เปลือกโดมที่หุ้มร้านได้ถูกทำลายจากบางสิ่งที่มาจากโลกภายนอก
ในยามที่สิ้นหวังถึงขีดสุด แสงสว่างจักทอดตัวยาวลงมา ณ ใจกลางโดมสีดำ
แสงนั้นได้เผยร่างของความหวัง ที่ปรากฏตัวราวกับเป็นเทพธิดาลงมาจุติ
สองสตรีผมสีฟ้ากับผมสีแดงสลับขาว และหนึ่งมังกรเกล็ดสีน้ำตาลอ่อน
“มิตรแห่งเสียงเพลงและความเที่ยงธรรม เปอร์ไซต์ ปรากฏตัวแล้วค่ะ!”
*กรรร!*
[แทน แท่น แท้น!]
สองสาวกับหนึ่งมังกร กำลังโพสท่าแปลก ๆ อยู่ตรงใจกลางโดมสีดำที่มีแสงสว่างจากโลกภายนอกส่องตรงลงมา
“พบศัตรูกับซากคริสตัลเจ็ดสี รูปแบบที่คล้ายกับสิ่งที่ทำให้เจ้าดำเป็นบ้า! คนร้ายต้องอยู่แถวนี้! เอาละได้เวลาดมกลิ่นหาคนร้ายค่ะ! *ฟุตฟิต~* *ฟุตฟิต~*”
[เธอเป็นเผ่ามนุษย์นก แล้วได้กลิ่นอย่างงั้นหรือคะ?]
“เปล่า ไม่ได้กลิ่นอะไรหรอก แค่อยากลองทำดูเฉย ๆ งะ”
ดูเหมือนว่าสาวแปลกหน้าอารมณ์ดีคนนี้จะเป็นคนรู้จักของคุณลาพิส
“…”
คนในร้านงง
“…”
ขนาดวิญญาณร้ายยังงง
ขนาดผมยังงง
ทุกคนต่างงงจนพูดไม่ออก กับการปรากฏตัวของกลุ่มคนที่ขัดแย้งกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างสุดขั้วนี้
“เนื้อแดดเดียว!”
บรรยากาศถูกดึงกลับมาให้ตึงเครียดอีกครั้งด้วยการตะโกนของวิญญาณร้ายแห่งการสาปแช่ง
ถึงคำที่พ่นออกมาจากปากของมันจะฟังดูหิวข้าวก็เถอะนะ…
ผิวของโดมสีดำกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ดูคล้ายเส้นผม กำลังเปลี่ยนรูปกลายเป็นหยดน้ำ
หยดน้ำที่ย้อยตัวลง ถูกเชื่อมด้วยเส้นด้ายบางที่แทบจะมองไม่เห็น
ราวกับเป็นเส้นแห่งชะตากรรม ที่อยากจะยึดโยงความโชคร้ายของตัวเอง ให้กับดวงชะตาของอีกฝ่ายที่ถูกสัมผัส
สาปส่งด้วยความเคียดแค้น เพื่อให้อีกฝ่ายต้องพบชะตากรรมเดียวกับที่ตัวเองได้เผชิญยามสิ้นชีวิต
เส้นด้ายแห่งคำสาปแช่งที่มีปลายหยดน้ำ เริ่มเคลื่อนตัวไหลออกมาจากผิวของโดมสีดำ
พวกมันพุ่งโจมตีเข้าใส่พวกคุณลาพิส กับกลุ่มคนที่ยืนอยู่นอกร้าน
หยดน้ำพวกนั้นเคลื่อนไหวแหกกฏฟิสิกส์ วิ่งหักมุม เลี้ยววิธีโค้ง
ทำได้แม้กระทั้งเพิ่มความเร็ว และลดความเร็วของตัวเอง โดยไม่สนใจกฏของแรงเฉื่อย แรงเสียดทาน หรือแม้แต่แรงที่สะท้อนกลับ
เรียกได้ว่าแต่ละเส้นนั้นมีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่อิสระต่อกัน อีกทั้งยังดูมีความคิดเป็นของตัวเองราวกับมีวิญญาณสิงสถิตอาศัย
*แปะ*
เสียงแปะติดของเส้นด้ายสีดำดังขึ้นต่อเนื่อง
“ว๊ากกกกกกก!!”
“ร้อนนนน!”
“เจ็บ! ไม่ – ม่ายยยย! ร่างกายของฉันกำลังถูกปั่น!? ม่ายยยยย!”
เหยื่อที่ยืนอยู่นอกร้านหลายสิบคนเริ่มกลายเป็นบ้า
บางคนคดตัวงอคล้ายกับร่างกายกำลังถูกไฟแผดเผา
บางคนเอาสองมือคว้าขากับลำตัวของตัวเอง เสมือนหนึ่งเห็นภาพหลอนบางอย่าง
เสียงหวีดร้องที่โกลาหล ได้บอกให้รู้ว่าเส้นด้ายสีดำที่ปะติดลงบนร่างกายของพวกเขา กำลังมอบภาพสุสยองบางอย่างให้กับพวกเขาได้เห็น
ไม่ใครที่อยู่นอกร้านสามารถหลบมันได้
ไม่มีใครที่รอดพ้นจากชะตากรรมอันโหดร้าย
*แปะ*
“เป็นไปไม่ได้! – แค๊ก!”
ตกใจจนอาเจียนออกมาเป็นก้อนเลือดครั้งที่สาม
แม้แต่คุณลาพิสยังโดนโจมตีใส่…
ทันทีที่วิญญาณร้ายแผ่ขยายเส้นด้ายสีดำออกมาเหมือนกระแสคลื่นทะเล คุณลาพิสกลับไม่คิดจะหลบ แล้ววิ่งเข้าไปเอาตัวเองเป็นโล่ปกป้องยัยฆาตกร
เธอเข้าไปปกป้องยัยชั่วโรโยตี้คนนั้น…
ปกป้องคนที่ไม่แม้แต่จะรู้จักกัน ด้วยร่างกายของตัวเอง
คุณลาพิส นอกจากจะมีโฉมงามแล้ว ยังมีจิตใจดีงามตามรูปโฉมด้วย
อ๊า… คุณคือ… นางฟ้า…
***
แย่ละสิ
ถึงไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมคุณโรโยตี้ถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ฉันจะปล่อยให้ [ถุงเงิน] ชิ้นสำคัญของพวกเราตายไม่ได้
ต้องปกป้องเอาไว้ ตามที่คุณเอโซบอก
คือสูบเงินออกมาให้หมด แล้วถึงเวลานั้นค่อยเขี่ยทิ้ง
อีกอย่าง กับอีแค่การสร้างภาพหลอนของผีระดับต่ำ มันทำอะไรฉันคนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ
*แปะ*
ภาพหลอน
ภาพหลอนกำลังถูกสร้างขึ้นมา
คลื่นแห่งวิญญาณ ได้ถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นแสง สี และเสียง ตามหลักวิทยาศาสตร์บนกฏมิติแห่งคนเป็น
มันสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้น แล้วส่งตรงผ่านเส้นด้ายดำ ๆ สู่สมองของฉัน
มองเห็นร่างกายของตัวเองกำลังถูกถลกหนังออกมาสด ๆ แล้วนำไปขึงตากแดด เพื่อทำเป็นเนื้อแดดเดียว
รู้สึกเจ็บจริง เพราะถูกส่งความเจ็บปวดเสมือนเข้าสู่ปลายเส้นประสาทโดยตรง
“…”
แต่ภาพหลอนและความเจ็บปวดที่สมจริงนี้ มันทำอะไรฉันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ความเจ็บปวด คือสัญญาณเตือนให้รู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นต่อร่างกาย
แล้วถ้าหากความเจ็บปวดนั้น เรารู้ว่าเป็นเพียงแค่สิ่งหลอกลวงปรุงแต่งแล้ว ใยเราต้องไปให้ความสำคัญใส่ใจกันเล่า?
[รบกวนฝากคุณเปอร์ไซต์ช่วยพาทุกคนหนีออกไปข้างนอกด้วยค่ะ >_<]
ฉันรีบเขียนข้อความลงบนบอร์ดขาว แล้วโยนให้กับคุณนกน้อยที่ตามฉันมาโดยพลการ
เวลาเดียวกัน ขาสองข้างเริ่มย่อตัวลง ไม่สนใจภาพหลอนที่ตัวเองกำลังถูกตรึงแขวน แล้วออกแรงกล้ามเนื้อเพื่อดันร่างกายให้พุ่งออกไป
เสียงลมกระแทกสามจังหวะ
ฝ่าเท้าย่างกรายกระโดดสามครา
เข้าประชิดวิญญาณที่แสนชิงชัง แล้วตวัดหน้าแข้งสูง วาดเป็นเส้นโค้งสับลงตรงใจกลางศูนย์รวมชีพจรวิญญาณ
ฉับพลันนั้นภาพหลอนได้แตกสลายคล้ายผืนกระจกที่ถูกเจาะ
แม้จะมองไม่เห็น แต่กลับมองเห็นเด่นชัดถึงรอยแยกวิญญาณที่ถูกทำลาย
โลกแห่งแสง สี และเสียง กลับหวนคืนสู่ความมืดมดที่นัยตามืดบอด เหลือเพียงแค่ภาพของสัมผัสที่ว่างอันไร้ขอบเขต
พื้นที่มิติกักขัง [โดมสีดำ] ได้ถูกทำลายลงเพียงแค่หนึ่งลูกแตะเดียว
สายลมภายในพื้นที่เริ่มไหลออกสู่ภายนอกตามรูแหวกที่แตกออก
เสียงกรีดร้องที่ไม่ได้ยิน ดังกู่ก้องกระจายทั่วหล้า
พร้อมกันนั้น คุณเปอร์ไซต์เริ่มทำหน้าที่ของตัวเอง ทยอยพาทุกคนออกไปผ่านทางรอยแยกนั้น
เธอทำหน้าที่อพยพคนออกจากพื้นที่ได้อย่างยอดเยี่ยม
ทั้งการเคลื่อนไหวและการตัดสินใจ ที่เลือกใช้ขาอันแข็งแกร่งแตะทำลายเปลือกอาคาร แล้วส่งมันเป็นกระสุนเข้าปะทะกับเส้นใยแห่งวิญญาณที่พยายามจะเชื่อมร่างกายของเธอ มากกว่าจะเข้าปะทะโดยตรง
ทั้งการพาคนที่วิ่งไม่ไหวหรือบาดเจ็บพาแบกขึ้นหลังของมังกรหนีออกไป
มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวของมือสมัครเล่น แต่เป็นการเคลื่อนไหวของคนที่ช่ำชอง และมีประสบการณ์ในการต่อสู้อันโชกโชน
ชักอยากท้าต่อยกับเธอ มากกว่าต่อยกับเจ้าวิญญาณต้องสาปเสียแล้วสิ
*ปลาร้า!*
เจ้าวิญญาณกรีดร้องเสียงดังอีกครั้ง
สัมผัสวิญญาณที่บอกว่าคือส่วนของใบหน้าสีขาวที่กำลังร่ำไห้ ได้บอกให้รู้ว่าใบหน้าเหล่านั้นกำลังขยายตัวใหญ่ขึ้น
เสียงกรีดร้อง เสียงโกลาหล ทุกคนต่างเริ่มตื่นตระหนกเมื่อได้เห็นใบหน้าของวิญญาณที่กำลังรวมตัวเข้าด้วยกัน
มันละทิ้งการสร้างพื้นที่ปิดกั้น คลายส่วนโดมสีดำที่ปกคลุม แล้วกลายเป็นบางสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับหน้ากากขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้า
เป็นหน้ากากที่มีคลื่นแสงขาว แทรกด้วยคลื่นแสงสีดำที่สร้างให้เป็นรูปลักษณะของนัยตาอันแสนเศร้าสร้อย
ปากที่เต็มไปด้วยคลื่นแสงสีดำ ก่อตัวเป็นวังวนอันแสนเศร้าจากความแค้น แล้วกลายเป็นคลื่นแรงดึงดูดที่พร้อมจะดูดกลืนทุกสิ่งเข้าไป
คลื่นสีดำนั้นวิ่งจากส่วนปาก กลวงเป็นก้นหอยทรงกรวยที่ทะลุเข้าไป แล้วแผ่กระจายออกไปที่ด้านหลังหน้ากาก จนเห็นเป็นรูปลักษณ์ของผ้าคลุมสีดำยาวขนาดใหญ่เท่าท้องฟ้า
ดวงตาของหน้ากาก มีน้ำตาแห่งดวงวิญญาณอันเกิดจากพลังงานปราถนาแห่งความเคียดแค้นรวมตัว ไหลออกมาเป็นสารธาร ไหลรินกระทบลงบนพื้น
ทุกสิ่งที่สัมผัสกับน้ำตาแห่งการสาปแช่ง จักถูกพลังงานด้านลบแทรงแทรก แล้วกลายสภาพเป็นสิ่งที่น่าเวทนา
ต้นหญ้าจักแห้งเหี่ยว
แผ่นดินจักแตกระแหง
อากาศเหือดหายกลายเป็นละอองฝุ่นแสนโสมม
แม้แต่ตัวตนของมัน ยังถูกคลื่นพลังงานด้านลบนั้นกัดกินให้สลาย จนหน้ากากแสงขาวเริ่มที่จะแตกระแหงกลายเป็นผงเสียเอง
คำสาป ได้กลายเป็นแหล่งรวมของพลังงาน อันพึ่งจะเปลี่ยนทุกสิ่งที่มันสัมผัสให้กลายเป็นความวินาศ
นี่ละ คือภาพสะท้อนของคำสาปแช่ง
คำสาปที่มุ่งหวังแต่เพียงการทำลายอีกฝ่าย จนกระทั้งย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
“…”
ฉันกำลังสูดลมหาย
ใช้สัมผัสวิญญาณ มองหาจุดวิกฤติผสานร่างของศัตรู
มองไปที่แสงวิญญาณ ซึ่งกำลังไหลมารวมตัวตรงส่วนที่คล้ายกับปาก ณ ภายในจุดรวมของเกลียวก้นหอยที่ส่วนลึกสุดของมัน
*ผุบ*
วาดขาซ้ายประทับบนพื้นคอนกรีต
เอี้ยวร่ายรำเป็นวงกลม แล้วหยุดประทับอย่างมั่นคง
วาดขาขวา ยันพื้นยืนหยัด
ปรับลมหายใจ ผสานให้เสียงกายกับวิญญาณเป็นหนึ่ง
แล้วขับอณูแห่งวิญญาณออกไป สร้างแรงพลักดันกาย เพิ่มขยายพื้นที่บนมิติแห่งโลกคนเป็น ใช้แรงที่ขยายตัวขึ้นมานั้น เข้าทำลายกฏแห่งความเป็นไปได้ทุกสิ่ง
*เปรี๊ยะ!*
เพียงแค่ตวัดขาขวาที่ยกขึ้นออกไปตรง ๆ
ตวัดขาแตะออกไปราวกับเป็นหอกที่ขว้างปา
เพียงแค่นั้น ทุกสิ่งที่อยู่ในเส้นทางระยะพุ่งตรงของปลายเรียวขา ได้ถูกดันตัวออก แล้วแตกสลาย
ทุกสิ่งแตกสลาย ทั้งอากาศ ดิน รวมไปถึงเสาไฟถนน
ราวกับมีกระสุนปืนใหญ่ที่มองไม่เห็น ได้ถูกยิงพุ่งตรงออกไป
พุ่งตรงเข้าไปในปากของหน้ากากแสงขาว
วินาทีนั้นหน้าหน้ากากแสงจักบิดเบี้ยว
บิดเบี้ยวเป็นก้นหอย พร้อมกับถูกดูดกลืนเป็นเกลียวไปตามแรงพุ่งทะยานของกระสุนสังหารพื้นที่มิติ
พุ่งตรง บดขยี้หลอมรวมจนเห็นเป็นผืนผ้าใบที่ถูกจับบิดให้กลายเป็นเข็ม ก่อนจะถูกบีบอัดจนกลายเป็นเพียงแค่ก้อนเศษพลังงานวิญญาณไป
“สะ– สัตว์ประหลาดหายไปแล้ว? ”
เสียงผู้คนที่กลับมาตั้งสติ เริ่มดังอื้ออึงขึ้นอีกครั้ง
ช่างง่ายดาย—
ยังไม่ทันจะได้เรียกเหงื่อออกมา แค่นี้ก็สิ้นท่าไปแล้วหรือ?
ช่างเป็นวิญญาณต้องสาปที่กระจอกยิ่งนักค่ะ
MANGA DISCUSSION