การถือกำเนิดเส้นทางผู้เหนือกาลจักรลำดับที่หนึ่ง - ตอนที่ 146 หญิงสาวแห่งความอุดมสมบูรณ์
- Home
- การถือกำเนิดเส้นทางผู้เหนือกาลจักรลำดับที่หนึ่ง
- ตอนที่ 146 หญิงสาวแห่งความอุดมสมบูรณ์
บทที่ 146 – หญิงสาวแห่งความอุดมสมบูรณ์
The AirBlue STAR TOUR หรืองานทัวร์แอร์บลูและปิดท้ายด้วยการแสดงคอนเสิร์ตร้องเพลงของไอดอลชื่อดัง
ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว.. ว่ากันว่า AirBlue จะทุ่มสุดตัวพาผู้ชมนับหมื่นลอยขึ้นไปท้องฟ้าแสดงอยู่เหนือผิวทะเลกว่า 500 เมตร
และใช่ นี่คงจะเป็นครั้งแรกเลยที่ชาวโลกได้เห็นว่า AirBlue สามารถบิน และพิสูจน์ว่าคำว่า Air ไม่ได้มีเพื่อสวยงามเฉยๆ!
งานนี้จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 15 กรกฎาคมที่จะถึงนี้.. ซึ่งผู้กล้าเอริเนียตั้งหน้าตั้งตารอมาก.. ในวันที่ 12 ที่พวกมิวมาถึงกว่าพวกเธอจะหาที่พักได้ก็ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้า
แต่ก็ไม่แปลก ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการท่องเที่ยวเยอะที่สุดไม่ว่าจะเป็นในตอนนี้หรือในอดีต
ถึงมิวจะมีเงินแล้วแต่ก็ยังใช้จ่ายไม่อู้ฟู่ ดังนั้นกว่าจะหาที่พักเช่าในราคาที่ไม่แพงมาก แต่ก็ไม่ลำบากในการใช้ชีวิตจึงค่อนข้างเสียเวลา
หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จมิวก็ทิ้งตัวลงบนเตียง ถึงจะไม่เหนื่อยล้าทางกายแต่มิวก็รู้สึกว่าช่วงนี้เธอไม่ได้พักเลย
จึงเผลอหลับไปทันทีที่ฟุบตัวลงบนเตียง ส่วนเรื่องตามหาครอบครัวมิวพยายามสุดตัวแล้วไม่เจอจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเอริเนียทุกอย่าง
เอาเข้าจริงมิวตัดใจไปมากกว่า 9 ใน 10 ส่วนแล้วด้วย.. ที่มานี่เพราะคาดหวังใน 1 ส่วนที่เหลือและความสามารถของผู้กล้าเอริเนียด้วย
ข้อตกลงของมิวกับผู้กล้าเอริเนียคือ ในระหว่างการเดินทางนี้เอริเนียต้องตามหาร่องรอยหรือเบาะแสที่เกี่ยวกับมิวทุกอย่าง
แน่นอนกับอีแค่หน้าตา ชื่ออะไร มิวส่งกระแสจิตไปให้เอริเนียเธอก็รู้แทบทุกอย่างแล้ว…
และผู้กล้าเอริเนียก็ทำตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด…
…..
…
.
มิวตกลงไปในห้วงแห่งการหลับลึก.. ความฝันพลันบังเกิดขึ้น ความฝันของมิวนั้นแปลกประหลาดมาก เพราะว่าตามปกติความฝันมันจะจับทิศทางไม่ถูก
แต่ทว่าภาพที่กำลังดำเนินอยู่ในตอนนี้มันคือเรื่องราวที่ชัดเจน ราวกับเธอกำลังดูหนังชีวิตในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง
ใช่แล้วราวกับว่าเธอเป็นคนดำเนินชีวิตนั้นด้วยตัวเธอเอง แต่มันกลับไม่ได้อยู่ในส่วนไหนของความทรงจำเธอเลย
เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกคนธรรมดาทั่วไปพบในป่า..เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ แต่เธอน่าจะถูกทิ้งแน่ๆ
คนที่มาพบเธอก็รับเธอไปเลี้ยงเหมือนลูกสาวแท้ๆ เธอก็เติบใหญ่กลายเป็นเด็กที่ได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่ที่ไม่ใช่พ่อแม่จริงๆ มาอย่างดิบดี
โลกที่เธออยู่คือโลกที่ไร้อารยธรรมต่างๆ เป็นยุคที่ยังไม่มีแม้แต่การทำเกษตรกรรมกันด้วยซ้ำ มนุษย์อยู่ในยุคของการล่าสัตว์กินผักผลไม้เพื่อดำรงชีพ
เวลาผ่านไปเธอเติบใหญ่ขึ้น เธอก็พบว่าตัวเองแตกต่างจากคนธรรมดาเหล่านั้น เพราะเธอพบว่าเธอมีพลังพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง
พลังของเธอสามารถทำให้พืชหญ้าเติบใหญ่ได้มันไม่เหมือนกับพลังของอิกดร้าในหอคอยที่มิวเคยเจอ
แต่มันเป็นพลังรูปแบบหนึ่งที่บริสุทธิ์ ราวกับว่ามันจะทำให้ทุกอย่างอุดมสมบูรณ์เพื่อความพึงพอใจของสรรพชีพพืชหญ้าทั้งปวง
ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจพลังของตัวเอง แต่ยิ่งโตขึ้นพลังขอเธอก็ยิ่งทำให้ผลของความอุดมสมบูรณ์เด่นชัดขึ้น พืช ผัก ต้นไม้ ทุกอย่างใกล้ตัวเธออุดมสมบูรณ์มาก
และนั่นก็ไปดึงดูดความสนใจจากหัวหน้าชนเผ่าที่อยากจะเข้าครอบครองเผ่าอื่น จึงหวังจะใช้ประโยชน์จากเธอ
แต่พ่อแม่ของเธอกลับไม่ยอมให้ทำแบบนั้น แม้เธอจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกเขาแต่ทว่าพวกเขาก็ไม่เคยมองแบบนั้น
ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เด็กจนโตมา พวกเขาสามคนอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูก.. ความรักที่พวกเขามีต่อเธอมันมากมายมหาศาล
สาเหตุส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะลูกแท้ๆ พวกเขาคลอดไม่สำเร็จจึงตายไป ยังดีที่ภรรยารอดชีวิตมาได้ทำให้เธอกลัวที่ตะมีลูก
ตอนนั้นเองก็ได้มาเจอกับเด็กที่ถูกทิ้งเข้า … ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้วเธอเป็นมากกว่าลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยง
แต่ในยุคบ้านป่าเมืองเถื่อน ผู้ที่แข็งแกร่งถึงจะได้เป็นหัวหน้าชนเผ่า..มีหรือจะสนใจคำโต้แย้งของคนอ่อนแอ
มันไม่สนใจคำขัดแย้งจากพ่อแม่ของเธอ และพาตัวเธอไปใช้เธอเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ส่วนสาวน้อยที่เติบโตมาช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
เธอเพียงคิดว่าพลังตัวเธอสามารถทำให้ทุกคนมีความสุขได้ ทำให้เธอใช้พลังต่อไปแต่เธอยังอ่อนต่อโลกไม่นานพลังของเธอก็นำพาซึ่งการแก่งแย่ง ยอยากได้ ช่วงชิง ฆ่าฟันเพื่อครอบครองตัวเธอ
รู้ตัวอีกครั้งล้อมรอบตัวเธอก็เต็มไปด้วยซากศพ เลือดสีแดงฉาน… เธอมองไปยังถ้ำที่ตัวเองอาศัยอยู่ที่เต็มไปด้วยซากศพของมนุษย์แทนที่จะเป็นสัตว์
เธอเดินท่ามกลางความตายของผู้คนจากพลังของเธอเอง กลับไปถึงบ้านที่พ่อแม่เธอควรจะมีความสุข
แต่ทว่าที่อยู่ตรงนั้นมีแค่ร่างกายของชายคนหนึ่งที่ถูกไฟคลอก ลมหายใจโรยริน….กอดร่างกายไร้ชีวิตที่เต็มไปด้วยบาดแผลถูกฟันเอาไว้
ชายคนนั้นมองเห็นคนที่เป็นลูกสาวดวงตาก็สั่นคลอน พยายามตะเกียกตะกายมาพูดขอโทษลูกสาวที่ปกป้องเอาไว้ไม่ได้
ถูกพวกคนชั่วเอารัดเอาเปรียบ..สาวน้อยจึงได้แต่งงงวย.. เอารัดเอาเปรียบ ขอโทษ.. คนที่ขอโทษมันต้องเป็นเธอไม่ใช่หรือ
เธอยังอ่อนต่อโลกยิ่งนัก บิดาบุญธรรมได้แต่ขอโทษซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับตายไปทั้งแบบนั้น ความเจ็บปวดภายในอกทำให้เธอสับสน
ว่าตนเองกำลังทำอะไรกันแน่… เธอเดินออกจากหมู่บ้านมา.. เดินไปเรื่อย ไม่รู้จุดหมายปลายทาง แต่ทุกครั้งที่เธอเหยียบเท้าผ่านที่ใด
ทุกที่นั้นก็เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ แต่ก็เป็นเหมือนคำสาปที่พรากทุกชีวิตสำหรับเธอ… เธอเริ่มเรียนรู้ เข้าใจโลกมากขึ้น
เมื่อตอนอายุ 20 กว่า.. ร่างกายเธอหยุดเติบโตไปนานมากแล้ว เธอไม่ต้องกินต้องนอนก็ไม่ตาย ถูกฆ่ายังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เธอเข้าใจทุกอย่างในอดีตที่ผิดพลาด แต้เธอก็เลือกที่จะเก็บความเจ็บปวดเหล่านั้นเอาไว้และหากพลังของเธอเป็นบาป เธอก็แค่ทำให้ทุกคนทำแบบเธอได้ก็พอ
เธอจึงเริ่มเดินทางไปยังหมู่บ้านต่างๆ สอนให้หมู่บ้านนั้นนี้ทำเกษตรกรรม.. เพราะไม่มีใครเข้าใจความอุดมสมบูรณ์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว
สิบปี.. เธอช่วยหมู่บ้านปลูกพืชพรรณไว้กิน..อีกสิบปีต่อมาเธอก็ไปสอนอีกหมู่บ้าน เวลาไหลผ่านไปราวกับลำธารที่ไม่อาจหวนคืน
จากสิบ สู่ร้อย.. จากร้อยสู่พัน..เธอเดินเหยียบท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยการเกษตรที่เธอเป็นคนริเริ่มมันขึ้นมาเอง
เธอมองดูมนุษยชาติเกิด.. แก่ เจ็บ.. ป่วยและตาย บ้างก็สนิทกับเธอ บ้างก็เกลียดชังเธอบ้างก็สับสนและไม่เข้าใจเธอ
ตลอดเวลาที่เธอเดินไปทั่วโลกทิ้งรอยเท้าไว้ทุกหนแห่ง.. เธอถึงได้เข้าใจว่ามนุษย์ควรจะเป็นแบบนั้น… เกิด แก่ เจ็บ ป่วย ตาย
มีเกลียดชัง มีชมชอบ มีอิจฉา มีงุนงง มีทั้งความรุนแรงและความอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน..
แต่แม้เธอจะเข้าใจ แต่เธอกลับไม่สามารถลิ้มรสความรู้สึกเหล่านั้นได้ ราวกับว่ามันคือผลไม้ต้องห้ามที่เธอไม่อาจเอื้อมถึง
เธอมองดูผู้คนราวกับว่าตัวเองนั้นเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์จากด้านนอกโลกที่มนุษย์ต่างมุ่งหน้าไปยังทิศทางของตัวเอง…
บ้างก็ป่วยตาย บ้างก็เจ็บตาย บ้างก็แก่ตาย บ้างก็เกิดตาย… เธอไม่ใช่ เธอไม่เจ็บป่วยแก่หรือตาย เธอแตกต่าง
เธอไม่เหมือน..เธอไม่ใช่มนุษย์
เธอโดดเดี่ยว… เธออ้างว้าง.. เธอเหงา.
เธอเดินไปอยู่ริมหน้าผาและขอพรครั้งสุดท้าย… ในช่วงชีวิตตลอดพันปีที่ผ่านมา… สุดท้ายแล้วเธอก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า.. ตัวเองเป็นอะไร
แต่ว่าเธอไม่อยากรู้แล้ว เธอแค่อยากจากไป หลุดพ้น..
เธอมองดูผู้คนตายมามากเกินไป
“หากเป็นไปได้.. ข้าก็อยากตาย…”
เธอทิ้งตัวลงไปยังทะเลอันมืดมิดที่มองไม่เห็นก้นบึ้งหลังคำกล่าวอันเงียบเชียบ..
….
…
..
ดวงตาของมิวลืมขึ้นอย่างช้าๆ น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาเงียบๆ
“…”
มิวเช็ดน้ำตาตัวเอง… พร้อมกับความสับสน มันคือการหลับที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของเธอนับตั้งแต่ที่เกิดมา
แต่จนท้ายที่สุดแล้ว.. มิวก็ยังไม่ทราบถึงชื่อของเธอคนนั้น
เธอที่โดดเดี่ยวคนนั้น
ทว่าความรู้สึกมากมายที่ถาโถมมานั้นก็ไม่หยุดยั้งปรากฏการณ์แปวกประหลาดได้ เพราะว่า.. ในวินาทีต่อมามิวสัมผัสถึงความอันตรายได้จากสัญชาตญาณ
เธอรีบกระโดดตัวพุ่งออกไปทางหน้าต่าง คว้าเอาร่างของผู้กล้าเอริเนียที่นอนฟุบหลับบนโต๊ะทำงานออกไปด้วย
และในวินาทีต่อมานั้นเองตึกที่มิวอยู่ก็ถูกบางสิ่งอย่างกดทับ จนทุกอย่างพังถล่มลงเกิดความเสียหายจำนวนมากขึ้น
แต่ทว่านอกจากมิวที่ลอยอยู่กลางอากาศก็มีคนธรรมดาคนอื่นลอยอยู่ข้างมิว แถมเหมือนได้รับการคุ้มครองจากม่านพลังสีทองที่คุ้มกันร่างกายไว้
มิวขมวดคิ้ว. แสงสีทองเหมือนจะเปล่งออกมาจากกำไลสีทองที่ข้อมือ..
“จะว่าไปกำไลพวกนั้น…”
ได้มาตอนที่ขึ้นฝั่งมา แถมทุกคนก็ใส่เจ้านี่อยู่ตลอดด้วย มีแค่มิวกับเอริเนียที่ไม่ได้ใส่เพราะมิวเคืองละนะ
แต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อนเมื่อมิวเงยหน้ามองต้นเหตุที่ทำให้ตึกทั้งตึกถล่ม ก็มองไปเห็นประตูบานใหญ่บานหนึ่ง มันสูงราว 30 เมตร กว้างเกือบ 100 เมตร
ประตูมีลวดลายแปลกพิสดารมีตัวอักษรที่อ่านไม่ออกเขียนอยู่ล้อมรอบ มุมประตูทั้ง 4 ทิศถูกโซ่ขนาดยักษ์ล่ามตรึงไว้อยู่
แค่เห็นก็สัมผัสได้แล้วว่า… มันน่าหวาดหวั่น
วินาทีต่อมาเสียงแจ้งเตือนก็ดังสนั่นขึ้น
“ประตูบอร์เดอร์ระดับสูง ปรากฏขึ้นมาแล้ว ผู้อยู่บริเวณใกล้เคียงกรุณาอพยพโดยด่วน! ผู้ใช้อารยธรรมของทางการกำลังมุ่งหน้าเข้าควบคุมสถานการณ์!”