บทที่ 6 จิตวิญญาณของเผ่ายักษ์
ตอนที่ 109 ปีใหม่
วันที่ 1 เกอเนริบส์ ปีประวัติศาสตร์ที่ 126
เกอเนริบส์ เดือนของฤดูใบไม้พลิ
เดือนแห่งความสดใสตามชื่อของพระจันทร์ที่มีผิวสีแดงสด
เป็นฤดูที่มีสีของท้องฟ้าชวนให้รู้สึกสนุกสนานยิ่งกว่าฤดูใด ๆ ของปี
ด้วยละอองอนุภาคอิเล็กตรอนจากดวงตะวันทั้งสองที่สาดส่องเหนือโลก ในมุมตกกระทบอันเหมาะเจาะกับสนามแม่เหล็กในชั้นบรรยากาศ จึงทำให้เกิดละอองดาวสีรุ้งแผ่ขยายไปทั่ว
มันเป็นท้องฟ้าที่น่าอัศจรรย์ งดงามราวกับกำลังจ้องมองทะเลแห่งทางช้างเผือกสีรุ้ง ท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่ส่องแสง
แสงแรกแห่งปีได้เข้าเฉิดฉายอาบลงบนหิมะ
ทำลายตัวตนแห่งฤดูกาลก่อนให้เป็นหยาดไอน้ำ แล้วมอบความอบอุ่นอันชุ่มฉ่ำให้แก่ผืนแผ่นดินโลก
แต่ทว่าภายในเมืองที่ควรวุ่นวายจากการตื่นขึ้นของผู้คน กลับช่างดูเงียบเหงาไร้เสียง ผิดกับบรรยากาศอันสดใส
เหตุเพราะผู้คนต่างกำลังนอนเป็นตายให้เห็นเกลื่อนถนน จากความเหนื่อยล้าสะสมที่ผ่านมาทั้งคืน…
“ตื่น! กลับไปนอนที่บ้านได้แล้วไป๊!”
เหล่านักบวชที่เป็นเจ้าภาพจัดงานขึ้นไป ต่างเริ่มพากันขนคนออกมาจากวิหาร เพื่อทำความสะอาด และขับไล่คนเมากลับบ้าน
เสียงระฆังสำริดบอกเวลาถูกตีดังลั่นกังวาลไปทั่วเมือง หวังปลุกพวกตัวเกียจคร้านให้ตื่นจากความเมามาย
“โอ๊ย… ตื่นแล้ว… ปีนี้ต้องมาเจอนักบวชหน้าเหี่ยวปลุกแต่เช้าเลยวุ้ย น่าเบื่อ—”
แน่นอนว่าเหล่าตัวเกียจคร้านย่อมไม่อยากลุกขึ้น เพราะอาการเมาค้างที่บ่มทับถมมาทั้งคืน
ปัญหาเก็บงานหลังงานจบ มันเป็นปัญหาที่ทางวิหารเทพทั้งสามต้องเจอแทบทุกปี—
“คุณลุง~ ตื่นหน่อยค่ะ! หนูเก็บกวาดพื้นที่ไม่ได้อะ!”
แต่ปีนี้นักบวชเทเรซ่ามีไพ่ตายลับ
ด้วยนักบวชสาวรุ่นใหม่เผ่าคนแคระ ผมสีเงินหน้าตาน่ารักจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยคน เลยทำให้เหล่าตัวเกียจคร้านต้องยอมลุกขึ้นตื่น
ต่อหน่าเด็กตัวน้อยที่น่ารักราวกับนางฟ้า ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่เลวร้ายแค่ไหน ก็ต้องรู้สึกยอมอ่อนข้อให้ไปโดยสัญชาตญาณในการปกป้องเด็กอ่อนวัย
“ข้า— เดียวลุงยักษ์คนนี้จะช่วยเอง! ตรงไหนถือไม่ไหว สูงไม่ถึง ต้องการใช้แรง บอกหมี– เอ๊ย!? บอกลุงผู้ใจดีคนนี้ได้เลย!”
ดูท่าว่าแผนการของนักบวชเทเรซ่าจะใช้ได้ผลดียิ่ง กับการให้มีเด็กสาวตัวน้อยลงไปร่วมในทีมเก็บกวาดของทางวิหาร
“นะ— น่าร้าก~!? นักบวชปีนี้น่ารักเว้ยเฮ้ย!! ”
“มีเยอะด้วย! ข้าขอเอากลับบ้านสักคนได้ไหม!? ”
“อยากลูบหัวพวกเธอจัง!”
หรืออาจจะเจอปัญหาใหม่ขึ้นมาแทน…
งานเก็บกวาดงานสิ้นปีคือหน้าที่ ที่นักบวชที่ได้รับเลือกต้องเข้าร่วมทำ
ซึ่งหนึ่งในนั้น ควรจะมีนักบวชสามแสบแห่งวิหารเข้าร่วมด้วย
แต่ทว่าภายใต้กลุ่มชุดคลุมของนักบวช กลับไม่มีวี่แววของสามสาวที่ว่าเลยแม้แต่น้อย
” ไปไหนของพวกเธอกันนะ เจ้าเด็กแสบพวกนั้น! ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นฮีโร่ของเมือง แต่ใช่ว่าจะโดดงานกันแบบนี้!”
นักบวชหญิงชราคนหนึ่งกำลังเดินตามหานักบวชที่หายตัวไปอย่างลึกลับที่ว่า
เธอย่ำเท้าลงบนทางเดินหินอ่อนอายุนับร้อยปีของวิหาร
ทุกฝีก้าวที่ย่ำลงไปนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรง
ถึงจะไม่รู้ว่าหายไปไหน แต่เธอรู้ดีว่าสามารถไปตามหานักบวชสาวได้ที่ไหน
เพราะเธอเป็นคนที่เลี้ยงเด็กสาวทั้งสามมากับมือตั้งแต่แบเบาะ เลยรู้ดีว่าจะสามารถไปหาได้ที่ไหนของวิหาร
“อยู่ตรงนี้!”
ทิศที่เธอมุ่งไปคือฐานลับของทั้งสามสาว ที่เป็นกระท่อมไม้กลางแปลงข้าวโพดแป้งสีขาว
ถึงจะถูกดัดแปลงจนเต็มไปด้วยกับดัก แต่นั่นมิใช่ปัญหาใหญ่ของนักบวชเทเรซ่า
เธอรู้ดีว่ากับดักแสบ ๆ ของสามสาว มันถูกวางเอาไว้ตรงมุมไหนของกระท่อมบ้าง
เธอก้าวผ่านเชือกขึง เซ็นเซอร์ มุ่งตรงไปเส้นทางใต้ดินที่แอบซ่อนเอาไว้
ใช่… ตรงไปห้องใต้ดินลับของสามสาว
เอโซไม่เคยรู้
เธอมาดมั่นว่าไม่มีใครรู้ถึงตัวตนห้องลับใต้ดินนี้ แม้แต่นักบวชเทเรซ่า
แต่ความจริงมันแตกมาตั้งนานแล้ว
ถึงนักบวชชราจะไม่รู้ว่ามันเป็นห้องที่ใช้ทำอะไร แต่เพราะเห็นว่าไม่เป็นปัญหากับทางวิหาร เธอเลยยอมปล่อยให้สามสาวทำตามใจชอบตลอดมาโดยไม่คิดเข้าไปขวาง
เพราะรู้ว่ามีห้องลับ ดังนั้นเลยรู้ว่าจะสามารถมาหาสามแสบได้ที่นี่
ถึงจะมีความรู้สึกน่ากลัวในตอนเดินผ่านทางเดินลงอักษรเลือดอันน่าขนลุก แต่ความโกรธของเธอได้มีชัยเหนือความกลัวนั้นไปแล้ว
“เอ–”
นักบวชชราได้หยุดเสียงของตัวเองในตอนที่ลงมาถึงปลายสุดของบันได
เพราะสิ่งที่เธอเห็น คือภาพของนักบวชสาวที่กำลังนั่งทำสมาธิ
เด็ก ๆ สามคนนี้กำลังฝึกปฏิบัติธรรมอย่างงั้นหรือ?
เธอนึกสงสัยในสายตาตัวเอง เพราะไม่เคยเห็นพวกเธอฝึกอะไรทำนองเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
พอเห็นแบบนี้ ความโกรธจึงมลายสิ้น แล้วถูกแทนที่ด้วยความปิติยินดีไปแทน
เด็กของเธอกำลังฝึกปฏิบัติธรรม~
“เจ้าเด็กพวกนี้… จะยอมให้สักครั้งแล้วกัน”
นักบวชชราพูดกับตัวเองเบา ๆ แล้วหันหลังเดินกลับออกไปอย่างเงียบงัน
เธอไม่ได้รู้เลย
ไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่พวกสาว ๆ กำลังนั่งสมาธินิ่งกันอยู่ ณ มันช่างห่างไกลจากคำว่าฝึกปฏิบัติธรรมมากนัก
***ณ มิติดินแดนคนตาย***
บนบัลลังก์กระดูกของเจ้าแห่งภิภพคนตาย พญายมราช ชายร่างยักษ์ผู้มีเขาคู่อันน่าเกรงขาม สวมชุดประดับทองคำ และมีผิวสีแดงดุจเป็นเปลวไฟ
“พวกเจ้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องสารภาพกับข้าอยู่ ใช่หรือไม่? ”
ชายผู้น่าเกรงขามกำลังคำรามด้วยเสียงอันดัง
กำแพงดินทั้งสี่ด้านจักลุกท่วมด้วยเปลวไฟสีขาว เข้าล้อมกักขัง มิยอมให้ใครหนีออกจากพื้นที่สี่เหลี่ยมแห่งนี้ไปได้
“โห! แค่เรียกมาถามเรื่องความคืบหน้าการสอบสวนเรื่องวิญญาณหลงทาง ถึงกับต้องขังพวกเราเอาไว้แบบนี้เลยหรือท่านยม!”
“โหดจังเลยน้า~”
ตรงหน้าของราชาแห่งแดนนรก มีวิญญาณในชุดคลุมสีดำกำลังนั่งชันเข่าอย่างสบายใจอยู่สามคน
ภายในห้องนี้ มีเพียงแค่พวกเธอสามคน กับท่านพญายมราชเท่านั้น
“อย่ามาทำเป็นเล่นลิ้น! นี่ข้าอุสาไล่คนอื่นออกไปให้หมด เพื่อรักษาหน้าพวกแกเอาไว้ให้แล้วเชียวนะ!”
“รักษาหน้า? เรื่องอะไรอย่างงั้นหรือ? ”
เด็กผู้หญิงที่มีผมสีเหลืองเริ่มเอียงคอถามกลับด้วยความไร้เดียงสา
“จะให้ข้าเป็นคนไล่เรียงเองเลยใช่ไหม!? ได้! ยัยเพื่อนของเธอ [แมรี่ โกลด์] ได้กระทำความผิดหลายกระทง เริ่มตั้งแต่กลืนกินวิญญาณคนเป็นอย่างผิดกฏธรรมชาติโดยการจงใจลงมือฆ่า! การพาเอาสัตว์วิญญาณไปโลกคนเป็น จนทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง! มีอะไรจะแก้ตัวไหม!! ”
” กินวิญญาณ? ใคร? ที่ไหน? ไม่เห็นจะรู้เรื่องค่ะ~ ส่วนเรื่องสัตว์วิญญาณ— ท่านพูดถึงเรื่องอะไรกันคะ? เมืองที่โลกใบนั้นก็ยังอยู่ดีมีสุข ทุกคนยังใช้ชีวิตกันปกติ ไม่มีใครตายเลยสักคนนะคะ? ”
” ยังคิดจะเล่นลิ้นกับข้าอีก!”
พญายมราชเริ่มบันดาลโทสะ
เปลวไฟสีขาวโดยรอบเริ่มโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นอย่างทวีคูณตามสภาพอารมณ์ของเขา
” ข้ารู้ ข้าเห็น! เพราะข้ามองดูพวกเจ้าตลอด ทุกวัน! ทุกเวลา! ทุกวินาที! แม้แต่เวลาที่ยุ่งวุ่นวาย ข้าก็เจียดเวลางานมาดูพวกเจ้าไม่ให้ห่าง! เพราะข้าห่วงพวกเจ้า! ห่องความปลอดภัยของลูกน้องตัวเอง! ไม่คิดที่จะเข้าใจความหวังดีของข้าเลยเรอะ!? ”
ทั้งที่ข้ายอมสละเวลามาดูแลพวกเจ้าขนาดนี้ แล้วยังช่างกล้าคิดที่จะโกหกข้าได้อีกหรือ!!
เสียงคำรามของเขาดังสะเทือนราวกับโลกจะแตกพังทลายลงมา
แต่แทนที่จะหวาดกลัว สตรีผมสีเหลืองกลับเผยรอยยิ้มออกมาแทน
“เออ… ท่านยมค่ะ ว่าจะถามมานานแล้ว ที่ว่าคอยดูพวกเราจากโลกฝั่งนี้ตลอดทุกวัน ทุกเวลา— นั่นรวมไปถึงตอนที่พวกเราเข้าอาบน้ำด้วยหรือเปล่าคะ? ”
“ข้า— อ๊ะ? ”
เงียบ…
เงียบกริบ~…
เงียบอย่างน่ากลัว~…
เกิดความเงียบขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
แม้แต่เปลวไฟที่ลุกโชนไปทั่วห้อง ยังถึงกับมอดดับหายไป แล้วแทนที่ด้วยกลุ่มควันบาง ๆ สีเทาไปแทน
ตั้งใจจะแหย่เล่น แต่ดันเสือกจริงซะงั้น…
“เออ… ท่านยมคะ? เอาจริงดิ? ”
“ขะ— (เสี่ยงสั่น) — ข้าเองก็มีอายุมากกว่าหนึ่งหมื่นปีแล้ว— (เสี่ยงสั่นมากขึ้น) — ข้าแก่เกินจะรู้สึกอะไรได้— (เสี่ยงสั่นไม่หยุด) —”
“—งั้นไหน ๆ ก็แวะมาแดนคนตายทั้งที กำลังคิดอยู่เลยว่าอยากจะไปเยียมท่านยม [รุ่นที่แล้ว] กับท่าน [ดีซอโร] ก่อนกลับน่าจะดีไม่น้อย~ (ทำเสียงสูง) ”
“นะ— นี่คิดที่จะไปเยี่ยมน้องสาวของข้า…? (น้ำเสียงอ่อน) ”
“ค่ะ มีนัดล่วงหน้าเอาไว้แล้วค่ะ~ (ทำเสียงสูง) ”
เกิดความเงียบชวนอึดอัดขึ้นมาเป็นรอบ
ใบหน้าของพญายมราช [รุ่นปัจจุบัน] กำลังเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬไหลย้อยเต็มหน้าผาก
[ขะ— ข้าไม่ได้ตั้งใจจะดูสักหน่อย! มันก็แค่อุบัติเหตุ!]
สีหน้าของเขาสื่อใจความเช่นนั้นออกมาอย่างชัดเจนจนรู้ได้เพียงแค่มองดู
[พญายมราช]
มันคือตำแหน่งประมุขแห่งเขตแดนขุมนรกทั้ง 8
มีการสืบทอดท่อจากรุ่นสู่รุ่น ตามอายุขัยเทพที่ดำรงดำแหน่ง ณ เวลานั้น
แม้แต่พญายมราชต่อหน้าพวกเธอ ก็เคยมีช่วงเวลาที่เป็นเพียงแค่เทพเจ้าระดับทั่วไป และมีนามเดิมอันเก่าแก่ว่า [เรด] อยู่เช่นกัน
“พะ— พวกเจ้าทำงานดีมาก! นั่นสินะ! คนที่มีปัญหายังมีชีวิตอยู่ดี! เมืองเองก็ปกติสุข ไม่มีใครตายสักหน่อย! ไอเรื่องสัตว์โลกวิญญาณหลงไปฝั่งนั้น คงเป็นแค่ข่าวลือจากปากต่อปากที่ข้าฝังมาผิดเองนั่นแหละ! ข้าขอโทษทีนะที่สงสัยพวกเจ้า วะ ฮะ ฮะ ฮะ!”
พอรู้ว่าสามสาวตรงหน้า ได้มีนัดพบกับพยายมราชรุ่นก่อนที่เกษียณอายุก่อนเวลา กับจะแวะเวียนไปหาน้องสาว เขาก็เริ่มรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาในทันที
หวั่นใจ ว่าจะโดนแฉเรื่องที่ไปแอบส่องดูพวกสามสาวตอนอาบน้ำ…
“พวกเจ้าทำงานเยี่ยม! สมกับที่เป็นเทพีสาวที่สวยและน่ารักที่สุดในแดนคนตายเลยรู้ไหม! ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาในวันนี้ ก็เพื่อจะมาชมเรื่องนี้เนี่ยแหละ วะ ฮะ ฮะ!”
เปลี่ยนสีไวเชียวนะยะ…
สตรีคนผมสีเหลืองกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อกลั้นขำเอาไว้ ไม่แสดงความรู้สึกออกไปให้อีกฝ่ายเห็น
” ฮะ ฮะ ฮะ… เออ เอาเป็นว่าแมรี่ไม่มีความผิดทุกกรณี ส่วนข้าเองก็คิดว่าจะลดเวลาการสอดส่องโลกเบื้องล่างไปสักพัก โอเคไหม? ”
“ขอบพระคุณท่านพญายมมากค่ะ”
เพียงเท่านี้ แมรี่ก็ไม่ต้องเจอกับบทลงโทษจากท่านพญายมแล้ว~
สตรีผมสีเหลืองกำลังยิ้มอย่างพอใจให้กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
” งั้นพวกเราต้องขอตัวก่อน”
” เดียว อย่าพึ่ง”
“… มีอะไรอีกหรือคะ? ”
” เกี่ยวกับคดีที่ให้พวกเจ้าไปสืบบนโลกไดม่อน”
พญายมราชใช้มือขวาทุบใส่หัวกะโหลกควายที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ
เกิดเสียงกะโหลกร้าวดังขึ้นไปทั่วห้อง พร้อมกับที่มีแสงไฟฉายลอดออกมาจากดวงตาอันกลวงโบ๋ของมัน
ภาพของทวีปแห่งหนึ่งกำลังถูกฉายขึ้นมาบนที่ว่างอากาศตรงระหว่างพวกเธอกับพญายมราช
” พอดีว่าข้ามีแบะแสมามอบให้”
มันคือภาพฉายของ [ทวีปป่าหิน-ร็อค ฟอร์เรส]
มันคือดินแดนแห่งหุบเขาแหลมสูง สัตว์ยักษ์ และป่าดงดิบอันกว้างใหญ่
เป็นดินแดนที่ครอบครองโดยชนเผ่ายักษา ผู้มีอารยธรรมอันเป็นเอกลัษณ์ในการอยู่ร่วมกับสัตว์ ธรรมชาติ และมังกร
ภูมิศาสตร์ของทวีปมากกว่า 70% ของพื้นที่ทั้งหมด คือหุบเขาสูงชันเทียมฟ้า
หุบเขาเหล่านั้นเต็มไปด้วยเสียงคำรามและเปลวไฟของมังกรที่ทำรังอาศัย
ท้องฟ้าถูกถมไปด้วยปีกอันกว้างใหญ่ของจ้าวแห่งสัตว์ทั้งปวง บินกันขวักไขว่ ไม่เหลือที่ยืนให้กับสัตว์ปีกตัวเล็กที่อ่อนแอใช้ชีวิตในทวีปแห่งนี้
นอกจากนี้ยังมีตำนานกล่าวขานถึงสุดยอดจ้าวแห่งมังกรทั้งปวง
ที่ปลายสุดของทวีปในทางตอนเหนือ จะมียอดเขาสูงสุดของโลก อันเป็นที่พำนักของราชามังกรในตำนาน ตั้งปรากฏ
จ้าวแห่งท้องฟ้า [มังกรทมิฬ]
มันคือมังกรสายพันธุ์พิเศษที่ถูกแยกออกจากสี่สายพันธุ์หลัก
ว่ากันว่ามันถูกเรียกเป็น [อสูรร้ายแห่งการกลืนกิน] อันเนื่องจากความสามารถในการกินจุของมัน
มีความสูงถึงห้าสิบเมตร มีปีกทีกว้างใหญ่ สามารถกางได้ยาวถึงหลายร้อยเมตร
ร่างกายถูกหุ้มด้วยเกล็ดสีดำแซมแดง จนดูเสมือนถูกหุ้มเอาไว้ด้วยเกราะเหล็กกล้าที่ถูกเอาไปเผาไฟจนเป็นเงากระจกสะท้อนสีดำสนิท
ว่ากันว่ามังกรทมิฬเคยปรากฏตัวออกมาให้เห็นเพียงแค่สองครั้งบนโลก
ครั้งแรกอยู่ในบทตำนาน ผู้กล้าแห่งเผ่ายักษา
ครั้งที่สองปรากฏในคำบอกเล่าของเผ่ามนุษย์สัตว์ ว่าเคยเห็นเงาสีดำขนาดยักษ์ไปบินเหนือทวีปเทวภูมิเมื่อครั้งยุคประวัติศาสตร์ที่ 20
ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ตำนานหรือมีตัวตนอยู่จริง เพราะไม่มีใครที่พบเห็นมัน หรือเคยได้เก็บภาพบันทึกเอาไว้
จนกระทั้งในปัจจุบัน ก็ยังมีเผ่ายักษ์ที่ยังคงพยายามไล่ตามหาตัวตนในตำนานเช่นนั้นกันอยู่
“ที่ทวีปสมองกล้ามแบบนั้น มันมีเบาะแสอะไรหรือคะ? ”
สตรีผมสีเหลืองอดไม่ได้ที่จะยิงคำถามกลับ
“คือแบบนี้ ข้าบังเอิญไปเห็นว่ามันมีคลื่นวิญญาณเพิ่มขึ้นสูงอย่างผิดปกติที่ทางปลายเหนือสุดของทวีปนี้พอดี”
ปลายเหนือสุดของทวีป หรือก็คือยอดเขาที่ว่ากันตามตำนานของเผ่ายักษ์
“คิดว่าคงมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้นบนโลกของพวกเจ้าไม่มากก็น้อย ข้าเลยอยากรบกวนพวกเจ้าให้ไปสำรวจต้นตอของการรั่วไหลพลังงานวิญญาณที่ว่านี้ให้ที”
การผจญภัยครั้งใหม่ของสามเทพเจ้าแห่งความชั่วร้าย ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
MANGA DISCUSSION