การถือกำเนิดเส้นทางผู้เหนือกาลจักรลำดับที่หนึ่ง - ตอนที่ 147 มิลลี่
บทที่ 147 – มิลลี่
เมื่อประตูบานใหญ่ปรากฏขึ้นพร้อมฟองทรงกลมที่ห่อหุ้มร่างกายของผู้คนซึ่งถูกปกป้องจากการแตกหักของตึก
พร้อมทั้งมีการรับมือกับการปรากฏตัวของประตูยักษ์เรียกได้ว่าทำให้มิวถึงกับประหลาดใจ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วราวกับพวกเขาพบเจอมาบ่อย
แต่หากมอองดูความเจริญของประเทศและบ้านเมืองแล้ว มิวนึกภาพไม่ออกว่าจะมีตึกพังถล่มแบบนี้บ่อยจนผู้คนเขาชินชากันได้อย่างไร
“แต่ไม่คิดว่าไอ้กำไลนั่นจะเป็นของป้องกันภัยพิบัติแบบนี้…. ทำไมมันไม่บอกกันเลยละนิ ขืนมีคนถอดมาไม่แย่เหรอนั่น”
มิวพึมพำกับตัวเองพร้อมกับมองฝูงชนที่หลบหนีกันอย่างเป็นระเบียบ รวมถึงคนที่ถูกปกป้องจากวัตถุทรงกลมก็ตื่นตัวรีบหนีไปหาที่หลบภัยตามคำแจ้งเตือนที่ดังกังวานไปทั่วทั้งเมือง ช่างเป็นระเบียบที่น่าทึ่ง
“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะ นายท่าน.. เพราะนายท่านพึ่งมาจากเมืองเหนือน่านน้ำ หนึ่งในเมืองที่มีหอคอยเพียงเจ็ดแห่งในโลกนี้”
“การที่จะมีคนแบบนายท่านที่ไม่รู้จักวัตถุปกป้องตัวเอง คงมีแต่นายท่านั่นแหละ”
ผู้กล้าเอริเนียที่ถูกมิวหิ้วหลบออกมาด้วยก็หาวหวอดๆ พร้อมทั้งพูดขึ้นด้วยท่าที่ถูกหิ้วเหมือนแมว แต่เจ้าตัวก็เหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธที่จะถูกปฏิบัติเช่นนั้น
“นี่เธอรู้อยู่แล้วเหรอ ทำไมไม่เห็นบอกกันเลย”
“ฉันนึกว่านายท่านรู้แล้วนี่น่า ก็นายท่านมาที่นี่หลายครั้งแล้วนิ”
“ฉันมาแบบผิดกฎหมายนะเฮ้ย”
“อ้ะ… จริงสิ เทะเฮะ”
“……”
มิวกุมขมับ มองมนุษย์ที่เหมือนแมวตรงหน้าที่เริ่มทำตัวไม่เอาถ่านขึ้นทุกวันๆ ยัยนี่ทำไมดูเหลวแหลกขึ้นทุกวันได้ขนาดนี้ละเนี่ย
มิวได้แต่ถอนหายใจ … มิวทิ้งตัวลงไปบนพื้นแบบเงียบๆ โดยไม่ให้มีคนเห็นและหวังว่ากำลังจะหลบภัยไปตามๆ คนอื่น
เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยอยากยุ่งเกี่ยวกับประตูบอร์เดอร์เท่าไหร่ เพาะเธอดูถูกหอคอยมากเกินไป พอเข้าไปถึงได้เจอดีเข้าให้
อาจจะเพราะหอคอยมันเหมือนกับนิยายที่เคยฮิตในโลกเก่าของเธอก็ได้ แถมตัวเธอในตอนนี้ก็แทบไร้เทียมทานเลยเผลอปล่อยตัวเลินเล่อไปโดยไม่รู้ตัว
พอเจอจริงก็แทบทำชีวิตเธอพลิกตาลปัตร มิวก็ได้แต่รู้สึกเสียใจอย่างช่วยไม่ได้ ดังนั้นประตูบอร์เดอร์เธอก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยว
ยังไงซะมันก็ไม่เกี่ยวกับความปรารถนาของเธอ … มิวเลิกหิ้วผู้กล้าเอริเนียเมื่อลงถึงพื้นพร้อมกับแทรกตัวไปตามฝูงชน
แต่ทว่า.. ในตอนนั้นเองประตูที่ไม่ได้เปิดอยู่นั้น…. ก็เหมือนกับเปิดออกอย่ากะทันหัน และเพียงพริบตาต่อมาก็มีฝ่ามือสีดำสนิทมากมายพวยพุ่งออกมาจากประตู
และมีสีดำเหล่านั้นก็เหมือนกับว่าพุ่งเข้าหวังจะฉุดกระชากมิวคนเดียว มันพุ่งผ่านตึกและหินต่างๆ มุ่งเป้ามาที่มิว
ดวงตาของมิวหดเกร็งแทบจะทันที.. มิวพยายามก้าวขาถอยหลังออกมา แต่มือเหล่านั้นกลับพุ่งเร็วขึ้นมากกว่าการเคลื่อนไหวของมิวราวกับตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวเธอ
และทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นมันก็เป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ มือสีดำสนิทก็พุ่งทะลวงเข้ามาจับร่างกายของมิวแล้ว เป็นอีกครั้งที่มิวรู้สึกว่าตนเองไม่มีกำลังในการต่อต้าน
ความมืดสีดำสนิทก็กลืนกินร่างของมิว โลกทั้งหมดมืดดับลง… เสียงแว่วบางอย่างดังเข้ามาในหูของมิว เป็นเสียงของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
“ทำไม… ทำไม….”
“ท่านแม่… ท่านแม่…”
“โลก… ทิ้งโลก.. เราทำไม…”
และวินาทีต่อมาทุกอย่างก็หายไป.. มิวลืมตาขึ้นพร้อมเหงื่อที่แตกพลั่ก และประตูที่เปิดออกและมีมือจำนวนนับไม่ถ้วนก็หายไป เหลือเพียงประตูที่ปิดอยู่
รอบข้างมิวไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากผู้กล้าเอริเนียที่ตอนนี้กำลังถือดาบเล่มหนึ่งแทงเข้าที่กลางอกมิวโดยไม่สร้างความเสียหายอะไร
“นายท่าน!!”
“…….”
มิวเหม่ออยู่เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะกลับมาปกติ แต่เมื่อมองไปเห็นผู้กล้าเอริเนียที่สีหน้าซีด ดูไม่ได้เหมือนคนกำลังจะร้องไห้
เหมือนว่าคนที่ประสบพบเจอเหตุประหลาดไม่ใช่มิว แต่เป็นเธอมากกว่าด้วยซ้ำ มิวรวบรวมสติแล้วก็ถามผู้กล้าเอริเนียด้วยความสับสน
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น!?”
เมื่อเห็นมิวถามแบบนั้น ผู้กล้าเอริเนียก็ถอนหายใจเมื่อเห็นว่ามิวไม่เป็นอะไร หน้าซีดเหมือนปลาตายของเธอกลับมามีชีวิตชีวาแทบจะทันที
กลิ่นอายความเป็นห่วงไม่เหลือภายในเสี้ยววิ พร้อมกับตอบกลับมิว
“ฉันไม่รู้.. เมื่อกี้จู่ๆ นายท่านก็เหมือนกับตัวตนจะสูญหายไป…”
“…หายไป..?”
มิวมึนงง.. ทว่าในตอนนั้นเองฟ้าก็มืดครึ้มลง.. ฝนสีดำสนิทเริ่มโปรยปรายลงมา ตามมาด้วยลมกรรโชกแบบไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย
มิวที่พึ่งตื่นจากภวังค์แปลกประหลาดก็ตามเรื่องราวไม่ทัน.. แต่ในจังหวะที่ฝนตกลงมาถูกไหล่ของมิวนั้น แทนที่มันจะเปียก
มิวกลับรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายเธอกำลังถูกโจมตีด้วยพลังบางอย่างซะมากกว่า ยังดีที่มิวมีความสามารถนิรันดร์ของเทพมังกร
เลยทำให้ฝนทุกเม็ดไม่สร้างความเสียหายใดๆ กับเธอ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับผู้กล้าเอริเนีย เมื่อห่าฝนสาดลงมา เธอก็..เลือดไหลออกมาจากจมูก ปาก หู ตา!
มิวตอบสนองอย่างว่องไวรีบคว้าร่างเอริเนียกระโดดหลบเข้าไปในตึกที่อยู่ใกล้ที่สุด.. ยังดีที่เหมือนว่าตึกจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากฝนเลย
แน่นอนว่าสิ่งที่มิวทำเป็นอย่างแรกคือใช้ดาบของเธอฟันไปที่ร่างกายเข้าเอริเนียเอง.. ถึงจะไม่รู้รายละเอียดของดาบเล่มนี้มากนัก
แต่เหมือนมันสามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างน่าประหลาด และความแข็งแกร่งของมันก็แทบไร้เทียมทาน
หากถามว่ามิวไม่เข้าใจอะไรที่สุดในพลังของตัวเองก็คงเป็นดาบเล่มนี้นี่แหละ เพราะมันเป็นทั้งท่าไม้ตายลับและของที่ทำได้แทบทุกอย่าง
แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ปรากฏขึ้นนั้นกลับไม่เป็นดั่งที่หวัง ทันทีที่คมดาบฟาดฟันใส่ร่างของเอริเนีย เลือดสีแดงก็สาดกระจายกลายเป็นแผลเหวอะน่ากลัว
มิวสะดุ้ง เอาเข้าจริงการถูกฟันแล้วมีแผลนี้ควรจะเป็นเรื่องปกติ.. แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มิวเห็นดาบเล่มนี้เป็นเช่นนี้
อาการแปลกประหลาดและแผลฉกรรจ์บนตัวเอริเนีย มิวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งอัตลักษณ์ที่ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างและหวังพึ่งได้มากแค่ไหน
มิวรีบเสกไม้เทาเทพมังกรขึ้นมาแล้วใช้อัตลักษณ์.. แต่ไม่มีอัตลักษณ์ไหนที่มิวใช้ได้ในตอนนี้ที่สามารถฟื้นฟูได้ มิวเลยเลือกจะอัญเชิญอัตลักษณ์ออกมา
แสงสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้าของมิว เด็กผู้หญิงตัวเล็กก็ปรากฏออกมาจากแสงสว่างนั่น เธอมีผมสีดำยาวจนถึงกลางหลัง
แต่เพราะเธอตัวไม่สูงมาก จะบอกว่าผมยาวก็คงแปลกๆ เธอก้มหน้าให้มิว ด้านหลังเธอเหมือนมีวงแหวนหรือจักรขนาดใหญ่วางอยู่
ในแต่ละซี่ของวงจักรที่มีมากกว่าสิบประกอบไปด้วยอาวุธที่ใช้ฆ่ามากกว่ารักษาเสียอีก เพราะแต่ละอันแค่มองก็ขนหัวลุกแล้วว่าถ้าใช้กับสิ่งมีชีวิตมันคงไม่ต่างจากถูกทรมาน
“มิลลี่ ยินดีรับใช้นายท่านค่ะ”
เสียงสุขุมของเธอดังขึ้น.. กระจกแตกอยู่บนพื้นทำให้สะท้อนเห็นใบหน้าเยาว์วัยที่สงบนิ่งและเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง
แม้แต่มิวยังประหลาดจ่าเด็กตัวแค่นี้ต้องเจออะไรมาถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ หรือเป็นคนแบบนี้มาตั้งแรกแล้ว
ดวงตาที่ปิดทั้งสองข้างเธอก็ลืมขึ้นช้าๆ แน่นอนว่ายังก้มหัวอยู่ ดวงตาเป็นเอกลักษณ์สะท้อนผ่านกระจกกระทบเข้ารูม่านตามิว
ดวงตาขวาเป็นสีขาว และดวงตาซ้ายเป็นสีดำสนิทของเธอนั้นมีเพียงความจงรักภักดีให้กับมิวเท่านั้น
เมื่อมองไปยังสาวน้อยคนนี้มิวก็อดรู้สึกคุ้นๆ ไม่ได้.. เด็กคนนี้เหมือนเคยเห็นมาที่ไหนนะ ?