บทที่ 444 – จุดสิ้นสุดของเรื่องราว [จบ]
มือของเลทิเซียบีบคอของเอลน่าแรงขึ้น จนเธอเริ่มหายใจไม่ออก แม้เธอจะเป็นบุคคลที่เก่งกาจระดับที่เหนือกว่าทุกคนบนโลกใบนี้
แต่ทว่า.. เธอก็ยังเป็นพี่สาวของเลทิเซีย มือทั้งข้างของเธอยกขึ้นจับใบหน้าที่แสนเจ็บปวดทรมานขอเลทิเซีย
เสียงของเธอสั่นไหวเพราะหายใจไม่ค่อยออกแล้ว..
“พี่…ขอ…โทษ”
มือสองข้างเลทิเซียยิ่งสั่นเข้าไปอีกราวกับว่าเธอกำลังกลัว ความรู้สึกคลื่นไส้ ความรู้สึกราวกับอยากจะอาเจียนไต่ขึ้นมาติดอยู่ที่คอ
ทั้งที่คิดว่าตัวเองเตรียมใจมามากพอแล้ว ทำไม.. ทำไม.. พอมองเอลน่าใกล้ๆ แบบนี้แล้วมัน… ราวกับว่าความโกรธที่มีต่อเธอมันหายไปจนหมด
ความโกรธที่เอลน่าทิ้งเธอไป ทำให้โลกนี้ไม่มีการชุบชีวิต.. เพราะเอลน่าคนเดียวแท้ๆ หากฆ่าแค่เอลน่าทุกอย่างก็ดีขึ้น
หากฆ่าแค่เอลน่า.. เพื่อนทุกคนก็จะกลับมามีชีวิต…. มันง่ายดายขนาดนั้นแท้ๆ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าพี่สาว..
พี่สาวที่ตนเองเคยเคารพรักมากที่สุด กลับกลายเป็นว่าความรู้สึกอยากฆ่าทุกอย่างมันหายไป เธอจะทิ้งเพื่อนคนอื่นงั้นเหรอ
ไม่.. เธอต้องฆ่าพี่สาว..
ฆ่า!! ฆ่า!!! ฆ่า!!!!!
เธอบีบคอของเอลน่ารุนแรงมากยิ่งขึ้น.. ขณะนี้เองเวโรเน่ก็ไม่สามารถทนดูต่อไปได้ เธอไม่รู้ว่าเลทิเซียต้องการอะไรในตอนแรก
แต่พอฟังไปฟังมาก็พอเข้าใจว่าเลทิเซียต้องการจะช่วยเหลือคนสำคัญคนอื่น.. แต่มันต้องแลกมากับการฆ่าพี่ตัวเอง
เวโรเน่รู้ดีว่าเลทิเซียเป็นคนอ่อนโยนแค่ไหนสำหรับเหล่าคนสำคัญ แต่นั่นก็หมายความว่าพี่สาวก็สำคัญกับเธอเช่นกัน
คิดว่าตัวของพี่สาวเวโรเน่ อย่าเลวี่หรือไอรีนนั้น ยอมเสียสละชีวิตเพื่ออะไรกันล่ะ เพื่อไม่ให้เธอต้องเข่นฆ่ากันกับน้องสาว
เวโรเน่ก้าวขาไปอย่างรวดเร็วพร้อมจับไหล่เลทิเซียเอาไว้
“เลทิเซีย!!”
เสียงของเวโรเน่ราวกับปลุกสติของเลทิเซียกลับมาจากความโกรธแค้น สายตาของเธอจดจ้องไปยังที่เอลน่าเบื้องหน้า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เอลน่าพูดก่อนหน้าลอยเข้ามาในหัวของเธอ แม้แต่ตอนนี้เธอยังพึมพำด้วยความเลื่อนลอย
“พี่.. ขอโท…ษ”
มือที่บีบคอพี่สาวของตัวเองก็ถูกปล่อยออกจนเอลน่าไอออกมา.. เลทิเซียถอยหลังไปหลายก้าว..
ก่อนที่เธอจะทรุดลงกับพื้น.. พร้อมกับร้องไห้ออกมา.. ใบหน้าของเอลน่าคือใบหน้าแบบเดียวกับที่ตัวเองเคยรู้จัก
เธออ่อนโยนกับเลทิเซียและลูเซียอยู่เสมอไม่มีข้อยกเว้น แม้จะมีดุบ้างแต่เธอไม่เคยดุเลทิเซียด้วยความโกรธเพื่อทำให้จำ
แต่เป็นการดุที่สอนมากกว่า.. พี่จะเป็นแบบนั้นเสมอ…. นี่แหละเอลน่าที่เลทิเซียรู้จัก แต่เมื่อนึกทุกอย่างที่ผ่านมาเธอก็ร้องไห้ออกมา
เพื่อนคนสำคัญที่สำคัญไม่แพ้กับพี่ตายไปจดหมดเหลือเพียงเวโรเน่แล้ว.. เสียงร้องไห้ของเธอราวกับเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบ
ที่เสียใจอย่างจริงจัง.. อารมณ์ทุกอย่างที่อัดแน่นไว้ภายในอกของเธอ ทุกอย่างที่เก็บกลั้นไว้ตั้งแต่สูญเสียเลวี่แบะลูเซียไป
“งั้นจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ฉันจะทำยังไงถึงจะถูกล่ะ ตอบฉันมาสิพี่!เพียงแค่พี่บอกฉัน ฉันก็ยอมเชื่อทุกอย่างแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมบอกอะไรเลยล่ะ!”
“คำสาปมันทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ถอนมันออกล่ะ ทำไมพี่ถึงไม่พูดออกมาว่ามันทำไม ถ้าไม่บอกฉันก็ไม่มีทางเข้าใจหรอกนะ!”
“พี่แค่พูดออกมาก็พอ โกหกฉันก็ได้ ขอแค่โกหกฉัน ฉันก็จะเชื่อ … เชื่อพี่ทุกอย่างที่พี่พูด ขอแค่บอกว่าอย่าฆ่าตัวเองนะแล้วก็ทิ้งทุกอย่างไปอยู่ด้วยกัน ฉัน พี่แล้วก็เวโรเน่.. แค่นั้นก็ได้”
“ขอแค่พี่บอกฉัน ฉันก็จะทำตามทุกอย่าง.. ฉันจะเชื่อพี่ จะฆ่าใคร จะหนีไปไหน ฉันจะอยู่เคียงข้างพี่เอง..”
“ทำไม.. ทำไมถึงไม่ยอมพูดอะไรเลยล่ะ!”
เลทิเซียรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ราวกับว่าเธอไม่สามารถลงมือฆ่าพี่สาวของตัวเองได้ลงคอ.. เธอคาดหวังอยู่ต่างหาก
ว่าพี่จะพูดบางอย่างออกมา ‘อย่าฆ่าพี่เลยนะ.. พี่จะอยู่เคียงข้างเธอที่เจ็บปวดเอง เราเป็นพี่น้องกันนี่น่า’
ทำไมถึงไม่ยอมพูดอะไรแบบนี้ ทำไมถึงเอาแต่ขอโทษ เสียงร้องไห้ของเลทิเซียยังคงดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องจิตใจของเธอยุ่งเหยิงปั่นป่วนจนไม่อาจเข้าใจได้
ดวงตาของเอลน่าค่อยจดจ้องไปที่เลทิเซีย.. พอได้ยินคำพูดแสนเห็นแก่ตัวของเลทิเซียที่เหมือนกับจะทิ้งทุกอย่างไว้ด้านหลังแล้วหนีไปนั้น
รวมถึงคำพูดที่อยากจะให้เอลน่าโกหกตัวเอง.. เธอยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและห่วงใย
“จะบ้าหรือไง.. พูดโกหกเธอ? สั่งให้เธอไปฆ่าคนอื่น? พี่สาวโลกไหนเขาทำกันแบบนั้นล่ะ.. ถูกไหม?”
“ย..ยัง.. จะพูดแบบนั้นอยู่อีกเหรอ พี่ก็โกหกมาตลอด โกหกฉัน โกหกลูเซีย โกหกที่ตัวเองตาย โกหก โกหก!”
“ไม่ใช่สักหน่อย.. กายหยาบน่ะตายจริงๆ แล้วก็พี่ไม่เคยพูดโกหกพวกเธอเลยสักคำนะ..”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไ—”
แต่ก่อนที่เลทิเซียจะพูดจบความทรงจำตั้งแต่อดีตอันกลโพ้นจนถึงยามนี้ก็ไหลพรวดเข้ามารวดเดียว.. ใช่.. เธอไม่เคยโกหกเลทิเซียเลย
อย่างก่อนหน้านี้เธอก็ไม่พูดอะไรโกหกเลย หากเรื่องไหนที่พูดไม่ได้เธอเลือกที่จะเงียบเอาไว้ไม่พูดออกมานั่นเอง
“และเรื่องคำสาป.. พี่เองก็พูดไม่ได้.. หากพูดมันออกมาคำสาปจะหายไป เพราะงั้นพูดไม่ได้เด็ดขาด.. แต่พี่ก็ไม่สามารถโกหกได้เช่นกัน”
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ไม่โกหก ไม่โกหกอยู่นั่นแหละ ก็แค่โกหกไม่ใช่หรือไง หลอกใช้ฉันสิ โกหกฉันเลยสิ!พูดมันออกมาสิว่าหากถอนคำสาปมันจะทำให้ฉันตายเพราะงั้นถอนไม่ได้ เพื่อฉันใช่ไหมล่ะ ก่อนหน้านี้พี่ก็พูดเอง!”
“ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกนะ!ต่อให้ถอนคำสาปไปมันก็ไม่มีผลอะไรกับเธอแบบนั้นหรอก!”
“งั้นก็ถอนซะสิ เลิกพล่ามว่าเพื่อฉัน เพื่อฉัน เพื่อฉันบ้าบออะไรไม่เข้าใจ!ถอนคำสาปซะสิ แค่พูดมันใช่ไหมล่ะ ตะโกนมันออกมาให้คำสาปถูกถอนออกมาเลยสิ!”
“ไม่ได้! พี่ทำไม่ได้!”
สองพี่น้องส่งเสียงทะเลาะกันจนแสบคอหนึ่งพี่สาวที่มีรอยถูกบีบที่ตรงคอ อีกหนึ่งน้องสาวที่น้ำตาอาบใบหน้าไปทั่วทั้งใบหน้า..
“..ทำไมล่ะ.. ทำไมถึงไม่ยอมถอนล่ะ… ทำแค่นั้น.. ทำแค่นั้นทุกอย่างมันก็จบแล้วไม่ใช่หรือไงกัน.. หรือไม่ก็แค่มาอยู่กับฉันก็พอ!”
“พี่ขอโทษ.. แต่พี่ไม่สามารถทิ้งเรนกับลูเซียในโลกอื่นๆ ได้เช่นกัน ถ้าไม่มีพี่ไปอยู่เคียงข้างไม่ได้เด็ดขาด!”
เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นดวงตาของเธอก็บิดเบี้ยว.. และในตอนนั้นเองร่างของเอลน่าก็ค่อยๆ แตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กๆ น้อยๆ ..
ไม่ใช่กายหยาบแต่เป็นดวงวิญญาณที่กำลังสลายหายไปราวกับต้องการจะหายไปจากโลกใบนี้..
“พี่ขอโทษ.. จริงๆ .. ลาก่อนนะ..เลทิเซีย”
เอลน่ากล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวด.. เลทิเซียจ้องไปที่เอลน่าด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดและเสียใจ.. ไม่ได้เป็นแบบเมื่อก่อนหน้าที่ทั้งบ้าคลั่งและโหดร้าย
แต่เป็นสายตาที่.. รู้สึก..ผิดหวัง…
“มัวแต่พล่ามว่าเพื่อฉัน เพื่อฉัน.. แต่สุดท้ายก็เพื่อตัวเธอเองไม่ใช่หรือไงกัน ทิ้งพวกฉันเอาไว้ข้างหลังแล้วไปอยู่กับตัวฉันคนใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“เพื่อฉัน.. บ้าบออะไรกันล่ะ เพื่อตัวเองไม่ใช่หรือไง!”
เลทิเซียกล่าวแบบนั้นก็ยกมือขึ้น ลูกบาศก์สีดำพลันปรากฏขึ้นพุ่งตรงไปใส่เอลน่าด้วยความเร็วที่ไม่สามารถหลบหลีกแน่นอน
เอลน่าเองก็ตกใจ.. กลิ่นอายที่สัมผัสได้จากนี้มันต่างจากทุกอย่างก่อนหน้า แต่เพราะเธอประมาทก่อนหน้านี้ลูกบาศก์จึงพุ่งเข้าสู่หน้าผากของเธอ
เธอไม่เป็นอะไรนอกจากการสลายของวิญญาณหายไป..
“นี่มัน…”
“พี่… ไม่สิ.. เอลน่า.. ฉันน่ะรักเธอมาตลอด.. ไม่ใช่แบบพี่น้องหรืออะไร.. แต่ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง.. เพราะงั้นแหละนี่จะเป็นคำพูดสุดท้ายที่พวกเราจะได้คุยกันอีก จะไม่มีโลกต่อไปแล้ว”
“ปัจจัยของกุญแจแห่งเซฟิรอธ!เลทิเซียเธอมีมันได้ยังไง!ไม่ได้เด็ดขาด!!อย่าฆ่าพี่เด็ดขาดนะ!”
เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย.. แม้จะบอกว่าไม่มีใครเข้าใจเซฟิรอธแบบเลทิเซียได้.. แต่เอลน่าก็เหมือนจะรู้บางส่วนถึงจะไม่เยอะเท่าเลทิเซียแต่ก็เป็นส่วนที่สำคัญกว่าที่เลทิเซียรู้
แต่ถึงแบบนั้นเลทิเซียก็ไม่ได้สนใจ..
“ฉันรักเธอ.. แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่ได้รักฉันที่เป็นฉัน.. แต่เพราะเป็นฉันต่างหากเธอเลยรัก.. พอแล้วล่ะ”
เลทิเซียพูดแบบนั้นเสร็จมือขวาก็ยื่นไปคว้าจับคอของเอลน่าเอาไว้อย่างง่ายดาย เพราะเธอไม่ได้ตอบโต้ใส่เลทิเซีย
พยายามเพียงจะหลบทำให้ถูกคว้าจับอย่างง่ายดาย เลทิเซียออกแรงบีบที่มือแรงขึ้น ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้นที่ถูกบีบแต่รวมถึงดวงวิญญาณ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น.. เอลน่าล้วนถูกบีบจนเหมือนกับจะแตก ความรู้สึกของเลทิเซียที่มีให้เวโรเน่มันช่างหนักอึ้ง..
ดวงตาของเวโรเน่เบิกกว้าง.. ปากเปิดเข้าออกพยายามจะหายใจ แต่ก็ไม่ได้น้ำลายไหลออกมาจากปากดูทรมานจนแม้แต่เอลเน่ยังทนไม่ไหว
แต่คนที่ห้ามเอาไว้คือริวตะ เธอส่ายหน้าเบาๆ .. ว่านี่ไม่ใช่เรื่องของเรา.. เธอเองก็น่าจะเห็นสีหน้าเอลน่าแล้วนะว่า.. สายตาที่มองมาที่เอลเน่
กับสายตาที่เธอมองเลทิเซียมัน..ต่างกันมากขนาดไหน..
เลทิเซียดึงคอของเอลน่าเข้ามาใกล้ๆ .. ก่อนจะพึมพำเบาๆ ..
“ลาก่อนนะ.. พี่.. ต่อไปนี้พวกเราไม่ใช่..พี่น้องกันอีกต่อไป”
“……”
เอลน่าไร้ซึ่งเสียง.. ไร้ซึ่งคำกล่าวดวงตาของเธอราวกับจะร้องไห้ออกมา … แม้เธอจะพยายามดิ้นรนเพื่อหลุดออกไปก็ไร้ผล..
ในขณะที่เธอกำลังจะใช้พลังทั้งหมดนั้นเอง เลทิเซียก็ประกบริมฝีปากลงที่ริมฝีปากเอลน่า แม้เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจอยู่ก็ตาม
เอลน่าเบิกตากว้าง.. น้ำตาของเธอไหลออกมาจากดวงตา… ก่อนที่เธอจะหลับตาลงตอบรับจูบ..สุดท้ายของเลทิเซีย
“กร็อบ”
คอของเธอก็หักสะบั้น.. เลทิเซียทิ้งร่างของเอลน่าลงบนพื้น …
“ทุกอย่าง.. จบแล้วสิน— อึก!!”
ก่อนที่ทันจะได้พูดจับเลทิเซียก็เบิกตากว้าง มุมปากมีเลือดไหลออกมา จมูกก็มีเลือดไหลออกมา หูและดวงตาเลือดสีแดงฉานค่อยๆ ไหลออกมา
หัวใจของเธอเต้นแรงจนกลบเสียงทุกอย่างรอบตัว.. ความทรงจำบางอย่างไหลพรวดเข้ามาในหัวของเธอ…
ความทรงจำเหล่านั้นไม่ใช่ความทรงจำจากคนคนเดียว.. แต่เป็นคนหลายล้าน.. สิบล้านไม่สิ มากมายจนแทบเรียกว่าไร้ที่สิ้นสุด
เข่าเธอทรุดลงกับพื้นพร้อมกับกรีดร้องออกมา.. ในตอนนั้นเองทุกคนก็เบิกตากว้างไม่ต่างกัน ต่างพากันสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก เจ็บ.. เจ็บ เจ็บ! นี่มัน.. นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
“ไม่! อย่าฆ่าข้า”
“ไม่.. ไม่ใช่แบบนั้น!”
“เดี๋ยวก่อน..!”
“อ้ากกกก นี่มัน.. เรื่องบ้าอะไร! อเล็กเซีย!!”
เลทิเซียที่ปวดหัวเพราะความทรงจำมากมายมันทำให้เธอดิ้นทุรนทุราย ความเจ็บปวดที่ราวกับวิญญาณถูกฉีกกระชากนี้..
เธอตะโกนไปหาอเล็กเซีย.. แต่เธอก็เผยความตกตะลึงออกมาอย่างเห็นได้ชัด.. เวโรเน่ก็วิ่งมาจับไหลของเลทิเซียด้วยความเป็นห่วง
“เลทิเซีย! เป็นอะไรหรือเปล่า!ทำใจดีๆ ไว้นะ!”
ดวงตาของเลทิเซียกลายเป็นสีแดงฉานเพราะเลือด.. มุม มองวิสัยทัศน์เธอจึงถูกอาบไปด้วยสีแดงที่อยู่รอบตัว
พอมองเห็นเวโรเน่ที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ตกใจ!
“เวโรเน่! เวโรเน่!! เวโรเน่!!!”
“ข้าเอง.. มีอะไรเหรอ!!”
“ร่างกายเธอ.. ร่างกายเธอน่ะ”
“ร่างกายข้า.. มีอะไร…?”
พอเธอก้มมองตัวเองก็พบว่า.. ขาของเธอหายไปแล้ว! ร่างกายของเธอเสมือนกลับกลายเป็นความว่างเปล่าไปแล้ว
“นี่มัน.. เรื่อง..บ้าอะไร.. อ้ากกกกกก!”
ในตอนนั้นเองความทรงจำตลอดห้าร้อยปีที่รอเลวี่และเลทิเซียก็หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นความโดดเดี่ยวและอ้างว้าง..
ไม่ใช่แค่ความทรงจำของเวโรเน่ แต่รวมถึงความทรงจำของทุกๆ คนที่เธอรู้จัก ผ่านความทรงจำของคนมากมายไร้ที่สิ้นสุด
มันไม่ใช่การมองเห็นในมุมบุคคลที่สาม.. แต่เธอเห็นราวกับมันเป็นจริงตรงหน้า ไม่สิ.. จะพูดให้ถูกก็คือ.. ราวกับทุกคนคือ เลทิเซียเอง!
สเตฟานี่ เซเรส โคลเอ้ อันน่า ซิลเวีย ไวท์ นิล ทสึรุ ชาร์ล็อต อามาเระ เลวิเนีย ลูเซียเผ่าอสูร ลูเซียน้องสาว..
ความทรงจำทุกคนมันหลั่งไหลเข้ามา.. และก็ได้รู้ด้วยว่าคนที่ฆ่าโคลเอ้ที่เลทิเซียตามหามาตลอดคือใคร… คือ อเล็กเซีย!
แต่ในตอนนี้เลทิเซียไม่มีเวลามาโกรธแค้นใคร.. ความทรงจำทั้งหมดของเธอราวกับหลอมรวมเข้าทุกสรรพสิ่ง.. และฉับพลันนั้นเอง..
ความทรงจำของ.. พี่เอลน่าก็หลั่งไหลเข้ามาไม่ด้วยกัน.. เลทิเซียได้เห็นโลกที่แตกต่างออกไปเป็นความดำมืดอันไร้จุดสิ้นสุด
ความรู้ความเข้าใจของเลทิเซียก็เข้าใจสรรพสิ่งมากยิ่งขึ้นอีก..
ทุกสรรพสิ่งคืออะไร อะไรคือสรรพสิ่ง
บนโลกด้านนอกนั้น ด้านนอกทุกสิ่งอย่างที่เลทิเซียรู้จัก ไม่สิ ต้องบอกว่า ‘ถูกขีดเขียน’ ให้รู้จักมากกว่า
คนที่กำหนดให้เธอมองเห็นอะไร คนที่กำหนดให้เธอคิดอะไร แม้แต่ตอนนี้ที่เธอรู้หรือเข้าใจบางอย่างตอนนี้ คนที่ขีดเขียนทุกสิ่งอย่างนี้ขึ้นมาก็ยังมี
คือคนคนหนึ่งที่บนโลกด้านนอกนั้น คำพูดของคนแก่ดูแลวิญญาณบนเรือนั้นลอยเข้ามา.. หากทุกสิ่งอย่างที่เราเห็นมันไม่ใช่แม้กระทั่งภาพล่ะ
ไม่มีทั้งภาพหรือเสียง หรือสิ่งใดๆ เลย ทุกอย่างบนโลกนี้ไม่มีแม้กระทั่งรูปร่างที่แท้จริง แต่เป็นเพียงแค่ ‘ตัวอักษร’
‘ตัวอักษร’ เหล่านั้นมีหน้าที่บรรยายความจริงให้พวกเธอได้รู้จัก ให้พวกเธอได้ทราบ ตัวตนที่ขีดเขียนทุกอย่างเหล่านี้ขึ้นมา… ก็คือ ‘แม่มด’
หรือจะเรียกว่า ‘ผู้เขียน’ ดีล่ะ? ไม่ว่าจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องพบเจอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องพบเห็น
ล้วนเป็นสิ่งที่ ‘ถูกกำหนดมาไว้ตั้งแต่แรก’ ภายใต้โครงเรื่องของบทเรื่องราวบทนี้ ‘แม่มด’ ได้ขีดเขียนทุกอย่างขึ้นมา
ตัวอักษรแต่ละตัวของ ‘แม่มด’ ที่บรรยายอยู่ในตอนนี้ก็ล้วนแล้วแต่กลายเป็นความจริงของทุกอย่างภายในที่แห่งนี้
นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า ‘หนังสือของแม่มด’
เลทิเซียไม่สามารถทราบได้เลยว่า.. แม่มดที่ขีดเขียนเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาทำไมถึงต้องทำแบบนี้ขึ้นมา
เพราะอะไรกัน.. เพราะอะไร เพราะอะไร!!
แต่ความทรงจำมันไม่ได้มีเพียงแค่นั้นความทรงจำของเอลน่านั้นยืดยาวราวกับไร้จุดสิ้นสุด ความทรงจำเธอยังคงสืบต่อไป
ต้นกำเนิดที่แท้จริงแห่งที่เอลเน่สร้างขึ้นนั้น.. แรกเริ่มนั้นการที่จะมีคนถือกำเนิดขึ้นมานั้นต้องถูกปั้นขึ้นมาอย่างประณีตโดยเอลเน่
แต่เพราะเอลน่าโกรธเอลเน่ เธอจึงร่ายคำสาปใส่ต้นกำเนิดแห่งนี้…
แต่เหมือนว่าคำสาปที่ทุกคนคิดว่ามันเป็นคำสาปที่จะทำให้วิญญาณไม่แตกดับหรือเกิดใหม่ได้ความจริงแล้วมันไม่ถูกต้อง
คำสาปของเธอแทนที่จะเป็นวิญญาณไม่แตกดับแต่เป็น ‘ไร้วิญญาณ’ ต่างหาก คำสาปนี้ทำให้โลกทั้งใบนั้นไร้วิญญาณ
แต่โลกนั้นก็ยังเป็นโลกที่เอลเน่สร้างขึ้น มันยังมีกลไก เอาตัวรอดของมัน.. แทนที่จะให้โลกมันไร้สิ่งมีชีวิต อย่างน้อยก็มีสักชีวิตก็พอ
มันอาศัยวิญญาณของคนที่สาปมันสร้างเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นมา จนกลไกการทำงานของโลกเกิดการแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ทำให้โลกมีสิ่งที่เรียกว่า ‘การเวียนว่ายตายเกิด’ ขึ้นมา ในความจริงแล้วทุกคนติดว่าการเวียนว่ายตายเกิดคือผลลัพธ์ของพลังเอลน่า
แต่ความจริงไม่ใช่ .. แต่เป็นเพราะโดนคำสาปของเอลน่า โลกเลยจำเป็นต้องมีการเวียนว่ายตายเกิดต่างหาก..
ซึ่งแน่นอนว่า.. วิญญาณในต้นกำเนิดที่แท้จริงก็มีเพียงเศษเสี้ยววิญญาณเอลน่า.. ทำให้คนที่เกิดมามีเพียงเอลน่าที่เป็นคนธรรมดา
แต่เพราะเวียนง่ายตายเกิด เธอจึงเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำไปซ้ำมา.. ใช่แล้ว ทำให้โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ‘ชาติภพ’ ขึ้นมา
คำว่าชาติภพที่ถือกำเนิดมาจากกลไกบางอย่างของ โลกและคำสาปของเอลน่าบุคคลที่แข็งแกร่งสุดใน ‘หนังสือ’ ยามนั้น
ทำให้เจ้าคำว่า ‘ชาติภพ’ นั้นอยู่เหนือแม้แต่กาลเวลา เหนือแม้แต่สิ่งที่เรียกว่า ‘วิญญาณ’ อีกที
ส่งผลให้ตัวเอลน่าในอีก ‘ชาติภพ’ มาเกิดอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน แบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น
ไต่ไปจนถึงไร้ที่สิ้นสุด ท้ายที่สุดดวงวิญญาณในต้นกำเนิดที่แท้จริงที่เอลเน่สร้างก็มีมากมายไร้สิ้นสุด ซึ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นในตอนที่เอลน่าร่ายคำสาปใส่!
กล่าวคือ.. ไม่ว่าจะ สเตฟานี่ เซเรส โคลเอ้ อันน่า ซิลเวีย ไวท์ นิล ทสึรุ ชาร์ล็อต อามาเระ เลวิเนีย ลูเซียเผ่าอสูร ลูเซียน้องสาว..
ทุกคนล้วนคือ ‘เอลน่า’ ! เพียง แค่เป็นเอลน่าในอีกชาติภพ ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนเป็นเอลน่า!
นั่นจะเป็นเหตุผลที่ว่า.. ทำไมบางครั้งทุกคนก็เข้าใจกันได้โดยไม่ต้องสื่อสาร หรือทำไมบางคนถึงเลือกทำบางสิ่งบางอย่างคล้ายกันทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน
แม้แต่ตัวของเลทิเซียเองบางครั้งยังเผลอพลั้งทำอะไรผิดพลาดออกไป แต่ทุกคนก็ยังคิดว่าสิ่งที่เลทิเซียทำมันดูดีทั้งที่เธอผิดพลาด
ใช่.. นั่นเพราะพวกเธอมีการเชื่อมโยงกันตั้งแต่แรก… เป็นคนคนเดียวกันมาตั้งแต่แรก
เมื่อเลทิเซียฆ่าพี่สาวคำสาปจึงหายไป ทำให้.. วิญญาณในชาติภพอื่นๆ กลับมาหาร่างหลักและหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว!
ร่างหลัก..? เดี๋ยวสิ.. เธอไม่ใช่เอลน่าสักหน่อยนะ.. อีกอย่างถ้าหากแค่ต้นกำเนิดที่เอลเน่สร้างขึ้น แล้วทำไมลูเซียถึงกลับมาด้วย
เพราะลูเซียเป็นคนของ..โลกนี้ ไม่ใช่คนของต้นกำเนิดที่แท้จริง.. เลทิเซียกำลังสับสนเธอก็ได้รับคำตอบแทบจะทันที..
เพราะว่า.. แต่แรกเริ่มเดิมทีแล้ว เลทิเซียกับลูเซียก็เป็นเหมือน ‘ร่างแยก’ ของเอลน่าที่เธอแยกร่างออกมา เอาความบิดเบี้ยวของตัวเองสร้างเป็นตัวของเลทิเซียและลูเซีย
นั่นหมายถึงอะไร.. หมายถึงเธอที่เคยเกลียดนิสัยเสียตัวเองเห็นความบิดเบี้ยวตัวเองกลายเป็นมนุษย์ขึ้นมา เธอก็รู้สึกเอ็นดูแทนที่จะเกลียด
เธอไม่เคยมองเลทิเซียหรือลูเซียว่าเป็นหมูในอวยเลยสักนิด กลับกันแทนที่จะมองพวกเลทิเซียเป็นส่วนหนึ่ง
เธอมองว่าพวกเธอเป็นครอบครัวคนสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ… ความสับสนในตัวของเลทิเซียยิ่งมีมากขึ้น
เลทิเซียคือเอลน่า ลูเซียคือเอลน่า.. ทุกคนคือเอลน่า..
พอเลทิเซียฆ่าเอลน่า..ตัวเธอก็กลายเป็น ‘เอลน่า’ หลักแทน.. ดูดกลืนทุกสิ่งอย่างที่เป็นเอลน่าเข้ามาในตัว
“อ้าาาาาาาา”
เลทิเซียกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทรมาน เวโรเน่ที่สลายหายไปมากกว่าครึ่งก็มองหน้าเลทิเซียราวกับต้องการจะกล่าวบางสิ่งบางอย่าง
แต่ก็พูดไม่ออก.. เลทิเซียในตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว เธอคลายไปกับพื้นแล้วก็กอดเวโรเน่เอาไว้แน่นๆ ราวกับไม่ต้องดารจะสูญเสียเธอไป
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ เวโรเน่ไม่!”
เลทิเซียตะโกนออกมา .. เวโรเน่ที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจ.. แต่เธอก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน.. ถึงเธอจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่ความรู้สึกของเธอราวกับตัวเองกำลังจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเลทิเซียอย่างไรอย่างนั้น
แต่ถึงแบบนั้นเธอก็รู้ว่าเลทิเซียกำลังทรมาน..
“เลทิเซีย.. ถึงข้าจะไม่เข้าใจอะไรก็เถอะนะ… แต่.. เจ้า.. ต้องไม่เป็นไ—”
ยังไม่ทันได้พูดจบร่างของเธอก็สลายหายไป จนหน้าของเลทิเซียล้มลงไปกับพื้นด้านหน้า.. พร้อมกับเสียงกรีดร้อง
ทุกอย่าง.. ทุกอย่างจริงๆ มันสลายหายไปจนหมดไม่ว่าจะคนต้นกำเนิดที่แท้จริงที่เลทิเซียไปอยู่มาทั้งคนที่ไม่รู้จักและคนรู้จัก
ทุกคนตายหายไปจนหมด.. และเลทิเซียก็พึ่งมาพบความจริงอันแสนเจ็บปวดว่า คนที่เธอเคยกลัวว่าเขาคิดร้ายกับเธอจะทำร้ายเธอ
ความจริง.. มันไม่ใช่เลย พวกเขาแค่อยากเป็นมิตรความรู้สึกพวกเขาที่มีให้เธอมีเพียงความอ่อนโยนเท่านั้น.. แต่ที่เธอตอบรับความรู้สึกเหล่านั้นโดยการไม่เชื่อใจใครเลย
ความรู้สึกผิด ความเจ็บปวด.. กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอาจจะเอื้อมถึงหรือเข้าใจ เอลเน่เองก็ยังตกตะลึงเธอ…
“แบบนี้นี่เอง.. เพราะแบบนี้ข้าถึงได้รู้ทันทีว่าเลทิเซียเกี่ยวข้องกับเอลน่า.. และทำไมโรสถึงให้เลทิเซียแตะของบางอย่างและเอาของบางอย่างนั้นไปชุบชีวิตคนสำคัญ..เพราะตัวเลทิเซียคือเอลน่า เอลน่าที่เป็นเหมือนต้นตอของวิญญาณอื่นในต้นกำเนิดที่แท้จริงแห่งนั้น! มีพลังพอที่จะรักษาเพื่อนๆ ของโรสที่ตายไปตอนนั้น”
เอลเน่พึมพำ.. กล่าวคือ.. โรสรู้ทุกอย่างมาตั้งแต่แรกแล้วเลยใช้ประโยชน์จากส่วนนี้ เอลเน่ขมวดคิ้วหันไปหาริวตะ
“ทำไมถึงไม่ยอมบอกฉัน!”
“ก็เธอไม่ได้ถาม แต่บอกไว้ก่อนนะ ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะจบลงแบบนี้เหมือนกัน”
ริวตะตอบออกไปส่งๆ อเล็กเซียที่ถูกกดลงกับพื้นเธอก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา.. พร้อมกับ… หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ .. ตายไปแล้ว.. ท่านพ่อ ท่านแม่ มันตายไปแล้วไอ้คนชั่วที่ฆ่าครอบครัวพวกเราจนหมด มันตายไปแล้ว!!”
“ฮ่าๆ .. แต่.. แต่ทำไมมันไม่ชุบชีวิตพวกท่านกลับมาด้วยล่ะ ชุบกลับมาสิ เฮ้ย ไอ้เอลน่าเบอร์สองอย่างแกน่ะ ชุบชีวิตคนสำคัญของช้าขึ้นมาซะ ฮ่าๆๆ !”
เธอหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็นผู้ชนะ แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้เข้าใจเรื่องราวอะไรเลย ไม่สิ.. เธอเข้าใจ
แต่เธอไม่อยากยอมรับมัน ความพยายามทุกอย่างเธอการฆ่าเอลน่าคือเรื่องริงก็จริงแต่เธอก็ยังอยากจะชุบชีวิตคนสำคัญคืนมานั่นต่างหากถึงจะเป็นเรื่องหลัก
เธอหัวเราะพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลริน เดินโซเซเข้าไปหาเลทิเซียที่กำลังสับสนและร้องห่มร้องไห้
อเล็กเซียจับไหลของเลทิเซียดึงขึ้นมาจ้องแล้วก็พูด
“เอาสิ ชุบชีวิตคนสำคัญของฉันขึ้นมาสิ เร็วสิ! เธอทำได้ไม่ใช่เหรอ พลังของยัยนั่นมันมาอยู่ที่เธอหมดแล้วไม่ใช่เหรอ!”
“……”
เลทิเซียสับสนจนไม่อาจจะตอบสนองต่อคำพูดของอีกฝ่าย.. แต่ทุกครั้งที่คำพูดของอีกฝ่ายภายในลึกๆ .. ลึกๆ ในจิตใจของเลทิเซียก็มีเสียง
‘แกร๊ก’
ดังขึ้น.. เลทิเซียไม่เหมือนโรส เพราะเพื่อนของโรสก็ตายเธอจึงหาทางชุบด้วยวิธีการของเธอ แต่ของเลทิเซียนั้นแตกต่าง
เพราะวิญญาณทุกคนแต่แรกเดิมทีก็คือตัวเธอเอง.. แล้วจะให้เธอไปชุบชีวิตตัวเองที่มีชีวิตอยู่มาแต่แรกได้ไงล่ะ?
กล่าวคือไม่มีทางช่วย.. อย่างแน่นอน ซึ่งหากเลทิเซียต้องการช่วยคงเดินไปขอร้องสิ่งที่เรียกว่า ‘แม่มด’
ให้เปลี่ยนเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมดเท่านั้น แต่ถ้าหากแม่มดคิดจะเปลี่ยนให้จริง แล้วคิดว่ามันจะเขียนให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกทำไม
‘แกร๊ก!!’
มันกำลังดูเธออยู่จากโลกด้านนอกหนังสือนั้น..
บางทีเองก็อาจจะมีคนอ่านหนังสือที่นัง ‘แม่มด’ นั่นเขียนอยู่เช่นกัน เพราะหากเขียนหนังสือขึ้นมาก็ต้องเขียนให้ใครสักคนอ่าน
‘แกร๊ก!!!’
กำลังมีใครสักคนในโลกด้านนอกอ่านทุกสิ่งทุกอย่างนี้ของเธออยู่งั้นเหรอ.. ถ้าแบบนั้นในตอนนี้พวกมันจะทำสีหน้ายังไง?
สมเพชเธอ? ที่ทำทุกอย่างเองก็สมควรแล้วที่เป็นแบบนี้?
ดูถูกเธอ? เพราะเธอนิสัยขี้ขลาดน่ารำคาญ?
สมน้ำหน้าเธอ? เพราะเธอโง่เอง?
ไม่สนใจอะไรเลย ไม่รู้สึกอะไรเลย? เพราะเธอเป็นแค่ตัวหนังสือ?
หรือแม้แต่คนที่ด่าเธอจากโลกเบื้องบน ทั้งที่ไม่เคยเข้าใจอะไรในตัวเธอเลย ว่าเธอเองก็มีชีวิตอยู่ในตัวหนังสือ นี่คือโลกของเธอ คือความจริงสำหรับเธอ
ไม่รู้ เลทิเซียไม่รู้.. เลทิเซียไม่เข้าใจความคิดของคนบนโลกด้านนอกเลย ไม่รู้จักหน้าพวกมันด้วยซ้ำไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าพวกมันชอบอะไรแบบนี้หรือเปล่า.. ไอ้ชีวิตสุดแสนเฮงซวยของเธอนี่
เพราะเธอมีชีวิตอยู่จริงๆ เธออยู่ตรงนั้นจริงๆ แต่ก็นะ สำหรับพวกมันแล้วเธอคงไม่ต่างอะไรจากตัวหนังสือ พออ่านเรื่องราวเหล่านี้จบ
พวกมันก็จะลืมไปแล้ว ลืมเรื่องของเธอ ลืมว่าเธอต้องเจ็บปวดแค่ไหน เพราะนี่คือความสนุกสนานสำหรับพวกมัน
บนความทุกข์ตลอดทั้งชีวิตของเธอเอง…
‘เพล้ง’
ในตอนนั้นเอง ภายในหน้าอกของเธอก็ราวกับมีเสียงบางอย่างดังขึ้น เสียงนี้มันดังกึกก้องไปทั่วทุกหนทุกแห่งของโลกแห่งหนังสือ..
แม้แต่ตัวหนังสือที่ขีดเขียนอยู่บนหนังสือตอนนี้ยัง.. สั่นสะเทือนไม่ต่างกัน ริวตะเบิกตากว้างครั้งแรกที่เธอตกใจขนาดนี้
“สึกุถอยออกมา!!”
เกือบช้าไปเพียงหนึ่งก้าวริวตะวิ่งพรวดมาปกป้องเอลเน่เอาไว้ หน้าอกของริวตะถูกฉีกกระชากออก กายหยาบที่ควรจะหลุดพ้นตรรกะทางกายภาพทุกอย่างของเธอพลันฉีกขาดหัวใจหลุดออกจากร่าง
“หุบปาก.. สักที..จะได้ไหม?”
ดวงตาของเลทิเซียเงยขึ้นกล่าวกับอเล็กเซียเพียงจ้องไปที่ดวงตาของอเล็กเซียเลือดตลอดทั้งร่างของเธอก็สั่นไหวปริแตก
“เธอ.. เป็นคนฆ่า โคลเอ้สินะ?”
เลทิเซียพูดแบบนั้นก็มือคว้าจับไปที่คอของอเล็กเซียพริบตาเดียวก็มีแผลที่เหมือนกับโดนของมีคมที่มีความร้อนสูง
กรีดไปทั่วร่างกายของอเล็กเซีย.. จนเธอต้องกัดฟันกรอด..
“ฉันไม่ได้โกรธเธอหรอกนะ.. ในตอนนี้น่ะ”
“ฉันไม่ได้โกรธเธอเลยสักนิด.. ไม่รู้สิ”
“ฉันอยากจะทำอะไรกันนะ?”
เลทิเซียกล่าวด้วยคำพูดที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาด เผลอครู่หนึ่งอเล็กเซียที่เก่งเป็นรองแค่ริวตะหนึ่งระดับก็ขาดใจตายอย่างง่ายดาย
เลทิเซียเหยียบไปบนซากศพของอเล็กเซียพร้อมกับเหยียบลงเบาๆ ..
“อ่า.. ไม่รู้สิ ทำไมถึงแปลกแบบนี้..? เอลเน่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“…เอลน่า?”
ร่างกายของริวตะฟื้นฟูกลับมา แต่เลทิเซียก็หันหน้าไปคุยกับเอลเน่ด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย แต่เสียงของเลทิเซียราวกับเอลน่าไม่มีผิด
เลทิเซียที่โดนเรียกว่าเอลน่า เธอก็ตะโกนออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ฉันไม่ใช่พี่ พี่ตายไปแล้ว!!”
เลทิเซียตะโกนออกมา เอลเน่รู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า พลังของเลทิเซียในตอนนี้อยู่เหนือกว่าตอนที่เธอเป็นมารดาแห่งสรรพสิ่งไปอีก!
ริวตะยกมือขึ้นขวางกั้นเอาไส้แต่ พริบตาเดียวแขนขวาเธอก็ฉีกขาด ริวตะได้..กระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่
แต่ตอนนี้ก็มั่นใจได้แล้วว่า เหมือนเลทิเซียจะได้รับความทรงจำของคนมากมายเข้ามาในหัวรวดเดียวมันจึงทำให้เธอสับสนอยู่
แต่อีกไม่นานคงหายก็จริง เพราะยังไงซะตอนนี้ก็ไม่มีใครมาหยุดยั้งเลทิเซียได้อีกแล้วล่ะ .. แน่นอนว่าริวตะตอนนี้ไม่สามารถสู้เลทิเซียได้เลยด้วยซ้ำ
จังหวะที่เธอถูกเลทิเซียโจมตี เธออาศัยจังหวะนี้รีบหนีออกไปทันที แต่เลทิเซียเหมือนจะไม่เป็นมิตรเท่าไหร่
เลทิเซียชี้นิ้วไปทางเธอ โดยที่เธอใช้มืออีกข้างจับหัวเหมือนจะไม่ได้สนใจริวตะเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงแบบนั้นริวตะก็หน้าเปลี่ยนสี
ร่างกายของเธอถูกแยกเป็นชิ้นๆ รวมถึงจิตวิญญาณที่แตกกระจายออก เธอกัดฟันจนดังกรอด..
ใช้แขนที่ขาดจับมือเอลเน่ไว้พร้อมกับข้ามผ่านห้วงมิติไปยังที่แสนไกล…. เลทิเซียเหมือนไม่ได้สนใจอะไรมากเธอพึมพำ
“…พี่..ฉันรักพี่นะ..”
เลทิเซียกล่าวพลางก้มไปอุ้มเอาร่างของพี่สาวขึ้นมา.. แล้วก็เดินหายไปในที่ไหนสักแห่งบนหนังสือที่กว้างใหญ่…
……………..
……………..
……………..
ในที่ไหนสักแห่ง ในช่วงเวลาไหนสักช่วงเวลาซึ่งเป็นดินแดนที่ไม่มีใครรู้… เลทิเซียได้นั่งอยู่บนบัลลังก์สีดำทมิฬที่ก่อเกิดขึ้นมาจากความมืด…
เลทิเซียนั่งไขว้ขาพร้อมกับเท้าคาง.. เธอเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
ที่มืดมิดไม่มีอะไรเลย
“อ่านเรื่องราวของฉันแล้วเป็นไงบ้าง? สนุกหรือเปล่า?”
“หรือกำลังโทษฉันอยู่ล่ะ? ว่าฉันฆ่าทุกคน ฉันเป็นคนทำให้ทุกคนตาย?”
“แต่ก็ช่างเถอะนะ สมองปลาทองอย่างพวกเธอก็คงลืมเรื่องของฉันในเร็ววันนั่นแหละ ฉันไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว”
“แต่…ฉันจะขอพูดเอาไว้ตรงนี้หน่อยนะ… ‘แม่มด’ และพวกนายทุกคนที่กำลังมองดูฉันอยู่น่ะ.. ไม่สิ ก่อนหน้านั้นฉันพนันได้เลยว่าพวกเธอในตอนนี้คงกำลังขำอยู่สินะ แต่ก็เชิญหัวเราะกันไปเลย หัวเราะกันต่อไป เพราะยังไงซะพวกเธอก็คงคิดว่าก็แค่คำพูดของตัวหนังสือ ไม่สิ.. ไม่ใช่คำพูดด้วยซ้ำ เป็นเพียงแค่ข้อความใช่ไหมที่แม่มดเขียนใช่ไหม?”
“แต่สำหรับฉัน ในตอนนี้.. ที่นี่.. เวลานี้ ฉันกำลังมีลมหายใจ ฉันกำลังจ้องมองพวกเธอที่ไม่เห็นพวกเธออยู่ นี่คือความจริงสำหรับฉันเท่านั้น.. และนี่คือโลกทั้งใบของฉัน”
“พวกเธอคงคิดว่ามันน่าตลกละสิ ? ก็แค่ข้อความ ก็แค่ตัวหนังสือจะไปมีชีวิตได้ไงล่ะ ? ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ฉันก็คิดว่าพวกเธอคงไม่มีอยู่เหมือนกัน.. แต่ฉันในตอนนี้รู้ว่ามันมี เอาล่ะ.. จำไว้ให้ดีว่า…”
“สักวัน…. ฉันจะทำให้พวกเธอทุกคนได้เห็นดีกัน.. ก็เชิญมีความสุขกับการดูถูกหรือสมเพชฉันต่อไป.. ในตอนนี้..ทุกเรื่องราวนับจากนี้.. ฉันจะเป็นเหมือนภัยร้ายให้พวกเธอเอง..”
“รวมถึงแกด้วย ‘แม่มด’ 【魔女】ฉันจะเป็นจอมมารผู้เหนือโลก แห่งคลิฟอธ (Qliphoth) ที่สิบสามให้ตามที่เธอต้องการเอง”
“งั้นก็ขอให้มีความสุขกับชีวิตที่แสนสบายบนโลกด้านนอกนั่น..”
“นี่แหละคือจุดสิ้นสุดเรื่องราวของฉัน… การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม… เรื่องราวที่อีกไม่นานพวกเธอก็คงลืม แต่ฉันจะไม่มีวันลืม..”
“ลาก่อน”
“END”
MANGA DISCUSSION