***วันที่ 7 เกอเนริบส์ ปีประวัติศาสตร์ที่ 126***
เวลา 15:00 น. ทวีปป่าหิน-ร็อค ฟอร์เรส
ณ ห้องนอนภายในยานโลมาแสนน่ารัก
พวกเรากำลังตื่นขึ้นจากการหลับพักผ่อน ที่เมื่อวานเหนื่อยจากการเดินทางไกลกันมา
“เช้าแล้ว~ นอนสบายดีแท้~ การมีบ้าน มีเตียงนุ่ม ๆ นอนกลางป่ากลางเขามันดีแบบนี้นี่เอง~”
“พบคนขี้เห่อบ้านใหม่ 1EA ละ”
[คนขี้เห่อ 1EA ค่ะ o_o]
ไม่ต้องมาทำเป็นแซวใส่เราเลยนะยัยพวกนี้นี่!
แต่มันนอนสบายจริง ๆ นะ ไอเตียงที่แสนนุ่มฟูตัวนั้น!
นุ่มขนาดที่ว่าอยากเรียนรู้วิธีสร้าง แล้วขนกลับไปใช้นอนที่โลกฝั่งนั้นเลยเชียวละ!
“… ระบบ [โฮโลมิกุไลฟ์] ! เมื่อคืนมีสถานการณ์อะไรที่จำเป็นต้องใส่ใจหรือไม่? ”
เราตะโกนใส่กำแพงไปพร้อมกับบิดปีกของตัวเอง
ความรู้สึกที่เส้นเลือด กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นกำลังถูกดึงจนตึง แล้วผ่อนคลายออกมานี่มันช่างฟินดีเสียจริง
“จากระบบของยาน ขอเรียนแจ้งว่าไม่พบการรุกรานหรือโจมตีจากสัตว์ร้ายค่ะ มีแค่มังสายพันธุ์ที่ราบขนาดเล็กสองสามตัวมาดมยานเล่นเมื่อตอน 10:05 น. เท่านั้นค่ะ”
ไม่เลว~ ไม่เลว~
สามารถรับรู้ถึงผู้บุกรุกได้ตรงกับที่เราคนนี้รับรู้
แสดงว่าระบบป้องกันภัยของยานสามารถเชื่อถือ และไว้ใจให้มันดูแลตัวเองได้
สมกับที่เป็นยานดี ที่เราคนนี้เลือกจ่ายมาเองกับมือ~
ความจริงต่อให้ไม่มีระบบของยานตรวจสอบ ยังไงก็ไม่มีใครหรือสิ่งมีชีวิตตัวไหนสามารถหลุดพ้นจากการตรวจจับด้วยคลื่นพลังวิญญาณของพวกเราสามคนได้
ถ้าจะมี ก็คงมีแต่พวกที่ไม่มีสัญญาณชีวิตอย่างหุ่นยนต์ หรือใช้วิธีแอบดูจากระยะไกล อย่างการใช้ดาวเทียมส่องมาจากนอกโลก หรือที่ท่านยมส่องมาจากอีกฟากของมิติแบบนั้น ที่พวกเราจะไม่รู้ตัว
“เอาละ อีกหนึ่งชั่วโมงพวกเราจะเริ่มออกเดินทางกันต่อด้วยยานเล็ก รีบไปเตรียมตัวให้พร้อมซะ”
“ด้วยยานเล็ก? แล้วยานลำนี้? ”
“จอดทิ้งเอาไว้ที่ข้างนอกนี่แหละ ใครมันจะเอายานลำใหม่ใสกิ้งบินเข้าไปข้างในนั้นกัน? ถ้าถูกพวกผีร้ายหรือมังกรทมิฬโจมตีใส่ มีหวังได้กลายเป็นยานเก่าเก็บกันไปพอดี”
เรายังไม่อยากให้ยานลำใหม่ของพวกเราพังกันตอนนี้หรอกนะ
“ไม่ต้องเฝ้ายาน? ”
“ให้ระบบ [โฮโลมิกุไลฟ์] เฝ้าไปนั่นแหละ หรือถ้าเป็นกังวลนัก เธอก็ลองใช้ไพ่ของเธอทำนายชะตาของยานลำนี้เพื่อเอาไว้เสียเลยสิ? ”
“ได้~”
ว่าแล้วยัยแมรี่ก็เริ่มวิ่งกลับเข้าไปข้างในห้องนอนของตัวเองที่อยู่ติดข้าง ๆ เพื่อทำนายชะตากรรมของยานน้องโลมา
ส่วนยัยลาพิสนั้น—
[ขอฉันเป็นคนขับยานเล็กทีนะคะ ///o‿o///]
—กำลังวาดภาพตาแป๋วแบบเด็ก ๆ ร้องขอของเล่นอยู่ข้าง ๆ …
ให้ลาพิสเป็นคนขับยานอีกรอบอย่างงั้นหรือ?
ภาพยานซิ่งอันน่าหวาดเสียวของเมื่อวาน มันยังคงจำตราตรึงอยู่ในจิตใจไม่จางหาย
ไม่…! ไม่มีวันที่จะให้เธอเป็นคนขับยวดยานอีกรอบเป็นอันขาด!
*** หนึ่งชั่วโมงต่อมา ***
“คิดยังไงของเธอกันเอโซ ถึงยอมให้ลาพิสเป็นคนขับยานเล็กได้เนี่ย! ”
“ก็… แบบว่าเธอขอมา…”
เพราะสายตาออดอ้อนของเธอ สุดท้ายเลยใจอ่อน ยอมให้เธอเป็นคนขับยานเล็กไป…
ซึ่งพอให้ลาพิสเป็นคนขับ มันก็แน่นอนว่า—
*ฟุบ!*
“ลาพิส! จะซิ่งเร็วเกินไปแล้ว!! จะชนหินย้อยแล้ว! หลบ! หลบเร็วสิ! แว๊กกก!?!”
—เธอต้องขับซิงสุดตีนชนิดเรียกเพียรหาแม่น้ำข้ามภพมากวักมือรออยู่ตรงหน้าเลยละคุณ…
รถคันน้อยของพวกเรากำลังบินทะยานเข้าไปในโพรงของภูเขาที่ถูกเปิดออก
แนวหินงอกหินย้อยที่ยื่นยาวจากรอบฝั่ง ได้กลายเป็นแนวกีดขวางตามธรรมชาติอันยากจะสร้างเลียนแบบ
บางจุดคัดแคบเกินกว่าจะขับลอดบินผ่าน
บางจุดมืดทึบไร้ซึ่งแสงสว่างจากยานจะส่องลอดผ่านทั่วถึง
บางจุดเต็มไปด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก รวมไปถึงมีกระแสลมแรง ยากที่จะขับขี่ยวดยานหรือการทรงตัว
บางจุดเต็มไปด้วยรังของมังกรที่ดุร้าย พร้อมจะพ่นลมหายใจอันร้อนแรง เปลี่ยนเส้นทางให้กลายเป็นทะเลเพลิงที่พร้อมจะหลอมทุกสิ่งให้กลายเป็นเนื้อเดียวกับหิน ดิน และทราย
ทุกอย่างได้รวมผสานเข้าด้วยกัน บังเกิดเป็นถนนนักซิ่งอันสุดตื่นตะลึง ท้าประลองให้ทดสอบฝีมือขับขียวดยานของผู้หาญกล้า ที่อยากทดสอบความสามารถของตัวเอง
แต่สหายของเรานั้นไร้ซึ่งความเกรงกลัวต่อเส้นทางที่น่ากลัวนั้น
เธอเหยียบคันเร่งยานจนมิดฝ่าเท้า ใช้ดวงตาแห่งวิญญาณจับสัมผัสรอบตัว แล้วซิ่งทะยานไปในเส้นทางที่แสนจะทรหด ประดุจเป็นผู้กล้าที่ถือดาบไม้วิ่งเข้าใส่จอมมาร
วิ่งทะยานเข้าไป ด้วยยานลูกโลมาตัวน้อยขนาดสี่ที่นั่ง
บินคดเคี้ยว เหวี่ยงอย่างบ้าระห่ำ ตีลังกาสิบตลบ กะจังหวะดริฟแหวกหนึ่งพันโค้ง พุ่งผ่านช่องว่างอันเล็กจ้อยอย่างแม่นย่ำ ประหนึ่งกำลังนำเส้นด้ายวิ่งลอดผ่านรูของด้ายเข็มนับพันเข้าไป
“…”
เริ่มชักจะรู้สึกเมารถ…
ยานลูกโลมามีระบบป้องกันการเหวี่ยงด้วยการควบคุมแรงเฉื่อยกับแรงโน้มถ่วงอยู่
แต่เพราะมันลำเล็ก เลยไม่ได้มีระบบที่ดีเท่ากับยานแม่ของมัน หรือยานกระทิงสำหรับลุยป่าอย่างของเจ้ายักษ์โง่หัวส้มตัวนั้น
พูดตามตรงว่าเริ่มชักอยากจะเอาของเก่าที่กินเข้าไปเมื่อเช้าออกมาตอนนี้แล้ว
อดทน…
อดทนเอาไว้นะเอโซ…
เธอเป็นถึงเทพเจ้า จะมาทำตัวอ่อนแอเพราะเรื่อง—
*พึบ!*
ยานกำลังทะยานหมุนควง 360 องศา 2,000 ตลบ
เป็นการหมุนควงยานในพื้นที่ซึ่งไม่ได้มีสิ่งกีดขวางใด ๆ เลยสักอย่าง
เป็นการหมุนควงยานเล่นของลาพิสเพื่อความสนุกส่วนตัวเท่านั้น
*โอ๊กกกกกกกกกกก!!!!!!*
***เวลา 17:05 น.***
แสงสว่างกำลังส่องกระทบลงบนผิวยาน กับสารเหลวอันน่าขยะแขยงที่ถูกมัดใส่ถุงอย่างแนบแน่น แล้วแขวนเอาไว้ในรถ
ในที่สุด พวกเราก็เข้ามาถึงส่วนลึกของเขตทางตอนเหนือของทวีปได้เป็นผลสำเร็จ
“แหวะ!”
“พื้นดิน! ในที่สุดพวกเราก็ได้ลงมายืนบนพื้นดิน!!”
พูดตามตรงว่าอยากลงมาจากยานจะแย่แล้ว…
ด้วยความสามารถในการขับยานบินอันบ้าระห่ำของลาพิส เลยสามารถทำให้พวกเราผ่านเส้นทางที่ว่ากันว่าโหดหินที่สุดในโลกมาได้อย่างปลอดภัย ด้วยความเร็วสูงสุดชนิดที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้
แต่เป็นเพราะเธอขับยานได้อย่าง… เลวร้าย… เลยกลายเป็นพากันเมารถกันทั้งคันไป…
“ขนาดผมยังเมารถได้… ไม่อยากจะเชื่อ…”
“ลาพิส… พวกเรารู้แล้วว่าเธอขับเก่ง… ยังไงรอบหน้าช่วยเพลา ๆ มือลงด้วย…”
[? _?]
ไม่ต้องมาทำเป็นเขียนป้าย [? _?] ใส่พวกเราเลยนะยะ!
ยัยลาพิสกำลังทำหน้าตาใส ๆ งี่เง่า ๆ ใส่พวกเราประมาณว่า “เค้าเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่อง เค้าหูหนวก เค้ามองไม่เห็น เค้าผิดตรงไหนเหยอ? ” อะไรแบบนั้น
ให้ตายเถอะโยม! ไม่ต้องมาทำเป็นแกล้งโง่ใส่พวกเราเลยนะยะ!
แต่ยอมรับอย่างว่ายัยนี่ขับยานเหาะเก่งที่สุดจากในกลุ่มของพวกเราสามคน
จะเสียอย่างเดียวก็ตรงที่ยัยนี่ไม่มีสามัญสำนึกของการขับขี่ยานอย่างปลอดภัย
สงสัยกลับเข้าเมืองรอบนี้ คงต้องจับส่งโรงเรียนฝึกสอนขับยานเหาะกันสักหน่อย ยัยนี่จะได้มีสามัญสำนึกขึ้นมาเหมือนคนทั่วไปบ้าง
เรากับยัยแมรี่เองจะได้ไปสอบเอาใบขับขี่มาใช้กันด้วย
“ว่าแต่— ดูสงบกว่าที่คิดแฮะ สัมผัสวิญญาณเองก็ดูปกติ ไหนละ? จุดรั่วไหลของพลังงานที่ท่านยมบอก? ”
“… เธอพูดถูก เราเองก็ไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ผิดปกติสักอย่าง ลาพิส แล้วเธอละ? รู้สึกอะไรไหม? ”
[มีมังกรตัวเขื่องหนึ่งตัว กับตัวเล็กหนึ่งตัว และมนุษย์นกห่างจากจุดที่พวกเรายืน อยู่ไกลออกไปราว 10 กิโลเมตร แต่ไม่มีพบพลังงานวิญญาณรั่วไหลออกมาบนพื้นที่ว่างมิติเช่นกันค่ะ]
มังกรสองตัวกับมนุษย์นก?
เป็นการจับคู่ที่แปลก ๆ อยู่
มังกรตัวเขื่องคงเป็นเจ้ามังกรในตำนานของเผ่ายักษ์ ส่วนตัวเล็ก— คงจะเป็นคู่ขาของมันละมั้ง?
แต่มนุษย์นกที่ไหนจะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้
รู้สึก— ได้ถึงความวุ่นวายบางอย่าง…
“ในเมื่ออีกฝั่งยังไม่รู้สึกถึงพวกเรา พวกเราเองก็อย่าไปยุ่งกับพวกตัววุ่นวายเลย มาทำหน้าที่ของพวกเรากันดีกว่า”
“เอ๊—!? แต่สัญชาตญาณสาวน้อยของผม มันกำลังบอกว่าถ้าไปทิศทางที่ลาพิสชี้ จะได้พบกับสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งด้วยนะ!”
ในตอนนั้นเองที่เราบังเอิญนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ในอดีตอันไกลโพ้น ในยุคสมัยที่พวกเราพึ่งจะสร้างโลกนี้ให้เป็นเวทีสงคราม เพื่อเป็นเวทีความบันเทิงของพวกเรา
ในยุคสมัยนั้น ได้มีเผ่ามนุษย์นกติดบัคคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา
เธอมีนิสัยรักอิสระ
เธอมีหน้าตาน่ารัก และจุดเด่นตรงขนสีแดงสลับขาว
เธอร้องเพลงเก่ง มีเสียงเพลงที่สามารถหยุดสงครามได้
มีนิสัยชอบบินหลงทิศหลงทางจนเกิดเรื่อง
ร่าเริง ไร้เดียงสา และมองโลกในแง่ดี แถมยังขี้อ้อนเหมือนนกตัวน้อย ๆ แรกเกิด
เป็นเจ้าของฉายาสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ด้วยการที่เป็นร่างโฮสของเผ่าพันธุ์พิเศษ [โพรแคริโอต] สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีมันสมอง และสามารถปรับแต่งร่างกายที่อาศัยอยู่ให้มีความแข็งแกร่งเป็นดั่งปราสาทอาศัยของตัวเอง
จากที่เราคำนวณ— อายุขัยของเธอน่าจะถูกยืดให้มีมากกว่าปกติราว 100-200 ปี ได้
เธอคือตัวตนสุดยอดแห่งความบันเทิงที่พวกเราชอบสอดดูจากโลกอีกฝั่ง เพราะสามารถสร้างความบันเทิงให้พวกกับพวกเราสามคนได้ทุกเวลา
ตัวตนสุดยอดแห่งสิ่งมีชีวิตที่ไร้เดียงสาบริสุทธิ์อันมีนามว่า
[เปอร์ไซด์]
ถึงจะมีนิสัยอันโดดเด่นที่ทำให้พวกเราสามารถรับชมได้อย่างสนุกสนานทุกครั้งที่ได้ส่องดูจากโลกฝั่งนั้น
แต่เราขอบอกตรงนี้เลย
ถ้าหากว่ามีโอกาสต้องมาเจอกับยัยบ้องตัวจริงแล้วละก็
เรานี่แหละ ที่จะขอเผ่นหนีเป็นคนแรกก่อน!
“ไม่ต้องมาตงมาแต่! ลืมภารกิจของท่านยมไปแล้วหรือยังไงกัน!”
“อึ๊ก… ก็ได้… ฮือ… โอกาสเจอสาวน้อยน่ารักตัวเป็น ๆ … แง…”
ไอเจ้าตาลุงในร่างสาวน้อยภูติตัวนี้นี่มัน—
เราสะบัดหัวไม่สนใจยัยหัวแดง แล้วให้ลาพิสนำยานลูกโลมาบินออกไปอย่างช้า ๆ
ท้องฟ้าที่ถูกบดบังด้วยม่านสนามพลังแรงสูง กำลังสาดละอองแสงสีรุ้งให้โปรยปรายคล้ายเกล็ดหิมะลงมา
แผ่นดินถูกปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าสีรุ้งระบายอ่อน ๆ ลานตา จนชวนให้รู้สึกราวกับกำลังโลดแล่นอยู่ภายในความฝันอันแสนหวาน
ไกลออกไปที่เส้นขอบฟ้า จะสามารถมองเห็นกำแพงหินสูงชันของภูเขา ที่ปิดพื้นที่ภูเขาทางตอนเหนือนี้ให้กลายเป็นพื้นที่แยกออกจากโลกภายนอก กับเห็นรากไม้ขนาดยักษ์ ที่มีปลายรากห้อยลงมาจากยอดเขา
ที่ปลายรากของมัน มีหยดน้ำแสนหวานขนาดเท่าบ้านกำลังไหลออกมาเป็นเม็ดลูกกวาด
เม็ดลูกกวาดะรรมชาติแสนหวานเหล่านั้น กำลังสุมกองอยู่ตรงพื้นเป็นจำนวนมาก
มีสัตว์น้อยใหญ่จำนวนไม่มากพักอาศัยในเขตพื้นที่นี้
พวกมันโผล่หัวปุยขนสีขาวให้เห็นเป็นระยะจากทุ่งหญ้าเหล่านั้นมามองดูพวกเราด้วยความสนใจ ก่อนจะวิ่งไปแทะเล็มก้อนน้ำตาลหวานเพื่อเติมเต็มท้องที่หิวโหยของพวกมัน
ไม่มีมังกร ไม่มีนักล่า หรือสัตว์อันตรายใด ๆ ในพื้นที่แห่งนี้
แม้แต่วิญญาณหลงอันโสมมก็ยังไม่มี
เรียกได้ว่าเป็นสถานที่อันเหมาะสมในการพักอาศัย สำหรับจ้าวมังกรผู้ที่ไม่อยากให้ใครมารบกวนยิ่งนัก
“ไอมังกรทมิฬตัวนี้มันมีรสนิยมในการเลือกบ้านไม่เลวแฮะ”
เราวิจารณ์ออกไปตรง ๆ ในระหว่างที่ตัวยานบินเลียบพื้นไปด้วยความเร็วต่ำ
พวกเราบินสำรวจต่อไปเช่นนั้นเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง
ทั้งเหนือทะเลสาบน้ำหวานขนาดใหญ่ที่เกิดจากรากไม้ทิ้งน้ำเลี้ยงให้ไหลลงมารวมตัว
ทั้งพื้นที่เขตหินงอกหินย้อยตามแนวตีนเขา
ทั้งพื้นที่หินเพชรที่ส่องแสงแวววาวคล้ายเป็นแผ่นกระจกในทิศตะวันออก เหนือ จรดใต้
ช่างสงบ…
สงบเกินไปอย่างน่าตกใจว่ามันมีจุดรั่วไหลของวิญญาณที่นี่แน่หรือ?
“จะสำรวจครบทั้งหมดแล้ว แต่ไม่เจอจุดไหนที่น่าสงสัยเลยแฮะ”
“…”
ไม่ เรายังสำรวจไม่ครบ
มันยังเหลืออีกที่หนึ่งไม่ใช่หรือ?
ตรงพื้นที่ใกล้ทางเข้า ตำแหน่งที่เป็นรังของมังกรทมิฬกับยัยนกตรงนั้น
MANGA DISCUSSION