***เวลา 23:00 น.***
“บลา บลา บลา~ ด้วยถึงเวลาอันสมควร ดิฉัน ลาฟาเซีย จึงขอเปิดร้านอาหารภูติโภชนา ณ บัดนี้ค่ะ!”
*ปุ่ง! ปุ่ง! ปุ่ง!*
เสียงพลุยิงฉลองใต้ท้องฟ้าเปิดกว้างอันสดใส
เสียงลมทะเลพัดผ่าน โกรกพัดผ่านใบหน้า ชวนให้จิตใจชื่นบาน
เสียงพูดคุยอื้ออึงของผู้คนหลากเผ่าพันธุ์ดังขึ้นต่อเนื่องมิขาดสาย
[ภูติโภชนา] ได้ถูกเปิดม่านต้อนรับลูกค้ากลุ่มแรกเข้าสู่ตัวร้านแล้ว
ทุกคนต่างเริ่มดินเข้าอาคารทรงไข่นกที่วางตั้งบนกองฟาง
ตลอดทางซ้ายและขวา คือกล่องของขวัญจำนวนมาก ที่แต่ละคนนำมาเรียงวางให้แก่เจ้าของ อันเป็นเชิงสัญลักษณ์แสดงความยินดีที่ได้เปิดร้านใหม่
“ขอเชิญคุณเดสตินี่ย์ คุณออน-เอ็ซท เชิญทางนี้ค่ะ เซีย~”
สตรีเผ่าภูติผมสีขาวที่พึ่งกล่าวปราศรัยจบ กำลังผายมือออกกว้างเพื่อเชิญแขกคนสำคัญของเธอไปที่โต๊ะ ซึ่งถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้โดยเฉพาะ
มันเป็นโต๊ะที่ตั้งอยู่ในมุมที่ดีที่สุดของร้าน
มีผ้าม่านถูกดึงลงมาปิดรอบโต๊ะอาหาร จนทำให้เกิดเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่ยังสามารถมองเห็นได้จากภายนอกในระดับที่ไม่รู้สึกว่ากำลังถูกรบกวน
มีระบบเครื่องกันเสียง เพื่อป้องกันไม่ให้ได้ยินเสียงจากภายใน หรือภายนอกรบกวนต่อกัน แต่ยอมให้มีนำเสียงดนตรีจากวงที่เล่นดนตรีสด นำเข้ามาสู่ภายในพื้นที่เพื่อสร้างบรรยากาศ
มันคือโต๊ะระดับ VIP ที่ถูกสร้างมาเป็นพิเศษของร้านนี้
“งั้นกระผมขอตัว…”
“ไม่ค่ะ อย่าได้เกรงใจไป คุณออน-เอ็ซท เป็นแขกคนสำคัญของดิฉันเช่นกันค่ะ”
ลาฟาเซียกำลังยิ้มหวานด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อยให้กับผม
แววตาของเธอมันบอกว่าจะไม่ยอมให้ผมขอปลีกตัวหนีหายไปอย่างเป็นอันขาด
พอเห็นใบหน้าของเธอกับโต๊ะอาหารสุดหรูที่ถูกเตรียมเอาไว้ข้างหลัง ภาพจานอาหารที่เอาเนื้อพ่อแม่ของเพื่อนสมัยเด็กมาทำมันก็ผุดขึ้นมาภายในหัว
อยากจะอาเจียนออกมาตอนนี้แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้
ทรมาน…
ผมเดินด้วยรอยยิ้มสร้างภาพ เพื่อตอบรอยยิ้มอันน่าเกลียดของอีกฝ่าย แล้วเดินไปนังลงตรงโต๊ะกลมที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้
อาหารที่วางเรียงรายบนโต๊ะนั้นช่างดูสวยงาม หอมหวาน และเปี่ยมไปด้วยของชั้นดี
ไม่ว่าจะด้วยซอส ผัก องค์ประกอบทุกอย่างที่ถูกจัดวางนั้น มันคือของมีราคาแพงที่ผมไม่อาจสัมผัสได้ด้วยเงินเดือนที่มี
ปัญหาคืออาหารจานเนื้อที่ถูกนำมาวางเรียงบนจาน
ผมไม่อาจจะคาดเดาได้เลย ว่ามันคือเนื้อคน หรือเนื้อที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป
ไม่เอา…
ผมไม่อยากกินของอะไรแบบนี้เข้าไปอีกแล้ว…
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ เนื่องจากวันนี้มีคน [ปกติ] เข้าร่วมกินภายในร้านด้วย จึงไม่อาจเตรียมเนื้อพิเศษมารับประทานได้ค่ะ เซีย~”
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจครับคุณลาฟาเซีย”
คุณเดสตินี่ย์รับคำขอโทษของคุณราฟาเซียด้วยท่าทีที่สุภาพ
อ่าว? พูดแบบนี้แสดงว่าวันนี้เป็นเนื้อปกติอย่างงั้นสินะ?
ค่อยยังชั่ว…
*โคร๊ก~*
พอสบายใจแล้วท้องก็เริ่มร้องดังออกมาอย่างซื่อตรง
ผมหน้ารู้สึกอายเล็กน้อยที่เสียมารยาท ก่อนจะรีบแก้เขินด้วยการนั่งลง
อาหารจานแรกได้ถูกนำย้ายจากโต๊ะพักอาหาร มาเสริฟตรงหน้าพวกเราสามคน
มันคืออาหารเรียกน้ำย่อย ที่มีกลิ่นหอมของมะนาวกับผักดองชั้นดี
เหมือนจะมีกลิ่นของไซยาไนด์ปนมาเล็กน้อยจากจานของคุณลาฟาเซียด้วย
ไม่น่าเชื่อว่าร้านนี้จะเอาสารพิษแบบนี้มาผสมเป็นเครื่องปรุง—
“…อย่าทานลงไปเด็ดขาดเชียวนะครับ! มันมียาพิษ!”
ผมรีบเอามือเข้าไปบังจานอาหารตรงหน้าของคุณลาฟาเซียโดยสัญชาตญาณ
จริงอยู่ว่าไม่จำเป็นต้องช่วย แต่ในเมื่อหากรู้แล้วว่ามีพิษ แต่ไม่ยอมยื่นมือเข้าไปช่วย มันจะต่างอะไรไปจากเราเป็นหนึ่งในฆาตกรจริงไหม?
คุณลาฟาเซียเบิกตากว้างโตด้วยความตกใจ แล้วนำใบหน้าเข้าไปใกล้จานเพื่อทดลองดมกลิ่น
ในตอนนั้นเองที่เธอทำหน้าย่นเข้าหากันอย่างน่าเกลียด
“นี่มันกลิ่นอะไรเนี่ย! ฝีมือของใครกัน!? เซีย!”
เธอดูโกรธมาก
โกรธจนใบหน้าที่เคยยิ้มอย่างสวยงามเริ่มบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
ต้องบอกว่าโชคดีมาก ที่มีระบบปิดกั้นเสียงในพื้นที่ เลยทำให้คนรอบนอกยังไม่รู้ว่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นตรงนี้
คุณเดสตินี่ย์หยุดมือของตัวเองที่กำลังจะแตะต้องอาหาร แล้วมองซ้ายขวาเพื่อมองหาคนร้าย
ผมเองก็กำลังมองหาคนร้ายที่วางยาพิษอาหารจานนี้เช่นกัน
คิดว่าคงไม่ใช่ฝีมือของพ่อครัวหรือเด็กเสริฟที่นี่ เพราะเห็นว่าทุกคนเป็นลูกน้องสายตรงของเธอที่มีความซื่อสัตย์สูง
มันต้องเป็นฝีมือของคนนอก
*พุบ*
“!!!”
ผมรีบคว้าจานเปล่าขึ้นมาบังปีกภูติ อันเป็นส่วนจุดอ่อนของเผ่าภูติเอาไว้
วินาทีนั้น ที่ใบจานขาวซึ่งควรเป็นผิวเรียบ กับมีรอยแตกร้าวเกิดขึ้น พร้อมกับมีลูกดอกเหล็กปลายแหลมปักคาทิ้งอาไว้
คราวนี้เป็นลูกดอกอาบยาพิษอย่างงั้นหรือ?
เป้าหมายคือคุณลาฟาเซีย?
“ยิงมาจากทางนั้น!”
ผมไม่รอช้าแล้วรีบวิ่งตรงไปในทิศที่ลูกดอกนั้นพุ่งตรงออกมา
การเปิดร้านใหม่ของร้านภูติโภชนา ได้ถูกจัดแบ่งออกเป็นสองโซนใหญ่
หนึ่งคือโซนนั่งโต๊ะกินอาหาร
อีกหนึ่งคือโซนบุฟเฟ่ต์ยืนกิน ที่ปล่อยให้ผู้คนลุกขึ้นมาเดินเลือกอาหาร แล้วยืนคุยจิบไวท์กันอย่างออกรสกับแขกคนอื่นที่เข้ามาร่วมงาน
ลูกดอกอาบยาพิษได้ถูกยิงมาจากฝั่งยืนกินที่ว่านั่น
…ฝีมือของใคร?
บุรุษในชุดสูทกับสตรีในชุดราตรี
ผู้คนจำนวนมากที่สวมชุดเช่นนั้น กำลังเดินผ่านหน้าไปมาด้วยสีหน้าที่ภูมิฐาน
ในมือขวาถือจานอาหารที่ตัวเองอยากชิมลิ้มรสชาติ ส่วนมือซ้ายถือแก้วไวท์ที่มีรสชาติร้อนแรง จนขับดันให้แก้มกลายเป็นสีชมพูระบายอ่อน
ทุกคนเดิน กิน และพูดคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติ จนยากที่จะแยกแยะออกว่าใครคือมือสังหารลึกลับ
ในตอนนั้นเองที่สายตาของผมไปหยุดลงตรงสตรีผู้หนึ่ง
เธอคนนั้นเป็นเผ่ายักษ์ที่ตัวสูงใหญ่ มีเขาคู่สีดำ ดวงตาสีทอง ผิวกายสีเทาอ่อน และผมสีฟ้ายาวจรดเอว
เธอสวมชุดราตรีที่มีผ้าประดับแซมเม็ดสีทองเล็ก ๆ คล้ายหมู่ดาวส่องประกายแทรกไปในเนื้อผ้า จนดูเหมือนกับเป็นผีเสื้อราตรีที่มีปีกสวยงาม และชวนให้รู้สึกถึงอันตรายที่แอบแฝงไปในเวลาเดียวกัน
สวย…
แต่สาเหตุที่ผมหยุดมองเธอคนนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอนั้นเป็นคนสวย
หากแต่เป็นเพราะผมรู้สึกคุ้นเคย เหมือนกับว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน—
เธอคนนี้มีโครงหน้าที่คล้ายกับคุณเบอร์รี่เป็นอย่างมาก
แต่ว่าคุณเบอร์รี่ไม่มีนม แล้วยังเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือ?
หรือว่าจะเป็นพี่สาว? ญาติ?
“เออ… คุณ— เบอร์รี่? ”
ผมลองทักเธอโดยตรงดู
“…อ๊ะ? ”
น้ำเสียงแทบจะเหมือนกับคุณเบอร์รี่…
ไม่สิ
นี่มันเป็นเสียงเดียวกันเลยไม่ใช่เรอะ!?
คนที่หน้าตาคล้ายกับคุณเบอร์รี่ ได้มีปฏิกิริยากับชื่อคุณเบอร์รี่ที่ผมเรียกออกไป
เธอหันหน้ามามองทางผมทีหนึ่ง ก่อนจะแสดงแววตาตกใจเล็กน้อยออกมาให้เห็น
“… เมื่อกี้นี้คุณผู้ชายทักดิฉันว่าคุณเบอร์รี่หรือเปล่าคะ? ”
“ใช่ครับ”
“เบอ~ เบอร์รี่คือชื่อของน้องชายดิฉันเองค่ะ”
เป็นญาติกันจริงด้วยแฮะ
แถมเป็นญาติที่สวยเอาเสียมาก ๆ
แต่เพราะผมมีคุณลาพิสเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจแล้ว เลยทำให้ไม่ตกเป็นเหยื่อเสน่ห์ของเธอ
ผมไม่ใช่ผู้ชายที่เจ้าชู้เหมือนอย่างไอบ้าฑาทิมหรอกนะ
“สวัสดีครับ ผมชื่อ ออน-เอ็ซท พอดีว่าผมรู้จักกับน้องชายของคุณนะครับ— ไม่ว่าคุณชื่อ…”
“ฉันชื่อ เชอร์รี่ ค่ะ”
“ครับ คุณเชอร์รี่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ผมทักทายกับเธอพอเป็นธรรมเนียม แล้วโบกมือลาเพื่อตามหานักฆ่าลึกลับต่อ
แต่จนแล้วจนรอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมก็ไม่เจอวี่แววของนักฆ่ารายนั้นอีก
จนกระทั้ง—
“รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!”
เสียงของคุณเดสตินีย์ดังลั่นขึ้นมาใจกลางงาน
คุณราฟาเซีย ได้ถูกยานอนหลับปริมาณเกินขนาดที่แอบผสมลงไปในไวท์ เข้าเล่นงานเข้าให้เสียแล้ว
MANGA DISCUSSION