การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 86
บทที่ 86 – สิ่งที่..ข้าต้องการ…
“แต่สิ่งที่ข้ารู้มีเพียงอย่างเดียว…”
ความทรงจำนั้นยังไม่สิ้นสุดเสียงของเลวิเนียยังคงดังกึกก้องอยู่ในหูของทสึรุ ดวงตาของเลวิเนียก้มมองพื้นด้วยสีหน้าเงียบสงบ
พนันได้เลยว่าตอนนี้ไม่มีใครเดาสิ่งที่เธอคิดได้ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองทสึรุ ทั้งสองสบสายตากัน
จนในที่สุดเลวิเนียก็พูดขึ้น
“ท่านพี่น่ะเป็นคนที่ระวังตัว.. ขนาดท่านพ่อท่านแม่ยังไม่ได้รับความเชื่อใจจากท่านพี่เลย.. และ…”
“และ..?”
“และเธอเป็นคนที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก”
พอพูดแบบนั้น ทสึรุก็เป็นงงว่าโดดเดี่ยวยังไง ในเมื่อมีพ่อแม่และน้องสาวสุดน่ารัก แถมเป็นถึงเชื้อพระวงศ์องค์หญิงแห่งอาณาจักร
รูปร่างก็สวยสุขุมเยือกเย็น มีคนล้อมรอบเสมอทุกครั้งที่ไปไหน แบบนั้นมันยังเรียกโดดเดี่ยวได้จริงๆ เหรอ?
“ไม่รู้สิ ข้าแค่รู้สึกว่าท่านพี่น่ะ… ปฏิเสธที่จะยอมรับผู้คน…”
ภาพหวนนึกมันสิ้นสุดลงแค่นี้ทำเอาทสึรุดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวในปัจจุบันในทันที
ทสึรุน่ะเป็นคนคนหนึ่งที่ไม่เคยได้รับความรักจากใครเลย ไม่เคยมีคนบอกว่าเหนื่อยมากสินะ พักหน่อยดีไหม
ไม่เคยมีคนบอกว่า อย่าฝืนนักสิ มันไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายนะ … ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นตั้งแต่จำความได้
เธอเป็นคนธรรมดา แม้จะมีจิตใจที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว แต่เมื่อจิตใจมันพังทลายลงไปแล้วไม่ใช่ว่ามันจะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้
เพราะมันก็แค่แข็งแกร่งไม่ได้มีความสามารถในการฟื้นฟูจิตใจที่เสียหายของเธอได้ และแน่นอนว่าคนที่ทำลายจิตใจอันเด็ดเดี่ยวของทสึรุจนย่อยยับนั้น
ก็คือตัวเลทิเซียเอง
จะบอกว่าเธอเป็นพ่อพระ แม่พระ.. ช่วยเลทิเซียโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทนก็ไม่ได้ ทว่าเธอก็แค่เสียใจที่หากเลทิเซียหายไปเธอก็คงรับไม่ได้
แต่ในขณะเดียวกันหากเธอกลับไปเจอกับเลทิเซีย เธอเองก็กลัวเหมือนกัน ไม่ว่าจะไปหรือไม่สุดท้ายจิตใจของเธอก็ล้วนแล้วแต่มีแผลอยู่ในใจ
อย่างไรก็ตามหากไปช่วยเลทิเซีย แม้เธอจะหวาดกลัวและไม่กล้าที่จะสู้หน้ากับเลทิเซีย กลัวว่าเธอจะปฏิเสธตัวเองอีกครั้งและเลทิเซียเป็นแผลในใจแล้วก็ตาม
อย่างน้อยก็อาจจะสามารถช่วยเลทิเซียได้ ช่วยเธอจากความตายได้ อย่างน้อยก็เกิดประโยชน์ต่อเลทิเซีย
ทว่าตรงกันข้ามหากเธอไม่ไปนอกจากเลทิเซียอาจจะเสียชีวิตจากการไร้พลังเวทต่อต้านพวกมอนสเตอร์แล้ว เธอก็จะเจ็บปวดอีกด้วย
ดังนั้นยังไงซะพูดถึงแง่เหตุผลแล้ว ข้อแรกถือเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลมากที่สุด แต่ทว่า…
แต่ว่านะ มนุษย์เรานั้นไม่ได้เกิดมาพร้อมกับเหตุและผล อันที่จริงเหตุและผลมนุษย์คงพึ่งมาเรียนรู้หลังจากเกิดมาแล้วซะด้วยซ้ำ
ตรงกันข้ามมนุษย์ประกอบขึ้นด้วยอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นเศร้าโศกเสียใจ หวาดกลัว สับสน.. อะไรต่างๆ นานา
ใช่แล้ว แม้จะมีเหตุผลอยู่ท่วมท้นแต่ว่าหากพูดถึงความกลัว กลัวที่จะเผชิญหน้า.. มันย่อมน่ากลัวกว่าการที่นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรอยู่แล้ว
พูดก็คือพูดในแง่อารมณ์การนั่งนิ่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรน่ะมันสบายกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นทสึรุเองก็ประกอบขึ้นด้วยอารมณ์และความรู้สึก
เธอกลัวที่จะเผชิญหน้า เธอไม่กล้าที่จะก้าวออกไป เมื่อเป็นเช่นนั้นทำให้เธอรู้สึกโกรธตัวเองเข้าไปอีก
แค่นี้กลับเลือกอย่างหลัง.. เลือกที่มีแต่ข้อเสียกับเสีย.. ยอมปล่อยให้เลทิเซียโดดเดี่ยว เธอจึงเกลียดตัวเอง เกลียดที่ตัวเองเลือกทางเลือกที่เห็นแก่ตัว
“ข้าขอโทษ… เลทิเซีย.. ข้ามัน…เห็นแก่ตัว!!”
เธอร้องออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาพร้อมกับกัดฟันจนดังสนั่นและรู้สึกโกรธเกลียดตัวเองที่เห็นแต่ได้
มันคงสมควรแล้วล่ะที่ไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเลทิเซียน่ะ เธอทุบหมัดใส่ต้นไม้ด้วยอารมณ์ทีหลากหลายและไม่เข้าใจ
“ตู้มมมมม!”
คลื่นกระแทกอันรุนแรงซัดใส่ต้นไม้นั่นจนแหลกเป็นเศษ และมันไม่ใช่คลื่นกระแทกเล็กๆ แต่ป่าบริเวณนั้นถูกคลื่นกระแทกจากหมัดของทสึรุ
จนมันทำให้ป่าและต้นไม้อีกหลายต้นที่เรียงยาวกันไปถูกเป่าให้หายเกลี้ยงไปจนหมด นี่คือพละกำลังล้วนๆ ไม่มีอะไรผสมทั้งสิ้น
ถ้าจะบอกว่าร่างกายเล็กๆ ของเธอสามารถต่อยจนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งหักได้ก็คงไม่มีใครเชื่อแล้ว
แต่ว่าที่เธอทำคือทำลายต้นไม้จนไม่เหลือชิ้นดีเลย..
แต่ในตอนนั้นเองความรู้สึกสับสน หวาดกลัวของเธอพลันเริ่มสลายหายไป แต่มีบางอย่างในจิตใจถูกกระตุ้นให้มันปรากฏขึ้นมาแทนที่
“ความรู้สึกแบบนี้…”
ทสึรุที่รู้สึกเหมือนจิตใจสงบลงและความรู้สึกต่างๆ สงบลงนั้นเอง เธอจำความรู้สึกนี้ได้.. มันเหมือนกับตอนที่เธอได้รับเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่
และเหตุผลที่ฝึกวิชาทวนกับธนู ใช่แล้ว เธอยังคงจำตอนนั้นได้ ไอ้ความรู้สึกยึดติดกับทวนและธนูน่ะ มันก็มีเหตุการณ์แบบนี้
เธอน่ะเสียใจที่เกิดมา เสียใจที่มีชีวิตอยู่… เธอตายไปคงจะดีกว่านี้.. แต่ความยึดติดยึดมั่นจิตใจก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความยึดติดของทสึรุ จู่ๆ มันก็ปรากฏขึ้นมาอย่างไร้สัญญาณเตือน.. และครั้งนี้ก็เช่นกัน เพียงแต่ว่าครั้งนี้…
“เจ้าน่ะ.. ต้องการอะไรจากเทพธิดาคนนั้นกันแน่..”
เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมาในหู เป็นเสียงที่ทสึรุล้วนคุ้นเคยแต่กลับนึกไม่ออกในทันที เสียงนั้นเหมือนกระซิบในหูของเธออย่างอ่อนโยนทำให้เธอตกใจ
“นั่นใคร?!”
“ข้าเป็นใครงั้นเหรอ.. เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุด”
“เจ้าคือ…”
ในตอนนั้นเองไอ้ความรู้สึกคุ้นเคยนี้ก็เด่นชัดขึ้นเสียงนี้มันคือ… เสียงของเธอเอง.. เธอตั้งคำถามกับตัวเธอเองโดยไม่รู้ตัว
ทสึรุลังเลการตอบคำถามที่ตัวของตัวเองตั้งขึ้นมา ทว่า..สุดท้ายเธอก็พูดออกไป…
“ข้าน่ะไม่ได้ต้องการอะไ—”
“หึๆ … ฮ่าๆ เจ้าคิดว่าพยายามจะหลอกใครอยู่ทสึรุ?”
“ข้าพูดความจริง!”
“ก็ได้ๆ งั้นตอบข้ามาถ้าเจ้าไม่ต้องการอะไรแล้วเจ้ามัวลังเลอะไรอยู่ ก็ไปช่วยเทพธิดาคนนั้นสิ แม้ตัวเองจะไม่ได้รับอะไรตอบแทนหรือจะเสียใจก็ไม่เกี่ยว เพราะเธอไม่ได้คาดหวังอะไรไม่ใช่หรือไง?!”
“….”
“เจ้ามัวนั่งอะไรอยู่ตรงนี้อยู่ล่ะ..? แค่เจ้านั่งอยู่ตรงนี้ก็เป็นคำอธิบายแล้วไม่ใช่หรือไงว่า พอเจ้าไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเธอเลยไม่ช่วยเธอ! เจ้าน่ะเลือกที่จะนั่งอย่างสบายใจอยู่ตรงนี้ ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าไม่ใช่หรือไง! เจ้ามันก็แค่คนเห็นแก่ตัว”
“ไม่ใช่!!!”
เสียงกรีดร้องของทสึรุดังขึ้นในป่าพงไพรที่สงบแห่งนี้ มองภายนอกนั้นจะมองเห็นราวกับว่าเธอเป็นคนสติไม่ดีคนหนึ่ง
“ไม่ใช่? ไม่ใช่อะไร งั้นเจ้าก็คงอธิบายเหตุผลที่ทำตัวปวกเปียกนั่งขี้แพ้อยู่ตรงนี้ไปชั่วชีวิต จนถึงที่สุดเจ้าก็แค่หลอกตัวเองมาตลอดว่าพยายามไม่ใช่เหรอ?”
“ข้า…”
“ทสึรุ.. เอาล่ะงั้นตอบคำถามมาว่า.. เธอต้องการอะไรจากเทพธิดาคนนั้น เทพธิดาที่หากเธอไม่โจมตีเทพธิดาคนนั้นในคืนวันนั้นละก็.. เจ้าคงไม่มีโอกาสได้คุยกับเธออีกแน่..”
“….”
“ตอบข้ามาเถอะ ตอบตัวเองเถอะ…”
ภาพความทรงจำมากมายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมาลอยเข้ามาในชั่วพริบตาเดียวรอยยิ้มของเลทิเซีย
ความสุขของเลทิเซีย… ทุกอย่าง …. เธอเองก็เป็นคนที่มีความอยาก.. อยากให้ใครสักคนมาเห็นใจ และใครสักคนนั้นในอดีตอาจจะเป็นใครก็ได้
แต่ในตอนนี้เป็นเลทิเซีย เธอน่ะต้องการเลทิเซีย ต้องการให้เลทิเซียมาเห็นใจ ให้ความรัก.. ทุกอย่างที่เธอไม่เคยได้รับ อาจจะมองว่าเธอเป็นคนที่เห็นแก่ตัวก็ได้
ทว่าเธอนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและยิ้มตอนนี้เธอมีน้ำตาไหลนองเต็มหน้าแม้มันจะไม่ได้น่าดูนัก แต่ใบหน้านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยการตัดสินใจ
ไม่มีใครกล้าดูถูกและสมเพชคนที่ก้าวข้ามตัวเอง กลับกันมันทำให้เธอมีเสน่ห์มากขึ้น เธอพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตาบนใบหน้าที่ไหลนองไม่หยุด
“ข้าน่ะ… ข้าน่ะอยากได้ความรักจากเธอบ้าง… ก็แค่นั้นเอง…”
“งั้นก็ไปซะสิ.. ไปช่วยเธอ.. ที่ผ่านมาเธอแค่ทำไปเพราะยึดติดในสัญชาตญาณ.. แต่คราวนี้เธอลองพยายามเพื่อความรู้สึกให้ถึงที่สุดซะสิ ทสึรุ.. ไม่สิตัวข้า…”
……..