การถือกำเนิดเส้นทางผู้เหนือกาลจักรลำดับที่หนึ่ง - ตอนที่ 154 ยูโกะจัง
บทที่ 154 – ยูโกะจัง
เมื่อมาถึงโดมที่จัดสถานที่ที่คอนเสิร์ตจะเริ่มขึ้น มิวก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับขนาดและที่รองรับผู้คนที่มันใหญ่แทบจะสุดลูกหูลูกตา
เวทีที่ให้ยูโกะจังโอชิของเอริเนียกระโดดโลดเต้นและร้องเพลงถูกล้อมรอบด้วยที่นั่งผู้คนมากมาย ที่บางทีหากเป็นในยุคก่อนที่หอคอยหรือประตูจะปรากฏละก็
คงไม่มีที่ไหนใหญ่เทียบเท่าเลย ไม่ใช่แค่นั้นผู้คนที่พลุกพล่านนั้นก็เหมือนฝูงมนุษย์ แต่กลับไม่ได้วุ่นวายเลยแม้แต่น้อย นั่นแสดงให้เห็นว่าที่แห่งนี้มันกว้างขนาดไหน
รวมถึงทุกคนที่ผ่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างน้อยก็เป็นคนที่ผ่านการรับรองหลายระดับ มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาในภายหลังอย่างแน่นอน
ซึ่งน่าแปลกใจที่ทำไมคนที่มีตัวตนน่าสงสัยอย่างมิวและเอริเนียถึงเข้ามาได้ ยัยเอริเนียมันไปทำอิท่าไหนไว้บ้างละนิ
มิวเก็บกลีบดอกกุหลาบที่ได้รับมาโดยสัญชาตญาณและพาไปหาที่นั่งของตัวเองกับเอริเนีย ที่น่าแปลกใจคือที่นั่งของเธอกับเอริเนียค่อนข้าง VIP เลย
ซึ่งเอาเข้าจริงราคามันน่าจะแพงมากๆ เพราะราคาบัตรปกติมันก็แพงงระดับที่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถซื้อได้แน่นอน
อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ใช้พลังอารยธรรมระดับท็อปๆ ที่สามารถเข้ามาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่นั่ง VIP ที่ลอยอยู่นอกสายตาของคนที่นั่งแบบปกติ
แถมยังเห็นการแสดงของยูโกะจังแบบชัดเจนแจ่มแจ้ง อันที่จริงที่นั่งเองก็มีหลายระดับน่ะนะ ตั้งแต่ Normal, Special, Premium, VIP เรียงจากต่ำมาสูง
ซึ่งแน่นอนว่า VIP คือที่นั่งที่ดีที่สุดและแพงที่สุดเช่นกัน มิวได้แต่หัวเราะแห้งๆ กับความที่เอริเนียใส่สุดแบบไม่เสียดายตังกับการดูคอนเสิร์ตนี่
….
…
..
เหนือท้องฟ้าที่อยู่เหนือหัวของโดมขนาดใหญ่ของ The AirBlue มันสูงมากจนแทบจะหลุดพ้นออกจากวงโคจรของโลกอยู่แล้ว
มีเงาสีดำปรากฏขึ้น สวมผ้าคลุมสีดำปกปิดใบหน้า มือที่แห้งเหี่ยว อันที่จริงความรู้สึกที่สามารถสัมผัสไดจากมันคือเหมือนยมทูต
ในมือถือเคียวที่ดำสนิทราวกับหลุดออกมาจากหลุมดำ ที่สามารถดูดกลืนแสงทุกอย่างได้ไม่มีผิด
ด้านหลังมีเงาของนาฬิกาโรมัน ที่ดูเลื่อนลอยอยู่ไม่มากก็น้อย ภาพค่อนข้างที่จะเบลอเล็กน้อย
“การ..แก้….ฉัน….”
“ไม่.. อนุญาต..”
เงาสีดำพึมพำเดียวน้ำเสียงที่แหบพร่า ยากจะแยกแยะออกว่าเป็นหญิงหรือชาย
……
….
..
ยูโกะจังไอดอลที่ทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตารออยู่ล้อมรอบเวทีในตอนนี้เธอกำลังเตรียมตัว เตรียมที่จะขึ้นสู่เวทีที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ
และอาจจะเป็นเวทีสุดท้ายของเธอเช่นกัน ผมสีขาวสะอาดของเธอทำให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตามากๆ
เธอมองกระจกอย่างเงียบๆ ก่อนที่ด้านหลังของเธอจะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริงว่า
“เข้ามาได้เลยค่า ยูโกะจังไม่ได้โป๊อยู่ค่า”
“แหม ยูโกะ เธอเป็นไอดอลที่ดังก้องโลกนะ เรื่องแบบนั้นไม่ควรพูดออกมาเหมือนมุกตลกนะรู้ไหม ?”
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังประตู ก่อนที่ประตูจะถูกผลักออกและก็มีชายคนหนึ่งที่หน้าตาค่อนข้างดี และมีภูมิฐาน ผมสีดำเงางามของเขาทำให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น
ไม่ใช่แค่นั้นบรรยากาศรอบตัวไม่ว่ายังไงเจ้าหมอนี่ก็คนดีแน่ๆ ตรงข้ามคนที่อยู่ด้านหลังเข้าอีกคนที่เป็นผู้หญิงสวมชุดออฟฟิศต่างหากที่ดูหน้าตาน่ากลัว
เธอมัดผมอย่างเรียบร้อย แต่ฮิเมะคัตที่หน้าผากไม่แน่ใจว่าตั้งใจเป็นแฟชั่นหรือเจ้าตัวตัดพลาดเอง เพราะมันเอียงนิดๆ แต่เพราะด้วยที่เป็นคนสวยเลยไม่ได้ดูน่าเกลียด
ผสมกับผมสีครีมของเธอที่ทำให้มันดูไม่ได้ตัดฉากเฉียงกับใบหน้าขนาดนั้น แต่ถึงงั้นเจ้าตัวก็หน้าตาค่อนข้างเข้มเหมือนคุณแม่สายเข้ม
“ประธาน นี่น่า”
ยูโกะจังอุทานออกมา
“ไม่ใช่สิ ที่นี่ต้องเรียกว่าผู้จัดการไม่ใช่เหรอ”
“ขอโทษค่า ยูโกะผิดไปแล้วค่า”
ใช่แล้ว เขาคนนี้ก็คือประธานของ The AirBlue แห่งนี้รวมถึงเป็นผู้จัดการของยูโกะจังไอดอลชื่อก้องโลก แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีใครรู้
เพราะไม่ได้เปิดเผยออกไปละนะ แต่คนที่ปั้นยูโกะขึ้นมาจาก 0 ก็คือเขาคนนี้นี่แหละ รวมถึงคนที่สร้าง The AirBlue ก็คือเขาคนนี้
ราฟิเอล เคนเดล
ส่วนผู้หญิงอีกคนคือเลขามือขวาที่สนิทที่สุดของราฟิเอล เธอมีชื่อว่า เรดิธ เคธี่ แต่ยูโกะรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้คือผู้ใช้อารยธรรมระดับเจ้าหญิง
ที่แข็งแกร่งพอที่จะเคลียร์ชั้นหนึ่งถึงชั้นเก้าด้วยตัวคนเดียวภายในระยะเวลาไม่กี่วันเท่านั้น แม้อาจจะเทียบไม่ได้กับตัวท็อปๆ อย่างเรนะ
แต่ก็ถือว่าเก่งในหมู่องค์หญิงหรือองค์ชายด้วยกันอยู่ดี พูดอีกอย่างหนึ่งคือเป้นทั้งผู้ช่วย เลขาและคนคุ้มกันให้นั่นแหละ
เพราะว่ากันตามตรง The AirBlue ก็ดี หรือตำแหน่งผู้จัดการของยูโกะจังก็ดี มันล้วนแล้วแต่อันตรายต่อชีวิตสำหรับคนที่อิจฉา หรืออยากได้ของมีมูลค่าจากเขาโดยสิ้นเชิง
ยิ่งในยุคที่คนชั่วสามารถมีพลังพิเศษขึ้นมาได้แล้วด้วยละก็..
“ไม่ตื่นเวที หรือตกใจสถานที่จนประหม่าใช่ไหม?”
หนุ่มหล่อราฟิเอลถามด้วยความเป็นห่วง ยูโกะชูมือขึ้นพร้อมทั้งชี้นิ้วขึ้นฟ้า
“เหนือฟ้าใต้หล้า ยูโกะจังเก่งที่สุด”
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่า”
สาวน้อยตอบอย่างร่าเริง แน่นอนว่าแม้นี่จะเป็นการแสดงใหญ่ที่สุดครั้งแรกในชีวิตของเธอ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ได้ไม่เคยแสดงบนเวทีใหญ่เลย
แม้จะมีความตื่นเต้นหรืออะไรบ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ความประหม่าแต่อย่างใด มันแค่เป็นความรู้สึกหลายอย่างที่ผสมผสานกันเท่านั้น
“แต่จะว่าไปนะ ผู้จัดการ ยูโกะไปได้ยินเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่งมาล่ะ”
“เพราะผู้จัดการไม่ยอมมาหายูโกะสักทีในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เลยไม่ได้บอก”
“แต่ว่ายูโกะจังไปได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้จัดการสนใจอยู่มาด้วยล่ะ”
ยูโกะจังพูดแบบนั้นพร้อมมองหน้าราฟิเอล แม้ตอนแรกจะมีรอยยิ้มแต่พอพูดถึงเรื่องที่ว่า ‘สนใจอยู่’ คิ้วก็ตกลงทันที
“เรื่องที่สนใจอยู่ ?”
“ใช่แล้วล่ะ ผู้จัดการบอกว่าช่วงนี้สนใจเรื่องประตูบอร์เดอร์อยู่ใช่ไหมล่ะ ยูโกะจังไปได้ยินเรื่องน่าสนใจมาด้วยล่ะ”
“อ่าๆ ใช่ๆ ฉันเคยบอกยูโกะด้วยเหรอ ?”
“แน่นอน แล้วผู้จัดการอยากรู้ไหมล่ะ เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับหอคอยน่ะ”
“อื้มๆ อยากรู้สิ”
รอยยิ้มของราฟิเอลกลับมาเป็นปกติเหมือนอย่างเดิม
“แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งนะ”
“อะไรเหรอ ?”
“พายูโกะจังไปด้วย”
“……”
ดวงตาของยูโกะจังที่สดใสร่าเริงเหมือนมืดดับลงไปกะทันหัน แม้แต่ราฟิเอลก็ยังไม่เคยเห็นยูโกะจังในลักษณะท่าทางแบบนี้
ดวงตาของเธอจ้องมองลึกไปยังในดวงตาของราฟิเอล ราวกับต้องการจะสื่อถึงบางอย่างที่อยู่ในส่วนลึกจิตใจของเขา
ราฟิเอลนิ่งเงียบไป
“การเงียบของผู้จัดการยูโกะจังถือว่าเป็นการตกลงแล้วกันนะ”
“เรื่องมีอยู่ว่า… ยูโกะจังไปได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ ‘บอร์เดอร์เอาท์’ มาน่ะ”
ใต้แขนเสื้อที่มีผิวของแขนเล็ดลอดออกมาจากช่องว่างของแขนเสื้อกับถุงมือนั้น… ที่ผิวของยูโกะนั้นไม่ใช่สีของผิวปกติ แต่เป็นสีแดง….