การถือกำเนิดเส้นทางผู้เหนือกาลจักรลำดับที่หนึ่ง - ตอนที่ 145 เข้าเมือง
บทที่ 145 – เข้าเมือง
เรือแล่นออกจากเมืองกลางทะเล มองไปก็เห็นเมืองเล็กลงเรื่อยๆ มีเพียงหอคอยที่สูงตระหง่าน เอาเข้าจริงการเดินทางออกจากเมืองไม่ได้มีแค่การเดินเรือเท่านั้น
ยังมีเครื่องบินและรถรางโมโนเรล (monorail) แบบแขวนอยู่ การสร้างรถรางข้ามทะเลเหมือนจะสิ้นเปลืองงบประมาณมากในยุคอดีต แต่ปัจจุบันการสร้างรางเหนือทะเลไม่ได้นับว่ายากอะไร
ก็นะ ขนาดเมืองกลางทะเลยังสร้างขึ้นมาได้ นับประสาอะไรกับรางรถเหนือน้ำทำแค่วันเดียวก็ได้ระยะทางเกิน 20 กิโลแล้วมั้ง
ส่วนเครื่องบินก็ง่ายดายและเร็วที่สุด แต่ว่าผู้กล้าเอริเนียอยากล่องเรือสักครั้งมิวจึงไม่ปฏิเสธเพราะขี้เกียจจะเถียงกับที่ชักแม่น้ำทั้ง 9 มาให้มีเหตุผลได้
อีกอย่าง.. มิวอยากจะเห็นความแตกต่างของโลกนี้ด้วย เมื่อมองไปที่ทะเลสุดขอบหูขอบตาบนเรือ มิวสังเกตเห็นชัดเจนว่าคลื่นในทะเลค่อนข้างรุนแรง
ต่างจากโลกเดิมของเธอแม้จะมีคลื่นแต่ก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนี้
มิวเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า นับแต่ออกเมืองมาก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว ดวงตะวันลาลับขอบฟ้า มีดารามากมายปรากฏบนท้องฟ้า
ดวงจันทร์ตอนนี้มีสองดวง.. ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามิวศึกษาเรื่องของโลกนี้ไปพอสมควร ในตอนที่ดวงจันทร์ดวงที่สองปรากฏขึ้น
โชคยังดีที่ดวงจันทร์ทั้งสองไม่ชนกัน ทั้งที่ห่างกันไม่มาก.. แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเพราะแรงโน้มถ่วงจากดวงจันทร์ดวงที่สองสร้างความปั่นป่วนให้โลก
ระบบนิเวศน์ของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลเสียหาย หากปล่อยไว้ต่อไปโลกจะร้อนขึ้นจนทุกอย่างแย่ลงไปหมด แต่ยังดีที่สามารถรักษาเสถียรภาพต่างๆ ได้ทันด้วยวิทยาการจากอีกโลกหนึ่ง
แม้จะยังหลีกเลี่ยงการสูญเสียของระบบนิเวศน์ไปไม่ได้ แต่มนุษยชาติสามารถใช้วิทยาการทดแทนส่วนที่เสียหายเพื่อไม่ให้ระบบมันพังลง
แต่ก็นะในทะเลปกติสัตว์หลายชนิดแทบอาศัยอยู่ไม่ได้แล้ว แต่เพื่อให้สูญพันธุ์มนุษย์จึงสร้างสถานที่อนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์จากภัยพิบัติดวงจันทร์ดวงที่สองขึ้นมาทั่วโลกเพื่ออนุรักษ์
และใช้วิทยาการอุดช่องว่างระบบนิเวศน์นั้นให้ไม่พังครืนลงมา แน่นอนคนที่ดำเนินการทุกอย่างนี้ก็ล้วนเกี่ยวโยงกับองค์กรบอร์เดอร์ไลน์หมด
มิวอดไม่ได้ที่จะนับถือ แม้องค์กรจะมีกลุ่มพวกที่ไม่น่าเชื่อถืออยู่เต็มไปหมด แต่หากพูดตามความจริงถ้าโลกนี้ไม่มีพวกนี้ ทุกคนอาจจะตายไปหมดแล้ว
พวกนี้แหละควรจะเป็น ‘ฮีโร่’ ของโลกใบนี้จริงๆ
“นายท่าน เหม่ออะไรอยู่คนเดียวคะ”
ผู้กล้าเอริเนียสวมชุดราตรีสีดำระยิบระยับสายตาเดินออกมาจากเรือ.. เรือลำนี้แม้ไม่ใช่เรือสำราญขนาดใหญ่ เพราะเป็นเรือใช้เดินทาง
แต่ทุกอย่างล้วนครบครันในตัวที่พร้อมรองรับทุกอย่างในการทำให้ผู้เดินทางไม่รู้สึกเบื่อ ใช่แล้ว สาเหตุที่ผู้คนเลือกขึ้นเรือ แทนที่จะขึ้นเครื่องหรือรถรางที่เร็วกว่า
ก็เพื่อเสพบรรยากาศจากท้องทะเลและการได้เหมือนมาเที่ยวนี่แหละ ขนาดของเรือใช้คำว่าเล็กไม่ได้เพราะสามารถบรรจุคนได้มากถึง 100 คน
แน่นอนว่าจำนวนที่ว่ามานี่หมายถึงจำนวนคนที่ขึ้นมาอาศัยอยู่โดยไม่รู้สึกแออัดกันแม้เพียงเสี้ยว
และตอนนี้ก็เป็นเวลาของงานเลี้ยงเต้นรำบนเรือ ซึ่งผู้กล้าคนนี้คงชอบอะไรแบบนี้น่าดูเลยเลือกที่จะมาขั้นเรืออย่างสบายใจเฉิบ
แทนที่จะรีบไปรีบจบงาน
มิวมองผู้กล้าเอริเนียแบบขอไปทีพร้อมพูด
“อย่าลืมนะว่า พวกเราคือคนเถื่อนของโลกนี้จะสบายใจเกินไปหน่อยไหมเธอน่ะ?”
มิวถาม ถึงจะมีบัตรปลอมอะไรปลอมแล้ว แต่โลกนี้มันก็น่ากลัวกว่าโลกเดิมของเธอที่มีการยืนยันตัวตนค่อนข้างตึง
เพราะวิทยาการล้ำหน้าไปไกลนี่แหละ แต่เอริเนียก็ตอบกลับพร้อมกับยืนแก้วน้ำส้มมาให้มิว
“ไม่เอาน่านายท่าน ไม่เชื่อใจฝีมือฉันหรือไง.. กะอีแค่การยืนยันตัวตนฉันทำให้กระทั่งนายท่านเป็นนายกได้ด้วยซ้ำ!”
“พูดก็พูดไป แล้วนี่มันอะไร?”
มิวมองไปที่แก้วน้ำส้มที่ยัยนี่ยื่นมาให้… งานเลี้ยงแบบนี้มันก็ต้องเบียร์.. ไม่สิ ไวน์ไม่ใช่เหรอ ถึงมิวในชาติก่อนเองก็ไม่เคยกินของแพงแบบนั้นก็เถอะ
แต่อะไรแบบนี้มันต้องเบียร์ไม่ใช่เหรอ! ว่าไปแล้ว ได้กลับมาในโลกคล้ายโลกเดิมทั้งที มิวยังไม่ได้ลิ้มรสชาติของเบียร์ที่คุ้นเคยเลยนี่น่า!
“ไม่เอาน่า นายท่านตัวเล็กนิดเดียว กินเบียร์ฉันก็ถูกหาว่ามอมเหล้าเด็กพอดีสิ!”
“นี่เธอกำลังพูดบ้าอะไรของเธอ”
มิวแน่ใจว่าเธอบรรลุนิติภาวะแล้วไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ ติดแค่อย่างเดียวเลยคือร่างกาย.. แต่มันก็ไม่ได้ดูเด็กขนาดนั้นอยู่ดี
เธอเหมือนคนที่เรียนอยู่มัธยมปลายมากกว่า แต่จะว่าไปมัธยมปลายมันก็ยังนับว่าเด็กนี่นะ แต่ช่างเถอะ มิวไม่ใช่เด็กนี่น่า
มิวมองแก้วในมือของเอริเนียอีกแก้ว มันเหมือนจะเป็นแก้วไวน์ มิวเลยรีบแย่งมาจากมือหล่อนด้วยความไวสูง
“อะ.. ไวน์ฉัน! นายท่านเรื่องนี้ข้าไม่ยอมหรอกนะ”
“ถึงฉันจะยอมนายท่านมาตลอด แต่ไวน์บนโลกนี้อย่างเดียวเท่านั้นที่ฉันไม่ยอมแน่ๆ นายท่านก็นายท่านเถอะ!”
“ฉันอุตส่าห์แอบไปซื้อมา เป็นไวน์ที่บ่มไว้ตั้งแต่ปี 2000 แน่ะ ฉันไม่ยอมแน่!”
เจ้าตัวฟึดฟัดพร้อมสู้กับมิวอย่างเต็มที่ แต่ทว่า
“ห๊า? นี่หล่อนซื้อไวน์ขวดราคาหลายแสนแล้วให้ฉันกินน้ำส้มงานเลี้ยง?”
พอมิวพูดออกมาแบบนั้น ท่าทางเหิมเกริมของเอริเนียก็ชะงัก ก่อนจะกลับไปยืนท่าตรงแล้วก็หันหลังให้มิวอย่างช้าๆ
“เอ่อ ข้าว่านายท่านกินไปเถอะ ข้าไม่กินแล้วก็ได—”
ก่อนจะทันได้พูดจบ มือมิวก็ฟาดลงกระบาลของเอริเนียอย่างรุนแรงเสียก่อน ตามมาด้วยเสียงโอดครวญกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นดาดฟ้าเรือ
มิวได้แต่ปวดหัวกับนิสัยของเอริเนีย ยัยนี่ตอนมาแรกก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วก็เถอะ แต่นับวันยิ่งทำตัวเหมือนพวกไม่ได้เรื่องมากขึ้น
แต่ก่อนเป็นถึงผู้กล้าผู้พิชิตเผ่ามังกรได้แท้ๆ ไหงกลายมาเป็นคนติดเหล้า ติดไอดอลงี้ได้ล่ะเนี่ย
มิวถอนหายใจพร้อมจิบไวน์—
“แหวะ.. ไม่อร่อยเลย”
ใช่.. มิวดื่มไวน์ไม่เป็น—
……
….
..
ใช้เวลาประมาณเวลาหนึ่งวันเต็มๆ ในการเดินทางมาถึงญี่ปุ่นได้ เพราะเรือก็ไม่ได้ช้าแต่อย่างใด
เมื่อลงจากเรือแล้วเข้ามาในเมืองหลวงโตเกียวแล้วมิวก็ได้แต่อ้าปากค้างกับความโอ้อ้าของโตเกียว..ที่ท่าเรือเธอก็อึ้งเรื่องกำแพงสูงเสียดฟ้าที่ปกป้องโตเกียวจากสึนามิแล้วนะ
พอเข้ามาในเมืองนั้นหนักยิ่งกว่า ตึกสูงเสียดฟ้าที่มีสถาปัตยกรรมโคตรจะโหด มีรถลอยฟ้าเคลื่อนที่ไปมาเต็มไปหมด
นี่มันหนักเสียยิ่งกว่าเมืองเหนือน่านน้ำซะอีก.. เพราะภาพนี้มันเหมือนหลุดมาจากภาพวาดจากยุคอนาคตอย่างแท้จริง
แถมมันไม่ได้มาในรูปแบบหม่นๆ ผู้คนหลายชนชั้น อะไรเลย.. แต่ในเมืองนี้มีเพียงอย่างเดียวเลยคือ ‘ความเจริญก้าวหน้า’ นั่นเอง
ใช่แล้ว โตเกียวในญี่ปุ่น.. เป็นหนึ่งใน 10 เมืองที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีมากที่สุดในยุคปัจจุบันไม่นับเมืองหอคอย
แม้มิวจะมาญี่ปุ่นบ่อยครั้งเพราะมาสืบหาเรื่องครอบครัว แต่เธอไม่เคยเข้ามาทางโตเดียวเลย เธอไปแค่แถบชนบท แน่นอนว่าแถบนั้นบางทีก็เป็นซากปรักหักพัง
ไม่ได้รับการแก้ไข บางเมืองก็เจริญบ้างนิดหน่อย ไม่ใกล้เคียงกับที่โตเกียวนี่เลย.. นั่นสินะ ถ้าจะให้พูดคือมันเจริญก้าวหน้าอยู่แค่จุดเดียวเลยก็ว่าได้
“นายท่านทำตัวเป็นบ้านนอกเข้ากรุงไปได้ ไปกันเถอะไปหาที่พักก่อนเป็นอันดับแรก”
ทางด้านเอริเนียนั้นเดินทางไปทั่วโลก เมืองที่เจริญหูเจริญตาแบบนี้มีให้เห็นจนเธอชินกับมันแล้ว
อาจจะแปลกๆ ไปหน่อยที่ผู้กล้าจากโลกแฟนตาซีชินกับภาพโลกแห่งอนาคตมากกว่าพนักงานเงินเดือน แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว
[วันที่ 12 เดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2033]
[เวลา 15:37 น.]
มิว โคริธ (Miw Choryrth) และ เอริเนีย อาซาร์ (Erinia Azar)
ยืนยันการเข้าประเทศญี่ปุ่น
จากเมืองแห่งหอคอยเหนือน่านทะเล
ยืนยันการตรวจสอบตัวตน
[ผ่าน]
……………
[ก็ตามสูตรเดิมของไอ้เจ้าคุณโรส ตั้งชื่อแปลกๆ ดึงคนอ่านสุดท้ายก็เปลี่ยนชื่อเรื่องโยงจักรวาลหลังจบภาคแรก ตามสูตรเดิมเปะ …. จริงๆ ก็วางแพลนไว้ว่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องตั้งแต่ตอนเฉลยเรื่องว่าทำไมมิวถึงจะไม่มีระบบหลังจากนี้แล้วแหละ แต่คิดไปคิดมารอเปลี่ยนตอนได้ปกนิยายดีกว่า.. ก็เลยพึ่งมานี่แหละนะ ฮา อะแฮ่ม เอาล่ะ เตรียมตัวสำหรับเรื่องราวชวนปวดหัวที่จะพาคุณไปสู่อีกขั้นของความอะไรวะเนี่ยหรือยัง…! แต่ตอนใหม่ออกช้าเหมือนเดิมนะ ผมติดทหาร แค่กๆ – ผู้เขียน]