“ท่านลาฟาเซียถูกวางยานอนหลับ!”
“นี่เป็นฝีมือของใครกัน!? ”
ความวุ่นวายกำลังแผ่ขยายตัวออกไป
ในจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล มีเผ่ามนุษย์มดสูงสามเมตรคนหนึ่ง กำลังอุ้มร่างหญิงสาวที่กำลังล้มตัวนอนโรยราอย่างอ่อนแรง อยู่บนแขนที่เรียวบางของเขา
เธอคนนั้น— ที่ริมฝีปากของเธอ มีรอยเปื้อนของไวท์แดงอย่างไม่น่าดูปรากฏให้เห็น
“รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!”
คุณเดสตินี่ย์ตะโกนด้วยเขี้ยวที่น่ากลัวของอย่างตื่นตกใจ
แต่แล้วร่างกายของหญิงสาวที่ควรแน่นิ่ง กลับเริ่มมีการเคลื่อนไหวกลับมา
“อึ๊ก… ไม่จำเป็นต้องเรียกรถ… ฉันยังอยู่ดี… เซีย…”
“แน่ใจอย่างงั้นหรือครับคุณลาฟาเซีย? ”
“คุณเดสตินี่ย์ค่ะ กับอีแค่ใช้เวทมนตร์กระตุ้นภูมิตัวเองเพื่อขับของเสียล้างพิษในเลือด มันเป็นแค่ของกล้วย ๆ เท่านั้นค่ะ เซีย~”
สตรีภูติลุกขึ้นมานั่งบนแขนของเขา
เธอใช้มือขวากุมหน้าผากตัวเอง พร้อมกับที่ปีกโปรงใสของเธอเริ่มเรื่องรองเจิดจ้า
เวทมนตร์แห่งภูติได้จักสำแดงเดช อาบร่างกายของเธอให้ผิวกลายเป็นสีแดงเพราะความร้อน ก่อนจะจางลง พร้อมกับที่ใบหน้าของเธอกลับมาดูชื่นบานสดใสอีกครั้ง
“อย่าให้ใครออกจากร้านนี้ไปได้เด็ดขาด เซีย”
นายหญิงแห่งคาร์นิวอยลั่นวาจาด้วยเสียงที่ทรงอำนาจ
เพียงแค่พริบตาเดียว ประตูร้านได้ถูกลงกลอนพร้อมกับมีห่วงโซ่คล้อง
บานหน้าต่างถูกยืนกั้นเป็นกำแพงด้วยชายเผ่าภูติในชุดสูทดำหน้าตาถมึงทึง
“คนร้ายต้องอยู่ในกลุ่มแขกที่มาร้านวันนี้อย่างแน่นอนค่ะ เซีย”
เธอว่าเช่นนั้นพร้อมกับนำลิ้นมาเลียริมฝีปากสีแดงสดของตัวเอง
ดูท่าว่างานเปิดร้านในวันนี้จะจงลงไม่สวยเสียแล้ว
***
สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องไปที่สตรีภูติปากแดงผมสีขาวพร้อมกันด้วยความแปลกใจ
“คนร้ายต้องอยู่ในกลุ่มแขกที่มาร้านวันนี้อย่างแน่นอนค่ะ เซีย”
เธอพูดด้วยเสียงอันดังแล้วส่งสัญญาณให้บรรดาลูกน้องของเธอเริ่มค้นตัวแขกที่มาร่วมงานทั้งหมด
ส่วนฉันกำลังพาตัวเองให้ไปอยู่แถวหน้าสุด
ใช้จังหวะที่พนักงานกำลังตรวจคนตรงหน้า แล้วใช้ประโยชน์จากร่างกายที่ใหญ่โตของเผ่ายักษ์ แกล้งทำเป็นเหยียบชายกระโปรงตัวเองแล้วสะดุดล้มเพื่อดันแถวให้ล้มตาม จนเกิดความโกลาหล
ใช้สองมืออันว่องไวที่สวมถุงมืองานราตรี หยิบจับยาพิษและอุปกรณ์ทั้งหมดที่เตรียมมา โยนทิ้งลงตรงพื้นในมุมอับที่เกิดจากแถวคนล้ม ระวังไม่ให้มีกล้องตัวไหนจับภาพหรือใครมองเห็น
“ขอโทษด้วยค่ะ…”
ฉันกล่าวขอโทษอย่างสุภาพ แล้วหันหน้าไปมองรอบตัวเองอีกครั้ง
ตอนนี้คงสามารถวางใจจากการถูกตราหน้าว่าเป็นคนร้ายได้
ว่าแต่ใครกันที่เป็นคนลงมือลอบสังหาร จนทำเอาแผนการของฉันพังไม่เป็นท่า?
จริงอยู่ว่าฉันเตรียมอุปกรณ์ลอบสังหารมาเพียบ แต่ยังไม่ได้ทันได้ลงมือเลย เพราะกำลังมองหาจังหวะงาม ๆ ไม่ได้
ในขณะที่กำลังมองหาจังหวะ เหตุการณ์วุ่นวายก็ดันเกิดขึ้นมาก่อน
แถมวิธีการยังแสนจะมือสมัครเล่น เพราะเลือกจังหวะที่ไม่เหมาะสมทั้งนั้น
ในงานนี้ นอกจากฉันแล้ว ยังมีใครคนอื่นที่ต้องการฆ่าอีนังแพศยาอยู่อีกเช่นนั้นหรือ?
ในระหว่างที่กวาดตามอง ฉันก็เริ่มมองเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ
นั่นคือมีเส้นขนสัตว์สีฟ้าทิ้งเอาไว้อยู่ตรงบริเวณใกล้กับจุดวางแก้วไวท์
เส้นขนสัตว์? แต่ว่าพนักงานเสริฟของร้านนี้มีแต่เผ่าภูตินี่?
หรือว่าคนร้ายจะเป็นเผ่ามนุษย์สัตว์?
ทิ้งร่องรอยของตัวเองเหลือเอาไว้แบบนี้… เป็นพวกมือสมัครเล่นจริง ๆ ด้วย
ทางคุณออนเองก็กำลังเบิกตากว้าง เหมือนกับจะเข้าใจอะไรสักอย่างขึ้นมาแล้วเช่นกัน
เขาเดินเข้าไปก้มที่ตำแหน่งวางแก้วไวท์ แล้วหยิบเส้นขนสัตว์ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาดู
“…รบกวนตรวจสอบแขกเผ่ามนุษย์สัตว์ที่มีขนสีฟ้าทีครับ”
*เคร๊ง!*
เกิดเสียงพลิกโต๊ะคว่ำทันทีที่คุณออนว่าเช่นนั้น
เผ่ามนุษย์สัตว์ที่สวมชุดสูทสีดำ กำลังกระโดดข้ามไปตามโต๊ะอาหาร พร้อมกับพลิกมันคว่ำลงมาเพื่อก่อความโกลาหล
เขาสวมแว่นตาสีดำ กับมีผ้าโพกสีขาวพันทับส่วนหัวเอาไว้เพื่อจงใจปิดบังหน้าตา
รูปร่างของเขาดูเพรียวบาง สูงแค่ 160 เซนติเมตร และไม่มีหน้าอก
แต่ถ้าสังเกตุให้ดี จะพบว่ามีส่วนนูนคล้ายผ้ารัดหน้าอก พันแน่นอยู่ใต้เสื้อตัวหนาอย่างจงใจ
คงตั้งใจรัดเอาไว้ เพื่อปกปิดเพศสภาพของตัวเอง
มีเพียงแค่หางแมวสีฟ้า ที่ไม่อาจซุกซ่อนเอาไว้ใต้ร่มผ้าได้ โผล่พ้นออกมาให้พวกเรารู้ว่าเขาคือเผ่ามนุษย์สัตว์
“หยุดเดียวนี้ บ้อง!”
“อย่ามาดูถูกการ์ดเผ่าภูติเด็ดขาดเชียวนะ บ๊อง!”
“จัมมัน บ๋อง!”
“ฮึ่ม!”
มนุษย์สัตว์ที่ยังไม่ทราบเพศแน่ชัดคนนั้นเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ
เธอกระโดดหลบภูติสองสามคนที่พุ่งเข้ามา แล้วใช้หางคว้าจานอาหาร เหวี่ยงมันใส่หน้าภูติอีกคนที่กำลังกางปีกส่องแสงอยู่ข้างหลัง
*โครม!*
เธอตัวเบาอย่างทึ่งมาก
หลังจากผ่านยามสามคนแรกมาได้ เธอก็กระโดดหมุนตัวไปคว้าโคมไฟยะร้าที่แขวนอยู่บนเพดาน แล้วกระโดดข้ามฝูงชนไปที่ริมหน้าต่างที่ใกล้ที่สุด
“ไม่ยอมให้ผ่าน— โอ๊ย เจ็บ!? ”
ยามภูติอีกสองคนที่ยืนขวางหน้าต่างถูกจานซุบร้อน ๆ อีกสองใบที่ไม่รู้ว่าคว้ามาตอนไหน ปาใส่เต็มหน้า
เธอใช้จังหวะที่ยามทั้งสองกำลังถูกน้ำร้อนลวก จับโต๊ะที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วทุ่มมันใส่บานหน้าต่างจนแตกละเอียด
เธอกำลังจะหนีไปได้
เกือบจะหนีพ้น ถ้าหากว่าไม่ใช่คุณออนอยู่ที่นี่ด้วย
“หยุดเลยเจ้าคนร้าย”
“!!!”
คุณออนไปดักรอคนร้ายอยู่ที่อีกฝั่งนอกร้านตั้งแต่แรกแล้ว
ดูเหมือนเขาจะใช้วิธีสังเกตุว่าคนร้ายกำลังมุ่งหน้าไปทางไหน แล้วไปยืนดักรอเอาไว้
สมกับเป็นคุณออน สุดยอดไปเลยค่ะ!
ปืนลูกโม่พลังงานรังสีของคุณออนถูกยกขึ้นมาเล็งด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายกำลังจับแขนของคนร้ายเอาไว้แน่น
ด้วยพลังของคุณออน จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะขัดขืนหนีไปได้
“ฟ่อ!”
เขาคำรามด้วยเสียงแบบแมวขู่ แล้วกระโดดตีลังกา
ใช้แรงเหวี่ยงจากการบิดตัวหมุน 360 องศากลางอากาศ จนทำให้คุณออนเสียหลัก จำต้องยอมปล่อยมือที่จับเอาไว้แน่น
แต่คุณออนไม่ใช่ชายที่จะมายอมเสียท่าอะไรง่าย ๆ แบบนี้
เขาลั่งไกปืนออกไปอย่างไม่มีลังเลหนึ่งนัด
เป็นหนึ่งนัดที่แม่นอย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะกระสุนแสงนั้นวิ่งทะลุขาขวาของศัตรูจนทำให้เลือดสีน้ำเงินไหลกระจายออกมา
“!!!”
“ขยับขาขวาไม่ได้แล้วสินะ? เพราะว่าผมจงใจเล็งให้โดนข้อเอ็นยึดส่วนขาขวาพอดียังไงละ ถ้ายังคิดจะหนีอีก คราวนี้จะเป็นขาซ้าย”
เจ้าวายร้ายถึงกับทรุดตัวลง
ถึงจะไม่รู้ว่าทำสีหน้ายังไงใต้แว่นกันแดดคู่นั้น แต่คิดว่ามันคงเข้าใจแล้วว่าฝีมือยิงปืนของคุณออนนั้นเป็นของจริง
“สุดยอด!”
“สมกับที่เป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของคุณเดสตินี่ย์ ฝีมือเก่งกาจอย่างที่เขาลือกันจริง ๆ !”
เสียงเชียร์คุณออนเริ่มดังขึ้นมาจากภายในร้านอาหาร
ฉันเองก็อยากออกไปยืนเชียร์เหมือนกัน แต่คงไม่มีเวลาที่จะทำแบบนั้น
ฉันควรใช้โอกาสนี้หนีออกไปจากที่นี่ซะ
“จงเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมาเจ้าวายร้าย”
คุณออนกำลังเดินเข้าไปใกล้เขาเพื่อเปิดใบหน้าของคนร้าย
ส่วนฉันกำลังแอบเดินแทรกฝูงชน เพื่อเปิดมุมมองของตัวเอง และหาจังหวะหนีออกจากร้าน
“เฮ้อ… ให้ตายสิ… ไม่คิดเลยว่าแกจะตกต่ำถึงขั้นมาร่วมงานกับองค์กรแบบนี้ได้… แกบีบบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ เจ้า [ออน] ”
*กึ๊ก*
เสียงของผู้หญิง…
คนร้ายเป็นผู้หญิง…
ไม่สิ…
ที่สำคัญกว่าคือมันรู้จักชื่อของคุณออนด้วย…!
ฉันรีบหันกลับไปดู
คนร้ายที่เหมือนจะสิ้นท่า กำลังใช้มือขวาชู [สวิตช์] ขนาดเล็กขึ้นมา
โง่แค่ไหนก็ต้องรู้ว่ามันคือระเบิด
แย่แล้ว!
“ขอทางหน่อยค่ะ!”
ฉันรีบวิ่งฝ่าฝูงชนโดยไม่สนใจว่าชุดราตรีสวย ๆ ตัวนี้จะขาดวิ่น
พุ่งทะลุกระจกด้วยผิวเหล็กกล้าของเผ่ายักษ์ เพื่อที่จะเข้าไปยืนขวางระหว่างคุณออนกับศัตรู
*แกร๊ก*
แต่ฉันช้าไป
เสียงกดสวิตช์นั้นได้ดังขึ้นมาก่อน
ดังขึ้น พร้อมกับที่เกิดแสงสว่างจุดประกายขึ้นมาจากกองของขวัญขึ้นร้านใหม่ที่นำมาวางเรียงกันตรงหน้าร้าน
*ปุ่ง*
“…? ”
“อ๊าว? ”
คนร้ายกำลังส่งเสียงงี่เง่าออกมาอย่างแปลกใจ
เพราะแทนที่จะเกิดระเบิดขึ้น แต่ทว่ากลับมีเพียงแค่ประกายไฟเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาจากกองของขวัญ
เปลวไฟสีขาวนั้นเผาไหม้กองของขวัญจนหมด เหลือแต่เพียงกล่องของขวัญชิ้นสุดท้าย ที่มีผิวกล่องดูคล้ายกับผลึกแก้วสีรุ้ง
ไม่มีระเบิด ไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับพวกเราเลยแม้แต่น้อย
“ไอเชี่ยพ่อค้าเผ่ามนุษย์นกที่เหมือนอีกานั่น! บังอาจมาหลอกกันได้! ไหนว่ามันคือระเบิดควันยังไงละยะ!”
เธอกรีดเสียงดังลั่น
สงสัยคงไปซื้อระเบิดจากตลาดมืดแบบไม่ดูให้ดีมาแหง่—
ฉันเริ่มรู้สึกว่ามันช่างงี่เง่าสิ้นดี ที่แผนการลอบสังหารทุกอย่างของฉันต้องมาพังเพราะไอโง่ที่ไหนก็ไม่รู้จัก
“…”
ว่าแต่ทำไมคุณออนถึงไม่ใช้โอกาสนี้เข้าไปจับมัดเธอกันละ?
คุณออนเอาแต่ยืนนิ่ง มองดูกองของขวัญที่ถูกไฟเผาจนเหลือเพียงแค่กองขี้เถ้าสีดำ ที่กำลังทับถมกล่องของขวัญผลึกสีรุ้ง
ใบหน้าของเขาซีดเผือก
มือขวาของเขาที่ถือปืนรังสีลูกโม่ กำลังเปลี่ยนทิศไปเล็งที่กองของขวัญใบสุดท้ายที่เป็นผลึกแก้วสีรุ้ง
พริบตานั้นเอง ที่เกิดปรากฏการแปลกประหลาด
บรรยากาศโดยรอบเริ่มเปลี่ยนไป
มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับตอนนั้นไม่ผิด
บรรยากาศเดียวกับเหตุการณ์คฤหาสน์หมอกปีศาจ ดินแดนเหมืองร้างอาเทม แล้วก็ตอนที่เมืองหลวงของเผ่ายักษาถูกมังกรทมิฬโจมตี
กองขี้เถ้าที่ถูกเผา ได้ระเบิดแตกตัวออกกระจายปกคลุมตัวร้าน
แสงอาทิตย์เริ่มพร่ามัวเพราะถูกกองขี้เถ้าบดบัง
กล่องของขวัญผลึกแก้วเริ่มลอยตัวขึ้นมาอยู่ในอากาศ
บางอย่างกำลังก่อตัวจนเห็นเป็นรูปร่าง เข้าปกคลุมเจ้าผลึกแก้วนั้น
เป็นอะไรบางอย่าง ที่คล้ายกับ—
ใบหน้านับร้อยที่ถูกเชื่อมด้วยเส้นใยสีดำสนิท
น้ำตาสีดำที่ไหลย้อยจากเป้าไร้แวว
เป็นน้ำตาที่ดูคล้ายกับเลือด
ปากที่อ้ากว้างราวกับกำลังคร่ำครวญด้วยความแค้น
เสียงคร่ำควญนั้นกำลังดังเสียดแทงแก้วหู จนแทบจะทำให้เป็นบ้า
รู้สึกว่าทุกอย่างในชีวิตกำลังจะพบกับจุดจบ พร้อมกับความสิ้นหวัง
มันทำให้ฉันรู้สึกทุกข์ และเห็นเพียงแต่ภาพติดลบไหลเข้าสู่สมองของตัวเอง
ฉัน… รู้สึกได้
รู้สึกได้ว่ามันคือร่างอวตารของบางสิ่งที่เลวร้าย—
“ทุกคน รีบหนีออกไปจากที่นี่! เดียวนี้!”
—ร่างอวตารของสิ่งที่เรียกว่า
[คำสาปแช่ง]
MANGA DISCUSSION