี้ทีจะได้ไหม? ”
เธอพูดทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่รับฟัง
เธอวางมือของตัวเองไปบนร่างหนึ่งของแขกที่กำลังจะหมดลมหายใจ
รากไม้จำนวนมากได้แผ่ออกมาจากปลายนิ้วของเธอ ฝั่งรากลึกลงไปบนร่างกายของพวกเขา
สารอาหารชนิดพิเศษ— กำลังถูกส่งตรงเข้าไปในเลือดของแขก เสมือนเป็นท่อน้ำเกลือที่ต่อเข้ากับร่างกายผู้ป่วย
“ว๊าก!!! พวกข้ายอมแพ้แล้วววว!— อ่าว? นี่พวกข้า… ถูกส่งออกมาข้างหลังร้านอีกแล้วเรอะ? ”
“ถ้าจะพูดให้ถูกคือครั้งที่ 6 แล้ว ที่พวกคุณต้องถูกส่งมาหาเรา รบกวนขอค่ารักษาคนละ 1,000 ยูนิตด้วย คุณฑาทิม”
“อึก…”
ชายเผ่ายักษ์ที่ถูกเรียกว่าฑาทิมยื่นมือลงไปหยิบบัตรเครดิตเพื่อส่งให้เธอ อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหรนัก
***หลังจากนั้น 5 นาที***
“หัวหน้า… ผมว่าพวกเราไม่ต้องไปร้านนั้นจะเป็นการฉลาดกว่านะครับ”
“จะว่ามีความสุขก็มีความสุขอยู่หรอก แต่แทบจะถูกส่งไปสวรรค์จริง ๆ ทุกครั้งแบบนี้ มันก็เริ่มชักจะไม่ค่อยสนุกแล้วละครับหัวหน้า…”
“ถ้าพวกเอ็งอยากไปเที่ยวร้านอื่นก็เชิญ แต่ข้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนร้านหรอกนะ ข้า— จะเอาชนะพวกนางให้ได้! ”
ข้าตะโกนลั่นเมือง พร้อมกับเบ่งกล้ามโตอย่างไร้ความหมาย
“ศักดิ์ศรีของชายชาตรีมันบอกข้าว่าไม่ควร—”
*วูป–!*
“เฮือก—!”
อยู่ ๆ ก็มีลมหนาวพัดผ่านในตอนที่ข้ากำลังจะพูดปลุกใจพวกลูกน้อง
ข้าสัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดันบางอย่าง
เป็นบรรยากาศที่ชวนให้ใจคอรู้สึกไม่ดี
เหมือนกับ—
เหมือนกับตอนที่ต้องไปเจอกับปีศาจหมอก เหมืองอาเทม หรืออย่างตอนที่มังกรทมิฬปรากฏตัวไม่มีผิด
“หัวหน้ามีอะไรอย่างงั้นหรือครับ? ”
“เปล่า… ไม่มีอะไร… วันนี้ข้ารู้สึกเหนื่อย… ข้าว่าวันนี้แยกย้ายกันแค่นี้ดีกว่า…”
“เอ๊—? ครับ —? ”
ดูเหมือนว่าพวกลูกน้องไม่รู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกประหลาดเมื่อกี้
ถ้าพวกมันไม่รู้สึกถึง ข้าก็ไม่ควรที่จะลากพวกมันมายุ่งเกี่ยวด้วย
ข้ารีบแยกกลุ่มกับพวกลูกน้อง แล้วเดินไปตามแรงกดดันที่ตัวเองสัมผัสได้
เดินผ่านตรอกซอยของย่านโคมแดงที่ดูลึกลับ เต็มไปด้วยมุมอับ จนกระทั้งหลุดออกมาในพื้นที่เปิดโล่ง
ตอนนั้นเองที่มีเสียงคลื่นกระแทกดังขึ้นไม่ขาดสาย พร้อมกับไอน้ำเค็มกระเด็นซัดขึ้นมากระทบใบหน้า
ข้ากำลังยืนอยู่ตรงริมทางเดินหลังแนวอาคาร ขนานไปกับมหาสมุทรที่อยู่ติดกัน
จากมุมนี้ ข้าสามารถมองเห็นเกาะเทียมอีกสองเกาะที่อยู่ห่างออกไป
มันคือส่วนของเกาะที่เป็นที่ตั้งตลาดปลอดภาษี กับเกาะที่เป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานอวกาศ
“มาจากตรงนั้น…”
ตรงพื้นที่ระหว่างเกาะทั้งสอง มีโดมสีดำกำลังปกคลุมพื้นที่เล็ก ๆ อยู่พื้นที่หนึ่ง
เป็นโดมสีดำที่ดูคล้ายเส้นผมเปื้อนเมือก
รู้สึกขนลุกชะมัด
“คนที่ยืนตรงนั้น— คุณฑาทิมใช่ไหมครับ? ”
ใคร?
ข้ารีบกลับหันไปมองตามเสียง
ในซอยที่ข้าพึ่งเดินผ่านมา มีชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่
เขาตัวสูงราว 190— ไม่สิ รองเท้าดูหนาประหลาด… บางทีอาจจะเตี้ยกว่านั้น
สวมผ้าคลุมสีดำปกปิดตัวเองตั้งแต่คอลงมา
มีผ้าปิดปาก สวมแว่นดำ แถมยังสวมหมวกปิดหัว จนไม่อาจคาดเดาถูกว่าเป็นคนจากเผ่าไหน
“…ใช่แล้ว ข้าคือฑาทิม มีธุระ— เฮ้ย!”
ข้ารีบพุ่งตัวหลบเพราะเห็นผ้าคลุมของมันกำลังลุกไหม้
หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งวินาที ได้มีแสงรังสีความร้อนพุ่งทะลุผ่านผ้าคลุมของมัน วิ่งตัดอากาศเป็นเส้นตรง เฉี่ยวผ่านแขนขวาไป
“มันร้อนนะเฟ้ย!”
“สมกับที่เป็นเผ่ายักษ์ผู้มีชื่อเสียง ดูเหมือนจะหนังหนากว่าค่าเฉลี่ยปกติของเผ่ายักษ์ ความแรงรังสีแค่นี้ยังเจาะผิวไม่เข้าจริง ๆ ด้วยสินะครับ? ”
มันพูดอะไรสักอย่างกับตัวเอง ก่อนจะมีเสียงดัง *พรึบ* ขึ้นมา
ตอนนั้นเองที่มันได้เผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมออกมาให้เห็น
ปีกอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่ามนุษย์นก ได้ถูกกางออกกว้าง
สีขนของมันเป็นสีดำเข้ม จนทำให้นึกถึงอีกา
ที่กรงเล็บ มีติดตั้งเครื่องกลบางอย่างที่ดูน่ากลัวเอาไว้
ส่วนตรงหัวไหล มีแขนกลจำนวนสี่แขนที่กำลังถือปืนรังสีจำนวนทั้งหมดสี่กระบอก เล็งมาทางข้า
ถึงจะไม่รู้จัก แต่รู้ได้เลยว่าไอนี่ไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน
*ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ!*
ปืนรังสีทั้งสี่ได้ถูกสาดแสงพุ่งตรงมาทางข้า
แสงสีแดง กับ สีฟ้า ส่งเสียงเสียดสีเผาไหม้อากาศจนลุกไหม้ ร้องเตือนให้รู้ว่าคราวนี้ไม่จบเพียงแค่รู้สึกรอนแสบ ๆ ตรงผิวหนังอย่างแน่นอน
“เหวอ!”
ข้ารีบย่อตัว แล้ววิ่งไปตามแนวทางเดินริมทะเล
สัมผัสได้ถึงแสงอันร้อนแรงที่วิ่งผ่านเฉียดแผ่นหลัง
สองหูได้ยิงเสียงเผาไหม้ที่แสงกระทบสิ่งกีดขวาง
ดวงตาสะท้อนเปลวไฟที่เริ่มลุกไหม้ มองเห็นสะเก็ตไฟระเบิดกระจายไปทั่ว
ศัตรูลึกลับได้ยิงปืนรังสีใส่ข้าชนิดไม่รอให้ข้าได้มีโอกาสพักหายใจ
ม้านั่ง กำแพง ต้นไม้ที่ปลูกเรียงข้างทาง ทุกสิ่งที่ข้าใช้มันเป็นที่กำบัง ถ้าไม่ถูกหลอมจนเป็นก้อนลาวา ก็จะถูกเผาเป็นถุลีเถ้าไป
ใครกันฟะ? ทำไมถึงมาจ้องเล่นงานข้า!?
อยากสู้กลับอยู่หรอก แต่ไม่มีอาวุธ ชุดเกราะ แถมยังพึ่งหมดแรงจากการไปร้านอย่างว่ามาอีก
ต้องรีบหนี!
“เหวอ!”
ข้าวิ่งตรงไปทางอีกซอยระหว่างตึกที่อยู่ทิศตรงข้าม
แต่แล้วข้ารีบหยุดตัวเองชั่วขณะ ในตอนที่กำลังจะถึงทางเข้าปากซอย
มันง่ายเกินไป…
ทำไมศัตรูของข้าถึงยอมปล่อยให้มีเส้นทางหนีง่าย ๆ แบบนี้…
*โครม!*
มันเป็นเช่นนั้นจริง
ในตอนที่ข้าเปลี่ยนทิศกะทันหัน เส้นทางตรงหน้าก็ถูกปิดลงด้วยแสงรังสีที่เล็งยิงไปตรงฐานของกำแพงสองฝั่ง
กำแพงและตัวอาคารที่สร้างขนาบซอย ได้พังถล่มลงมาเหมือนเป็นต้นไม้ที่ถูกโค่น
หิน ฝุ่น และเศษซาก ได้ถล่มลงมาปิดทับเส้นทางหนีจนมิด
ถ้าเมื่อกี้นี้ข้ายังฝืนวิ่งต่อไป คงได้ถูกทับทั้งเป็นอยู่ที่ข้างใต้นั้นไปแล้ว
“นี่แกเห็นอนาคตเรอะ? ไม่สิ คงต้องบอกว่าสมแล้วที่เป็นยอดนักรบผู้มีชื่อเสียง”
“แฮก— แฮก—! แล้วแกเป็นใครกันฟะ!? ทำไมถึงมาล่าข้า!”
ข้ายังคงวิ่งวนต่อไป
ศัตรูของข้านั้นโหดเหี้ยมมาก
มันยิงไม่ยั้ง เผาทำลายทุกสิ่งที่พอจะใช้เป็นที่กำบังได้จนหายเกลี้ยง แถมยังเริ่มปิดเส้นทางหนีทั้งหมด
พอข้าจะไปคว้าสิ่งของสักอย่างเพื่อให้ปาโจมตีกลับ มันก็เป็นอันต้องถูกเผาให้สลายกลายเป็นฝุ่นต่อหน้าข้าไป
“เหวอ เหวอ!!”
เจ้าบ้านี่มันไม่ใช่ว่ายิงไม่แม่น
แสงสีฟ้าวิ่งเฉี่ยวเท้าซ้าย
แสงแดงวิ่งเฉี่ยวเท้าขวา
พอข้าสะดุดล้ม มันก็ยิงกระสุนให้วิ่งเฉี่ยวปลายจมูก จนข้าตกใจสะดุ้งยืดตัวตรงขึ้นมายืนอีกครั้ง
มันยิงได้โคตรแม่นเลยว้อย!
ที่ข้ายังไม่ตาย เป็นเพราะมันจงใจให้ยิงไม่โดนต่างหาก
ข้าทำได้แค่วิ่งอย่างตลกโบฮาจนเหมือนตัวตลกตามงานแสดงโชว์ราคาถูก
มันยิงต้อนข้า เหมือนแมวที่กำลังหยอกล้อเหยื่อ จนกระทั้งข้ามาจนมุมที่ส่วนครึ่งวงกลมที่ยื่นออกไป
มันเป็นพื้นที่ครึ่งวงกลมที่ยื่นเข้าไปในทะเล เป็นส่วนที่ออกแบบมาให้เป็นจุดชมวิว
แต่จุดชมวิวที่สวยงามแบบนั้น ได้กลายเป็นเส้นทางตันชั้นยอด ที่เสมือนมีกำแพงอันเรียกว่า [มหาสมุทร] มาปิดเส้นทางหนี
“ยอมแพ้ ทำตัวว่าง่าย แล้วมากับชั้นซะ”
“แล้วแกเป็นใคร! ทำไมถึงมาทำแบบนี้กับข้า! ข้าไม่เห็นจะเคยรู้จักแก หรือไปทำความแค้นให้กับใครมาก่อนเลยนะเฟ้ย!”
“แกไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
*ซ่า~*
เสียงทะเลดังแทรกกลางระหว่างบทสนทนา
เอายังไงดี… กระโดดหนีลงไปเลยดีไหม?
แต่คลื่นใจกลางมหาสมุทรมันไม่ใช่อะไรที่จะดูถูกได้
ถ้าว่ายน้ำไม่แข็งพอ ข้าอาจจะเป็นฝ่ายที่ถูกกลืนจมหายไปใต้มหาสมุทรแทน
แล้วข้ารู้ตัวดี ว่าไม่ได้ว่ายน้ำแข็งขนานนั้น
*พึ่บ!*
“อั๊ก!”
กระสุนรังสีนัดหนึ่งวิ่งเจาะรูบนปลายเท้าซ้ายของข้า
เจ็บโว๊ย!
ไอเชี่ยนี่แม่งจะเอาจริงแล้วนี่หว่า!
ไม่มีเวลาจะมาทำตัวงอแงแล้ว!
ข้าตัดสินใจกระโดดลงผิวมหาสมุทรด้านหลัง เพื่อที่จะเอาตัวรอด—
“เจี๊ยกก! เย็นเป็นน้ำแข็งเลยว้อย! แถมคลื่นยังแรงเป็นบ้า! ไอบ้าตัวไหนมันจะมาว่ายในน้ำในทะเลแบบนี้กันได้ฟะ! ตายแน่! ข้าตายแน่!!”
ข้ากรีดร้องลั่นบ้าน
เพราะมันไม่ไหวจริง!
น้ำที่เย็นจนแทบเหมือนเอาตัวเองไปอยู่ขั้วโลก มันกำลังกรีดผิวหนังข้า และทำให้เส้นประสาทของข้าด้านชา
มือที่ตะเกียกว่าย เริ่มไร้เรี่ยวแรงไปพร้อมกับความรู้สึกที่ถดถอย
ถ้าเป็นแบบนี้คงได้ตายชัว
ไม่น่าตัดสินใจกระโดดหนีลงมาเลยว้อย!
อยู่ข้างบนก็ตาย ลงมาในน้ำก็ตาย!
ดวงข้ามันอะไรกันวะเนี่ย!?
*ซ่า*
“!?!”
ข้ากำลังถูกบางอย่างแบกขึ้นมาจากผิวทะเล
พอมองไปที่หัวไหล ก็พบว่ามีเครื่องกลที่ดูคล้ายกับกรงเล็บ กำลังจิกลงไปข้างในเนื้อที่หัวไหลทั้งสองข้าง
“ให้ตายสิ ต้องมาให้เหนื่อยเพิ่มอีก…”
เสียงของชายลึกลับดังขึ้นที่เหนือหัวของข้า
*แกร๊ก*
ก่อนที่ข้าจะได้ทันแหง่นหน้ามอง ได้มีเสียงบางอย่างดึงขึ้นมาจากด้านข้าง
กรงเล็บกลที่ต่อยื่นมาจากส่วนขาของนักฆ่า มีแขนกลย่อยขนาดเล็กกำลังงอกออกมา
เจ้าแขนกลย่อยนั้น มีปืนที่บรรจุกระสุนปลายแหลมติดตั้งเอาไว้อยู่
*ฉึก*
แล้วก่อนที่ข้าจะได้ทันขยับตัวต่อต้าน เจ้ากระสุนปลายแหลมนั้นก็ทิ่มแทงเข้าไปในลำคอของข้าเสียแล้ว
วิสัยทัศน์ของข้า— ได้มืดบอดไปในพริบตานั้น—
ZZzz…
MANGA DISCUSSION