***เวลา 16:00 น.***
ข่าวลือ… ของสามแสบแห่งวิหารเทพ…
“ยะ— อย่าเข้ามานะ!!”
ทำไม…
“เหวอออ!!”
ทำไมถึงไม่มีใครบอกเลย…
“ชะ— ช่วยด้—!!”
*ฉูดดด—!*
ทำไมถึงไม่มีใครบอกเลยสักคน ว่าไอก้วนสามแสบแห่งวิหารเทพทั้งสาม มันจะเก่งเหนือสามัญสำนึกแบบนี้ทุกคน!
ณ ลานกว้างของแก๊งภูติสีชาด กำลังถูกย้อมให้กลายเป็นทะเลน้ำเลือดสีเงินของเผ่าปีศาจ
กลิ่นเหม็นเปรี้ยวของเลือดกรด กำลังลอยโชยคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณกว้าง
เผ่าปีศาจร่วมสองร้อยคนที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจแห่งความแข็งแกร่งของเผ่าอันดับหนึ่ง ล้วนแต่ถูกสังหาร
พวกเขากำลังถูกหยามเกียรติ โดยเผ่าที่ว่ากันว่าอ่อนแอที่สุดอย่างเผ่ามนุษย์นก
แถมยังเป็นเผ่ามนุษย์นกเพศเมียที่มีร่างกายบอบบางและตัวเล็ก จนไม่น่าเชื่อว่าจะมีความแข็งแกร่งราวปีศาจได้ถึงขนาดนี้
มันไม่ควรจะกลายเป็นแบบนี้
พวกเราควรที่จะได้ออกล่า สนุกไปกับการฆ่าเจ้าโง่พวกแก๊งต่าง ๆ แล้วเอาเนื้อมากินเพื่อเป็นการฉลองปีใหม่ต่างหาก
แต่กลายเป็นว่าวันแรกที่ออกล่า กลับถูกยัยภูติชื่อดังจับถลกหนังทิ้งแทน
แล้วพอคิดจะกลับมาแก้แค้นด้วยระเบิดสังหารภูติ กลับกลายเป็นมาเจอเพื่อนของมัน…
แล้วเพื่อนของมันเนี่ย แม่งเหี้ยมยิ่งกว่ายัยภูติหัวแดงเสียอีก!
“แขน— แขนของฉ้านนนนนนนนน!! ขอโทษ! จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว! ได้โปรดปล่อย—”
“คิดจะฆ่าคนอื่นแล้วไม่เตรียมใจตายเองนี่มันต่ำยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก รู้ตัวไหม? ”
“อ๊ากกก!!”
คนที่ลงมือสู้จริงมีแค่ยัยนักบวชหัวเหลืองที่เป็นเผ่ามนุษย์นก
ถึงจะตัวเล็กราวครึ่งหนึ่งของพวกเรา แต่ในสายตาของข้า กลับมองเห็นเป็นยมฑูตแห่งความตายที่สูงจนกลืนกินพระอาทิตย์ และใช้ปีกสีทองแทนเคียวสังหาร เกี่ยวเอาชีวิตของพวกเราไป
มันสับพวกพ้องของพวกเราด้วยรอยยิ้ม
ใช้ลิ้นเลียเลือดสีเงินที่เปื้อนใบหน้าของมันด้วยแววตาอันน่าพิศวง
มีหลายคนที่ถูกฟันคอ ตัดผ่าครึ่งหัวจนสมองไหลออกมาจากเปลือกกะโหลกหนา
ถึงบางคนเหมือนจะรอดเพราะถูกฟันแขนหรือขา แต่สุดท้ายก็จะถูกแยกสมอง หรือไม่ก็ถูกใช้กรงเล็บขาทุบใส่ส่วนศรีษะจนแหลกละเอียด
เป็นการกระทำเพื่อให้มั่นใจว่าตายสนิท ไม่มีทางฟื้นกลับมาได้อีก…
นี่ไม่ใช่สามัญสำนึกของคนปกติแล้ว!!
“ตะ— ต้องรีบแจ้งกลับไปให้ท่าน [บาร์-ธา-ซ่าร์] รู้!”
“แจ้งให้ใครรู้กันจ๊ะ? ”
“วะ—”
ไม่แม้แต่จะได้ทันกรีดร้อง
ครึ่งหัวส่วนบนได้ถูกแยกออกจากร่างกาย ในลักษณะผ่าตัดขวางที่แนวดวงตา
โลกทั้งใบที่มองผ่านสายตาของผมกำลังถูกแยกออกเป็นสี่ส่วน ก่อนจะเหลือมองเห็นเพียงแค่ครึ่งเดียว
*พึบ*
แล้วโลกทั้งใบของข้าก็ได้มืดดำไปในทันที
***
“นาน ๆ ได้ยืดเส้นยืดสายบ้างก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ~”
[ถ้ามีรอบหน้า ขอให้ฉันเป็นคนจัดบ้างนะคะ อยากยืดเส้นบ้างเหมือนกันค่ะ (ᗜˬᗜ❀) ]
ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เลยทำให้ฉันสร่างเมาแทบจะในทันที
รังของพวกเราถูกเจ้าพวกบ้าเมื่อวันก่อนบุกมาแก้แค้น
ตอนแรกคิดว่าจะได้อาละวาดรับท้ายปี แต่กลายเป็นว่าเพื่อนของลูกพี่หญิงเก็บเรียบไปคนเดียวทั้งหมด
“หัวหน้า ชี ยัยนี่มันโหดฉิบหาย… อาจโหดกว่าลูกพี่หญิงแมรี่อีกครับ”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเจ้าชาง… แม่งฆ่าผู้คนได้อย่างไม่มีความลังเลเลย”
ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าฉันโลกสวยหรอกนะ
การต่อสู้ระหว่างแก๊ง ย่อมอาจเกิดเหตุฆ่ากันตายเป็นเรื่องธรรมดา
ฉันเองก็ใช่ว่าไม่เคยฆ่าใครมาก่อน
แต่ไอประเภทที่แบบว่าเล็งไปจุดตายของอีกฝ่ายทันที แล้วยังมีซ้ำเพื่อหวังให้ตายสนิทนี่— เกิดมาก็พึ่งจะเห็นยัยนี่ทำเป็นคนแรก…
หนึ่งต่อสองร้อย ชนะขาดลอยด้วยการใช้เพียงแค่ปีกของตัวเอง…
ส่วนนักบวชอีกคนที่นั่งนิ่งดูเพื่อนตรงนั้น ดูท่าจะมีฝีมือที่ไม่ทิ้งห่างกันมากด้วย
สามแสบแห่งวิหารเทพทั้งสาม?
ตัวจริงของยัยพวกนี้เป็นใครกันแน่…
ฉัน กับคนในแก๊งที่เหลือต่างเริ่มจ้องไปที่นักบวชสีเหลือง
เธอคนนั้นกำลังยืนอยู่ใจกลางบ่อเลือดสีเงิน บนยอดของซากภูเขาเนื้อที่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ อันน่าสยอดสยอง
ใบหน้าของเธอดูตึงเครียด เหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ในตอนนั้นเองที่เธอกำลังยิ้ม—
“เหวอ!?!”
รู้สึกถึงคลื่นพลังงานบางอย่างที่เย็นเฉียบไปถึงขั้วกระดูกของร่างกาย จนประสาทด้านชา เสมือนหนึ่งกำลังตายทั้งเป็น
ทุกคนที่สัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ ล้วนต่างเข่าอ่อนจนล้มตัวลง
บางคนหนักหน่อยก็ถึงขั้นฉี่ราด
มีแค่ฉันกับเจ้าชาง ที่ยังสามารถตั้งสติยืนได้อยู่เท่านั้น
แต่ขานี่สั่นพับ ๆ กันทั้งคู่เลยละ
“อ๊ะ? ขอโทษด้วย ดันเผลอปล่อยจิตสังหารออกไปเสียได้~”
จิตสังหาร…
“เอาเป็นว่าพวกเราสองคนจะไม่รบกวนเวลาฉลองพวกเธอมากไปกว่านี้แล้ว ขอตัวลาละนะ~”
สหายของลูกพี่หญิงว่าเช่นนั้นแล้วหันหลังให้กับพวกเรา
“ว่าแต่พวกเธอจะเอายังไงกันต่อ? ”
แต่แล้วเธอกลับหยุดเดิน ก่อนจะมองไขว้หลังอย่างทรงเสน่หามาทางพวกเรา
“หมายความว่ายังไง…”
“ก็— สถานที่แบบนี้คงไม่เหมาะที่จะจัดงานเลี้ยงสิ้นปีต่อได้แล้วละมั้ง? หรือว่าพวกเธออยากจะจัดงานท่ามกลางซากศพแบบนั้นหรือ? ”
ถูกอย่างที่เธอพูด…
สถานการณ์แบบนี้ ใครมันจะมามีอารมณ์สนุกสนานกันต่อได้เล่า…
“เพราะงั้น— ทำไมพวกเธอไม่ไปร่วมงานในตัวเมืองกันละ? ที่นั่นมีทั้งอาหารฟรี เหล้าฟรี จากภาษีประชาชนแจกไปทั่วทุกมุมถนนเลยนะ”
“แต่พวกเราเป็นพวกเศษแดนที่คนในเมืองรังเกียจ—”
“ยากดีมีจนแล้วมันต่างจากคนอื่นตรงไหนเล่า? ”
อึ๊ก…
“ที่พวกนั้นรังเกียจ คือรังเกียจคนเนื้อตัวสกปรก กับพวกนิสัยเลว ๆ ที่ดูเป็นภัย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคน แต่พวกเจ้า! พวกเจ้าไม่ได้เนื้อตัวสกปรกอะไรเลยไม่ใช่หรือ? แล้วถ้าพวกเจ้าไม่ไปก่อเรื่อง มันก็ไม่มีใครคิดจะมารังเกียจพวกเจ้าได้หรอก”
เรื่องนั้นมัน…
“ที่พวกเจ้าไม่กล้าเข้าเมือง ก็แค่ว่าพวกเจ้ารังเกียจตัวเองเท่านั้น”
“!!!”
นางพูดถูก
พวกเรากำลังรังเกียจตัวเองอยู่
ที่พวกเราไม่กล้าเข้าเมือง เพราะกลัวสายตาที่คนทั่วไปมองมาทางพวกเราต่างหาก
“เอาละ~ เห็นแก่ที่พวกเจ้าเป็นลูกน้องของแมรี่ เพื่อนของพวกเรา ถ้าเกิดมีใครคิดจะมามีปัญหากับพวกเจ้า เดียวเราผู้นี้จะออกหน้าให้เอง”
“นี่คุณ…”
ลูกพี่หญิงแมรี่ก็ดี สหายของเธอก็ดี
ถึงจะมีแต่ข่าวลือแย่ ๆ เกี่ยวกับตัวของพวกเธอ แต่พอได้พบกับตัวจริงแล้ว พวกเธอกลับเป็นคนดีกว่าที่ฉันเคยได้ยินมาจากข่าวลือมาก
ใช่แล้ว— พวกเรานะไม่จำเป็นต้องมาหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในที่มืดแบบนี้อีกต่อไปหรอก
ได้เวลา ที่พวกเราต้องออกไปในที่สว่างกันบ้าง!
“ว่ายังไง? ตอนนี้เริ่มชักอยากจะไปร่วมงานเลี้ยงสิ้นปีพร้อมกับพวกเราหรือยัง? ”
“ได้ค่ะ! ขอฝากตัวด้วยค่ะ [ลูกพี่หญิงเอโซ] [ลูกพี่หญิงลาพิส] !”
ในเวลานั้น ฉันไม่ได้เห็นเลยว่าสหายของลูกพี่หญิงแมรี่ กำลังยิ้มอย่างชั่วร้ายอยู่ใต้เงามืดนั้น—
***
“โอ๊กกกกกกกกกก!”
ออกมาแล้ว~
มันออกมาแล้ว~
วิญญาณที่ถูกกินเข้าไป กำลังไหลทะลักออกมาแล้ว~
ออกมาจากทุกทิศทุกทาง~ ทั้งปาก~ ตา~ หู~ จมูก~ รูตูด~
สภาพเหมือนกับเป็นลูกโป่งที่ใส่น้ำผสมสารเรืองแสง แล้วถูกตัวเม่นเจาะจนน้ำทะลักไหลออกมาเลย~
สรุปคือมีสภาพที่ดูไม่ได้~
ลั่น~ ลั้น~ ล้า~
“โอ๊กกกกกก! โอ๊กก! และ โอ๊ก!”
แสบร้อนไปทั้งตัว เหมือนกับเอาดวงวิญญาณไปจุ่มกระทะทองแดงเลยว้อย!
ถึงได้บอกแล้วไง ว่าไม่อยากจะใช้วิธีนี้!
ดวงวิญญาณจำนวนมากกำลังพากันบินหนีออกไปหาอิสรภาพที่ไม่ได้รับมาร่วม 1,000 ปี ราวกับเป็นสายน้ำ
ชะตาอนาคตของพวกมัน คงไม่แคล้วไปถูกสัตว์นรกจับกิน ไม่ก็ถูกพวกยมบาลไล่จับ หรือได้ไปเกิดใหม่ตามวัฏจักรภพคนเป็นกับคนตาย
ยังไงก็ขอให้โชคดีนะ… เหล่าวิญญาณมีชีวิตน่ารัก ๆ ที่ผมเฝ้าสะสมมา…
ท่ามกลางสายธารแห่งดวงวิญญาณที่กำลังว่ายไปตามอากาศ มีแสงสีเหลืองทรงกลมดวงหนึ่งที่เจิดจ้ายิ่งกว่าใคร
มันคือดวงวิญญาณของโนอาร์
“คิดจะไปไหนกันโนอาร์!”
“—?? ”
เธอดูสับสน
เป็นวิญญาณที่ดูสับสนราวกับพึ่งตื่นมาจากความฝันอันยาวนาน
มันไม่แปลกหรอก เพราะเล่นถูกหลอมอยู่ข้างในดวงวิญญาณของผมมาตั้งช่วงหนึ่ง
ความรู้สึกก็คงจะประมาณร่างศพที่ถูกจับเอาไปแช่ในน้ำฟอร์มาลีนนั่นละ
“มากับผม! อีกร่างของเธอกำลังเป็นห่วงอยู่นะ!”
“อีก— ร่าง—? ”
ยังสับสนไม่หายอีกหรือนี่?
เริ่มชักรู้สึกว่าถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ เดียวได้มีเผลอคลาดสายตาบินไปไหนต่อไหนแน่
ช่วยไม่ได้ แบบนี้คงต้องขอจับผนึกวิญญาณเอาไว้ในก้อนคริสตัลวิญญาณก่อน
“เอ๊ะ? ”
ผมรีบจับโยนดวงวิญญาณของโนอาร์ใส่หนึ่งในคริสตัลที่มีป้ายชื่อ [ไพไรต์ & โทแพซ]
จงดีใจซะ ที่ผมเอาคริสตัลของอดีตที่เคยใช้เก็บดวงวิญญาณของสามีเธอมาใช้
“…”
เออ— ใช่ คนที่เอาวิญญาณของสามีเธอกับเพื่อนภรรยาอีกคนมาเก็บ ก็คือผมคนนี้เนี่ยแหละ
แอบเล็งเอาไว้ตั้งตอนที่พวกนี้ยังมีชีวิตแล้ว
แบบว่า— สิ่งมีชีวิตที่ขนนุ่มฟูเนี่ย มันน่ารักออก จริงไหม?
ตอนนั้นที่แอบส่องดูความทรงจำของโนอาร์ เลยกล้าพูดไงว่าร่างกายของ ไพไรต์ ที่โนอาร์แอบจับแช่สารคงสภาพเอาไว้บนโลกคนเป็น มันเป็นแค่ภาชนะว่างเปล่าที่ไม่มีดวงวิญญาณอยู่จริง
แต่พูดไป โนอาร์ คนนี้คงไม่เข้าใจหรอก
ผมรีบใช้แก้วแสงผลึกที่มีคุณสมบัติขั้วแม่เหล็กวิญญาณรุนแรง ดูดดวงวิญญาณของเธอเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
เธอดูตื่นตระหนก และบินชนกำแพงสนามแม่เหล็กวิญญาณอยู่ภายในก้อนคริสตัล
น่าร้าก~ เหมือนกับเป็นปลาทองเลี้ยงที่ถูกขังอยู่ในขวดโหลแก้วเลย~
เดียวเอาไปเก็บบนชั้นวาง—
เอ๊ย! ไม่ใช่สิ! ต้องรีบเอากลับไปคืนให้โนอาร์ที่โลกของคนเป็นต่างหาก!
ว่าแล้วก็ได้เวลาจรลีกลับโลกเบื้องบน—
*กาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!*
—เสียงอะไร…
เป็นใครกัน?
พวกยมบาล?
หรือพวกนักท่องเที่ยวจากแดนอื่นอย่าง จิโกกุ? เหงี่ยมล่ออ๋อง? ทาร์ทารัส? *
ไม่สิ เสียงร้องแบบนี้ น่าจะเป็นพวกสัตว์นรกมากกว่า
สงสัยคงเป็นเพราะวิญญาณที่กระจายออกไปเมื่อกี้ เลยทำให้ดึงดูดพวกมันมาที่นี่
*กาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!*
*โครม!*
หลังคากระท่อมดินกำลังพังลงมาทั้งแถบด้วยกรงเล็บของอีกา
[อีกา] ฟังดูอาจไม่น่ากลัว แต่อีกาตัวเต็มวัยของแดนนรก มันมีขนาดตัวอย่างน้อยก็ปาเข้าไป 47 เมตร ปีกกว้าง 265 เมตร นี่สิ…
“เหวอ!?!”
ผมรีบบินหลบห่าฝนดิน กับคมกรงเล็บที่กำลังคว้านลงมาหาเหยื่อ
ฉิบหาย ฉิบหาย ฉิบหาย!
สภาพของผมตอนนี้ไม่ใช่เป็นร่างกายทิพย์ของเทพเสียด้วย
จะให้เอาอะไรไปชนะพวกสัตว์นรกกันละนี่?
*เคร๊ง~*
“เห้ย! คริสตัลที่กักเก็บดวงวิญญาณของ โนอาร์ มัน!!”
คริสตัลกำลังแตก
ไม่สิ มันแตกไปแล้ว…
เจ้ากานรกมันกำลังกินดวงวิญญาณของโนอาร์เข้าไปข้างใน
ไม่ใช่แค่โนอาร์ แต่รวมไปถึงวิญญาณที่เราพึ่งจะปลดออกมาเมื่อกี้นี้ด้วย
“แก…”
กินเสียอร่อยเชียวนะเอ็ง
ดวงวิญญาณที่ผมอุตส่าสะสมมาร่วม 1,000 ปี—
ถึงจะปลดปล่อยให้เป็นอิสระไปแล้ว แต่พวกนี้คือดวงวิญญาณที่น่ารักของผม—
แล้วจะให้ถูกกินไปทั้งแบบนี้—
ผมนะ—
“ไม่ให้อภัย…”
—ยอมไม่ได้
ของรักของข้า—
ต้องฆ่า—
ฆ่าไอตัวที่บังอาจมาทำลายของ ๆ ผม—
ต่อให้ต้องใช้กายวิญญาณเข้าสู้เพียงอย่างเดียว ผมก็จะหาทางฆ่ามัน—
แก – ต้อง – ตาย!
*************************************
เสริมคำศัพท์
*จิโกกุ คือชื่อนรกตามความเชื่อญี่ปุ่น
*เหงี่ยมล่ออ๋อง คือชื่อนรกตามความเชื่อของจีนจากลัทธิเต๋า
*ทาร์ทารัส คือห้วงอเวจีลึกอันไร้ที่สิ้นสุดตามตำนานกรีก
MANGA DISCUSSION