***วันที่ 41 เวลา 38:00 น.***
“สวัสดีค่ะคุณออน-เอ็ซท ดิฉันมีนามว่า [ลาฟาเซีย] ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เซีย~”
ผู้หญิงเผ่าภูติอายุราว 21 ปี ตัวสูง 141 เซนติเมตร เกินมาตรฐานเผ่าภูติที่ตัวเล็ก กำลังถอนสายบัวด้วยกิริยาที่งดงาม
เธอมีรูปร่างและน้ำเสียงที่เย้ายวน หน้าอกและทรงเอวได้รูปสาวงาม
ใบหน้าคมคาย ริมฝีปากแดงเลือด ดวงตาตาสีเขียวมรกต และมีเส้นผมสีขาวยาวชวนให้รู้สึกลึกลับและพิศวง
เธอผู้นี้คือ [ลาฟาเซีย] นามของหนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์กรกินเนื้อผิดกฏหมาย คาร์นิวอย
เธอมาด้วยชุดราตรีสีขาวที่ออกแบบมาให้เหมือนกับกลีบกุหลาบ
เนื้อผ้าเป็นแบบ ซี-ทรู ผืนบางจนสามารถมองทะลุเห็นผิวปุยหิมะขาวของเธอได้
ด้วยเนื้อผ้าที่บางจนทำให้สามารถเห็นชุดซับในสีดำที่จงใจออกแบบมาอย่างเซ็กซี่ จึงทำให้ไม่แปลก ที่ทำให้แม้แต่ผมยังรู้สึกหัวใจเต้นเร้าไปด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาได้
เป็นคนที่สวยงามและเซ็กซี่เย้ายวนเป็นบ้า
*หยิกแก้ม*
แกอย่าไปใจเต้นกับอีตัวแบบนี้สิฟะ เจ้าออน-เอ็ซท!
ยุบหนอ~ พองหนอ~ ใจเย็น ๆ นะ
อย่าให้จิตหื่นกามเอาชนะเหตุและผลเด็ดขาด!
“สวัสดีครับคุณลาฟาเซีย เป็นเกียรติ์อย่างยิ่งที่เชิญกระผมมาร่วมทานมื้อดึกกับท่านในวันนี้ครับ”
“ไม่เป็นไรมิได้ค่ะ ดิฉันอยากพบตัวจริงของคุณมาตั้งนานแล้วเช่นกันค่ะ—”
เธอกล่าวไปพร้อมกับเอามือขวายกขึ้นมาปิดร้อยยิ้มของตัวเอง เพื่อให้ดูสุภาพตามภาพลักษณ์ของชนชั้นสูง
แล้วเริ่มนำผมไปที่ห้องส่วนตัว
สถานที่ ที่พวกเรานัดพบเจอกันนั้น คือร้านอาหารสุดหรูอันดับต้นของเมืองภูติ [ภูติโภชนา] ที่มีเธอเป็นนายทุนใหญ่ของร้าน
ภายนอกร้านอาจมองเป็นร้านอาหารรับจัดเลี้ยงทั่วไป แต่ด้านมืดของร้านนี่ ขออย่าให้พูดถึง
ร้านนี้มีซุกเรื่องที่ผิดกฎหมายเอาไว้เพียบเลยละ
ถ้าจะให้สรุปเรื่องราวความเป็นมาถึงสาเหตุที่ผมต้องมากินอาหารกับเธอ คงเป็นเพราะเธอคนนี้ดันถูกชะตาผมเข้าให้
คุณเดสตินี่ย์บอกผมว่าเธออยู่ในวัยสาวที่กำลังอยากมีคู่ (อายุ 21) ประกอบกับที่ผมมีอายุน้อยกว่าเธอไม่มาก แล้วยังมีประวัติการต่อสู้ในฐานะผู้พิทักษ์ เลยทำให้เธอเกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมา
สรุปง่าย ๆ คือ—
“ฮุ ฮุ ฮุ~ ตัวจริงดูน่ารักกว่าในรูปเป็นไหน ๆ หล่อ~ สมาร์ท~ ถึงจะตัวเล็ก แต่กลับมีกล้ามเนื้อพอประมาณกับรูปร่างจนดูดีเกินคาด— ดิฉันว่าตัวเองกำลังพบกับความรู้สึกที่เรียกว่า [รักแรกพบ] กับคุณออนเข้าให้แล้วค่ะ เซีย~”
“คะ– ครับ…”
—ผมดันทำให้ศัตรูเกิดความรู้สึกไอที่เรียกว่า [รักแรกพบ] ไปเสียแล้ว…
ถ้าให้พูดถึงประสบการณ์ความรักของผม คงต้องบอกเลยว่าเท่ากับศูนย์
แถมนี่ยังเป็นฝ่ายที่ถูกรัก เลยยิ่งไม่รู้ว่าควรจะตอบรับยังไงดีนี่สิ
ที่สำคัญ คือยัยนี่มันเป็นคนเลวที่กล้าสังหารเพื่อนร่วมรุ่นได้อย่างง่ายดาย เพียงเพราะแค่ไม่อยากให้ใครสวยเด่นเกินหน้าอีกต่างหาก
ความผิดของเธอที่ผมไปสืบมาได้ มีตั้งแต่สั่งฆ่า สั่งสังหารเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นเพศเดียวกัน โดยมีจุดร่วมคือเป็นคนสวยงามทุกคน
พูดง่าย ๆ คือเธอเป็นพวกที่ขี้อิจฉา ริษยาแบบสุดโต่ง
“ดิฉันรู้สึกชอบคุณ แล้วคุณละคะ รู้สึกยังไงกับดิฉัน? เซีย~”
คนปกติใครเขามาตั้งคำถามแบบนี้กับคนที่พึ่งพบกันครั้งแรกกันฟะ?
“ผม— คือยังไม่อยู่ในช่วงที่คิดถึงเรื่องคู่ครองนะครับ ฮะ ฮะ ฮะ…”
“ทั้งที่มีอายุ 18 ปี แล้วเนี่ยนะคะ? ดิฉันนึกว่าปกติแล้วเผ่ามนุษย์มักจะชอบมีคู่ครองกันช่วงอายุ 15 ปี เสียอีกค่ะ เซีย~”
“นั่นเป็นความเข้าใจผิดครับ”
“ฮุ ฮุ ฮุ~ ถ้าอย่างงั้นคุณออน-เอ็ซท ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจให้คำตอบตอนนี้ก็ได้ค่ะ ยังไงดิฉันก็คิดจะเป็นสาวสองพันปีอยู่แล้ว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ดิฉันก็จะสวยเช่นนี้เสมอไป เพื่อรอคำตอบจากคุณนะคะ~ เซีย~”
เธอพูดราวกับว่ายังไงผมก็ต้องอยู่กินกับเธอในท้ายที่สุด
จะมั่นใจในตัวเองเกินไปหรือเปล่านั่น?
ในตอนนั้นเองที่อาหารชุดแรกถูกนำมาเสริฟ
มันเป็นเนื้อแปลกตาที่ถูกหั่นบาง ๆ แล้วนำมาวางเรียงบนถาดตัวยาว
“ขออภัยครับ”
คนเสริฟอาหารกล่าวเช่นนั้น แล้วนำเหล้าบรั่นดีมาราด ก่อนจะจบด้วยการจุดไฟให้ลุกโชน
กลิ่นหอมของเหล้าได้ส่งโชยไปทั่วห้อง ฝั่งลึกลงไปในเนื้อที่ถูกลนไฟ
“อาหารของร้านนี้อร่อยมาก ดิฉันรับรองได้เลยค่ะ ฮุ ฮุ ฮุ~ เซีย~”
เธอกล่าวเช่นนั้นแล้วนำตะเกียบคืบชิ้นเนื้อมายื่นให้ตรงหน้าของผม
ดวงตาของเธอกำลังส่องประกายราวกับเป็นเด็กน้อย แต่กลับแฝงไปด้วยนัยตาของนักล่าที่กำลังเล็งเหยื่อไม่ยอมให้วิ่งหนีไป
ผมควรยอมให้เธอป้อนให้สินะ…
*งั่ม*
“!!!— อร่อย!?!”
อร่อยจริง ๆ ด้วยแฮะ
เป็นรสชาติที่แปลกประหลาดมาก
แถมเนื้อยังนุ่มชนิดที่ไม่เคยเจอมาก่อน
กลิ่นสาปเหม็นเองก็ไม่มีเหลือตกค้างแม้แต่น้อย
“ฮุ ฮุ ฮุ~ ดูท่าคุณออนจะชอบมันนะคะ เซีย~”
“ใช่ครับ มันเป็นเนื้อที่อร่อยมากทีเดียวครับ”
เพราะว่าของกินมันอร่อย ผมเลยเริ่มยินดีที่จะให้เธอป้อนอาหารให้แบบคำต่อคำอย่างไม่มีเกรงใจ
ในเวลาเดียวกัน เพื่อไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไป ผมเองก็เริ่มที่จะหยิบชิ้นอาหารป้อนให้เธอกินเป็นการตอบแทน และรักษามารยาท
จานเรียกน้ำย่อยผ่านไป…
จานอาหารทอดผ่านไป…
จานซุปผ่านไป…
แก้วไวท์หมดไปนับสิบแก้ว…
พอกินมาได้สามจาน ท้องน้อย ๆ ของพวกเราก็เริ่มรู้สึกที่จะอิ่มแน่นไปถึงคอหอย
“พวกเรามาพักด้วยการพูดคุยเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้นดีไหมครับ? ”
“ได้สิค่ะ เซีย~”
“งั้น— ผมอยากจะทราบเรื่องราวของคุณลาฟาเซียในสมัยก่อนนะครับ ว่ามีความเป็นมายังไง ทำไมถึงได้รู้จักกับคุณเดสตินี่ย์ คุณบาร์-ธา-ซ่าร์ กับคนอื่น ๆ ที่อยู่ในองค์กรได้นะครับ”
ผมรีบเป็นฝ่ายที่ชิงลงมือยิงคำถามออกไปก่อน
เพื่อดึงข้อมูลของบาร์-ธา-ซ่าร์ ที่ยังเต็มไปด้วยปริศนาออกมา เลยใช้โอกาสที่บรรยากาศกำลังเป็นใจลงมือ
ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคอแข็งขนาดไหน แต่ใบหน้าแดงก่ำขนาดนี้ คิดว่าคงไม่น่าจะสามารถประคองสติเอาไว้ได้ทั้งหมดหรอก
“นั่นสินะคะ— พวกเรารู้จักกันตอนไหน~ คงต้องบอกว่าในสมัยก่อนพวกเราเป็นสมาชิกนักสำรวจกลุ่มเดียวกัน แต่เพราะไปเจอเหตุการณ์หนึ่งเข้า เลยทำให้พวกเราเลิกที่จะเป็นนักสำรวจ แล้วหันมาจัดตั้งชมรมคนกินเนื้อขึ้นมาค่ะ เซีย~ เอิ้ก~”
“…ครับ”
จบแล้ว…?
เธอกำลังถือแก้วไวท์ในมือไปพร้อมกับมองกระจกเพื่อดูแสงดาวทางช้างเผือกข้างนอก
ไม่ดื่ม ไม่กิน แล้วทำท่าราวกับกำลังครุ่นคิดถึงความทรงจำที่แสนคิดถึง
ไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอะไร นอกจากประวัติคร่าว ๆ แค่นี้
ลักษณะการตอบเหมือนคุณเดสตินี่ย์ ไม่มีผิด
“บาร์-ธา-ซ่าร์ … เขานะคือคนที่เก่งกาจที่สุดในกลุ่มของพวกเราเลยค่ะ เป็นเผ่าปีศาจที่น่าทึ่งมาก สามารถปั้นองค์กรให้ใหญ่ได้ขนาดนี้ภายในแค่เดือนเดียวเท่านั้นค่ะ ถ้าจะถามว่าใครคือผู้นำกลุ่มสูงสุด ก็คงจะเป็นเขาคนนั้นค่ะ เซีย~ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าเขาคนนั้นแบ่งเวลายังไง เพราะปกติเขาทำงานให้กับผู้นำเผ่าปีศาจ แล้วยังจะเจียดเวลามาบริหารองค์กรให้กับพวกเราด้วยค่ะ เซีย~~~”
เธอพูดกับตัวเองด้วยใบหน้าที่เคลิบเคลิ้มเพราะเมาเหล้า
[เขา] ? บาร์-ธา-ซ่าร์ เป็นผู้ชาย? และทำงานให้กับผู้นำเผ่าปีศาจ?
นี่มันข้อมูลใหม่!
“แล้วคุณออนละคะ ไม่ทราบว่าเมื่อก่อนได้ทำอะไรมาบ้างคะ? เซีย~”
“เคยเป็นตำรวจมาก่อน แต่เลิกเป็นมานานแล้วครับ”
ผมพูดออกไปตามจริง
เพราะผมอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถปกปิดได้ว่าตัวเองเคยเป็นตำรวจสากลมาก่อน
ดังนั้นถ้ายิ่งโกหก จะยิ่งเป็นที่สงสัยมากกว่าเดิม
“เพราะถูกตามล่าด้วยความเข้าใจผิด จนกระทั้งไปเจอกับคุณเดสตินี่ย์ และได้คุณเดสตินี่ย์ช่วยเอาไว้ในหลาย ๆ เรื่อง เลยทำให้ผมมีวันนี้ได้ครับ สำหรับผมแล้ว คุณเดสตินี่ย์คือผู้มีพระคุณของผมครับ ”
“ฮุ ฮุ ฮุ~ คุณออนเองก็คือผู้มีพระคุณสำหรับเขาเช่นกันค่ะ เซีย~”
เรื่องที่ผมช่วยชีวิตของเดสตินี่ย์ จากเหตุการณ์ซากแมงมุมทะเลทรายถล่มที่ประชุมในเมืองเผ่ามนุษย์มดเมื่อปีที่แล้ว ได้เป็นที่รู้กันไปทั่ว
“ถึง [คุณอีกาดำ] จะยังคัดค้านเรื่องของคุณ แต่ดิฉันคิดเหมือนกับคุณเดสตินี่ย์ค่ะ ว่าคุณเป็นคนของ [ทางนี้] เต็มตัวค่ะ เซีย~”
“ไม่เป็นไรครับ คุณอีกาดำเขาทำถูกต้องแล้วที่สงสัยในตัวผม”
“เพราะฉะนั้น ดิฉันถึงมีความสุขมาก ที่คุณออน-เอ็ซทมาร่วมทานอาหารกับดิฉันในวันนี้ได้อย่างไม่มีติดขัดค่ะ เซีย~”
หมายความว่ายังไง?
“เพราะคุณเป็นคนของทางนี้เต็มตัว ดิฉันเลยไม่จำเป็นต้องฆ่าคุณแล้วยังไงละคะ~ เซีย~”
เธอพูดติดตลกด้วยรอยยิ้มที่ใบหน้ากำลังเป็นสีแดง
ทั้งที่อากาศภายในห้องอาหารกำลังเย็นสบาย แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นผมกลับรู้สึกหนักอึ้งและร้อนอึดอัดขึ้นมา
เธอบอกว่ารู้สึกสบายใจ เพราะว่าผมเป็นคนของทางนี้เต็มตัวเนื่องจากผมกล้ามากินอาหารในมื้อนี้…
อย่าบอกนะว่า…
“เออ… ไม่ทราบว่าอาหารเลิศรสที่นำมาปรุงในมื้อค่ำนี้ มันคือเนื้ออะไรครับ? ”
“อ่าว? ดิฉันนึกว่าคนอย่างระดับคุณออนจะรู้อยู่แล้วเสียอีก~ ถ้าอย่างงั้นก็ลองเดาดูสักหน่อยสิคะ~ ฮุ ฮุ ฮุ~ เซีย~”
มันเป็นรอยยิ้มที่ซุกซนของเด็กสาว
แต่ผมกลับไม่รู้สึกสนุกด้วยเลย
ไม่เลยแม้แต่น้อย
เพราะผมเริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าไอเนื้อแสนอร่อยที่พึ่งลงท้องไป มันคือเนื้ออะไร
เนื้อแสนอร่อยที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเนื้อของสัตว์แปลก ๆ
แต่มันไม่ใช่
มันไม่ใช่เลย…
“เนื้อเผ่าภูติ…”
“ผิดค่ะ ถ้าเนื้อเผ่าภูติมันจะนุ่ม มีไขมันน้อย และกระดูกที่บางจนเคี้ยวได้เป็นเอกลักษณ์ค่ะ ส่วนอันที่พวกเรากินมีไขมันเยอะกว่า มันเป็นเนื้อของเผ่ามนุษย์เพศชาย กับเผ่ามนุษย์สัตว์-แมวเพศหญิง ค่ะ เซีย~”
เวร…
ไอเวร…
นี่ผม… กินเชี่ยอะไรลงไป…
ต้องบอกว่าโชคดีมากที่กำลังอยู่ในช่วงหยุดพักการกินแล้วพูดคุย
เพราะถ้าผมหยุดมือระหว่างที่กำลังกินอาหาร มันคงดูผิดธรรมชาติจนเป็นที่น่าสงสัย
แค่พยายามไม่ให้ออกอาการอ๊วกมาในตอนนี้ มันก็สุด ๆ ที่จะทำไหวได้แล้ว
“คุณออน-เอ็ซทยังต้องฝึกอีกเยอะเลยนะคะ เซีย~”
ไม่อะ ไม่อยากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรแบบนี้เลยสักนิด…
ผมไม่อยากจะรับฟังในสิ่งที่เธอพูด
ถึงจะเป็นโอกาสดีในการรีดข้อมูล เพราะอีกฝ่ายกำลังเมาได้ที่ แต่ตอนนี้ผมอยากหาทางชิ่งหนีออกไปจากร้านอาหารบ้า ๆ นี้ให้เร็วที่สุดแล้ว
“ฮุ ฮุ ฮุ~ พอพูดคุยมาได้สักพัก อาหารก็เริ่มถูกย่อยหมด งั้นมาต่อจานอาหารสุดท้ายที่ทางดิฉันตั้งใจเตรียมมาเพื่อคุณในวันนี้กันเลยดีกว่าค่ะ— เซฟ! นำมันเข้ามาได้! เซีย~~~”
อาหารสุดท้ายที่เตรียมมาเพื่อผมอย่างงั้นหรือ?
“มันอาจฟังดูน่ารังเกียจ แต่พอดีว่าก่อนจะมาพบคุณออน-เอ็ซท ดิฉันได้มีส่งคนไปสืบประวัติคุณมาแล้วค่ะ เซีย~”
เฮ้ย…
“อ๊า~ คุณออนที่น่าสงสารของฉัน ครอบครัวต้องแตกสาแหรกเพราะถูกคู่แข่งทางการเมืองฟ้องคดีจนครอบครัวล่มจม ยากจน บ้านแตกสาแหรก~”
ไม่จริง…
“คุณออนคงเจ็บปวดมากเลยสินะคะ? แต่ไม่ต้องห่วง เพราะดิฉันเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้คุณ พอได้รับข้อมูลนี้มา ดิฉันเลยสั่งการออกไปในทันทีเลยค่ะ”
เนื้อเผ่ามนุษย์เพศชาย กับเผ่ามนุษย์สัตว์-แมว เพศหญิง…
อย่าบอกนะว่า…!
“ว่าให้จับตัวไอสารเลวที่ทำให้คุณออนต้องพบกับความเจ็บปวดในสมัยเด็ก มาทำเป็นอาหารเลี้ยงฉลองในมื้อนี้ซะ! เซีย~”
ประตูห้องอาหารส่วนตัวถูกเปิดออกกว้าง พร้อมกับเสียงรถเข็นแรงโน้มถ่วงที่กำลังเลื่อนไหลลอยเข้ามา
บนรถเข็นอาหารนั้น มีจานขนาดใหญ่เท่าตัวคนถูกวางเอาไว้
มันถูกนำมาเสริฟลงบนโต๊ะด้วยเผ่าภูติในชุดสูทสีดำ ที่กลัดเข็มกลัดทองคำรูปกระทะทองแดง
ฝาสีเงินถูกยกออก พร้อมกับควันไอน้ำที่พวยพุ่ง
เมื่อควันไอน้ำนั้นบางตาลง—
ภาพของจานอาหารที่ถูกทำเป็นอาหารจาน [หั่น] ก็ถูกเผยปรากฏให้เห็น
เป็นอาหารจานหั่น ที่ยังมีส่วนหัวสด ๆ ถูกนำมาวางประดับจาน
ส่วนหัวของของคู่สามีภรรยาเพื่อนสมัยเด็กที่ผมเคียดแค้น
“น่าเสียดายที่ตอนไปล่าตัว คนที่เป็นลูกสาวชื่อ [โรโยตี้] ดันกำลังไปทำงานอยู่ต่างแดน พวกเราเลยไม่ได้จับตัวกลับมาด้วย ได้แค่ตัวพ่อกับแม่ของมันมาเท่านั้นค่ะ ดิฉันหวังว่าสิ่งนี้จะทำให้คุณออน-เอ็ซทรู้สึกเบิกบานใจได้ไม่มากก็น้อยค่ะ เซีย~”
ในเวลานั้น สมองของผมได้กลายเป็นความว่างเปล่าเป็นที่เรียบร้อย
สมองสั่งให้สองมือตักอาหารกินเข้าปาก เพื่อไม่ให้กลายเป็นที่น่าสงสัย
ผมไม่อาจรับรู้รสชาติใด ๆ ของชิ้นเนื้อที่กำลังสัมผัสปลายลิ้นได้
เคยปราถนาจะแก้แค้น
เคยฝันถึงการแก้แค้น
แต่ไม่ใช่แบบนี้
ผมไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้สักหน่อย
ถ้านี่เป็นความฝันอยู่ ก็ได้โปรดตื่นขึ้นมาเถิด
ได้โปรด ขอให้เป็นเพียงแค่ฝัน—
MANGA DISCUSSION