***วันที่ 30 เกอเนริบส์ ปีประวัติศาสตร์ที่ 126***
เวลา 20:00 น. ทวีปป่าหิน-ร็อค ฟอร์เรส
“สวัสดีทุกคน! เรา! ผู้เป็นพิธีกรและควบตำแหน่งกษัตริย์แห่งยักษา [ดูเรียนที่ III] จะขอเริ่มดำเนินงานเทศกาลที่จัดขึ้นปีละครั้งของเผ่ายักษาพวกเรา! ทุกคนพร้อมกันหรือยัง!”
“พร้อมมมม!”
“ฝั่งขวาของเวที พร้อมหรือยัง!”
“พร้อม!”
“แล้วฝั่งซ้ายละ!? ”
“พร้อม!”
“พวกมังงงงง~ กร ละ? ขอเสียงหน่อย!”
*กรรรรรรร!*
“ในเมื่อทุกคนท่านพร้อมแล้ว เราผู้นี้ก็ขอเปิดงาน [ประชันกำลังแห่งยักษา] ! ณ บัดนี้!”
““““โอ๊ววว!!!!!””””
เสียงคำรามของเหล่าผองเพื่อนชาวเผ่ายักษากับมังกร ดังกู่ก้องไปไกลนับสามสิบลี้
สั่นสะเทื่อนแผ่นดินและท้องฟ้าจนเหล่าแมกไม้ป่าหินต้องสั่นไหว
เพราะงานเทศกาลที่แสนสนุกของพวกเขา กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
งาน [ประชันกำลังแห่งยักษา]
มันคืองานเทศกาลอันยิ่งใหญ่ ที่แสดงถึงความเคารพสูงสุดต่อ พระแม่ [เกียอา] เทพสูงสุดของเผ่ายักษาตามความเชื่อของพวกเรา
[เกียอา] [ไกอา] [เกอา] [จีอา] หรือแม้แต่ [เทอร์รา] คือนามของเทพีองค์เดียวกัน
เป็นนามของเทพแห่งพื้นพิภพในรูปลักษณะของสตรีเพศ ต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่งทั้งปวง
เผ่ายักษาจะทำการถวายความเคารพต่อหน้าเทพีผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยการจัดงานประลองกำลัง เป็นการถวายการแสดงต่อสู้ให้กับเทพ
การต่อสู้จะมีทุกรูปแบบ ตั้งแต่มือเปล่า ใช้อาวุธ ไปจนกระทั้งขี่มังกรต่อสู้กลางเวหา
มันคืองานเทศกาลเช่นนั้น
“เอาละครับ ก่อนที่งานประลองกำลังจะเริ่ม เราขอเชิญทุกท่านพบกับ [แชมป์เปี้ยน] ของปีที่แล้ว —เอลลลลลล เดอร์เบอร์รี่!!!”
““““โอ๊ววว!!!!!””””
เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้งจนแทบจะทำให้หูหนวก
แต่แทนที่จะรู้สึกรำคาญ มันกลับทำให้ชายผมรู้สึกหัวใจเบ่งบานมากกว่า
“แชมป์เปี้ยน!”
“ท่านเอลเดอร์เบอร์รี่!”
“ท่านผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าเผ่ายักษ์!”
“ผู้กล้ารุ่นที่ 3!!”
ในสถานที่แห่งนี้ ล้วนแล้วมีแต่คนส่งเสียงชื่นชมในตัวของผม
ทุกคนต่างให้การยอมรับ ว่าผมคือผู้เหมาะสมที่จะสืบทอดนามของตระกูลในรุ่นถัดไป
ทุกคนล้วนต่างเรียกขานแต่ชื่อของผม
ยกเว้นเพียงแค่—
ที่ใจกลางของสนามประลอง คือ ดาวเคราะห์เทียมลอยตัวอยู่เหนือพื้นสูงขึ้นไปกว่า 100 เมตร
มันเป็นดาวเคราะห์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยผิวดินที่อัดจนเรียบสนิททั้งผืน ทอดยาวเป็นทรงกลมเพื่อให้เป็นสนามประลองที่ไร้ขอบเวที
การประลอง จะต่อสู้กันบนดาวเคราะห์เทียมที่ลอยตัวเหนือพื้น
ณ สนามประลองบนดาวเคราะห์เทียมดวงนี้ มันกำลังถูกล้อมไปด้วยอัฒจันทร์ที่สูงใหญ่ เรียงตัวในลักษณะหกเหลี่ยมปิดล้อมลานประลอง พร้อมกับมีม่านพลังงานไร้สีกางปิดล้อมสนามเอาไว้
มีหอคอยสูงตามยอดมุมทั้งหกของตัวอาคาร ติดตั้งกล้องถ่ายทอด ฉายภาพจากมุมทั้งหกเพื่อแพร่ภาพไปทุกสายตาทั่วโลกที่กำลังจับตามองดู
ถัดออกไปที่ด้านหลังอัฒจันทร์ในทางทิศตะวันออก จะมีรูปปั้น [พระแม่เกียอา] ขนาดใหญ่ประดิษฐ์ขึ้นจากดิน หันเข้ามามองดูสนามประลองของพวกเรา
—ใช่
ท่ามกลางสายตาและเสียงแห่งความปิติยินดีที่มีให้ผมนั้น กลับไม่มีเสียงของน้าพรุนเลยแม้แต่น้อย
เธอทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้กับผมอย่างพอเป็นพิธี แล้วหันกลับไปนั่งชมวิวตามประสาของคนแก่ที่เลอะเลือน…
เมื่อไหรจะรีบ ๆ ลงโลงไปซักทีกันนะ?
เพราะคนที่ขวางเส้นทางสู่เก้าอี้ผู้นำตระกูลในเวลานี้ คือตัวน้าพรุนนี่แหละ
ตระกูลของผู้กล้านั้นยิ่งใหญ่
มันเป็นตระกูลที่เต็มไปด้วยอำนาจ เงินตรา และทรัพย์สิน
แต่ทั้งที่มีทรัพยากรณ์เพียบพร้อมจะขึ้นมาปกครองเผ่ายักษา ผู้นำตระกูลรุ่นก่อน ๆ กลับเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างสมถะ แล้วก้มหัวงก ๆ รับคำสั่งจากคนอื่นเพียงแต่อย่างเดียว
ทั้งที่ระบบปกครองของพวกเราถูกเปลี่ยนไป เปิดโอกาสให้เลือกผู้นำตามอย่างหลักปรัชญาประชาธิปไตย แต่กลับไม่ยอมคว้าโอกาสนั้นเอาไว้
ไม่ว่าแนวคิดของปู่บานากับยายแครอท
แนวคิดของน้าพรุน
แนวคิดของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด
รวมไปถึงแนวคิดของคนอื่นในสาขาตระกูลที่ไม่อยากเอาตระกูลไปยุ่งเกี่ยวการเมือง
มีแต่ไอพวกขี้ขลาดตาขาวทั้งนั้น
ถ้าเอาแต่ก้มหัวรับคำสั่ง ไม่คิดจะก้าวเดินต่อไป อนาคตของตระกูลคงมีแต่จะดิ่งลงเหว
เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปให้ได้ เพื่อที่จะปฏิวัติแนวคิดของตระกูล แล้วคว้าตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเผ่ายักษามาครอบครอง
ผมคิดเช่นนั้น แล้วมองไปที่น้าอีกรอบ
น้ายังคงสามารถยิ้มได้อย่างปกติ ทั้งที่มังกรสุดรักของตัวเองหายตัวไปร่วมครึ่งเดือน
ไอมังกรบ้านั่นเป็นอีกตัว ที่ทำให้ผมไม่สามารถขึ้นเป็นผู้นำตระกูลได้
เพราะมันไม่ยอมรับตัวผม แล้วไปตีสนิทกับเจ้าโง่สายเลือดสกปรกแทน
มังกร [ลี่] ปัจจุบันได้กลายเป็นเนื้อมังกรแช่แข็ง นอนรอเตรียมเอามาปรุงฉลองให้กับชัยชนะของผมในวันนี้อยู่ที่ฐานลับขององค์กรแล้ว
ในเมื่อทำตัวน่ารำคาญสายตามากนัก เลยขอยิ้มมือองค์กรให้เชือดมันทิ้ง
ในตอนแรกที่รู้ว่าเจ้าบ้าฑาทิมมันรู้แผนการของผม จนไปถึงพยายามส่งเมล์บอกน้าพรุน ก็ยังแอบเป็นห่วงอยู่ ว่ามันจะเข้ามาขัดขวางแผนการ
เพราะมันไม่ใช่ง่ายเลย ที่จะโน้มน้าวให้ทุกคนในตระกูล รวมไปถึงตัวน้าพรุน ให้พร้อมใจกันออกไปร่วมงานปาร์ตีของราชาดูเรียนที่สาม เพื่อเปิดโอกาสให้นักฆ่าขององค์ทำงานง่ายขึ้น
แต่สุดท้าย มันกลับขี้ขลาดเกินกว่าจะลงมือทำอะไรในวันนั้น เลยทำให้เราได้เนื้อชิ้นโตกลับมา
ช่างน่าสมเพชนัก
มังกรที่ขวางทางได้ตายไปแล้ว
น้าเองก็ไม่รู้ แล้วเข้าใจไปเองว่ามันหนีกลับเข้าป่าเหมือนตัวรุ่นก่อนหน้าที่เป็นคู่หูของปู่กับยาย
เส้นทาง— กำลังโปรยไปด้วยกลีบดอกกุหลาบ
ผมทำเป็นยิ้มแล้วโบกมือให้กับน้า ก่อนจะเริ่มเดินตรงไปที่ดาวเคราะห์เทียมที่ลอยอยู่เหนือใจกลางสนาม
กระโดดด้วยพลังกล้ามเนื้อขาอันแข็งแกร่งไปยืนบนดวงดาว แล้วปล่อยให้ร่างกายถูกเหวี่ยงไปตามแรงดึงดูดเทียมของดาวดวงนั้น
หัวและโลกทั้งใบกำลังพลิกกลับด้าน จนกระทั้งขาและมือทั้งสองสัมผัสได้ถึงผิวดินในท่าฮีโร่แลนดิ้ง
““““โอ๊ววว!!!!!””””
เสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่ว่าจะทวงท่าไหน ย่อมต้องแสดงออกให้มีลักษณะถึงความสง่างามเพื่อภาพลักษณ์
ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อการขึ้นสู่ในตำแหน่งของผู้นำตระกูล
จงจดจำนามของผม
จงเรียกขานนามของผม
นามของบุรุษผู้สืบทอดสายเลือดลูกหลานผู้กล้าเผ่ายักษ์
[เอลเดอร์เบอร์รี่]
***ในเวลาเดียวกัน***
ณ ป่าเขาหินลึกทางตอนทิศตะวันตกของเมือง
*ปี้~*
*กรร~*
“เออ ๆ รู้แล้ว! วันนี้ข้าจะอยู่เล่นกับพวกเจ้าเหมือนกัน เพราะงั้นเลิกดึงเสื้อข้ากันได้แล้วโว๊ยไอพวกบ้า!”
ข้า ฑาทิม กำลังลำบากเพราะมังกรห้าตัว ที่กำลังพยายามยื้อแย่งตัวไปเล่นด้วย
เป็นหนุ่มเนื้อหอมมันช่างบาปหนายิ่งนัก~
“หัวหน้า… เมื่อไหรพวกเราจะได้กลับเมืองกันสักทีครับ? ”
“อยากนอนเตียงนุ่ม ๆ ”
“อยากเที่ยวงานเทศกาล”
“พูดมากจริงนะพวกเอ็ง! มันช่วยไม่ได้นี่หว่า! พอข้าจะกลับเมือง ไอลี่เองก็จะตามข้ากลับมาด้วย! ถ้าเป็นแบบนั้น ไอที่ลงทุนลักพาตัวมาคืนป่าก็พังกันหมดพอดีสิวะ!”
วันนั้น วันที่ข้าลักพาตัวเจ้าลี่มา มีเพียงแค่เจ้าบ้ามนุษย์หน้าอ่อนคนเดียวที่ไปบังเอิญเห็น ตอนข้ากำลังลักพาตัวเข้าให้
แต่โชคดีที่มันเรียกร้องเพียงแค่เงินเล็กน้อยไปจากข้า แล้วยอมปิดปากเงียบ เลยทำให้ความยังไม่แตกมาจนถึงทุกวันนี้
แต่ปัญหาล่าสุดที่ข้าต้องเผชิญ คือการทำให้เจ้าลี่ยอมกลับคืนสู่ป่าให้ได้ก่อน
ไม่อย่างงั้นสักวัน มีหวังได้กลับไปหายายพรุนด้วยตัวเองเป็นแน่แท้
“พี่ฑาทิม อยากกินพิซซ่าอ๊ะ~”
“หิวแล้ว!”
“ขอข้าวหน่อยจิ!”
นอกจากจะปวดหัวกับมังกรแล้ว ยังต้องมาปวดหัวกับการเลี้ยงเด็กอีก 4 คน…
การที่พวกเราสามารถลักพาตัวมังกรออกมาได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ ต้องขอบคุณทีมเด็กสี่คนที่พ่วงติดมาอย่างบังเอิญ
ด้วยฝีมือการแฮ็กระดับพระเจ้าของพวกเธอ เลยทำให้ไม่มีภาพของพวกเราติดอยู่ในกล้องตัวไหนของเมืองเลยแม้แต่ตัวเดียว
“…ว่าแต่พวกหนู ๆ ไม่ยอมกลับไปที่วิหารนานขนาดนี้ มันจะไม่เป็นอะไรเรอะ? ”
“ไม่ต้องห่วง เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน มีส่งข้อความกลับไปบอกคุณเทเรซ่าแล้วว่าสบายดี”
“ให้ แคนนี่ เป็นคนแต่งเทียนเขียนเนื้อราวส่งไป จนทางนั้นยอมให้พวกเราออกมาเที่ยวเล่นแล้วแหละ”
“เหมือนว่าจะโยนความผิดทั้งหมดให้นาดี้คนเดียวเลยละ”
“เอาจริงดิ! ทำไมไม่เห็นรู้เลยพี่ไชน์!!? ”
“ไปถามนาดี้เอาเองสิ พี่สาวไม่เกี่ยวนะ~”
“แคนนี่!!”
“โอบีเดียนเป็นคนสั่งให้ทำนะ”
“เอ๊!? ฉะ— ฉันไม่เกี่ยวนะ! แง!!”
อะไรของเด็กพวกนี้กันเนี่ย…
ถึงจะรู้สึกปวดหัว แต่เพราะเด็กพวกนี้ร่าเริงมาก และเข้ากับมังกรได้ดี เลยสามารถแบ่งเบาภาระการเล่นกับมังกรให้ข้าได้มากทีเดียว
แต่จะให้อยู่ในป่าแบบนี้ตลอดชีวิตก็คงจะไม่ไหว
ยังไงก็ต้องหาวิธีให้เจ้าลี่ยอมอยู่ในป่าให้ได้ก่อน
มันจะมีวิธีไหนดี ๆ สักทางไหมนะ?
ข้ายืนนิ่งอยู่บนยอดหิน ท่ามกลางเทือกเขาสูงที่ขึ้นรายล้อมคล้ายป่าไผ่
แสงอาทิตย์ที่ส่องลอดผ่านลงมา ได้ตกกระทบผิวกาย จนเห็นเป็นราวกับฉากที่ตัวละครหลักกำลังจะนึกไอเดียสุดบรรเจิดเพื่อแก้ปัญหาออกมา
*พิ้ว~* (เสียงลมพัด)
แต่โทษทีวะ บังเอิญว่าข้ามันโง่ นึกอะไรไม่ออกเลยสักนิด~
เฮ้อ… ทำไมชีวิตมันถึงได้—
*แซ๊ก–*
…เสียงอะไร?
*แซ๊ก– แกร๊ก…*
เสียงนั้นกำลังดังขึ้น
ข้ากับลูกน้อง และมังกร ต่างหันไปในทิศของเสียง
ข้าเห็นเปลวเพลิงสีขาวกำลังลุกโชนท่วมท้องฟ้าทางทิศเหนือ ย้อมผืนนภาให้กลายเป็นแสงที่ไร้สี
*ฟูว–มมม!!*
เสียงนั้นกำลังเข้ามาใกล้พวกเรามากขึ้น
ใกล้มากขึ้น พร้อมกับเปลวเพลิงที่เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ทุกคน หลบ!”
พวกเราต่างเริ่มวิ่งหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่น
วิ่งไปขึ้นยานกระทิงทั้งสี่ลำ แล้วเร่งเครื่องบิดหนีออกจากเส้นทางที่เจ้าสิ่งนั้นกำลังวิ่งผ่านหลังไป
แสงไฟนั้นแทบไม่ต่างไปจากเสาแสงแห่งการทำลายล้าง ที่ยิงลงมาจากอาวุธสงครามอวกาศที่มักเห็นกันในหนังภาพยนตร์
เป็นเสาแสงที่น่ากลัว ละลายทุกสิ่งที่มันวิ่งผ่านให้กลายเป็นบ่อลาวา
หลอมได้แม้แต่ภูเขาที่สูงชัน ลบมันให้หายไปจากแผนที่
“นั่นมันตัวอะไรวะ!”
ต้นเหตุแห่งเสาแสง คือเงาสีดำขนาดใหญ่ที่กำลังกางปีกปกคลุมท้องฟ้า
ในเวลานั้นข้ารู้สึกได้ถึงความตาย
รู้สึกราวกับวิญญาณกำลังจะหนีออกจากร่างกายเพียงเพราะแค่ได้เห็นตัวของมัน
ผิวสีดำขลับ
ปีกที่ใหญ่จนกลืนไปทั้งท้องฟ้า
ดวงตาสีแดงที่ดุร้าย
เขี้ยวและปากที่กว้างพอจะกลืนภูเขาได้ทั้งใบ
ข้าไม่เคยเห็นมังกรอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต
เป็นตัวตนที่มักเคยได้ยินแค่เพียงในตำนาน
อสูรร้ายแห่งการกลืนกิน [มังกรทมิฬ]
เจ้าสิ่งนั้นบินผ่านหลังของพวกเราไป แล้วหักเลี้ยวไปในทิศตะวันออกเฉียงใต้
มุ่งหน้าไปในทิศที่เมืองตั้งอยู่
เมือง— ที่ยายพรุนของข้าอาศัยอยู่
*กรรรร!*
“เดียวก่อน เจ้าลี่!”
ราวกับรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเจ้านายของมัน
มังกรของยาย ถึงกับรีบกระโจนลงแม่น้ำ แล้วดำหายไปในผิวแม่น้ำอันเชี่ยวกราก
แย่ละสิ…
นะ– นี่ข้าควรจะยังไงต่อดีเนี่ย!?!
MANGA DISCUSSION