การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 89
บทที่ 89 – เพราะข้ารัก…
ทสึรุก้าวขาออกไปยืนอยู่เบื้องหน้าหมาป่านับไม่ถ้วน และหมาป่าขนาดมหึมาตรงหน้า อาจจะเป็นเพราะพลังเวทแทบไม่สำคัญกับเธอเลย
พอพลังเวทสูญหายมันกลับไม่ได้ทำให้เธออ่อนแอลงแต่อย่างใด อันที่จริงในใจของทสึรุไม่มีความหวาดกลัวเลย
ในตอนนี้มีแต่ความกล้าที่จะสู้กับพวกมัน ส่วนสมองกำลังหาทางหลบหนี หากจะหลบหนีไปทางทะเลด้านหลัง จากสภาพเลทิเซียตอนนี้
เลือดก็สูญเสียไปเยอะ ร่างกายเริ่มที่จะเย็นและซีดลงเพราะสภาพเธอในปัจจุบันก็น่าจะตายไปแล้ว
อันที่จริงหากไม่ใช่เพราะร่างกายเธอชินกับการถูกเสริมพลังด้วยเวทมนตร์จนทำให้มันเหมือนเก่งขึ้นกว่าปกติไปมากละก็
ปานนี้เธอคงตายไปแล้วละ ทสึรุจึงไม่มีเวลาให้คิดมากนอกจากฝ่าออกไป แต่ว่าถ้าจะฝ่าออกไปอย่างน้อยก็ต้อง…
“กำจัดแกก่อนสินะ…”
สายตาของทสึรุมองไปที่หมาป่าตัวใหญ่ด้วยสายตาเคร่งเครียด อาวุธแค่ไว้ชิ้นเดียวเธอจะทำได้สักกี่น้ำกันนะ
“เป็นแค่มนุษย์… แต่คิดจะกำจัดข้าผู้ที่ได้รับพรแห่งเทพมังกรงั้นเหรอ น่าขัน!!”
ในตอนนั้นเองเสียงที่ไม่มีใครคิดที่จะได้ยินพลันดังสนั่นฟ้าสะเทือนปฐพี ดวงตาของทสึรุถึงกับเบิกกว้าง
มันมีสติปัญญาในระดับที่สามารถสื่อสารได้?! นี่มันไม่ใช่ว่ามีแต่อสูรระดับสูงหรอกเหรอ.. แต่เจ้านี่แค่หมาป่าตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเท่านั้น
ทสึรุสับสนแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ายุ่งยากขึ้นอีกแล้ว แต่ในตอนนั้นเองดวงตาของหมาป่านั้นก็เปล่งแสงวาววับ
เมฆทมิฬที่ปกคลุมท้องฟ้าบดบังแสงจันทร์พลันเกิดเสียงร้องโครมครามขึ้นอย่างน่ากลัว สายฟ้าสีดำนับสิบเส้นวิ่งอยู่บนก้อนเมฆ
“เป็นแค่มนุษย์อันต่ำต้อยสำเหนียกตัวเองซะบ้าง!”
สิ้นเสียงอันหยิ่งผยองของมันสายฟ้านับสิบก็ฟาดลงมาพร้อมกันก่อนที่มันจะหลอมรวมเป็นสายฟ้ายักษ์ความเร็วของมันไม่ต่างกับสายฟ้าจริงๆ เลยแม้แต่น้อย
ทสึรุรู้สึกปวดกระบาลขึ้นมา หากขืนเป็นแบบนี้เลทิเซียโดนลูกหลงแน่ๆ เธอกัดฟันกำหอกไม้ในมือแล้วก็ปาสวนขึ้นไป
หมาป่ายักษ์ตนนั้นเห็นถึงกับหลุดขำออกมา
“ฮ่าๆ .. นี่เจ้าคิดว่าของแบบนั้นจะหยุดอสนีทมิฬของข้าได้–?”
แต่ก่อนที่มันจะพูดจบนั้น หอกเล่มนั้นก็พุ่งขึ้นไปด้วยความเร็วอันหน้าเหลือเชื่อจนทำให้เกิดคลื่นกระแทก
แค่นั้นยังพอว่าแต่แทบจะวินาทีเดียวกันนั้นอากาศรอบๆ นั้นถูกหอกไม้ที่พุ่งขึ้นมาซัดจนปลิวกระจายหายไป
จนเกิดสภาวะสุญญากาศ! เมื่ออสนีปะทะเข้ากับความเร็วที่ทำให้เกิดสุญญากาศได้สายฟ้านั้นก็เหมือนกับแผ่นกระดาษบิดโค้งงอ
หอกไม้พุ่งทะลวงขึ้นเหนือชั้นเมฆสายฟ้าทั้งหมดพลันแตกกระเจิง สภาวะสุญญากาศทำให้สายฟ้าไม่มีทิศทาง
มันเลยหยุดลงราวกับไร้ทิศทาง ก่อนที่อากาศรอบๆ จะถูกดูดเข้าไปแทนที่จุดที่เป็นสุญญากาศ และทำให้สายฟ้าขาดความเสถียร
และสายฟ้าสีดำนั้นก็จางหายไปกับแรงลม ก่อนที่หอกไม้จะค่อยๆ ลอยร่วงลงมาตกอยู่ในมือของทสึรุ ในขณะเจ้าหมาป่ายักษ์นั้นกำลังตกใจ
ทสึรุก็ไม่รอเวลาอะไรทั้งสิ้น เธอกำหอกไว้แน่นและพุ่งออกไปใส่หมาป่ายักษ์ตนนั้นด้วยความเร็วที่แทบจะกลายเป็นแสงเส้นหนึ่ง
หมาป่ามันกำลังตกตะลึงแต่พอทสึรุพุ่งมาหามัน มันเรียกสติคืนอย่างเชี่ยวชาญ ปากคำรามเสียงสนั่นฟ้า
“โฮกกก!!”
ขนทั่วร่างแข็งขึ้นเป็นเท่าตัวกายาของมันคือส่วนหนึ่งของวัชระ ถือเป็นสิ่งของที่มีพลังแข็งแกร่งมาก แท้จะเป็นแค่คำสาปหรือพรอะไรก็ตาม
แต่ความแข็งแกร่งนี้เรียกว่าคงกระพันไร้ทางพ่าย! แต่ว่าทสึรุนั้นมีแค่หอกไม้เล่มหนึ่ง มองเผินๆ เหมือนจะทำอะไรไม่ได้
แต่ทว่าเมื่อหอกของเธอฟาดใส่หัวของมัน “ตู้มมมมม!!!” ลมกระแทกจนเกิดเป็นคลื่นซัดออกทั่วสารทิศหมาป่ายักษ์ถึงกับรู้สึกว่าหัวตัวเองด้านชาไปทันที
“เปรี๊ยะ!!”
เสียงแปลกๆ ดังขึ้นทำเอาสีหน้าของมันเปลี่ยนสี
“บ… บ้าน่า”
มันร้องออกมาอย่างตกตะลึงก่อนที่ขนสีดำของมันจะแตกกระจายออกจนเผยให้เห็นเนื้อหนัง!
ต้องรู้ก่อนว่านี่คือพรวิเศษเท่านั้นไม่ใช่การเปลี่ยนขนให้เป็นวัชระ นั่นหมายความว่าต่อให้ขนงอกกลับมาอีก ก็จะเป็นแค่ขนธรรมดา
ลองนึกสภาพว่าดำทั้งตัวแต่ดันมีขนกลางหน้าผากสีม่วงดูสิ.. ผ่านความตะลึงไป มันพลันรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาราวกับถูกหมิ่นเกียรติ
“บังอาจจจ!!!”
มันร้องทว่า ทสึรุอาศัยจังหวะนั้นหมุนตัวปาหอกใส่เนื้อหนังของมัน แต่เพราะเสียงคำรามของมันพัดร่างทสึรุจนกระเด็นร่วงลงพื้น “ตู้ม!”
แต่หมาป่าที่เดือดดาลนั้น เขาทั้งสองมันก็สลายหานไปในตอนนั้นเองเงาสีดำก่อตัวขึ้นเหนือฟากฟ้า กลายเป็นขวานเล่มหนึ่ง
ศาสตราวุธมืด สามารถเปรียบเปลี่ยนรูปร่างเป็นอาวุธอะไรก็ได้ดั่งผู้ใช้ปรารถนา ขวานเล่มนั้นสับลงมาใส่ทสึรุด้วยความเร็วสูง
พนันได้เลยว่าหากโดนเอง เธอขาดเป็นสองท่อนแน่ๆ เธอดีดตัวขึ้นหมุนควงหอกในมือและย่อตัวลงสูดลมหายใจขึ้น
“วิชาทวนผันฟ้า— ศาสตร์แห่งเท็นจิ กระบวนท่า.. ทวนผันกลับ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอใช้วิชาทวนกับสิ่งมีชีวิตหรือคู่ต่อสู้ กระบวนท่าเหล่านี้ล้วนเป็นเธอที่คิดขึ้นเอง..
หากถามว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมใช้ตั้งแต่แรก.. นั่นเป็นเพราะพลังนี้ไม่ใช้เวทมนตร์หรืออะไรทั้งสิ้น แต่ใช้พลังกาย
ว่าง่ายๆ คือเมื่อเธอใช้กล้ามเนื้อเธอจะฉีกขาดทันที.. และเหตุผลที่เธอไม่กล้าใช้ตอนฝึก.. เพราะว่ามันจะฆ่าคู่ต่อสู้!
ทันทีที่ขวานเล่มนั้นฟาดลงมาถึงแทบจะพริบตานั้นเธอเงยหน้าขึ้น หอกไม้แตะใส่ขวานเล่มยักษ์นั้น
และทันทีที่สัมผัสทวนพลันแตกสลายกลายเป็นผงแทบจะทันที เสียงหัวเราะของหมาป่ายักษ์เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“ฮ่าๆ คิดเหรอว่าของพรรค์นั้นจะหยุดศาสตรานี้ได้ โง่เง่า!”
ดวงตาของทสึรุเงยขึ้นและแทบจะพริบตานั้นเอง ขวานนั้นพลันหายวับไปปรากฏอยู่เหนือหัวของหมาป่า
ดวงตามันเบิกกว้างถลน ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความสับสนยากจะเข้าใจ… มันอยากจะถามว่าทำไม.. แต่ขวานเล่มนั้นราวกับมีพลังแห่งการตัดที่ต่อให้เป็นอะไรก็ตัดได้
สับลงใส่คอของมันจนขาดครึ่ง! ทวนผันกลับ.. กระบวนท่าที่จะสะท้อนการโจมตีของศัตรูกลับไปโจมตีศัตรูโดยพลังนั้นจะเพิ่มจากเดิมเป็นเท่าตัว
ใช่! ที่หอกไม้พังไม่ใช่เพราะพลังของขวาน แต่เพราะแบกรับท่าสะท้อนกลับไม่ไหวจนแตกไปเอง
แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความบาดเจ็บสาหัส เลือดไหลทะลักออกจากจมูก หู ปากของทสึรุ และผิวหนังฉีกขาด
ทสึรุกัดฟันเดินมายืนอยู่หน้าเลทิเซีย มองไปยังฝูงหมาป่าที่เริ่มเสียขวัญเธอจ้องพวกมันด้วยจิตสังหาร….
แต่ในตอนนั้นเอง… ทสึรุก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากด้านหลัง ทำให้เธอหันกลับไปเห็นเลทิเซียคลานเข้ามา…
เธอใช้แขนที่เหลืออยู่ลากตัวเอง และแขนที่ขาดขูดลากพื้นดินดันตัวเองมา พนันได้เลยว่ามันเจ็บขนาดที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้
เธอมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจ.. เธอไม่เข้าใจ… เธอต้องการที่จะรู้..ผมสีดำของเธอกระเซอะกระเซิง ดูไม่เหมือนคนสมบูรณ์แบบที่ทสึรุเคยรู้จัก
แต่สภาพของเธอนั้นทสึรุไม่ได้รู้สึกรังเกียจ.. แต่มันเหมือนกับว่าเธอพึ่งจะรู้ว่าเลทิเซียน่ะสับสนขนาดไหน…
เธอน่ะไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง.. แม้แต่ตัวเธอเอง ใช่แล้ว.. เลทิเซียไม่เคยเข้าใจใคร ไม่เคยเข้าใจอะไรแม้แต่ตัวเอง อย่างตอนนี้ที่ลากร่างกายมาแม้เจ็บเจียนตาย
เธอทำทั้งหมดแค่ยกมือมาจับแขนทสึรุแล้วถามว่า…
“ทำไม….”
เลือดจากแขนที่ขาดไหลนองเต็มพื้นจากการใช้แขนสองข้างทั้งแขนที่ขาดและแขนที่ปกติลากตามพื้นดินมา บนแขนที่ขาดมีเศษหินเศษดินติดอยู่.. เธอไม่เข้าใจสภาพตัวเอง ไม่เข้าใจจิตใจตัวเอง
เธอเข้าใจแค่สิ่งที่อยู่ในหัวและพยายามปิดกั้นตัวเอง เธอทำแบบนั้นมาตลอดแต่ตอนนี้เธอไม่เข้าใจเรื่องทสึรุ
เธอเลยอยากถามว่าทำไม.. ในตอนนี้เธอถึงถามออกมา แม้สภาพของตัวเองจะไม่สู้ดีขนาดไหนก็ตาม…
ดวงตาของทสึรุสั่นคลอน…. เธอไม่ได้ลังเลอะไร…. เธอยิ้มขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน..
“ก็เพราะข้ารักเลทิเซีย…. ทุกอย่างมีแค่นั้น…”