การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 339
บทที่ 339 – กลุ่มนักรบหญิงของทสึรุ
ไม่ใช่แค่โรงเรียนลิเบอร์ที่ถูกจู่โจมเช่นนี้ แต่ทุกอาณาจักรทั่วผืนทวีปล้วนพบเจอเช่นนี้
แม้จะมีผู้กล้าที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานหรือจอมมารผู้ปกครองมวลปีศาจคอยป้องกัน แต่การแพร่ระบาดกลับรวดเร็วยิ่งกว่าการยับยั้ง
เพราะเมื่อมีใครสักคนนั้นถูกกัด คนนั้นก็จะกลายเป็นพวกเดียวกับมันทันทีและยังแพร่กระจายได้ไกลมากยิ่งขึ้น
ซึ่งต้องโทษพวกเขาจริงๆ ที่ในตอนแรกไม่ได้สนใจไยดีเรื่องนี้เท่าไหร่จนเกิดเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้
ไม่สิ จะบอกว่าไม่มีก็ไม่เชิงซะทีเดียวเพราะมันก็มีอยู่..ในโรงเรียนลิเบอร์ ทสึรุได้แอบรวบรวมคนอย่างเงียบๆ มาตลอดห้าปี
เธอได้รวบรวมนักเรียนที่มีพรสวรรค์จากกลุ่มแฟนคลับของเลทิเซีย ก่อตั้งเป็นกลุ่มขนาดเล็กที่มีหน้าที่หลักคือสืบข่าว สืบข้อมูลและกำจัดภัยที่มายังโรงเรียนนี้
ทสึรุรู้ดีว่าเลทิเซียนั้นคิดอะไรอยู่ไม่มากก็น้อย ดังนั้นเธอจึงได้สร้างกลุ่มนี้ขึ้นมา ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ไม่มีมากก็จริงแต่เต็มไปด้วยศักยภาพ
โดยกลุ่มนี้จะมีคนเพียงแค่ 34 คน แต่ทว่าแต่ละคนนั้นเต้มไปด้วยพรสวรรค์ บ้างก็ทางเวทมนตร์ บ้างก็ทางทักษะ
ซึ่งแต่ละคนเองก็ล้วนมีตำแหน่งไม่ธรรมดาในโรงเรียน และทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นแฟนคลับของเลทิเซีย
ทั้ง 34 คนนั้นล้วนเป็นนักรบหญิงและภายใต้การดำเนินการของพวกเธอนี้ ทำให้พวกเธอมีเส้นสายบางอย่างอยู่นอกโรงเรียน
เพราะมีหลายคนในนี้ที่เป็นถึงองค์หญิงของอาณาจักร ที่น่าเสียดายคือไม่มีใครเลยที่เป็นผู้สืบทอดพลังของผู้กล้าหรือจอมมาร
แต่นั่นก็ถูกแล้ว เพราะว่าจอมมารกับผู้กล้าไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น และก็ไม่ใช่จอมมารและผู้กล้าทุกคนที่ต้องการมีคนมาสืบต่อพลังตัวเอง
อย่างไรก็ตามภายใต้เส้นสายนี้ทำให้ทสึรุและคนทั้ง 34 คนได้รับข้อมูลมากมายจากหลายอาณาจักร
และพวกเธอเองก็หูไวกว่าใครเพื่อนเช่นกันรู้ว่ามีการปรากฏตัวของสิ่งเหล่านี้ ซึ่งอาจจะนำภัยมาสู่โรงเรียนลิเบอร์
เมื่อเลทิเซียออกจากโรงเรียนลิเบอร์ไปเธอได้ฝากฝังทุกอย่างไว้กับทสึรุ ซึ่งแน่นอนว่าทสึรุต้องตอบรับอย่างตรงไปตรงมา
ในวันเดียวกันกับที่เลทิเซียจากไป ทสึรุได้นำคนทั้ง 34 คนออกจากโรงเรียนไปทันที มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกทางทะเล
ขณะที่เดินทางอยู่นั้น หญิงสาวคนหนึ่งก็ได้ถามกับทสึรุว่า
“ทสึรุ.. เจ้ามั่นใจนะว่าต้นตอมันอยู่ทางนี้จริงๆ .. มันใกล้กับโรงเรียนเรามากๆ เลยนะ”
หญิงสาวคนนี้มีนามว่า คาร่า เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสตร์เวทมนตร์แห่งการต่อสู้ที่หาได้ยากยิ่ง
เป็นการหลอมผสานระหว่างเวทมนตร์และการต่อสู้ระยะประชิด ทุกครั้งที่วาดหมัดออกไปนั้นจะเปรียบดั่งการร่ายรำ
ก่อให้เกิดเป็นภาพเสมือนด้วยเวทมนตร์… อัจฉริยะผู้คิดค้นวิชาที่หลอมผสานระหว่างทักษะและเวทมนตร์เข้าด้วยกัน
นั่นแหละคือเธอ.. อันที่จิงเพราะเธอนั้นไม่เก่งทางด้านเวทมนตร์หรือด้านศาสตราวุธเลย เวทมนตร์ก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
การใช้ดาบก็ย่ำแย่ แต่ด้วยความพยายามของเธอเลยคิดค้นวิชานี้ขึ้นมา แต่ยังห่างไกลจากการประสบความสำเร็จ
เพราะหากมันง่ายคงมีคนทำสำเร็จไปแล้ว.. นางที่เป็นขุนนางธรรมดาในอาณาจักรหนึ่งจึงได้ตัดสินใจที่จะมาโรงเรียนเวทมนตร์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับเวทมนตร์เพิ่ม
พอเลทิเซียที่เห็นว่ามันน่าสนใจ เธอถึงได้แนะนำให้กับคาร่าส่งผลให้คาร่าประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ
ก็นะ ในโลกเดิมเลทิเซียนั้นการร่ายหมัดแบบนี้เคยมีอยู่ในแผ่นดินใหญ่ พอผสานกับเวทมนตร์ทำให้คาร่าเหมือนหลุดมาจากนิยายกำลังภายในเลยล่ะ
ตั้งแต่นั้นคาร่าก็ทั้งนับถือและเคารพเลทิเซีย และถูกทสึรุชวนเข้ากลุ่ม.. แม้คนในกลุ่มนี้ทั้งสามสิบห้าคนรวมทสึรุแล้วจะไม่มีการจัดตำแหน่งว่าใครเป็นหัวหน้าหรือลูกน้อง
เพราะทุกอย่างทุกคนจะตัดสินใจร่วมกัน แต่ทสึรุก็เปรียบเหมือนหัวหน้าพวกเธอทุกคน…และคาร่าเองก็เป็นเหมือนรองหัวหน้านั่นแหละ
ทสึรุตอบกลับคาร่าด้วยการพยักหน้า
“เจมิลี่บอกข้าว่าเป็นงั้น.. ในกลุ่มพวกเราเธอฉลาดที่สุดคงไม่ผิดพลาดหรอก ใช่ไหม เจมิลี่”
ทสึรุหันหน้าไปหาผู้หญิงอีกคนที่อยู่ข้างๆ เธอชื่อเจมิลี่ เธอเป็นองค์หญิงของอาณาจักรเดียน่า ชื่อเต็มของเธอคือ
เจมิลี่ เดน เดียน่า
ด้วยความที่ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าต้องปกครอง ต้องดูแลต่อจากมารดาที่รังเกียจผู้ชายอย่างถึงที่สุดทำให้เจมิลี่เป็นสตรีแกร่งไม่พอ
เธอยังชาญฉลาด ศึกษาการต่อรองการเดาความคิดคนอื่นเป็นอย่างดี ข่าวสารทุกอย่างต้องแจ้งให้เธอทราบ
ว่ากันบางระดับในด้านการบริหารหรือวางแผนอะไรแบบนี้เธอฉลาดกว่าเลทิเซียด้วยซ้ำ ซึ่งเธอนับถือเลทิเซียมาตั้งแต่แรกแล้ว
เพราะเลทิเซียเป็นองค์หญิงเหมือนกับเธอก็จริง แต่เธอคนนั้นทั้งฉลาดและแข็งแกร่งจนแม้แต่พวกผู้ชายยังอายที่จะเข้าไปทักทาย
ในฐานะที่ถูกปลูกฝังมาว่าพวกผู้ชายมันมีแค่พวกอ่อนแอเห็นแก่ตัว แต่เธอยังถูกผู้ชายเข้าหาบ่อยๆ พอเห็นเลทิเซียเธอจึงอย่างจะสูงส่งแบบนั้นบ้าง
และเธอยังนับถือการใช้ชีวิตของเลทิเซียอีกด้วย.. ด้วยเหตุนี้เธอจึงถูกเชิญชวนเข้ากับกลุ่มนี้.. เจมิลี่พยักหน้า
“ไม่ผิดแน่.. เพราะอาณาจักรที่ถูกโจมตีก่อนคืออาณาจักรของปีศาจและมนุษย์.. ซึ่งจุดที่อยู่ใกล้ที่สุดคือจัดตัดแบ่งชายแดนระหว่างดินแดนปีศาจกับแดนมนุษย์”
“แล้วทำไมมันถึงไม่บุกมาข้างหน้าแล้วมาเจอโรงเรียนเราล่ะ.. มันไม่น่าจะมีความคิดนี่น่า”
“ก็ใจริง แต่จากข่าวล่าสุดที่ทราบมาคือมันเริ่มบุกมาทางโรงเรียนลิเบอร์แล้วใช่ไหมล่ะ?”
“แล้วมันเกี่ยวยังไงล่ะ?”
“เกี่ยวสิ.. เกี่ยวมากด้วย หมายความว่ามันหลีกเลี่ยงยังไงล่ะ หลีกเลี่ยงที่จะมาโรงเรียนลิเบอร์ และตอนนี้เพราะสิ่งที่มันหลีกเลี่ยงหายไปหรือจากไปแล้วมันถึงได้เริ่มบุกโจมตีไงล่ะ”
พูดมาถึงจุดนี้เจมิลี่หยุดลงเล็กน้อยหันไปมองคาร่าที่ถามตัวเอง..
“และคนที่จากโรงเรียนไปตั้งแต่เมื่อวานก็คือ.. ท่านเลทิเซีย”
“….”
“แต่พวกมันไม่น่าจะมีความรู้ขนาดนั้นแท้ๆ สินะ เรื่องนี้ง่ายมาก นั่นเพราะอาจจะมีใครชักจูงเรื่องนี้อย่างลับๆ ไงล่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นคาร่าก็พยักหน้าเข้าใจ แต่ยังไม่จบเจมิลี่ยังเล่าต่ออีกว่า..
“และหากที่เล่ามาเป็นจริง.. พวกมันต้องรู้จักท่านเลทิเซียว่าเธอน่ะแข็งแกร่งขนาดไหน ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทุกคนระดับล่างไม่รู้ก็จริง”
“แต่คนพวกจอมมารหรือผู้กล้าต้องรู้อย่างแน่นอน.. นั่นหมายความว่าศัตรูพวกเราในครั้งนี้อาจจะเป็นผู้กล้าหรือไม่ก็จอมมารที่หวาดกลัวท่านเลทิเซีย”
“ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเมื่อห้าปีก่อนมีใครปรากฏตัวขึ้นในที่แห่งนั้นบ้าง.. แต่อีกคนที่ข้ามั่นใจว่าต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ และมีโอกาสเป็นคนคนนั้นมากที่สุดที่เป็นศัตรูกับเรารอบนี้เช่นกัน”
“จักรพรรดิมังกร!”
เจมิลี่พูดถึงจุดนี้ทุกคนยังตกใจแม้จะมีคนเล่าปากต่อปากอยู่บ้างว่าจักรพรรดิมังกรไม่ได้ตายไปในห้าร้อยปีก่อน
ซึ่งเรื่องนี้ในตอนแรกไม่มีการยืนยัน แต่เมื่ออาณาจักรมิราลิสถูกทำลายโดยจักรวรรดิมังกรทำให้ข่าวลือนี้เป็นความจริง!
ส่วนเรื่องราวเมื่อห้าปีก่อนถึงจะไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่เหมือนจะมีการสังหารหมู่ที่อาณาจักรนั้น
โดยลำแสงปริศนาที่ผู้กล้าสองคนสร้างขึ้นเพื่อสังเวยคนและปลดผนึกพลังของตัวเอง และเลทิเซียก็ถูกพาไปพัวพันด้วยความบังเอิญ
ส่งผลให้เพื่อนเธอตายไปด้วย เรื่องบังเอิญคือเลทิเซียดันแข็งแกร่งจนสามารถฆ่าผู้กล้าได้สองคน.. ซึ่งคนไม่เชื่อข่าวที่ปล่อยออกมาและไปสืบหาต่อ
จะได้เจอข้อมูลเท็จซ้อนเท็จอีกทีเช่นนี้นั่นเอง..
คาร่ากล่าวถามด้วยความสงสัยว่า
“จักรพรรดิมังกรเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ..?”
“ก็เพราะตอนที่อาณาจักรมิราลิสโดนทำลายโดยคนคนหนึ่งซึ่ง.. คนคนนั้นมีพลังของสองผู้กล้า.. ตามตำนานเล่าหมากของผู้กล้าจะไม่ดับสลายไปตามความตายของผู้กล้า..”
เธอกล่าวเสียงหนักขึ้น..
“ซึ่งในห้าปีที่ผ่านมาไม่มีผู้กล้าคนใหม่ปรากฏขึ้นหลังจากสองผู้กล้านั้นตายไป.. แค่นี้ก็อธิบายได้แล้วนะว่า.. บางทีคนที่เอาหมากแห่งผู้กล้าไปคือจักรพรรดิมังกรที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย!”
“คนคนหนึ่งฆ่าผู้กล้าได้ตั้งสองคน.. ต่อให้เป็นจักรพรรดิมังกรเองก็คงหวาดกลัวเช่นกัน!”