***วันที่ 50 เกอเนรับส์ ปีประวัติศาสตร์ที่ 126***
เวลา 11:00 น. ณ ยานโลมาที่จอดเทียบท่าบนหมู่เกาะเทียม
สวัสดีค่ะผู้ [เฝ้ามอง] ทุกท่าน ฉันคือลาพิส หนึ่งในเทพเจ้าทั้งสามที่เป็นผู้สร้างโลกใบนี้เองค่ะ
วันนี้ฉันจะมาทำหน้าที่รายงานข่าว ถึงความเคลื่อนไหวและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของพวกเราในปัจจุบันให้ฟังค่ะ
“ลาพิส เธอคิดยังไงถึงเอาโต๊ะมาปูวางหน้าตัวเอง แล้วจัดให้เหมือนโต๊ะรายงานข่าวแบบนั้นกันละเนี่ย? ”
[ฉันกำลังลองจัดสถานการณ์ว่าตัวเองเป็นนักข่าวอยู่ค่ะ]
“นักข่าวเนี่ยนะ? ”
สหายเอโซยิงเครื่องหมาย [?] ขึ้นมาบนหัว ก่อนจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นรวม เพื่อไปเตรียมการสอนให้กับพวกเด็กน้อยไซน์
ส่วนคุณนกติดบัคกับมังกรของเธอ ยังคงสิงอยู่ในยานพวกเรา ไปพร้อมกับฟักไข่มังกรอยู่ในห้องเก็บยานเล็กชั้นล่าง
คุณแมรี่— เห็นว่าจะออกไปข้างนอกกับแฟนคลับที่ชื่อ [โรโยตี้] เพื่อหาซื้อเสบียงอาหาร
เรียกว่าเป็นวันวันว่าง ๆ อีกวันของพวกเรา
ทำไมถึงได้ว่างขนาดนี้นะหรือ?
นั่นเป็นเพราะว่าพวกเรา เหล่าสามเทพกำลังพลัดเวรกันเฝ้ามองคุณฑาทิม ด้วยสัมผัสวิญญาณกันอยู่ค่ะ
นี่ผ่านมาตั้งห้าวันแล้วที่พวกเราเฝ้าจับตามอง
แต่ไม่ว่าจะจับตามองอย่างระวังแค่ไหน ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีศัตรูปรากฏตัวออกมางับเหยื่อที่ได้วางล่อเอาไว้
อีกฝ่ายมีความเยือกเย็นมากกว่าที่คุณเอโซคาดการค่ะ เลยทำให้ยังไม่ปรากฏตัวออกมาจับเหยื่อล่อง่าย ๆ
“ศัตรูมันยังไม่ปรากฏตัว… ถ้าเราเป็นศัตรู คงจะระวังตัวมากขึ้นด้วยการเก็บตัวเงียบเพื่อให้อีกฝ่ายตายใจ หรือไม่อาจจะไปก่อเรื่องที่อื่นเพื่อดึงความสนใจ แล้วค่อยบุกมาจับตัวเจ้าฑาทิม แต่ถ้ากรณีทั้งสองอย่างไม่ได้เกิดขึ้นเลย อาจตีความได้ว่าศัตรูไม่ใช่คนที่คิดแค้นกับพวกเราสามเทพ หรือไม่ก็อาจเบนเป้าหมายไปที่ดาวดวงอื่น หรืออาจขี้ขลาดเกินกว่าจะกล้าลงมือต่อ แล้วหนีกลับไปดินแดนเทพเจ้าแล้วก็เป็นได้”
คุณเอโซเคยว่าเช่นนั้นตอนเมื่อวานหลังกินข้าวเย็นที่ถูกเลี้ยงด้วยเงินของคนที่ชื่อโรโยตี้
แต่สำหรับฉันแล้ว ยังอยากให้ศัตรูอยู่ในกรณีที่ว่า “ไปก่อเรื่องที่อื่นเพื่อดึงความสนใจ แล้วบุกมาจับตัว” มากกว่าค่ะ
เรื่องราวยิ่งวุ่นวาย มันยิ่งมีโอกาสให้ฉันได้ออกไปต่อสู้มากขึ้น จริงไหมละคะทุกท่าน?
ยิ่งช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีโอกาสออกแรง เลยทำให้รู้สึกคันไม้คันมือมากค่ะ ❤
เอาละ กลับมาที่การเฝ้าสังเกตุการณ์ต่อ
ฉันเริ่มตั้งสมาธิขั้นสูง ใช้พลังงานของยานเป็นตัวเสริมการกระตุ้นพลังงานวิญญาณ แล้วกางรัศมีสัมผัสจิตให้ปกคลุมไปทั่วเขตแดนหมู่เกาะเทียม
10 กิโลเมตร…
20 กิโลเมตร…
รวมทั้งหมด— คิดเป็นพื้นที่ 35% ของหมู่เกาะเทียม ที่ฉันสามารถกางสัมผัสรับรู้มองเห็นเป็นโครงร่างสามมิติขึ้นมาได้
คลื่นวิญญาณที่สะท้อนไปกลับ ได้ก่อร่างสร้างตัวตนรับรู้ทุกสรรพสิ่ง ทั้งสิ่งที่เคลื่อนไหวและไม่เคลื่อนไหว
หากเพ่งไปเฉพาะจุด จะรับรู้ได้กระทั่งแม้แต่ [เสียง] ที่พูดคุยสั่นสะเทือนไปในอากาศ ผ่านทางการสั่นคลื่นวิญญาณอันเบาบางที่ไหลไปในที่ว่างแห่งการรับรู้แจ้ง
เจอตัวแล้ว…
ฉันเจอเหยื่อล่อของคุณเอโซแล้ว…
ชายคนนั้นยังคงเดินเที่ยวย่านโคมแดงไม่เปลี่ยน…
โอ๊แม่เจ้า… เที่ยวย่านโคมแดง 5 วันติด… หมดคำพูดจะบรรยายถึงเลยค่ะ…
“วันนี้ละ พวกข้าจะต้องเอาชนะเผ่านางไม้ให้ได้! ไม่ชนะ วันนี้ไม่กลับ!”
“แน่นอนครับหัวหน้า! คราวนี้จะต้องทำให้พวกนางกรีดร้องขอชีวิตแทน!”
“ไอพวกบ้าทั้งหลาย ลุยยยย!”
คุณฑาทิมกับพรรคพวกกำลังตะโกนอย่างไม่อายชาวบ้านอยู่ตรงหน้าร้านของเผ่านางไม้
พวกเขากู่ก้องคำรามด้วยใบหน้าราวกับกำลังจะออกไปรบ แล้วเดินเข้าไปข้างในด้วยฝีเท้าอันมั่นคง เปี่ยมไปด้วยจิตใจที่กล้าแกร่ง
เห็นพูดแบบนี้มา 4 วันติด สุดท้ายก็ร้องขอชีวิตหนีออกมาทุกครั้งเลยไม่ใช่หรือคะ?
เจ็บแล้วจำคือสัตว์ประเสริฐ แต่เจ็บแล้วไม่จำนี่ต่ำยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน
ดูท่านายคนนี้จะหมดหดทางเยียวยาแล้วค่ะ
เป็นอีกวันที่พวกคุณฑาทิมยังคงทำเรื่องบ้า ๆ ไร้สาระ
ไม่มีเรื่องวุ่นวายใด ๆ
ไม่มีวี่แววของจิตวิญญาณที่กล้าแกร่งของเทพเจ้าตัวอื่นในบริเวณโดยรอบ
วันนี้ยังคงสงบสุขอย่างเดิมเช่นเคยค่ะ
น่าเบื่อชะมัด…
… หืม?
ใกล้ ๆ นี้มีจิตวิญญาณที่คุ้ยเคยปรากฏ
จิตนั้นมากับยานพาณิชทรงไข่ ที่กำลังลอยตัวลงมาเทียบท่าสนามบินอย่างช้า ๆ
จิตวิญญาณสีน้ำตาล— ของคุณออน-เอ็ซท ไม่ใช่หรือคะ?
เขามาทำอะไรที่นี่กัน?
ใกล้ตัวของเขานั้น มีอีกสองจิตวิญญาณที่แสนโสมมเดินคู่กันออกมา
มันเป็นจิตวิญญาณสีขาวกับสีดำที่ถูกปนเปื้อนไปด้วยจิตวิญญาณสีอื่น
ถ้าจะให้เปรียบเปรย คงเหมือนกำลังมองดูแก้วน้ำที่เต็มไปด้วยตะกอนสกปรก
เป็นสีของจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นได้เมื่อกินจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งเข้าไปอย่างผิดธรรมชาติ จนทำให้หลงเหลือความเคียดแค้น เกาะค้างตกอยู่ในจิตวิญญาณของเจ้าตัว
เมื่อตะกอนเหล่านั้นรวมตัวได้มากพอ จะก่อให้เกิดความรู้สึกกดดันประหลาดขึ้น
หรือที่เรียกกันในภาษาเข้าใจง่ายว่า [คำสาปแช่ง]
แต่ของสองคนนี้ยังไม่มีตะกอนตกค้างในวิญญาณมากพอจะทำให้คำสาปก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมาได้ค่ะ
ทว่าคนที่จะมีสีของวิญญาณลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกฆาตกร หรือไม่ก็พวกที่ชอบฆ่าคนอื่นอย่างผิดศีลธรรมจนกลายเป็นคำสาปเช่งเข้ากัดกินวิญญาณพวกเขา
“ถึงแล้วครับคุณเดสตินี่ย์ คุณลาฟาเซีย”
“ขอบใจมาก ไม่จำเป็นต้องถือกระเป๋าให้ เดียวผมจัดการเอง”
“ฮุ ฮุ ฮุ~ อดใจรอที่จะเปิดร้านใหม่ไม่ไหวแล้วค่ะ เซีย”
คนที่เป็นเผ่ามนุษย์มดตัวสูงใหญ่ชื่อ เดสตินี่ย์ ส่วนผู้หญิงเผ่าภูติชื่อลาฟาเซีย
คุณออนมากับคนที่ถูกสาปด้วยวิญญาณแค้น
อื่ม… น่าสนุก~❤
เปลี่ยนใจแล้ว เลิกเฝ้าระวังคุณฑาทิม แล้วมองดูคุณออนแทนดีกว่า~❤
เพราะทางนี้ดูน่าจะสนุกกว่าเป็นไหน ๆ ค่ะ~❤
***ในเวลาเดียวกัน ทางด้านผู้เฝ้าสังเกตุอีกคนหนึ่ง***
*ออต~* *ออต~* *ออต~* *อ—*
“เสียงเตือนนี้มัน… คุณออนมาถึงแล้ว!”
ฉันถึงกับรีบกระโดดขึ้นจากเตียงนอน แล้ววิ่งไปเปิดคอมส่วนตัวของตัวเอง
เสียงเตือนจากเครื่องสอดแนมได้เงียบลงทันทีที่ฉันเอานิ้วสัมผัสภาพบนหน้าจอ
บนแผ่นสี่เหลี่ยมผืนบาง ๆ ที่วางตั้งบนโต๊ะภายในห้องพักราคาถูก มีคุณออนกำลังเดินตามผู้นำกลุ่มคาร์นิวอยด้วยใบหน้าที่แสนจะเหนื่อยล้า
นี่เขาได้พักบ้างไหมเนี่ย?
น่าสงสาร…
ที่เขาต้องเหนื่อยขนาดนี้ มันเป็นความผิดของอีนังแพศยาทั้งหมด!
ฉันพูดในใจเช่นนั้น แล้วรีบปลอมตัวด้วยอุปกรณ์ที่เตรียมเอาไว้
สวมวิกผมสีฟ้าที่ปล่อยปลายยาวสวยงาม แล้วแต่งหน้าพอประมาณเพื่อให้เข้ากับดวงตาสีทอง กับผิวสีเทาคล้ำ และเขาคู่สีดำของเรา
หลังจากแต่งหน้าจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลาสวมชุดเดรสสีเทา ติดผ้าประดับละอองกากเพชรสีเหลือง จนดูคล้ายกับเป็นลายปีกของผีเสื้อกลางคืน
ไหน~ ขอดูหน่อยสิว่าผลงานของตัวเองเป็นยังไงกัน?
ว่าแล้วฉันจึงเดินไปดูตัวเองที่กำลังสะท้อนอยู่บนบานกระจก
นี่คือ… ตัวฉัน…?
สวย…
เพราะไม่ได้แต่งตามเพศสภาพจริงมาเกือบ 2 ปี เลยกังวลอยู่บ้างว่าจะออกมาดูไม่ดี
ยิ่งเมื่อก่อนถูกล้อบ่อยด้วยว่าเหมือนผู้ชายเพราะมีหน้าอกที่เล็ก
ถึงพูดเองจะกระไรอยู่ แต่ฉันว่าตัวเองดูสวยงามมาก
แถมเป็นเพราะชอบเอาผ้ามารัดให้มันดูแบนราบมาถึงสองปีเต็มเลยไม่ทันรู้ตัว แต่หน้าอกเองก็ดูโตขึ้นมามาก ผิดกับสมัยก่อน
นี่คือตัวฉันจริง ๆ ใช่ไหม?
“มะ— ไม่ใช่เวลาจะมามัวชมตัวเองสักหน่อย!”
ตอนนี้ต้องรีบเตรียมทั้งลูกดอกอาบยาพิษ ยาพิษ แก๊สพิษ ยานอนหลับ — และอื่น ๆ ที่สุดจะสรรหามาได้ในช่วงนี้
งานพิธีเปิดร้านใหม่สาขาของร้านอาหาร [ภูติโภชนา] ของอีนังแพศยา
ด้วยความสำเร็จและเสียงตอบรับที่ดีของสาขาหลักในทวีปหมู่เกาะสีรุ้ง เลยทำให้ยัยนั่นมีเงินมากพอจะมาลงทุนขยายร้านเพิ่ม
เบื้องหน้าช่างดูดี เป็นร้านหรูที่มีขายอาหารประจำถิ่นของเผ่าภูติ
แต่เบื้องหลังกลับเน่าเฟะ เต็มไปด้วยการค้าเนื้อผิดกฏหมาย
ยัยนั่นกำลังคิดที่จะขยายอิทธิพลขององค์กรมาที่หมู่เกาะเทียมแห่งนี้ด้วย
อันนี้คือข้อมูลที่ฉันได้มาจากรายงานของคุณออน ที่เขาพึ่งพิมพ์ส่งไปให้หัวหน้าของเขาเมื่อสองวันก่อน
พื้นที่ร้านนั้นตั้งอยู่ตรงสะพานเชื่อมเกาะสู่เกาะ ระหว่างเส้นทางจากสนามบินอวกาศ เข้าสู่ตัวเมืองที่เป็นโซนฝั่งตลาดปลอดภาษีชาวต่างดาว
ร้านมีขนาดไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่ เพียงพอต่อการรับแขก 200 ที่นั่ง
พิธีการจะเริ่มตอน 22:00 น. แล้วเปิดร้านเพื่อรับแขกกลุ่มแรกในเวลา 23:00 น.
แขกกลุ่มแรกนั้นมีทั้งกลุ่มที่รับเชิญมา กับกลุ่มอิสระคนทั่วไปที่สนใจสั่งจองล่วงหน้า ในอัตรา 70 : 30
แน่นอนว่าฉันไม่มีทางจองทัน เลยต้องให้หนูไซน์ช่วยแฮ๊กระบบ แล้วเนียนใส่ชื่อฉันเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงาน
ตอนนี้ฉันไม่มีปัญหากับการแฝงตัวเข้าร่วมงาน ปัญหาจึงตกไปที่การลอบสังหารโดยไม่ทิ้งร่องรอย
แผนการของฉันนั้นเรียบง่าย มีตั้งแต่หาโอกาสลอบวางยาพิษ ไปจนถึงวางยานอนหลับเพื่อลักพาตัวออกมาฆ่าในอีกสถานที่ ที่ไม่มีใครเห็น
เส้นทางหนี ชื่อปลอม อาวุธ ของทุกอย่างได้ถูกเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดีมาตลอดห้าวันที่ผ่านมา
ขอเอาชื่อของคุณตาเป็นประกัน ว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น!
ฉันพูดกับตัวเองด้วยความมั่นใจ แล้วสะบัดชายกระโปรงเดินออกจากห้องไป
เดินออกไปด้วยผ้าที่พริ้วไปกับสายลม ราวกับเป็นผีเสื้อราตรีที่กำลังโบยบินออกหาอาหาร
***
ผีเสื้อราตรี
ผีเสื้อราตรีช่างสวยงาม ไร้พิษภัย
ทว่าบางชนิดกลับมีพิษร้าย
สตรีเผ่ายักษ์ที่งดงามคนนี้ คือผีเสื้อราตรีที่มีพิษร้ายนั้น
MANGA DISCUSSION