“เจ้าโง่ฑาทิมมันทำได้ พวกเราก็ต้องทำได้เหมือนกันละวะ!”
“ยิงมัน! ถึงพวกมันจะรวมตัวคืนชีพได้ ก็ยิงใส่มันต่อไป!”
“ปกป้องเมืองของพวกเรา!”
“เรา ในนามของราชาดูเรียนที่สามรู้สึกอับอายยิ่งนักที่หันหลังหนีศัตรู! ทุกคน จงหยิบอาวุธลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องเมืองของพวกเราเดียวนี้!”
““โอ๊ววววว!!””
ค่อยยังชั่ว
พอเห็นพวกชาวเมืองเริ่มหยิบอาวุธขึ้นสู้แล้วก็ค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย
ด้วยการชี้นำเป้ายิงของเจ้าหนูไซน์ผ่านทางเครื่องโดรนฉายข่าวของเมือง กับการโต้กลับเหล่าชาวเมืองที่รอดชีวิต จึงทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเริ่มหมุนกลับทิศ
สัตว์ที่ไม่รู้จักกำลังถูกต้อนกลับเข้าไปที่รูบนท้องฟ้า
ถึงจะมีบางตัวที่สามารถกลับมาคืนร่างได้หลังจากแตกสลายเป็นละออง แต่ขนาดตัวของมันก็เล็กลงตามเช่นกัน
เหมือนเป็นยางที่ถูกเจาะลมออกเลยแฮะ
“… ไม่อยู่”
“ใครไม่อยู่หรือครับ? ”
เบอร์รี่ที่กำลังกุมคันบังคับอยู่ตรงหัวกระทิงได้ตะโกนถามข้า ไปพร้อมกับชะลอความเร็วลง
รู้ใจดีเหมือนกันแฮะเจ้าหมอนี่
เพราะยานเริ่มบินช้าลง ข้าเลยสามารถกวาดสายมองดูรอบ ๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น
ทิศเหนือ– มีแต่เพลิงขาวกับซากยาน
ทิศตะวันออก– ยังคงมีการต่อสู้รุนแรงระหว่างยายกับมังกรทมิฬ
ทิศใต้– ส่วนนี้เองก็จมในกองเพลิง
ทิศตะวันตก– เป็นพื้นที่เสียหายน้อยสุด ชาวเมืองส่วนใหญ่เลยมารวมตัวกันแถวนี้
ไม่มี…
เจ้าบ้านั่นไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย
“กำลังมองหาใครอยู่หรือครับหัวหน้า? ถ้าเป็นคุณออน เพื่อนสุดหล่อของหัวหน้าคนนั้นละก็ เขากำลังช่วยปกป้องมนุษย์มด กับพวกชาวบ้านกลุ่มหนึ่งอยู่แถวใจกลางเมืองนะครับ”
“สุดหล่อ? เออ.. ช่างเถอะ ว่าแต่ที่ใจกลางเมืองอย่างงั้นหรือเบอร์รี่? ”
“ด้านหลังกำแพง แถว ๆ ลานประลองนะครับ”
ข้าลองเพ่งตาดู
อืม.. เห็นแล้ว!
ที่แถว ๆ ซากอัฒจันทร์ มีเผ่ามนุษย์ตัวเล็กผมสีน้ำตาลอยู่คนหนึ่งจริง ๆ
เขาใช้ปีนรังสีในมือยิงต่อกรกับฝูงสัตว์ที่มีร่างโปรงแสง
ศัตรูของเขานั้นดูน่ากลัวมาก เพราะคล้ายกับเป็นศพผู้หญิงเผ่ามนุษย์ที่มีแต่หัวติดลำไส้ห้อยโตงเตง
เบอร์รี่พูดถูก เจ้าหน้าอ่อนมันอยู่ตรงนั้นจริง ๆ
ว่าแต่ข้าเริ่มชักจะสงสัยเจ้าเบอร์รี่บางอย่าง
ดูเหมือนว่าเอ็งจะรู้ไปซะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าอ่อนเลยนะ?
ข้าหันกลับไปมองทางเจ้ามนุษย์หน้าอ่อนอีกรอบ
มันยิงปืนได้แม่นอย่างน่าตกใจ สิบนัด ถูก แปดนัด
ดูแล้วก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่?
ในเมื่อมีความสามารถเอาตัวรอดเองได้ งั้นก็ช่างหัวแม่ม~
ข้ายังไม่ลืมเรื่องที่เอ็งมาไถเงินข้าเมื่อต้นเดือนหรอกนะเฟ้ย!
อีกอย่าง คนที่ข้ากำลังตามหาอยู่ มันไม่ใช่ไอบ้านี่ด้วย
“ข้าเห็นแล้ว เอ็งตาดีไม่เลวนี่? ถ้ายังไงช่วยข้าหาอีกคนจะได้หรือเปล่า? ”
“… จะให้ตามหาใครอย่างงั้นหรือครับหัวหน้าฑาทิม? ”
“ช่วยข้าหาเจ้าชาติชั่ว เอลเดอร์ เบอร์รี่ ให้ทีสิ”
***ณ พื้นที่เขตบ้านของตระกูลผู้กล้าเผ่ายักษา***
ณ กระท่อมน้อยหลังเล็กที่ถูกขึงด้วยหนังเบฮีมอธที่ถูกฟอกจนมีสีขาว
“อยู่ไหน— น้าพรุนเก็บตราประจำตระกูลเอาไวที่ไหน!”
ชายเผ่ายักษ์ที่มีผิวสีเลือดหมู ดวงตาสีทองคมราวใบมีด ผมสีม่วงทรงหยักศก คนหนึ่ง กำลังรื้อค้นกระท่อมหลังนั้นด้วยใบหน้าที่ตึงเครียดอยู่เพียงคนเดียว
“… นั่นแกทำอะไรของแกอยู่วะเจ้าบ้าเอลเดอร์? ”
“คนกำลังหาตราประจำตระกูลอยู่ ไม่เห็นหรือยังไงกันวะ! ถึงจะไม่รู้ว่ามันมีหน้าตายังไง แต่มันคงคล้าย ๆ กับจี้ หรือไม่ก็ตราประทับที่ทำจากเกล็ดมังกรนั่นแหละ!”
เอลเดอร์เบอร์รี่ไม่คิดว่าน้าของเขาจะสามารถเอาชนะสัตว์ยักษ์ได้
ยังไงเสีย วันนี้เมืองหลวงเผ่ายักษาคงจะล่มสลาย และน้าของเขาจะต้องถูกฆ่าโดยมังกรทมิฬเป็นแน่แท้
เขาไม่มีความคิดที่จะมองดูการต่อสู้ของน้าตัวเอง แล้วใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการค้นหา [ตราประจำตระกูล] ที่แม้แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันมีรูปร่างเช่นไร
ไม่มีใครรู้ว่าตราประจำตระกูลผู้กล้านั้นมันมีรูปร่างเช่นไรนอกจากน้าพรุน
แต่ถ้าได้เห็น คงจะรู้ได้ในทันที และเขามั่นใจว่าสิ่งนั้นต้องถูกเก็บเอาไว้อยู่ในกระท่อมของเธอ
“มาหาตรา? ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ? แกนะรีบออกไปช่วยทุกคน—”
“แกต่างหากที่โง่! ถ้าน้าตายไปทั้ง ๆ แบบนี้ แล้วถ้าข้ามีถือตราประจำตระกูลถือเอาไว้ ยังไงทุกคนก็ต้องคิดว่าน้าส่งมันมาให้กับข้าอยู่แล้ว! นี่คือโอกาส!”
ความตระหนกตกใจที่ได้เห็นภาพของมังกรทมิฬ
ความไม่รู้และความกลัวที่กัดกินสมอง
ความหลงผิดที่คิดว่าตัวเองกำลังจะได้ตราประจำตระกูลมาครอบครอง
สิ่งเหล่านี้ทำให้เขา เอลเดอร์ เบอร์รี่ ชายเผ่ายักษ์ผู้สมบูรณ์แบบได้หลุดเผยสันดานที่แท้จริงของตัวเองออกมา
สติปัญญาย่อมสูญสลายยามเมื่อผู้คนไร้ซึ่งสติและความตระหนักถึงความเป็นจริง
“…แกนี่มันตัวสารเลวของจริงเลยวะไอชาติชั่วเอลเดอร์”
“ใครมาด่าข้า– เดียว…! ใครกำลังพูดอยู่กับข้าวะ? ”
ชายผู้ขาดสติพึ่งตระหนักรู้ถึงตัวตนของอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ที่ด้านหลังของเขา มีกลุ่มเผ่ายักษ์จำนวน 40 คน กับมังกรอีก 4 ตัว กำลังยืนมองดูเขาด้วยสายตาที่เหมือนคนกำลังมองสิ่งสกปรก
ที่ด้านหน้าของกลุ่มเผ่ายักษ์นั้น มีชายที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต กำลังจ้องมองมาทางเขา
ชายผู้มีนามว่า—
“ไอโง่ ฑาทิม!? ทำไมแกถึง—”
*ผัวะ!*
หมัดของฑาทิมได้ประทับลงบนใบหน้าของ เอลเดอร์ เบอร์รี่ ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เขามี
แต่อนิจจา ด้วยความสามารถของฑาทิมที่มี จึงทำให้อย่างมากแค่ทำได้เพียงแค่ให้ เอลเดอร์ เบอร์รี่ รู้สึกเจ็บเหมือนถูกตบเบา ๆ เท่านั้น
ระดับแชมเปี้ยนแห่งการต่อสู้ คงไม่อาจถูกเพียงแค่นักเลงหัวไม้ต่อยกระเด็นได้
“เฮ้ย ข้าคนเดียวไม่ไหววะ ขอแรงพวกแกทีสิวะ”
“ขอมาจัดให้ครับ”
“อยากตันหน้าไอบ้านี่มันมานานแล้ว”
“ไอบ้านี่สินะ ที่ชอบล้อหัวหน้า? เดียวพวกเรากลุ่มยักษาเรนเจอร์จะจัดหนักให้หัวหน้าเองครับ”
*กรรร!*
แต่บังเอิญว่าครั้งนี้ฑาทิมไม่ได้มาตัวคนเดียว
ในขณะที่ เอลเดอร์ เบอร์รี่ อยู่ตัวคนเดียว
“เฮ้ย–!? !!”
ฑาทิม ไม่คิดจะปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูด หรือมีเวลาเตรียมตัวตั้งท่าต่อสู้
เขาใช้โอกาสที่อีกฝ่ายกำลังสับสน ชิงลงมือหมาหมู่—
ไม่สิ
ต้องเรียกว่า [พลังสามัคคี] ต่างหาก
เป็นพลังสามัคคีที่ใช้วิธีอันคนคายอย่างการ [กระหน่ำบาทา] ใส่
*ผัวะ!* *ผัวะ!* *ผัวะ!* *ผัวะ!* *ผัวะ!* *ผัวะ!*
เสียงรัวหมัดดังขึ้นต่อเนื่องไม่ขาดสาย
*ฉัวะ!* *ฉึก!* *งับ!* *กรร!*
เสียงจมเขี้ยวของมังกรลงไปในผิวหนังดังต่อเนื่องไม่มีหยุด
“หัวหน้า ร่างกายของมันไม่เหลือพื้นที่ให้อัดแล้วครับ!”
“เอาเชือกล่ามตัวมัน แล้วให้มังกรลากไปทิ้งที่กลางทุ่งด้านนอกซะ!”
“รับทราบครับ! เจ้านัมเบอร์หนึ่งถึงสี่ พร้อมไหม? ”
*กรรรร!*
ฑาทิมกับพรรคพวกของเขาอัดอีกฝ่ายจนมีสภาพคล้ายกับก้อนผ้าขี้ริ้วแห้ง ๆ
ใช้มืออันใหญ่โตคว้าเชือกมาจับมัดก้อนผ้าขี้ริ้วไปผูกติดกับมังกรทั้งสี่ตัว แล้วลากออกไปด้วยพละกำลังอันล้นเหลือของมังกร
ก้อนผ้าขี้ริ้ว กำลังเสียดสีไปกับผิวดินและหินที่หยาบกระด้าง
เลือดสีดำไหลทาประทับพื้นเป็นเส้นยาว
เส้นทางที่ถูกวาดนั้น วิ่งยาวออกจากกระท่อม ไปจนถึงลานทุ่งหญ้าที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของสวน แล้วปล่อยทิ้งสิ่งโสโครกนั้นเอาไว้
“…”
ไม่รู้สึกยินดี
ไม่รู้สึกเสียใจ
ไม่รู้สึกสะใจ
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดเช่นกัน
ทั้งที่ได้ลงมือแก้แค้นกับชายที่กลั่นแกล้งมาตลอดชีวิต แต่ฑาทิมกลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักอย่าง
ในใจของเขานั้น มีความคิดอยู่เพียงแค่อย่างเดียว
นั่นคือ “จะปล่อยไอชาติชั่วนี่ไปไม่ได้เด็ดขาด”
เพราะว่ามันเป็นตัวอันตรายต่อยายพรุนที่เขารักเหมือนเป็น [แม่] ของเขาเอง
ตีงูต้องตีให้ตาย
กับคนที่มีแนวคิดอันตรายถึงขั้นพยายามฆ่ามังกรลี่ที่เป็นมังกรประจำตระกูล จะยอมให้เขาทำเป็นใจดีปล่อยให้มันมีชีวิตต่อไปอย่างงั้นหรือ?
“ (ภัยที่อาจย้อนกลับมาหาตัวเอง… คิดอีกที ฆ่าแม่งทิ้งตรงนี้เลยดีกว่า) ”
ต้องฆ่ามันทิ้ง ตอนนี้ ตรงนี้เลย!
“ขอยื้มหน้าไม้ทีนะเจ้าพวกเด็กน้อย”
“แอะ? ”
บุรุษฑาทิมใช้มือขวาแย่งหน้าไม้ติดฉมวกเหล็กยาวชนิดเจาะเกราะขนาด 1.5 เมตร มาถือในมือ
เขาเล็งเป้าไปที่ส่วนหัวของซากผ้าขี้ริ้มที่หายใจรวยรินห่างออกไปข้างหน้า 15 เมตร
“ (สูดลมหายใจเข้า— แล้วออก ทำสมาธิ…) ”
“ (อย่าไปคิดว่าเป็นการฆ่าญาตพี่น้อง เพราะเราไม่ได้มีสายเลือดของพวกเขาไหลเวียนอยู่ในร่างกายมาตั้งแต่แรก) ”
“ (มันคือการต่อสู้เพื่อปกป้อง… ท่านยายพรุนคงเข้าใจข้า) ”
ฑาทิมคิดเช่นนั้น แล้วเปิดตากว้าง บิดกล้ามเนื้อส่วนปลายนิ้วชี้ขวา ลั่นไกหน้าไม้ยิงฉมวกเหล็กสังหารออกไปในทันที
MANGA DISCUSSION