***วันที่ 6 เกอเนริบส์ ปีประวัติศาสตร์ที่ 126***
เวลา 20:00 น. ทวีปป่าหิน-ร็อค ฟอร์เรส
“ได้เวลาออกเดินทาง!”
“โอ๊วววว! ในที่สุดก็มียานเหาะเป็นของตัวเองกันเสียที! ว่าแต่…”
[ลำใหญ่เกินไปหรือเปล่าคะ? _?]
ฉัน กับสหายเอโซ และแมรี่ กำลังยืนอยู่ภายในห้องทรงโดม ที่มีแท่นคริสตัลเจ็ดสีสูงสองเมตรที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของห้อง
ที่รอบของแท่นคริสตัล มีเก้าอี้นวมขนาดพอดีตัวจำนวนมากกว่าสิบที่นั่ง วางเรียงเอาไว้โดยรอบเป็นวงกลม และมีเครื่องควบคุมสามมิติชนิดฉายภาพบนอากาศ กางออกเรียงเป็นหน้าจอที่ยาวรอบ 360 องศา
หากให้บรรยายให้เห็นภาพอย่างง่าย มันก็คือสะพานเดินเรือรูปแบบยานอวกาศที่มักเห็นกันตามในหนังค่ะ
ใช่ค่ะ ฟังไม่ผิดหรอก พวกเรากำลังยืนอยู่บนสะพานเดินเรือที่ราวกับหลุดมาจากหนังยานรบอวกาศค่ะ
เพราะว่าคุณเอโซเข็ดขยาดกับยานประเภทใช้สัตว์เป็นพาหนะ เลยตัดสินใจสั่งซื้อยานเหาะรุ่นล่าสุดที่มีขายตามเว็ปมาเป็นของตัวเอง
ถึงจะมองไม่เห็น แต่พอจะยังสามารถบรรยายรูปร่างของมันให้คุณผู้เฝ้ามองทั้งหลายได้อยู่ ด้วยการใช้คลื่นวิญญาณสัมผัสของฉันค่ะ
เพราะฉะนั้น หายห่วงได้เลยค่ะ รับรอง บรรยายไม่มีตกหล่นอย่างแน่นอนค่ะ!
มันเป็นยานทรงปลาโลมาน่ารัก มีรูปร่างเพรียวหัวมน ยาว และมีครีบขนาดเล็กตรงหัวกับท้ายยานเพื่อล้อรูปร่างของโลมา
เป็นโลมาที่ถูกทาสีสลับสามสีตามสีผมของพวกเรา โดยไล่จากส่วนหัวเป็นสีเหลือง ตรงกลางสีฟ้า และท้ายยานเป็นสีแดง
จะมีแปลกพิกลหน่อยก็ตรงที่ปลายจมูกของปลาโลมา ที่ถูกเธอปล่อยว่างไม่ทาสี แล้วให้เป็นผิวสีเงินตามเนื้อวัสดุ กับส่วนดวงตา ที่เธอจงใจทามันให้เป็นสีดำ
อันนี้คือฟังมาจากเอโซอีกที ไม่ใช่ว่าฉันสามารถมองเห็นสีได้หรอกนะคะ
ว่าแต่สีเงินกับสีดำ…
ไม่ใช่ว่านั่นคือสีประจำตัวของเจ้าหนูไซน์ กับแม่ค้ากระต่ายคนนั้นหรอกหรือค่ะ?
ไหนว่าเป็นยานของพวกเราแค่สามคน?
เอโซนี่ช่างเป็นคนที่ซึนเดเระจริง ๆ ค่ะ
มาต่อที่ขนาดของยานเหาะ
ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย กว้างราว 40 เมตร ยาวราว 160 เมตร… ประมาณใส่คฤหาสน์หรูเข้าไปได้ทั้งหลังแค่นั้นเองค่ะ
มีห้องนอนแยกสามห้อง ห้องนอนรับแขกอีกห้า ห้องคนรับใช้ ห้องครัว ห้องกินข้าว ห้องโถงรับแขก ห้องทำงานอีกสาม ห้องออกกำลังกายหนึ่ง มีสระว่ายน้ำระบบไร้แรงโน้มถ่วง ห้องชมวิว สะพานเดินเรือ ห้องเครื่องยนต์ ดาดฟ้าเรือ ห้องเก็บของย่อย ห้องเก็บของหลัก โกดังเก็บยานเหาะขนาดเล็กเพื่อการขนส่งและสำรวจที่กว้างพอเก็บได้สี่คัน ห้องทดลองหรือเก็บอุปกรณ์ แล้วยังมีห้องผลึกพลังงานภูติที่ใช้สร้างบาเรีย รวมไปถึงเป็นระบบป้องกันตัวของยานด้วยพลังงานเวทมนตร์
การเคลื่อนไหวจะใช้ระบบแรงยกตัวด้วยพลังงานแห่งความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีเผ่าลิซาร์ดแมน ผสานกับระบบวงจรเวทมนตร์ที่ใช้แร่ภูติ ผนวกกับเทคโนโลยีเวทมนตร์ของเอลฟ์ไปพร้อมกัน
มีทรัสเตอร์พิเศษที่ท้ายยานเพื่อใช้เป็นแรงขับดันเร่งความเร็วพิเศษ
นอกจากระบบขับเคลื่อนที่เร็วเป็นพิเศษแล้ว ตัวยานยังมีระบบ AI ควบคุมอัจฉริยะที่คอยสนับสนุนผู้ใช้งานนาม [โฮโลมิกุไลฟ์] อีกด้วย
ระบบป้องกันภัยเองก็สุดยอด เพราะตัวยานสามารถสร้างบาเรีย และโจมตีกลับได้ด้วยเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์เวทมนตร์
แถมยานลำนี้ยังพิเศษหน่อยตรงที่เอโซแอบไปจับดัดแปลงเอง ใส่คริสตัลวิญญาณที่ห้องสะพานเดินเรือแทนคันบังคับมือเดิม เพื่อเปลี่ยนให้ยานทั้งลำเป็น [คฑาเวทมนตร์]
อนึ่ง [คฑาเวทมนตร์] คืออุปกรณ์ที่ใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการใช้เวทมนตร์ และทำให้เผ่าที่ไม่มีอวัยวะสัมผัสกับคลื่นพลังงานเวทมนตร์ สามารถใช้งานเวทมนตร์ได้ด้วยการใช้อุปกรณ์เหล่านี้เป็นสื่อกลางสัมผัส
ปกติมันจะถูกใช้เฉพาะในโรงเรียน หรือไม่ก็พวกเผ่าที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ เลยทำให้ไม่ค่อยเห็นคนทั่วไปพกมันไปไหนมาไหนเท่าไหรนัก เพราะถ้าไม่ใช่เผ่าภูติหรือเอลฟ์ มันจะเป็นการยากมากที่จะให้เผ่าอื่นทำความเข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่า [สัมผัสของคลื่นพลังงานเวทมนตร์]
แต่ถ้าได้ไปเยือนที่ทวีปของเผ่าภูติ หรือไปเจอพวกนักท่องเที่ยวเอลฟ์ หรือไปตามสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์เวทมนตร์ จะได้เห็นพวกเขาพกของอะไรทำนองนี้กันเยอะพอสมควร
สรุปง่าย ๆ คือยานสุดหรูลำนี้ มันได้ถูกคุณเอโซจับดัดแปลงให้กลายเป็น [คฑาเวทมนตร์] ของคุณแมรี่ไปแล้วค่ะ
ส่วนวัสดุที่ใช้สร้างยานนั้น ต้องบอกว่ารวบรวมมาแต่วัสดุชั้นนำจากโลกต่าง ๆ
ลานกว้างดาดฟ้าบนหัวเรือโลมาที่ประกอบจากผิวไม้ราคาแพง [อึกก์ดราซิลล์] ที่หาได้เฉพาะจากดาวบ้านเกิดของเผ่าเอลฟ์
ผิวยานที่เคลื่อบด้วยสารกึ่งตัวนำเวทมนตร์ บนวัสดุที่ถูกตีขึ้นจากการนำสุดยอดแร่มาผสมกัน
แร่ฮีเฟสตุ สุดยอดแร่สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติดูดซับแรงกระแทก จากวิทยาการณ์ของเผ่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่
แร่เฮเดส สุดยอดแร่ที่มีคุณสมบัติการดูดซับรังสี ทนความร้อนได้สูง จากวิทยาการณ์ของเผ่ามนุษย์สัตว์
แร่มิธริล แร่แห่งความฝันของเผ่าคนแคระ มีคุณสมบัติในการเป็นสารกึ่งตัวนำคลื่นพลังงานเวทมนตร์ประภทธรรมชาติได้อย่างดีเยี่ยม และยังมีความทนทานสูง
ด้วยการนำแร่ทั้งสามอย่างมาตีให้เป็นเส้นด้าย แล้วนำมาประสานทอเป็นผืนคล้ายผ้าเพื่อทำเป็นผิวตัวยาน จึงทำให้มันเป็นยานที่มีความทนทานระดับสูง เทียบเท่ากับยานอาวุธสงครามระดับชั้นนำ
มันคือยานเหาะที่เป็นได้ทั้ง [คฤหาสน์] [ที่หลบภัย] และ [คฑาเวทมนตร์] ไปในเวลาเดียวกันค่ะ
“ยานสุดหรูอลังขนาดนี้… ใช้เงินไปกี่ยูนิตกันเนี่ย? ”
“ก็… ใช้งบส่วนกลางทั้งหมดที่พวกเรามีนั่นแหละ”
“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าไอที่มีเป็นพัน ๆ ล้าน จากเงินรางวัลตอนภารกิจปราบปีศาจหมอกเมื่อตอนนั้น ถูกเอามาแปลงเป็นไอยานลำนี้หมดแล้ว!? ”
“ถูก”
“ขอเช็คแปบ… เหลือยอดเงินแค่ 200 ยูนิตในบัญชี!? จะมีชีวิตรอดถึงพรุ่งนี้ไหมเนี่ย!”
“เอาน่า~ เงินนะหาใหม่ได้อยู่แล้ว ไหน ๆ ซื้อทั้งที เอาให้เป็นทั้งบ้าน ,ยาน แล้วก็อาวุธ ไปเลยดีกว่า นี่เราคิดเพื่อว่าสักวันจะต้องถูกขับไล่ออกจากวิหารเอาไว้ให้แล้วเลยเชียวนะ~”
ฉันว่าคุณเอโซแค่อยากมีบ้านหลังใหญ่ ๆ อยู่มากกว่า…
เพราะบ้านในดินแดนนรกของเธอเองก็ใหญ่บ้าบอประมาณนี้เช่นกัน
หรือว่าในอดีต สมัยที่คุณเอโซยังมีชีวิต เธอจะมีปมอะไรที่เกี่ยวกับบ้านของตัวเองหรือเปล่า?
อืม…
“อย่ามามัวพูดมากกันเลย~ รีบออกเดินทางด้วยยาน [น้องโลมา] ป้ายแดงลำใหม่ของพวกเรากัน~”
“ตั้งชื่อได้สะเหร่อชะมัด! ว่าแต่ปกติบทปล่อยมุขมันต้องเป็นผม แล้วเธอเป็นคนตบมุขไม่ใช่เรอะ!? ”
“พูดมากน่าแมรี่! รีบ ๆ ใส่พลังเวทลงไปในตัวกระตุ้นที่เราติดเอาไว้ตรงหน้า แล้วออกเดินทางเถอะ!”
“ช่วยไม่ได้~ งั้น— ในฐานะการออกเดินทางครั้งแรกของพวกเรา มันต้องทุ่มพลังเปิดตัวบินทะยานให้รุนแรงสุด ๆ ไปเลย!”
ฉันสัมผัสมันได้
ถึงจะมองไม่เห็น แต่สัมผัสมันได้
ยานโลมา กำลังเริ่มออกตัวทันทีที่คุณแมรี่เอามือขวานาบลงบนแท่นคริสตัลวิญญาณ
รู้สึกได้ถึงสายลมอุ่นที่กำลังรีดเป็นสายไปตามผิวโค้งของยาน
สัมผัสได้ถึงแรงสั่นของเสียงพลังงานที่กำลังแผ่ขยายออกมาจากใต้ครีบทั้งสอง
รับรู้และเห็นพื้นที่มิติอันเวิ้งว้าง ที่กำลังเปลี่ยนแปลงเส้นมิติและเวลา จากเส้นตรง เป็นอ้วนกลม ตามรูปร่างของยานโลมาที่กำลังลอยตัว
ฉัน— กำลังเห็นภาพเส้นร่างของปลาโลมา ที่กำลังทะยานจากใต้ทะเลสู่ผิวน้ำเบื้องบนนภาอากาศ
บินทะยานอย่างรวดเร็วด้วยคลื่นพลังเวทมนตร์อันน่าทึ่ง
พุ่งทะลุอากาศจนเกิดเป็นปรากฏการณ์ โซนิคบูม เห็นเป็นเส้นช็อกเวฟที่กระจายเป็นวงแหวนออกรอบยาน
พุ่งทะยาน ไต่ระดับสูง ทะลุชั้นบรรยากาศ บินขึ้นไปถึงชั้นสตราโตสเฟียร์ แล้วหลุดเข้าสู่รอบนอกของวงโคจรโลกไปเลยค่ะ
“…”
“…”
[นี่พวกเราคงไม่ได้กำลังลอยอยู่ในอวกาศใช่ไหมคะ? _?]
“จะใส่พลังมากเกินไปแล้ว ยัยแมรี่!”
***ในเวลาเดียวกัน***
*บรู้ม!*
เหวอ! เสียงอะไรกันนั่น!?
ข้ารีบแหงนหน้าไปตามเสียงระเบิดอากาศที่ดังลั่นไปทั่วฟ้า
ห่างออกไปไม่ไกลจากที่พำนักพร้อมพัง มียานทรงโลมาน้อยลำหนึ่งกำลังบินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
มันพุ่งในลักษณะที่ลำตัวนอนราบขนานไปกับเส้นขอบฟ้า แล้วตรงดิ่งทะลุก้อนเมฆขาว ระเบิดทุกสิ่งบนอากาศให้แตกกระจายเป็นวงแหวน ก่อนจะหายลับตาไปในม่านสีรุ้งของท้องฟ้าไป
อะไรกันนั่น?
วันนี้มีกำหนดการส่งยานอวกาศด้วยอย่างงั้นหรือ?
“…ช่างมันเถอะ มาประชุมแผนการของพวกเราต่อกันดีกว่า”
ข้าหันกลับไปมองเจ้าพวกบ้าที่กำลังนั่งกันหน้าสลอนจนเต็มลานกว้างหน้าโรงแรมของข้า
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครให้ความสนใจมาที่ข้าเลยสักคนเดียว
บางคนจับกลุ่มคุยกัน
บางคนเริ่มตั้งวงก๊งเหล้า
บางคนเล่นไพ่
มังกรทั้งสี่ตัวเอาแต่คุ้ยดินหาหนอนกิน
ขนาดเบอร์รี่ที่เป็นลูกน้องขยันอันดับหนึ่งในกลุ่ม ยังเอามือถือขึ้นมาดูอะไรสักอย่าง
ไอพวกบ้านี่มันช่าง…
“ข้ากำลังจะทวนแผนการ ตั้งใจฟังที่ข้าพูดกันหน่อยเว้ย!”
“เหวอ!? ”
“— ครับ!”
*กรรร!*
ต้องให้ดุเสียทุกครั้งเลยนะพวกเอ็ง!
“เอาละ งั้นมาเริ่มฟังแผนการอันสุดวิเศษที่ข้าใช้เวลาคิดมาทั้งวันกัน!”
แผ่นของข้านั้นเรียบง่ายมาก
เนื่องจากพื้นที่บ้านของตระกูลขุนนางผู้กล้ามีราว 100 ไร่ เลยทำให้เป็นไปไม่ได้ ที่จะมีคนตรวจดูแลได้อย่างครอบคลุม
แถมพื้นที่ตัวเรือนปลูกจริง มีไม่ถึง 1 ใน 30 เสียด้วยซ้ำ
พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นป่า ทุ่งหญ้า แม่น้ำ แล้วก็หุบเขาเทียมเพื่อให้มังกรมาอาศัยมากกว่า
สรุปคือมุมอับเยอะอย่างน่าตกใจ
“ก่อนอื่น พวกแก! กลุ่มยักษ์เรนเจอร์! พวกเอ็งทำสีผมได้โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม เพราะฉะนั้นไปทำหน้าที่ดึงความสนใจที่หน้าประตูเรือนหลักซะ!”
“ครับ!”
“ส่วน เบอร์รี่ แกนะเก่งเรื่องเทคโนโลยี และมีหูตาไวที่สุดในกลุ่มของข้า จงไปช่วยดูต้นทางพร้อมกับคนอีกสักห้าหกคนให้หน่อย”
“คะ— ครับผม!”
“ที่เหลือและกลุ่มหนูน้อยไซน์ ให้ตามข้ามา พวกเราจะใช้มังกรบินลอบเข้าไปจากทางฝั่งสวนภูเขา แล้วเอาผ้าคลุมไปคลุมตัวมังกรเป้าหมายเพื่อห่อมันเอาไว้ แล้วพาบินหนีออกจากเมืองนี้ไปปล่อยคืนสู่ป่าซะ!”
“รับทราบครับหัวหน้าฑาทิม!”
ใช้คนดึงความสนใจ
มีคนดูต้นทาง
ห่อมังกรเป้าหมายด้วยผ้าสีดำ แล้วพาบินหนีไปในยามวิกาล
เป็นยังไงละแผนการของข้า! วิเศษไปเลยใช่ไหมละ!
“เออ… พี่ชายฑาทิมค่ะ… คือ… ขอหนูเสนอความเห็นหน่อยจะได้ไหมคะ? ”
“เชิญเลยหนู—? ”
“ชื่อ [แคนนี่] ค่ะ คือว่า… ต่อให้เอาผ้าคลุมตัวเอาไว้ แต่การพามังกรขนาด 60 เมตร บินขึ้นท้องฟ้า มันจะไม่แตะตาชาวเมืองเกินไปหน่อยหรือคะ? ดีไม่ดีจะถูกกล้องจราจรทางอากาศของเมืองจับภาพเอาไว้ได้นะคะ? ”
“ข้า—”
เถียงกลับไม่ถูก…
“งั้นขอฉัน [ไซน์] เสนอความเห็นด้วยคนค่ะ! ถึงจะบอกว่าให้เอาคนไปดึงความสนใจ แต่กับอีกแค่ยักษ์ห้าสี ห้าคน มันจะสามารถดึงความสนใจจากทั้งตระกูลไปที่ประตูหน้าได้จริง ๆ หรือคะ? เห็นว่ามีตั้ง 20 สาขาตระกูล กับคนใช้อีกมากมาย อย่างมากคงเรียกได้แค่ให้ยามประจำบ้านมามุงดูเท่านั้นเองค่ะ”
“เรื่องนั้น—”
พูดถูกวะ…
“แล้ว แล้ว แล้ว— อยู่ ๆ เอามังกรบินข้ามรั้วบ้านเข้าไป มันจะไม่ไปทำให้สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมาหรือคะ? พี่ชายฑาทิมแน่ใจหรือยังว่าเขาไม่ได้มีติดตั้งของแบบนั้นเอาไว้? ”
“เออ… คือว่าเมื่อประมาณ 20 ปี ก่อน… ข้าจำได้ว่าพวกเขาไม่ได้—”
เอาจริงคือข้าไม่เคยสนใจเรื่องของตระกูลมาตั้งแต่ถูกรับเลี้ยงมา
ดังนั้น พวกเขามีติดตั้งอุปกรณ์กันขโมยหรือไม่นั้น ข้าไม่รู้หรอก…
“อีกอย่าง จากที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดมา พี่ชายแค่อยากจะพามังกรที่ชื่อ [ลี่] หนีออกมา เพราะว่ามันกำลังจะถูกฆ่าใช่ไหมคะ? เรื่องใหญ่ระดับนี้ สู้เอาไปแจ้งตำรวจ หรือถ้าตำรวจไม่ฟัง เอาไปบอกให้เจ้าของมังกรรู้ มันจะไม่ง่ายกว่าหรือคะ? เห็นว่าคุณยายที่ชื่อพรุนเชื่อในสิ่งที่พี่ชายพูดไม่ใช่หรือคะ? ”
“…”
“…”
เออ! จริงด้วยวะ!
MANGA DISCUSSION