*กรรรรร! *
“โอ๊ย! ไอหมาบ้า มากัดตูดข้าได้นะ! ”
“มัวทะเลาะกับหมาตัวเดียวอยู่ได้เจ้าพวกง่าว! แตะส่งมันขึ้นฟ้าแล้วปิดตายประตูไปเลย! ”
“ครับหัวหน้าทาฑิม! ”
*ตึ่ง! *
เสียงปิดประตูบานใหญ่ดังลั่น
เจ้าพวกยักษ์สมองกล้ามต่างทำหน้าที่กันได้อย่างสามัคคี
กลุ่มหนึ่งถีบส่งพวกชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงให้ปลิวกระเด็น
อีกกลุ่มหนึ่งรีบเร่งหยิบข้าวของที่อยู่รอบตัวมาสุมกองหน้าประตู ลงกลอนแล้วปิดตายไม่ให้ศัตรูมันสามารถกรูเข้ามาข้างในอาคาร
เกิดเสียงทุบตีประตูไม้บานใหญ่ดังลั่นมาจากอีกฟาก
แต่ไม่รู้เป็นเพราะพวกมันมีความเกรงใจ หรือถูกลงคำสั่งบางอย่างเอาไว้
พวกมันกลับไม่กล้าที่จะทำลายประตู หรือทำลายกระจกสุดหรูที่เรียงรายไปตามทางเดิน เพื่อบุกเข้ามาจับพวกเรา
“…”
มาคิดอีกที ไม่ใช่ว่าพวกศัตรูเองก็บรรลุจุดประสงค์ที่ต้องนำพวกเรามาส่งในคฤหาสน์หลังนี้แล้วหรือเปล่า?
เอาเถอะ
มาถึงขั้นนี้แล้ว— คงมีแต่ต้องเข้าชนกับตัวการตรง ๆ แล้วละนะ
ให้ตายสิ ทั้งที่อยากมีเวลาเก็บข้อมูลของศัตรูให้มากกว่านี้แท้ ๆ
*กร—*
เสียงกัดฟันอย่างเจ็บใจของพวกชาวบ้านเริ่มแผ่วเบาจนกระทั้งไม่ได้ยินอีก
ทว่าข้องนอกอาคารนั้นยังคงมีเสียงย่ำเท้าเดินโดยรอบอยู่
เสมือนหนึ่งว่าได้เปลี่ยนเป้าหมาย เป็นการเฝ้าระวัง ไม่ให้พวกเราคิดหนีออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้แทน
“ปลอดภัยแล้ว…”
“ค่อยยังชั่ว”
เรามองดูพวกยักษ์ที่ล้มตัวนั่งพักเหนื่อยลงบนพื้นพรมสีแดงสลักลายทองคำผืนใหญ่
ใช่
พวกเรานะปลอดภัยแล้ว
แต่ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น
ในที่สุด พวกเราก็สามารถหนีเข้ามาอยู่ภายคฤหาสน์ได้สำเร็จ
พื้นพรมสีแดงที่ถูกปูทับพื้นหินอ่อนอย่างหรูหรา
บันไดตรงใจกลางห้องโถงใหญ่ที่มีโคมไฟคริสตัลไร้แรงโน้มถ่วงประดับลอยเหนืออากาศ
แสงสว่างสีส้มอ่อนอาบตัวอาคารเป็นแผ่นบาง สร้างบรรยากาศชวนให้รู้สึกเสมือนอยู่ท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นผ่อนคลาย
ตรงใจกลางห้องโถง เหนือบันไดหินอ่อนที่ทอดตัวยาวขึ้นสู่ระเบียงชั้นบนทั้งฝั่งซ้ายและขวา มีรูปภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่ประดับอยู่รูปหนึ่งที่ใจกลางโถงบันได
มันคือภาพวาดของครอบครัว ที่ดูน่าจะเป็นเจ้าของผู้ปกครองคฤหาสน์หลังโตหลังนี้
ภาพของผู้เฒ่าชายผิวสีดำ มีผมหยิกถักเป็นลอนสวยงาม ใบหน้าดุดัน คิ้วหนา ตัวใหญ่บึกบึน
ภาพของผู้เฒ่าหญิงผิวเหลือง ผมสีดำสั้น สันจมูกโด่ง ดวงตาดำคมดั่งใบมีด
ภาพของชายวัยหนุ่มผิวคล้ำอมน้ำตาล ใบหน้าเข้ม ดวงตาคมสีดำ ผมสีดำหวีเรียบเสยไปข้างหลัง ผอมเพรียวตัวสูงสมส่วนดูมีสง่าราศี
ภาพของสตรีผมสีดำ ใบหน้าคม ดวงตาอ่อนหวานแลดูอ่อนโยน ผมสีดำมัดเป็นเปียปล่อยยาวสวยงามข้างหลัง ผิวสีแทนอมน้ำผึ้ง
“นี่มัน ภาพของครอบครัววีรบุรุษและวีรสตรีเผ่ามนุษย์!? ”
คนที่ส่งเสียงอย่างตื่นตกใจไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเจ้าหนุ่มตำรวจเผ่ามนุษย์
หากว่าเป็นเผ่ามนุษย์ คงไม่มีใครไม่รู้จักผู้คนทั้งสี่ในภาพอย่างแน่นอน
[เอรีส] วีรสตรีสงครามเผ่ามนุษย์
[แอร์บาส์ร] วีรบุรุษสงครามเผ่ามนุษย์
[เอซ] กับ [ดิวซ์] ลูกชายกับลูกสาวของเอรีสกับแอร์บารส์ร ยอดวีรบุรุษและวีรสตรีผู้บุกเบิกทวีปออโรร่าให้กับเผ่ามนุษย์
“ว่ายังไงนะเจ้าหน้าใหม่!? จะบอกว่าที่นี่คือคฤหาสน์ที่เป็นเป้าหมายของพวกเราอย่างงั้นหรอกเรอะ!?! โชคดีเป็นบ้าเลยโว๊ยยยย!!! ”
เจ้ายักษ์หัวเพลิงชูสองแขนขึ้นฟ้าอย่างดีใจ
เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเสียจริงจริ้ง~
“…ว่าแต่มันน่าสงสัยอย่างหนึ่ง”
“น่าสงสัยอะไรอย่างงั้นเรอะเจ้าหน้าใหม่? ”
“คือ… บนภาพวาดครอบครัวของวีรบุรุษ มันมีรูปของผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก รวมอยู่ด้วยคนหนึ่งนะครับหัวหน้าทาฑิม”
ออน-เอ็ซท ชี้ไปที่รูปของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งถูกวาดอยู่ตรงมุมด้านหลังสุดของภาพครอบครัว
มันคือรูปของเด็กผู้หญิงที่ดูสาวและเยาว์วัยผิดกับรูปครอบครัวที่แต่ละคนดูมีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี
เป็นภาพของสตรีชนเผ่าหนูที่มีใบหน้าเรียวเล็ก มีผมสีเงิน ดวงตาโตดูไร้เดียงสา มีสันจมูกที่คมราวกับภาพวาด เข้าคู่กับริมฝีปากอวบอิ่มชุ่มชื้น และมีใบหูหนูน่าสัมผัสแผ่กว้างอยู่บนปลายผมสีเงินเป็นเอกลักษณ์
เธอคนนั้นกำลังสวมชุดเมดสีดำ ยืนอย่างสุภาพอยู่บนรูปวาดนั้น
“คงเป็นคนรับใช้ของครอบครัวละมั้ง? ระดับนี้จะมีคนรับใช้สักคนสองคนคงไม่แปลกหรอก”
“แต่ในบันทึกประวัติศาสตร์ของพวกเราเผ่ามนุษย์ มันไม่ได้มีพูดถึงเรื่องนี้เลยนะครับ”
“แล้วทำไมต้องบันทึกประวัติศาสตร์ลงลึกไปในรายละเอียดขนาดนั้นด้วยเล่า? ไม่ใช่ว่าเผ่ามนุษย์ของพวกแกมีค่านิยมเคารพเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนอย่างงั้นหรอกหรือ? ”
“อืม…”
ออน-เอ็ซท ยืนครุ่นคิดอย่างหนัก
ไม่ผิดที่ ออน-เอ็ซท จะรู้สึกสงสัย เพราะเราเองก็รู้สึกแปลกชบกลเช่นกัน
พวกเรา อดีตเทพเจ้าพอจะรู้จักบุคคลในรูปทั้งห้าคนอยู่
เพราะพวกเราคือเทพเจ้าที่แอบสร้างโลกนี้ขึ้นมาเพื่อความสนุก จะไม่ให้รู้จักตัวตนระดับฮีโร่ยูนิตได้ยังไงกัน จริงไหม?
สี่คนคือวีรบุรุษกับวีรสตรีเผ่าของมนุษย์
แต่อีกคน… ถ้าความทรงจำของเราไม่ได้ลืมเลือนไปกับกาลเวลาแล้วละก็—
นั่นนะ มันคือหนึ่งในหุ่นยนต์โบราณของเผ่ามนุษย์สัตว์ใช่หรือเปล่า?
ให้ตายสิ เพราะมีช่วงหนึ่งที่พวกเราเบื่อกับสภาพของโลกในนี้ ไม่ได้ติดตามดูอยู่ช่วงหนึ่งแท้ ๆ เลยทำให้นึกไม่ออก ว่าเด็กในรูป จะใช่คน ๆ เดียวกับที่เรากำลังนึกถึงอยู่หรือไม่
ทำตัวเองแท้ ๆ ~♪
เราหันไปมองสหายเทพไร้หน้ากับเทพไร้ขา
เทพไร้หน้าในสภาพที่มองไม่เห็น ย่อมไม่รู้สึกถึงรายละเอียดของภาพวาดอยู่แล้ว ว่ามันคือภาพของอะไร
อย่างมาก็รับรู้แค่ว่ามีกรอบรูปแขวนอยู่ตรงกลางห้องโถงเท่านั้น
ส่วนเทพไร้ขานั้น—
“โอ๊ววว! เด็กสาวในชุดเมดละ! น่ารักเป็นบ้าเลยลาพิส! เอโซ! ”
—คงต้องบอกว่าสิ้นหวังที่จะถามหาข้อมูลจากมันมาได้…
“มีอะไรที่สะกิดใจเหมือนกับหรือครับ นายท่านเอโซ? ”
“นั่นสินะ ในบันทึกของทางการ บุคคลทั้งสี่ได้ถือว่าสิ้นอายุขัยไปแล้วใช่ไหม? ”
“ใช่ครับ”
น่าสงสัย
พวกเขาทั้งสี่คนตายไปนานแล้ว
เราเองก็เคยคิดว่าเป็นแบบนั้น
แต่พอมาคิดดูอีกที— มันก็น่าสงสัยอยู่หลายจุดแฮะ
เพราะตลอดเวลา 100 ปีที่ผ่านมา พวกเราไม่เคยเห็นดวงวิญญาณของสี่คนนี้มาเยื่อนดินแดนคนตายเลยสักครั้ง
เคยคิดว่าอาจเป็นเพราะถูกส่งไปเขตปกครองนรกอื่น อย่างเขตของราชานรกฮาเดสเลยไม่ได้เจอ
แต่เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางทีเราอาจจะเข้าใจผิดไปเอง
บางทีพวกเขาอาจจะยังไม่ได้ตาย
บางทีพวกเขาอาจจะกลายเป็นวิญญาณหลงทาง
เป็นวิญญาณหลงทางที่วนเวียนอยู่ภายในคฤหาสน์หลังโตหลังนี้—
[ยินดีต้อนรับแขกทุกท่านสู่คฤหาสน์ของวีรบุรุษและวีรสตรีค่ะ]
เสียงหญิงสาวตัวเล็กกำลังดังกังวาลไปทั่วห้องโถงใหญ่
เสียงนาฬิกาโบราณดังเป็นจังหวะกึกก้อง 36 ครั้ง บอกเวลาชั่วยามค่ำของวัน
บรรยากาศที่ชวนอบอุ่นของตัวคฤหาส์น ฉับพลันให้ความรู้สึกชวนดูวังเวงหลอกหลอน
“ใคร!?! ”
เจ้าหัวหน้ายักษ์คำราม ตะเบงเสียงแข่งกับเสียงของหญิงสาวลึกลับ
[ดิฉันคือคนรับใช้เพียงหนึ่งเดียวของบ้านหลังนี้ แต่กับเหล่าแขกที่เสียมารยาท ฉันคงไม่จำเป็นต้องเอยนามให้หรอกนะคะ]
[รบกวนทำตัวว่าง่าย ยอมให้ฉันจับตัวเสียเถอะค่ะ]
เสียงของเด็กสาวว่าเช่นนั้น
ตอนนั้นเองที่ทั่วทั้งอาคารเริ่มมีแสงสีฟ้าอ่อนบางตา ฉาบทาบลงบนผิวของผนังและเพดาน
“นะ— นี่มันคืออะไรกันครับ!?! ทำไมอยู่ ๆ ถึงมีแสงสว่าง!?!?!? ”
“พูดอะไรของแกวะเจ้าหน้าใหม่? ”
ออน-เอ็ซท ทำหน้าเหมือนกับเห็นผีแล้วเดินถอยหลังมาแนบชิดกับกลุ่มของพวกเรา ราวกับกำลังหวาดกลัวว่าจะถูกดึงวิญญาณออกไปจากร่างกาย
ส่วนพวกกลุ่มยักษ์ที่ไม่มีสัมผัสทางวิญญาณสักคน พวกมันทำได้เพียงแค่ยืนมองเจ้ามนุษย์หนุ่มอย่างงุนงง
แสงสว่างเหล่านั้นเริ่มเข้าสิงตามเครื่องเรือนต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเชิงเทียน พรม เกราะอัศวินเหล็กโบราณ
รวมไปถึงอาวุธปืนรังสีที่วางแขวนประดับเรียงรายตามทางเดิน
*แกร๊ก*
“สะ— เสียงอะไร!?! ”
สิ่งของทั้งหมดภายในคฤหาสน์กำลังเคลื่อนไหว
มันคือปรากฏการ [พ็อลเทอร์ไกสท์]
ปรากฏการณ์ที่อิงตามความเชื่อ กล่าวโทษการเคลื่อนไหวของสิ่งของเครื่องใช้ ว่าเป็นฝีมือของวิญญาณ
[ขอกล่าวอีกครั้งในฐานะผู้รับใช้ของเจ้าบ้าน— ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ของพวกเราค่ะ]
ทั้งคฤหาสน์หลังนี้ คือศัตรูของเรา
MANGA DISCUSSION