“งั้นเดียวฉันจัดปีกข้างขวาให้”
“ข้าน้อยไปด้วยเจ้าค่ะ— ขอบอกก่อนว่าไม่ได้คิดจะช่วยสนับสนุนนะเจ้าค่ะ นี่เป็นแค่ทำตามคำสั่งของท่านอาจารย์เท่านั้น”
โนอาร์กับกระต่ายดำกำลังออกตัววิ่งไปตามยอดตึกลอยฟ้า
พวกเธอรอเวลาที่อีกกากำลังร่วงหล่นลงมาเพราะปีกขาด กะระยะ ณ จุดที่ร่างกายอันมหึมาของมันลงมาตรงระดับสายตา แล้วกระโดดไปบนปีกอีกข้างของมัน
หนอนแมลงสองคนกำลังวิ่งไต่อยู่บนปีกขวาของอีกายักษ์
ช่างน่ารำคาญ!
อีกายักษ์ที่เรียกสติกลับมาจากความเจ็บปวด กำลังเอียงตัวพลิกกลับเพื่อสะบัดให้หนอนแมลงเหล่านั้นให้หายไปสิ้น
แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น
“ลองเจอแบบนี้เป็นยังไงเจ้าค่ะ!”
ว่ากันว่าใยของแมงมุมทะเลทรายจากทวีปแห่งความแห้งแล้ง มีแรงยึดระดับที่แม้แต่สัตว์ระดับไคจูก็ยังไม่อาจสะบัดดิ้นหนีไปได้
เธอหยิบแส้ที่ทอจากวัสดุที่ว่าออกมา แล้วเหวี่ยงปลายตะขอโปรงแสงพุ่งออกไปพันกับวงแหวนลอยตัวของอาคารลอยฟ้า
พร้อมกันนั้น เธอได้ปลดปลายตะขอที่ติดอยู่อีกฝั่งของด้ามแส้ เพื่อใช้เส้นใยที่เหลือทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ข้างในตัวอุปกรณ์ ให้มันแผ่ออกไปอีกฝั่ง
ใยแมงมุมขนาดใหญ่ กำลังแผ่ขยายออกคล้ายอวนจับปลา เข้าพันรัดกับปีกของอีกาที่กำลังสะบัดขึ้นลง
มันถูกรัดด้วยแรงจากตัวของอีกาเองจนแน่น และถูกรั้งติดกับอาคารลอยฟ้าดั่งเป็นคู่รักที่แนบแน่น
*กา!*
แต่กระนั้น ด้วยแรงอันมหาศาลของอีกายักษ์ จึงทำให้อาคารลอยฟ้าเริ่มมีการเคลื่อนตัวจากตำแหน่ง และทำท่าว่าจะถูกเหวี่ยงออกไปตามแรงดึงจากอีกายักษ์แทน
“อยู่นิ่ง ๆ ไปซะเจ้าโง่!”
โนอาร์ไม่คิดที่จะยืนรอดูอีกายักษ์เหวี่ยงอาคารลอยฟ้าที่สูง 50 ชั้นเล่น
เธอวิ่งไปตามขนสีดำบนลำตัวของเจ้ากา แล้วหยุดอยู่ตรงรอยนูนของกระดูกสันหลังช่วงต้นคอ
ใช้สองเท้ากระแทกลงบนลำตัวอย่างรุนแรงเพื่อยึดพื้นให้มั่น
เปิดทริสเตอร์ใต้ผิวหนังเทียม เดินระบบเร่งพลังงานกล้ามเนื้อ แผ่ไอร้อนออกมาปกคลุมฝ่ามือ จนเกิดเป็นลมหมุนที่มีความคมเทียบเท่าใบมีด
โนอาร์ได้กระหน่ำหมัดวายุใส่กระดูกสันหลังของมัน
“รีบคายตัวฉันอีกคนออกมาจากท้องของแกได้แล้ว!”
เธอกรีดเสียงดังราวกับเป็นคนบ้า ทิ้งมาดของสตรีผู้งดงาม แล้วกลายเป็นแมวที่บ้าคลั่งไปแทน
กระหน่ำหมัดแล้วหมัดเล่าจนร่างกายของเธอจมลึกเข้าไปในเนื้อ กับกระดูก
เฉือดเฉือนมันออก ขุดให้มันกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่
“หืม…? นี่มัน?!”
โนอาร์ได้สังเกตุเห็นบางสิ่งในระหว่างที่ขุดจนเป็นหลุมลึกราว 6 เมตร
แผลที่เธอคว้านออกมานั้น ไม่มีทั้งเลือด หรือเศษเนื้อบดหลุดออกมาปรากฏให้เห็น
แต่ในทางกลับกัน ทุกส่วนของชิ้นเนื้อที่เธอคิดว่ากำลังคว้านออกมาด้วยหมัด มันกลับได้กลายเป็นแสงสว่าง แล้วลอยวนอยู่รอบ ๆ ปากแผลไปแทน
“!!!”
โนอาร์รีบกระโดดออกมาด้วยสัญชาตญาณดิบของสัตว์ป่า
แสงสว่างที่ลอยอยู่โดยรอบ กำลังพุ่งกลับมารวมตัวกันบนปากแผล
พวกมันเข้าประสานกลับเป็นเนื้อเดียว ก่อนจะกลายสภาพจากแสงเป็นมวลเนื้อ คืนสภาพผิวที่หุ้มไปด้วยขนสีดำเหมือนก่อนหน้าที่เธอจะได้ลงมือทำร้ายมัน
“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? ”
โนอาร์กำลังสับสนในตัวเอง
เพราะบาดแผลที่นักบวชสามคนพึ่งสร้างขึ้นบนปีกซ้ายกับดวงตา มันไม่ได้คืนสภาพเดิมเหมือนอย่างรอยแผลที่เธอสร้างทิ้งเอาไว้
สัตว์จากโลกคนตาย—
สัตว์จากโลกคนตายนั้นไม่มีร่างกายอยู่จริง
ภาพร่างของมันนั้นเกิดจากพลังงานวิญญาณที่ก่อเป็นรูปร่างขึ้นมา
พูดโดยง่ายคือสิ่งมีชีวิตที่เป็น [ก้อนพลังงาน]
ก้อนพลังงานเช่นนั้นมันไร้รูปกาย
การใช้อาวุธที่มีสสารและมวล มิอาจทำร้ายมันได้
ดังนั้นแล้ว สิ่งที่ใช้ทำร้ายมัน จึงต้องเป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่กว่า
ไม่ว่าจะด้วยพลังงานความร้อน พลังงานไฟฟ้า หรือสิ่งใด ๆ เพื่อทำลายพันธะแห่งพลังงานที่ใช้ก่อรูปร่างของมัน
และพลังงานที่เหมาะสมแก่การทำลายพันธะของมันมากที่สุด ก็คือพลังงานวิญญาณนั่นเอง
โนอาร์ ที่ไม่เคยเรียนรู้ถึงหลักการพลังงานวิญญาณมาก่อน ย่อมไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้า จำเป็นจะต้องใช้สิ่งใดในการทำร้ายมัน
การโจมตีของสองสาวอาจดูเป็นการต่อสู้ดิ้นรนที่เสียเปล่า
แต่ไม่ใช่เลย
ถึงจะไม่อาจสร้างบาดแผลให้เกิดขึ้น แต่พวกเธอก็ได้มอบโอกาสทองให้แก่ราชินีเผ่าแวมไพร์ ได้เรียนรู้ผ่านดวงตาสีเงินของเธอ
“ไม่มีบาดแผล… พลังงานที่แตกต่าง… ฉันเข้าใจแล้ว— พวกคุณสองคนรีบถอยออกมาก่อน เดียวที่เหลือฉันจะจัดการต่อเองค่ะ”
ราชินีแวมไพร์ แบม แบม กำลังมองดูทุกอย่างมาจากที่สูงกว่า
เธอได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการโจมตีที่นักบวชทั้งสามสร้าง กับการโจมตีของสองสาว
เธอมองเห็น—
มองเห็นคลื่นพลังงานบางอย่าง ที่เธอไม่รู้จักมากก่อน
คลื่นพลังงานที่ก่อเกิดมาจากข้างในร่างกาย
คลื่นพลังงานที่มีลักษณะคล้ายกับที่ตัวอีกายักษ์ปลดปล่อยออกมาทุกขณะ
พลังงานที่เรียกว่า [พลังงานวิญญาณ]
ราชินีแวมไพร์ คือตัวตนที่มีชีวิตบนโลกมานานถึง 100 ปี
สาเหตุเดียวที่ทำให้เธอทรงพลังอำนาจ และทำให้เผ่าแวมไพร์ถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุด ก็เพราะความสามารถของเธอ
เธอคืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ไว ด้วยการเพียงแค่ [มองดู] เท่านั้น
เธอเริ่มควบคุมให้เหล่าค้างคาวขาว-ดำ บินกลับมารวมตัวที่มือขวา
เปลี่ยนสสารดำ-ขาว ให้กลายเป็นมวลสารใหม่ที่มีลักษณะคล้ายดาบสองมือที่มีใบมีดสีขาว-ดำ
จินตนาภาพถึงพลังงาน ล้วงลึกไปถึงขอบเขตแห่งชีวิตและอัตตา
จับต้องสิ่งเร้นลับด้วยจิต แล้วรีดเร้นพลังงานนั้นออกมาหุ้มอาวุธกายภาพที่อยู่บนมือขวา
“ขาดสะบั้น—”
เธอได้ใช้ดาบที่ถูกหุ้มไปด้วยคลื่นพลังงานวิญญาณ ฟันตรงลงไปบนปีกขวาที่กำลังถูกรัดพันด้วยตาข่ายเส้นใยสีขาว
หนึ่งดาบ ตัดสะบั้น แยกมิติที่ว่างจนขาดเป็นสองฝั่ง เฉือนโลกทั้งใบในแนวเฉียง ก่อนจะปริแตกเป็นเสียง ๆ คล้ายกับบานกระจก
เกิดเสียงมิติคำครามลั่น คล้ายกับเสียงการบิดของรูหนอนอวกาศอันโกลาหล
ด้วยพลังงานที่ผสานเข้าด้วยกัน ระหว่างพลังงานของมิติ กับพลังงานวิญญาณ มันจึงมีมากเหลือเฟือที่จะฉีก-ทำลายพันธะพลังงานของปีกสีดำให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
*กา!!*
สัตว์วิญญาณกำลังรับรู้ถึงความตาย
เพื่อสลัดหลีกหนีจากความตาย มันจึงยอมใช้ปากอันแหลมคม ตัดโคนปีกขวาที่กำลังถูกพลังงานมิติและวิญญาณดูดกลืนทิ้งไปในทันที
รอด—
“คิดว่าแกจะรอดอย่างงั้นเรอะ? ”
ภูติสีแดงเอยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
เธอกำลังบินอยู่เหนืออีกายักษ์ปีกหัก
ทั้งร่างกายของเธอกำลังอาบไปด้วยแสงสีแดง ห่ออยู่รอบตัวเป็นทรงกลม ราวกับเป็นก้อนพระอาทิตย์
“จงตาย และคืนดวงวิญญาณกลับมาซะ!”
เธอกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะปลดปล่อยพลังงานสีแดงออกไป
สนามพลังวิญญาณที่แตกออก ได้กลายเป็นคลื่นพายุขั้ววิญญาณที่พัดกระจาย
คลื่นพลังงานนั้นมีสภาพคล้ายกับปรากฏการพายุสุริยะ
แต่เป็นพายุสุริยะที่มีผลเฉพาะกับร่างวิญญาณโดยตรง
อีกกายักษ์ได้ถูกพายุนั้นกระแทกใส่ร่างกายในระยะหายใจรดต้นคอ
จงอยปากของมันถึงกับถูกหักครึ่ง
ใบหน้าถูกบี้จนแบน และดวงตาอีกข้างถล่นไหลออกมาจากเป้า
มันกำลังร่วงหล่นจากฟ้า
ร่วงหล่นลงสู่ใจกลางเมือง ณ ลานกว้างแห่งวีรบุรุษ
ร่วงหล่นกระแทกใส่รูปปั้นแห่งเทพทั้งสาม ที่ถูกจัดเตรียมมาในพิธีสิ้นปี
*กาาาาาาาาาาาาาาาาาา!*
*ฉึก!*
ท้องของมันถูกมือที่ชูขึ้นฟ้าของรูปปั้นแห่งเทพทั้งสามแทงทะลุในตำแหน่งของหัวใจ
*กาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!*
สัตว์ประหลาดอีกาที่มีสามขากำลังดิ้นรนอยู่บนยอดรูปปั้นเทพทั้งสาม
มันเป็นภาพที่น่าประหลาดใจแก่ผู้ที่ยืนมองดูอยู่เบื้องล่าง
ต่อให้ถูกดึงปีกขาดไปสองข้าง ถูกส่วนมือของรูปปั้นที่ชูขึ้นฟ้าแทงทะลุตำแหน่งของหัวใจ มันกลับยังไม่ตาย
การทำร้ายทางกายภาพ มิอาจใช้สังหารสัตว์วิญญาณได้
สิ่งมีชีวิตก้อนพลังงานตัวนี้ กำลังพยายามดิ้นรนเพื่อทำให้ตัวเองหลุดออกมาจากการถูกแทง
ผู้คนที่เคยยืนนิ่งอยู่บนลานเพื่อมองดูการต่อสู้ ล้วนต่างกลับมาได้สติ แล้วเริ่มใช้ขาของตัวเองพากันวิ่งหนีอลหม่าน
แม้แต่นักบวชแห่งศาสนาจากเทพทั้งสามที่ฝึกจิตและสมาธิมาอย่างดี ก็ไม่พ้นที่จะรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อภัยคุกคามถึงชีวิตย่างกรายเข้ามาใกล้
“คุณน้าเทเรซ่าค่ะ!”
“หนูไซต์! อยู่ตรงนั้นเองหรือ? เจอสามคนที่หายไปหรือยัง? ”
“เจอแล้วค่ะ! กำลังหลบอยู่ข้างหลังพุ่มไม้ตรงนี้ค่ะ!”
“รีบพามาตรงนี้เร็ว! แล้วก็ทุกคน อย่าได้แตกตื่นวิ่งหนีกันเอาเอง ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกนะเด็ก ๆ !”
เหล่านักบวชสาวตัวเล็กผมสีเงินจำนวนมาก กำลังถูกนักบวชหญิงชรารวมฝูงให้วิ่งเป็นขบวนอย่างเป็นระเบียบ
ถึงใบหน้าจะดูเปี่ยมด้วยความกล้าหาญ แต่ขาของเธอกลับสั่นเทาอย่างรุนแรงด้วยความเขลา
นักบวชเทเรซ่าเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น
เธอไม่ได้เก่งกาจ หรือเป็นนักรบที่จะมีจิตใจกล้าหาญ เหมือนอย่างผู้นำทวีปที่กำลังเข้าต่อสู้กับสัตว์ยักษ์
แต่กระนั้น ด้วยหัวใจแห่งความเป็นมารดาของเด็ก ๆ ที่เธอสาบานว่าจะเลี้ยงดูแล จึงไม่อาจแสดงความอ่อนแอภายในจิตใจออกมาให้เห็นได้
*กาาาาาาาาาาาาาา!*
อีกายักษ์กำลังออกแรงสุดกำลัง
มันบาดเจ็บ
มันหิว
ต้องรีบหาวิญญาณมาเติมเต็มร่างกาย เพื่อคงสภาพกายวิญญาณของตัวเองเอาไว้
มันกำลังมองหาเหยื่อ—
*กา!*
มันเจอแล้ว
เหยื่อน่าอร่อยที่มีจำนวนมาก ที่อยู่ใกล้มันมากที่สุด
สิ่งมีชีวิตอ่อนแอขนาดเล็กจำนวนมากตรงนั้น…
*กาาาาาาา!*
“อึ๊ก!? ระ— แรงดูดอะไรกัน!? หรือว่ามันกำลังพยายามจะดูดพวกเราเข้าไป!”
“ไซน์ รีบพาทุกคนหนีไปซะ!”
นักบวชหญิงชราไม่สนใจชีวิตของตัวเอง
เธอวิ่งสวนทางทุกคน มุ่งหน้าไปหาสัตว์ขนาดใหญ่ที่กำลังอ้าออกแรงดูด
เธอกรีดเสียงดังลั่นเพื่อหวังดึงความสนใจของเจ้าสัตว์ร้ายมาที่ตัวเอง
ยอมฝืนร่างกายอันแก่ชรา ปล่อยให้หัวใจของกรีดร้องไปกับร่างกายที่กำลังส่งเสียงประท้วง เพราะไม่อาจทนรับภาระการต่อการวิ่งได้
แต่เธอจำเป็นต้องวิ่ง
วิ่ง— เพื่อสละชีวิตตัวเองให้กับต้นหญ้าอ่อนที่กำลังเติบโตขึ้นมาอย่างงดงามอยู่ด้านหลังของเธอเอง
““แกคิดจะทำอะไรคุณป้าของพวกเรา!””
ในเวลานั้นเองที่นักบวชสามคนได้ร่วงลงมาจากฟากฟ้า
ปีก ขา และก้อนพลังงานสีแดง การโจมตีที่แตกต่างทั้งสามได้ฟาดฟันใส่ส่วนหัวของสัตว์ร้าย
บดขยี้ตั้งแต่ส่วนบนจรดปลายเท้า แตกด้าวดิ้นสิ้นสลาย กลายเป็นละอองธุลีแสงไปในพริบตา
เวลาเดียวกัน แสงอาทิตย์จักส่องสาดแสงตรงลงมา อาบบนกายรูปปั้นแห่งเทพทั้งสาม ที่มีนักบวชสาวยืนอย่างโดดเด่นบนรูปปั้นของตัวเอง
ละอองแสงแห่งวิญญาณ กำลังพุ้งกระจายเป็นดั่งผ้าม่านฉากให้กับทั้งสามสาว
กลายเป็นภาพที่ราวกับภาพวาด [เทพเจ้าผู้สังหารอสูรกาย] ไปในท้ายที่สุด—
MANGA DISCUSSION