การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 437
บทที่ 437 – ความผิดปกติ..ของเลทิเซีย
ร่างของเลวี่สลายหายไปต่อหน้าต่อตาของทั้งเวโรเน่และเลทิเซียพร้อมกับเสียงสะอึกร่ำไห้ของเวโรเน่
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาที แต่ทว่า.. การสูญเสียอย่างรวดเร็วนี้ไม่ว่าจะเป็นเวโรเน่หรือเลทิเซีย มันจะถูกสลักลึกไปในวิญญาณจนถึงวันตาย
ดวงตาของเลทิเซียยังคงจ้องไปตรงจุดที่เลวี่หายไป เธอไม่ได้ร้องห่มหรือร้องไห้.. ไม่สิ บางที.. เธออาจจะชินชากับมันไปแล้ว
ความตายของคนสำคัญ ที่.. ไม่ว่าจะมีพลังมากแค่ไหน พยายามไปมากเท่าไหร่ ทุกอย่างมักจะสลายหายไปในพริบตาเดียว
เลทิเซียยังคงนิ่งเงียบ.. เธอยกอุปกรณ์สื่อสารที่ได้รับมาจากลูเซียเผ่าอสูรมา พร้อมกับติดต่อไปหาเธอ
ภายใต้เสียงร้องไห้ของเวโรเน่.. ภายใต้เสียงสายลมกลางนภากาศ.. มีเพียงของอุปกรณ์สื่อสารที่ดังขึ้น..
ดังอยู่แบบนั้น แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมาเลยแม้แต่น้อย ไม่มีการรับอุปกรณ์สื่อสารจากทางปลายสายเลย..
“ท่านพี่.. ทำไมกัน… ทำไมท่านถึงต้องตาย…”
เสียงร้องไห้ของเวโรเน่ยังคงเจ็บปวด เธอน่ะรอมาตลอด รอวันที่จะได้พูดคุยกับพี่และเลทิเซียแบบเป็นมิตรกัน..
แต่เมื่อวัยนี้มาถึง.. มันกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิด
ตลอดห้าร้อยปี ตลอดช่วงเวลาอันโดดเดี่ยว เธอมักจะวาดฝันถึงอนาคตอันอ่อนโยน อนาคตอันสดใสของพวกเธอสามคน
มีเลทิเซียที่แย้มยิ้ม.. มีท่านพี่ที่หัวเราะและมีเธอ เวโรเน่จะเป็นคนพาทั้งสามออกท่องไปยังดินแดนอันกว้างใหญ่ที่เธอสร้างขึ้นมารอทั้งสองคน
นี่คือโลกที่เลทิเซียหยุดสงคราม และเป็นโลกที่ท่านพี่เฝ้าถวิลหาถึง.. มันควรจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ
แต่ความจริงที่ปรากฏกลับไม่ใช่สิ่งแบบนั้น มันเป็นอะไรที่ทั้งขมขื่นและว่างเปล่า ราวกับว่าอนาคตที่เธออยากให้มี อยากให้มันปรากฏ..
มันหายไปจนหมดสิ้น.. บางที.. บางทีตลอดช่วงเวลาที่มีความสุขกลับไม่ใช่ในยุคอนาคตห้าร้อยปีข้างหน้าที่มีแต่สงคราม
แต่เป็นอดีตที่เต็มไปด้วยสงคราม ความทรงจำเหล่านั้นที่พวกเวโรเน่ต้องการจะรีบหยุดสงคราม.. กลับกลายเป็นความสุขที่สุดสำหรับพวกเธอ
เวโรเน่รู้สึกเหมือนกับหัวใจตัวเองจะแตกเป็นเสี่ยงๆ .. ห้าร้อยปีนะ ห้าร้อยปีไม่ใช่ช่วงเวลาที่สั้นๆ เลยแม้แต่น้อยนะ
แต่ทว่า.. เลทิเซียยื่นมือไปเช็ดน้ำตาของเวโรเน่.. พร้อมกับพูดขึ้น
“ฉันขอโทษ…”
“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก..”
แม้เลทิเซียจะขอโทษออกมา แต่เวโรเน่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเลทิเซียหรอก อันที่จริง เธอคิดว่าเลทิเซียคงเจ็บปวดกว่าตัวเองด้วยซ้ำ
การสูญเสียตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปีมานี้ เธอเจ็บปวดซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนแม้แต่เวโรเน่ไม่อาจจะคาดฝันได้
แม้ตอนนี้เลทิเซียจะไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้มีน้ำตาออกมาสักหยด.. แต่เมื่อดวงตาของเวโรเน่เงยขึ้นไปมองใบหน้าของเลทิเซีย
เธอแสดงใบหน้าที่เจ็บปวด.. ยิ่งกว่าใครๆ เจ็บปวดราวกับโลกทั้งใบพังทลายลง ทุกอย่างมันหายไปแทบหมดแล้ว..
ชินชา? ชินชาบ้าบออะไรกันล่ะ ของแบบนั้นไม่มีใครชินมันได้หรอก… เลทิเซียตอนนี้เจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ไหวเลยมากกว่า
แต่ว่าเธอต้องเก็บมันเอาไว้.. เธอไม่ได้พูดอะไรเธอเพียงยื่นมือไปจับมือของเวโรเน่เอาไว้..
“เลทิเซีย…?”
เลทิเซียไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงจับมือของเวโรเน่แน่นขึ้น.. เวโรเน่เองก็กำมือของเลทิเซียแน่นขึ้นเพื่อตอบสนอง..
ไม่ทันรีรอให้เวโรเน่ได้ทันตั้งจัว ร่างของทั้งคู่ก็หายไป.. ปรากฏขึ้นอีกครั้งที่เหนือเมืองที่เคยเจอกับลูเซียเผ่าอสูร จิตสัมผัสเลทิเซียกวาดไปทั่วผืนทวีป..
และแน่นอนว่า.. ลูเซียเผ่าอสูรก็หายไปเช่นกัน.. ดั่งเรื่องเล่าขานของเธอที่จะเกิดต่อจากนี้ในอนาคต บุคคลที่ทำลายล้างอาณาจักรมิราลิสที่ยิ่งใหญ่ได้
เธอหายสาบสูญไปโดยไม่มีใครทราบ.. ใช่ลูเซียเผ่าอสูรก็เป็นเช่นนั้นเธอก็หายไปแบบเดียวกันโดยไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น
เพราะนั่นคือจุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์.. เลทิเซียนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความบ้าคลั่ง
เสียงหัวเราะของเธอมันไม่ได้ดังมาก ไม่มีใครอื่นนอกจากเวโรเน่ที่อยู่ข้างๆ ได้ยิน แต่ถึงแบบนั้นเวโรเน่ยังสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากเสียงหัวเราะนั้นได้ชัดเจน
มือของเลทิเซียกำมือเวโรเน่แน่นขึ้นอีก…
“เลทิเซีย… เจ้า.. อยากจะร้อง.. ก็ร้องออกมาเถอะนะ…”
เวโรเน่ไม่อาจจะทนเห็นความเจ็บปวดของเลทิเซียได้เธอจึงกล่าวขึ้น เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้น..
“ร้องไห้..? ฉันน่ะนะ..?”
“เจ้าในตอนนี้… หากไม่ระบายออกมา.. มันจะพังเอานะ.. ข้าหมายถึงจิตใจของเจ้าน่ะ…”
“……”
คำพูดของเวโรเน่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับเลทิเซียเล็กน้อย.. ดวงตาของเธอเผยแววซับซ้อนและสับสนขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ในตอนนั้นเอง ดวงตาของเลทิเซียก็เบิกขึ้น สมองของเธอทำงานอย่างรวดเร็วปะติดปะต่อทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกันจนหมด
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง…
“ไม่หรอก… มันต้องไม่เป็นแบบนั้น…”
“หมายความว่ายังไง..?”
“ฉันนึกออกแล้วล่ะ.. อย่าปล่อยมือนะ..”
“เลทิเซีย?”
เลทิเซียไม่พูดพร่ำทำเพลงพวกเธอหายไปจากจุดนั้นอีกครั้ง ใช่แล้ว เธอในตอนนี้เข้าใจมุกสิ่งทุกอย่างของโลกใบนี้แล้ว
ถ้าหากต้องการที่จะช่วยทุกคนน่ะ… มันก็มีอยู่ไม่ใช่เหรอ.. ขอแค่ฆ่าพี่เอลน่าได้ทุกคนก็จะกลับมามีความสุขแล้วไม่ใช่เหรอ
เรื่องมันง่ายดายแค่นั้นเองไม่ใช่เหรอเลทิเซีย ทำไมเธอถึงยังลังเลอยู่ละ การสูญเสียคนคนเดียวเพื่อแลกกับคนสำคัญอื่น..
มันจะไม่คุ้มค่าได้ยังไง.. จะลังเลอะไรกันล่ะ..
ดวงตาของเลทิเซียเผยความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน เวโรเน่เองก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับเลทิเซีย
อันที่จริงหากเวโรเน่เห็นเลทิเซียตอนระเบิดความโกรธภายในห้องประชุมนั้น เธอจะรู้ว่าเลทิเซียในตอนนี้เหมือนกับตอนนั้นเลย
ไม่ใช่ว่าเธอกลายเป็นคนอื่น ไม่ใช่ว่าเธอกลายเป็นใครสักคน.. แต่เพราะความเจ็บปวด ความเสียใจรวมถึงความสับสนและไร้หนทาง
มันทับถม รวมกันมาอยู่ในตัวของเธอ มันเลยทำให้เธอเริ่มที่จะผิดแปลกไป.. ผิดแปลกไปจากเดิมที่ควรจะเป็น..
เธอในตอนนี้ เลทิเซียในยามนี้.. เธอแทบจะสูญเสียคนสำคัญไปจนหมดแล้ว..
แต่อะไรล่ะ? เวโรเน่ เธอสามารถพูดอะไรได้ในตอนนี้.. เธอควรจะบอกอะไรกันล่ะ แต่เลทิเซียเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเวโรเน่
เธอกำมือเวโรเน่แน่นขึ้นพร้อมกล่าว
“ไม่ต้องห่วง.. ฉันจะช่วยทุกคนให้ได้.. ถ้าหากทุกอย่างมันเป็นแบบนั้นจริง.. ต้องสำเร็จแน่”
เธอกล่าวแบบนั้น พอเวโรเน่หลับตาลงและลืมตาขึ้นมาอีกรอบก็มาอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จัก เป็นอวกาศอันดำทมิฬ
ไม่มีทั้งแผ่นดินและท้องฟ้า มีเพียงดวงดารานับไม่ถ้วนที่แตะแต้มเต็มไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ทั้งยังมากด้วยแสงหลากสีสันของทางช้างเผือก
สถานที่แห่งนี้คล้ายคลึงกับท้องฟ้ายามราตรี แต่มันกลับกว้างขวางก็ท้องฟ้ายามราตรีมากนัก..
“ที่นี่คือ…?”
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนแม้แต่เวโรเน่ก็ยังปรับตัวไม่ทัน.. ในขณะที่เธอกล่าวถามนั้นเองเบื้องหน้าของพวกเธอก็มีคนอยู่หลายคนยืนอยู่
คนแรกที่กล่าวทักทายขึ้นคือคนที่เวโรเน่รู้จักดี.. นักเรียนที่เชี่ยวชาญเรื่องการสร้างยา.. อเล็กเซีย
“มาสักทีนะ.. ตัดสินใจได้แล้วเหรอ เลทิเซีย?”
“เธอก็รู้แต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ.. ว่าฉันจะมาน่ะ?”