การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 395
บทที่ 395 – สูตรโกงจากอนาคต!
ในขณะที่ทั้งสองจับมือกันนั้นเองเลทิเซียก็ขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ไอรีนเองก็ขมวดคิ้วลงเหมือนกัน
“เรา.. ถูกล้อมเอาไว้แล้ว”
คนที่พูดขึ้นมาไม่ใช่เลทิเซียกับไอรีน แต่เป็นเวโรเน่ แสดงให้เห็นว่าพลังผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอไม่ได้ธรรมดาจริงๆ
ไอรีนเองก็คือผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์ที่สุดแห่งยุคนี้ก็ว่าได้ เพียงแค่เวทมนตร์แทรกแซงพื้นที่เพื่อรับรู้สิ่งที่อยู่รอบตัว
มันง่ายยิ่งกว่าอะไรซะอีก แน่นอนไม่ต้องพูดถึงเลทิเซียเธอรู้ตัวว่ามีคนแอบมองตั้งแต่อยู่โรงเตี๊ยมแล้ว
อันที่จริงอีกฝ่ายไม่ได้เล็งมาที่เธอ เธอเลยไม่สนใจเท่าไหร่แต่เหมือนอีกฝ่ายจะเล็งมาที่พันธมิตรของเธอ
ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เธอก็ไม่สามารถไม่สนใจได้อีกต่อไป.. แถมอีกฝ่ายยังพากองกำลังมาถึงที่นี่แล้ว หมายความว่าแสดงความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
“นี่มันกองทัพหลักของอาณาจักรฟาร์เนียนี่น่า.. หรือว่าจอมมารจะรู้แล้วว่าพวกเราแอบเข้ามา?”
ไอรีนกล่าวด้วยความสงสัย อันที่จริงเรื่องที่พวกเธอแอบเข้ามาสุดท้ายยังไงก็ต้องเปิดเผยต่อหน้าจอมมาร
แต่ไม่ใช่กรณีแบบนี้ เพราะหากถูกจับได้ก่อนเริ่มเจรจาว่าพวกเธอมาดี เขาจะต้องคิดว่าพวกเธอหวังจะปลิดชีพเขาตอนกำลังอ่อนแอแน่ๆ
นี่แหละคือความเสี่ยงดังกล่าว
แต่ที่ไอรีนเลือกอาณาจักรนี้ก่อนเป็นเพราะจอมมารไม่ใช่คนคิดน้อยนี่น่า เขาไม่น่าจะสั่งให้โจมตีทันทีหรอก…
แต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันได้อยู่ดี ทำให้ไอรีนกุมขมับเล็กน้อย แต่เลทิเซียก็ตอบไอรีนด้วยน้ำเสียงไม่เห็นด้วย
“ไม่หรอก.. นี่ไม่น่าจะใช่คำสั่งของจอมมารแน่ ตามข้อมูลจอมมารคนนี้เป็นคนที่คิดก่อนกระทำหมายความว่าเขาไม่มีทางเริ่มโจมตีพวกเราก่อนแน่”
“หมายความว่าไง?”
เวโรเน่ที่ฟังเลทิเซียพูดก็ตอบกลับด้วยความสับสน เลทิเซียจึงกล่าวอธิบายพร้อมกับใช้ความคิดไปด้วยว่า
“ก่อนหน้านี้มีคนคนหนึ่งแอบฟังที่พวกเจ้าคุยกันอยู่ในโรงเตี๊ยม ซึ่งคนที่แอบฟังบางทีคงจะเป็นลูกน้องส่วนตัวของจอมมาร”
“อย่างแรกหากเขาเป็นคนมุทะลุ เขาจะไม่มีทางส่งลูกน้องมาแอบฟังที่พวกเจ้าคุยกันหรอก เขาจะต้องรีบส่งคนมากำจัดเลยมากกว่า”
พอได้ยินแบบนั้นไอรีนก็แสดงความเห็นต่าง
“อาจจะเป็นเพราะว่าเขากำลังอ่อนแอหรือเปล่าถึงได้ส่งคนมาแอบฟังก่อน”
เลทิเซียพยักหน้าตอบไอรีน
“ถูกต้องและนั่นคืออย่างที่สอง เพราะเขาอ่อนแอเขาถึงส่งคนมาตรวจสอบเพื่ออยากจะรู้ว่าเป้าหมายพวกเธอคืออะไร เพื่อที่จะหาวิธีหลีกเลี่ยงการสู้รบยังไงล่ะ”
“หรือพูดอีกอย่างก็คือ.. เขาควรจะรอดูสถานการณ์ต่อไปมากกว่า!”
“และก็อีกอย่าง.. ก่อนหน้านี้ฉันทำให้ทุกคนตกในภวังค์.. ซึ่งเรื่องนี้จอมมารเองก็น่าจะรู้.. ขนาดเธอยังรู้ว่าฉันอาจจะเป็นจอมมาร แล้วคิดว่าจอมมารจะไม่คิดเหมือนกันเหรอ?”
“ต่อให้เขาโง่แค่ไหน เขาก็ไม่มีทางส่งลูกน้องมาหาพวกเราอย่างแน่นอน ถ้าเขาไม่อยากให้ลูกน้องของเขาตาย”
เลทิเซียไม่ได้โอ้อวดตัวเอง แต่เธอวิเคราะห์ข้อมูลทุกอย่างที่ตัวเองรับรู้และเข้าใจมาอย่างชาญฉลาด
โดยทั่วไปแล้วเธอก็นับว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งแทบจะไร้เทียมทานแล้ว อันที่จริงเลทิเซียนั้นมีพลังมากในระดับที่ว่าสามารถกำจัดจอมมารทุกคนพร้อมกันได้
นั่นแหละคือความแข็งแกร่งของเธอในยามนี้และบางทีนั่นคงไม่ใช่ขีดจำกัดของเธอด้วย ก็นะ.. ขนาดเทพผู้สร้างตอนจะหยุดเธอยังใช้มือตั้งข้างหนึ่ง
มองดูแล้วเหมือนเล็กน้อย.. แต่นั่นเทพผู้สร้างเลยนะ เทพที่สร้างต้นกำเนิดที่แท้จริง ที่ไม่ใช่แค่อะเลฟหนึ่งอะเลฟสอง..
แต่เป็นต้นกำเนิดทั้งหมดทั้งมวล.. ต้นกำเนิดที่แท้จริงยังไงล่ะ การที่เธอหยุดเลทิเซียด้วยมือข้างหนึ่งก็หมายความว่าเลทิเซียต้องการถึงขนาดนั้นในการหยุด
และนั่นแหละคือความแข็งแกร่งของเลทิเซีย หากเพราะเธอไม่กังวลเรื่องภาพสะท้อนของเทพผู้สร้าง การจะทำตามสัญญาที่ทำกับเมอร์สันไว้
มันง่ายดายดุจปอกกล้วยเข้าปากนั่นแหละนะ
“แล้วพวกเราต้องทำยังไงดีล่ะ?”
ไอรีนกับเวโรเน่มองหน้ากันแล้วก็พยักหน้าก่อนที่จะหันมาถามเลทิเซีย เลทิเซียเงียบลงไปเล็กน้อยเธอก้มหน้าลงไปพลางครุ่นคิด
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมากล่าว
“ก่อนอื่นฉันขอบอกก่อนว่า ฉันจะเดินทางไปพร้อมกับพวกเธอและเราจะยุติสงครามลงภายในเก้าเดือน?”
“เก้าเดือน?!”
ไอรีนอุทานออกมา นี่มันสงครามโลกนะ!ไม่ใช่สงครามระหว่างประเทศถ้ามันหยุดง่ายขนาดนั้นมันก็หยุดไปนานแล้วสิ
เก้าเดือนในการหยุดสงครามเหรอ บ้าบอสิ้นดี สงครามมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่จากเพราะว่าต้องเกิด แต่เกิดขึ้นจากอคติต่อศัตรู
เกิดจากความแค้น เป็นความรู้สึกจากเบื้องลึก ความเกลียด ความโกรธ ทุกอย่างจะประกอบกันและก่อให้เกิดสงคราม
การจะลบอคติแบบนั้นออกไปมันต้องใช้ทั้งเวลา ใช้ทั้งหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างเลยล่ะ..
ดังนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย.. เลทิเซียที่เห็นท่าทางแลบนั้นของไอรีนเธอก็กล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วง.. สงครามน่ะหยุดลงแน่ ฉันน่ะเข้าใจเรื่องสงครามดี”
เลทิเซียไม่ได้พูดปลอบใจแต่เป็นแบบนั้นจริงๆ ..
ในโลกเดิมของเธอก็มีสงคราม เป็นสงครามนิวเคลียร์ที่มีทั้งกัมมันตภาพรังสี มีทั้งมลพิษทางอากาศ โรคติดต่อลึกลับ
เรียกได้ว่าทุกอย่างมันแทบเป็นภัยสำหรับมนุษย์ที่ไม่มีทั้งเวทมนตร์หรือพลังพิเศษในโลกรี้อีกต่างหาก และหากพูดถึงอคติ
อย่าว่าแต่ตอนนี้เลย ห้าร้อยปีข้างหน้ายังมีอคติที่ชัดเจนหลงเหลืออยู่บางส่วนด้วยซ้ำนะ!แต่ถึงแบบนั้นเลทิเซียก็รู้ว่าสงครามมันจะยุติลงอย่างแน่นอน
เพราะเธอมาจากอนาคตยังไงล่ะ!
“ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะ?”
“ก็บอกไปแล้วว่า.. ทุกอย่างมีฉัน”
เลทิเซียยังคงยืนยันคำเดิม ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า
“ฉันไม่สามารถออกหน้าตรงๆ ได้.. แต่ฉันจะคอยช่วยเหลือพวกเธออย่างเงียบๆ เอง.. และคอยแนะนำวิธีการต่างๆ เอง”
เลทิเซียกล่าว ในอนาคตสงครามต้องหยุดลงอย่างแน่นอน แต่เพราะเธอเข้ามาแทรกแซงช่วงเวลาอาจจะทำให้เกิดการขัดแย้งของเวลาขึ้น
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีภาพสะท้อนปรากฏขึ้น หมายความว่า.. อนาคตจะยังเหมือนเดิม สิ่งที่เลทิเซียต้องทำตอนนี้คืออย่างเดียว
หยุดสงครามในเก้าเดือนเพื่อที่จะให้เมอร์สันเชื่อใจเธอและทำตามคำสั่งของเธอ เป้าหมายของเมอร์สันคือยุติสงคราม
และเลทิเซียก็ต้องทำให้มันสำเร็จก่อนที่จะครบเก้าเดือน ก่อนที่สิ่งมีชีวิตเทียมจะถูกสร้างสำเร็จนั่นเอง
หากทำให้เมอร์สันเชื่อใจได้.. อีกห้าร้อยปีนับจากนี้.. เมอร์สันจะเป็นตัวแปรที่พลิกผันชีวิตของเธอได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นสิ่งที่เลทิเซียต้องทำคือแค่ทำให้สงครามยุติลงเร็วขึ้นเท่านั้น โดยอาศัยความรู้จากอนาคตห้าร้อยปีข้างหน้ามาบอกพวกเธอน่ะนะ
เพราะนี่คือ..
สูตรโกงจากอนาคต!
ถึงความรู้เกี่ยวกับยุคนี้มันเลือนรางอย่างมาก แต่เลทิเซียคิดว่าตัวเองต้องผ่านไปได้แน่นอน…
ไม่สิ เธอจำเป็นต้องผ่านไปให้ได้ต่างหาก เพื่อคนสำคัญทั้งหมดของตัวเธอเอง
เลทิเซียไม่ได้ขัดขวางประวัติศาสตร์.. เธอจะเป็นเหมือนเงาที่คอยชักจูงให้สงครามยุติลงมากกว่า
นั่นแหละคือแผนของเธอ จริงอยู่ที่เลทิเซียไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็ได้..แต่ว่าเพราะสัญญากับเมอร์สันแล้ว หากไม่มีส่วนร่วมอะไรกับสัญญา
เขาก็คงไม่เคารพและไม่ต้องการนั่งดำเนินแผนการที่เลทิเซียวางเอาไว้เป็นเวลานับจากนี้อีกห้าร้อยปีหรอก
เพราะงั้นเธอต้องทำให้เขายอมรับว่า.. จะเป็นลูกน้องเธออย่างไม่ืขัดขื่นร้อยส่วน..
“อะไรกัน.. เลทิเซีย เธอเป็นจอมมารไม่ใช่หรือไง.. การหาบริวารและทำให้บริวารเคารพมันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้นำต้องมี!”