การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 32
บทที่ 32 รุกฆาตแล้วไงล่ะ
พวกเราถูกส่งเข้ามาในที่ไหนสักแห่งล้อมรอบไปด้วยป่า แถมยังมีความอับชื้นพอสมควรเพราะต้นไม้เหล่านี้ค่อนข้างสูงหลายเมตรเลยทีเดียว
ทำให้แดดส่องไม่ค่อยถึง แต่ก็ไม่มีหญ้าสูงๆ เลย ฉันขมวดคิ้วกับภูมิภาคนี้ อย่างแรกการเอาชีวิตรอดในป่าคือ การตั้งแคมป์อยู่แถวลำธาร
แต่ก่อนอื่นก็ต้องตรวจสอบภูมิภาคก่อน พอฉันคิดแบบนั้นก็โดดปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้ ไม่นานก็ขึ้นไปถึงยอดไม้และมองออกไปทำเอาฉันแทบเข่าทรุด
ขนาดของสนามนี้มองไปสุดสายตาจะเห็นเหมือนมีกำแพงพลังงานครอบคลุมเอาไว้อยู่ แต่ว่าต้องบอกไว้ก่อนว่า.. ระยะนี้ฉันต้องใช้เวทมนตร์เสริมการมองเห็น
เพื่อที่จะเห็นสุดขอบของสวนแห่งนี้ พิจารณาได้เลยว่าขนาดของป่าตั้งแต่จุดที่ฉันอยู่จนไปถึงขอบมีมากกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตรแน่!
นี่ยังเป็นแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น เพราะฉันหันไปอีกด้านตรงกันข้ามของด้านเมื่อกี้เหมือนกันเปะเลย จะบอกว่าที่แห่งนี้กว้างประมาณสองร้อยกิโลเมตร!
แล้วจะหายังไงภายในสามวันวะเนี่ย ฉันโดดลงมาจากต้นไม้ เลวี่ก็วิ่งมาถามฉันคนแรกว่า
“เป็นยังไงบ้างคะ ท่านพี่”
“ดูเหมือนว่าพื้นที่แห่งนี้กว้างมาก.. การจะหาโกเล็มจากพื้นที่กว่าสองร้อยกิโลทั้งยังให้อยู่เงียบๆ ไม่ให้ต่อสู้นี่คงจะเป็นไปไม่ได้”
ฉันพูดแบบนั้น ใช่การจะทำให้เงียบและระวังโดยไม่เกิดการปะทะและตามหาโกเล็มในระยะสองร้อยกิโลเมตรมันยากเกินไป
เลวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพูดว่า
“งั้นพวกเราคงต้องแยกกัน ถึงจะอยากอยู่กับท่านพี่..นะ..”
เลวี่พูดขึ้นอืมๆ ช่างเป็นน้องสาวที่ดีกว่าฉันได้รับอันตรายสินะ ฉันคิดได้แบบนั้นก็ลูบหัวเลวี่
แต่จะให้เลวี่ไปคนเดียวไม่ได้ขณะที่ฉันกำลังจะพูดนั้นเอง
“งั้นตกลงเอาแบบนี้แหละ แยกกันตามหาถ้าใครเจอก่อนให้รับจัดการ ข้าคิดว่าทุกคนในนี้คงกำจัดมันได้อยู่แล้วใช่ไหม?”
เลวี่พูดขึ้นในขณะฉันกำลังตะลึงกับท่าทางที่เป็นผู้นำของเลวี่ ถึงที่พูดออกมาจะดูอันตรายไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำก็เถอะ
แต่ไม่รู้ว่าทำไมคนอื่นดันเห็นด้วยกับเลวี่จึงเริ่มที่จะมุ่งหน้าไปคนละทิศละทางทันที เหลือเพียงแค่ฉันคนเดียว
เอ๊ะ.. ทำไมมันเป็นแบบนี้!? ที่นี่มันอันตรายมากนะ จะเดินไปคนเดียวทำไม แล้วยัยโคลเอ้ไม่ใช่ว่าต้องระวังแต่ทำไมต้องทำสีหน้าตื่นเต้นเหมือนใครเร็วใครได้แบบนั้น?!
(จริงๆ คือ โคลเอ้กับเลวี่มีความคิดเดียวกันว่ารีบกำจัดโกเล็มและมาเอาหน้าจากท่านพี่ ส่วนอเล็กเซียและชาร์ล็อตนั้นมีเหตุผลส่วนตัวอยู่)
อย่างไรก็ตามฉันรีบสงบอารมณ์ ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ฉันก็ต้องรีบเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จโดยเร็ว
ดังนั้นฉันจะต้องรีบจบการทดสอบนี้ แต่จะใช้หลุมดำไม่ได้ ถ้าหากยังไม่ระบุว่าคลื่นพลังเวทไหนห้ามดูด เลวี่กับคนอื่นๆ ก็จะถูกดูดไปด้วย
และถึงแม้จะดูดเลวี่ไม่เข้า แต่หากคนอื่นตายไม่รู้ว่าพวกเราจะผ่านหรือไม่ อีกอย่างหลุมดำคือไพ่ใบสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดของฉัน
เพราะงั้นต้องเลี่ยงที่จะใช้เอาไว้… ฉันคิดได้แบบนั้นก็ปีนป่ายไปขึ้นบนต้นไม้ สวมชุดสีดำปกปิดปากและจมูกเพื่อให้เสียงลมหายใจแผ่วลง
อย่างน้อยตอนนี้ก็ควรที่จะมุ่งหน้าตามหาโกเล็มโดยไว! โชคดีที่เคยฝึกเรื่องการลอบสังหารมาในอดีตชาติ (เดี๋ยวนะ เคยจริงเรอะ?)
ฉันจะสามารถเร้นกายในเงามืดได้และเริ่มออกเดินทางไปยังทิศตะวันออก ทางนี้ไม่มีใครไปฉันเลยเลือกที่จะไป
ที่ไม่ตามเลวี่ไปก็เพราะหากเธอรู้เธอคงโกรธฉันแน่ๆ เพราะฉันไม่ยอมทำสิ่งที่เลวี่ได้รับมอบหมาย อาจจะโดนเกลียดไปเลยก็ได้ แน่นอนการถูกน้องสาวเกลียดนั้นน่ากลัวที่สุดในสามโลก
ฉันมุ่งหน้าไปตามผืนป่าชุ่มชื้นและในตอนนั้นเอง
“หวึงงงง!”
เสียงดังเหมือนเครื่องยนต์อะไรสักอย่างปรากฏจากด้านข้างฉันจึงหันไป พบเห็นฝูงแตนขนาดใหญ่แถม แตนแต่ละตัวขนาดเท่าลูกสุนัขเลยทีเดียว!
แตนมรณะ! แตนชนิดนี้เหมือนจะเป็นเผ่าอสูรรูปแบบของสัตว์ มันค่อนข้างอันตรายฉันเลยพยายามจะหลบหนี
เพราะมันมีเยอะมาก แต่ไม่รู้อะไรบันดาลให้มันตามฉันมาอย่างดุเดือด
“บ้าเอ๊ย!”
มันขยับปีกด้วยความเร็วสูงจนกลายเป็นแสงสีขาวพุ่งตรงมายังฉัน ฉันตอบสนองเคลื่อนไหวหลบจากด้านข้าง
มันจึงโจมตีพลาดไปในทันที แตนยักษ์ชนิดนี้มีไรที่เป็นเหล็กกล้าที่แท้จริง ทั้งยังมีพิษหากโดนต่อยหนึ่งครั้งแม้แต่ช้างก็ยังล้ม!
แต่ฝูงที่ตามมาก็กำลังจะกระหน่ำโจมตีฉัน แต่ทว่าเพราะฉันกระโดดหลบบนกิ่งไม้เลยเสียหลักร่วงลงพื้นทำให้ฉันรอดจากวิกฤต
จะใช้ไฟไม่ได้หากใช้ไฟมันต้องเกิดเสียงและในป่าชื้นแบบนี้มันคงทำต้นไม้หักโค่นไม่นานมอนสเตอร์อื่นต้องโผล่มาแน่ๆ
แต่พูดยังไม่ทันขาดคำรู้สึกตัวอีกทีก็มีหมาป่ามากกว่าร้อยตัวล้อมฉันซะแล้ว หมาป่าอสูร พวกนี้มันไม่ถูกกับแสงแดด แต่ชอบความอบชื้น
มักอยู่กันเป็นกลุ่ม แต่สายตาของมันกลับไม่ดีเป็นอย่างมาก
ฉันที่เตรียมจะหลบหนีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าขนาดใหญ่เดินมา ก่อนจะเห็นคิงคองตัวยักษ์ มีขนสีม่วง คิงคองรัตติกาล!?
บ้าเอ๊ย ทำไมฉันโชคร้ายแบบนี้ ในเมื่อหลบหนีและใช้เวทสู้ไม่ได้.. ก็ต้องฆ่าทิ้งด้วยความเร็วสูงในระยะประชิด
ฉันแตะต้นไม้ด้านข้างและแทรกแซงมัน สิ่งที่ฉันทำมันคล้ายกับสิ่งที่เรียกว่า การแปรธาตุ ในโลกเดิมของฉันมีสื่อเกี่ยวกับสิ่งนี้.. โดยฉันจะแทรกแซงใส่วัตถุ
และเปลี่ยนโครงสร้างมันได้ในระดับอะตอมฉันหมายถึงฉันสามารถปรับแต่งหรือขีดเขียนเลขอะตอมขึ้นมาใหม่ได้ตามสบาย
ว่าแล้วต้นไม้ก็ย่อส่วนลงกลายเป็นดาบยาวกว่าเมตรครึ่ง.. เป็นดาบญี่ปุ่นที่สร้างอย่างประณีต
อีกอย่างเปลี่ยนเป็นถึงมือสีดำหากมองดีๆ มันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างอยู่ปลายถุงมือ ที่เลือกใช้ดาบญี่ปุ่นเพราะ… เป็นดาบที่เน้นสังหารในดาบเดียว
ถุงมือถูกสวมเข้าที่มือซ้ายฉันเริ่มที่จะขยับนิ้วเคลื่อนไหวเหมือนร่ายอะไรสักอย่างและดาบญี่ปุ่นในมือขวาก็เริ่มที่จะสังหาร
ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าตัดหัวหมาป่าอสูรจนร่วงลงกับพื้น แตนที่บินมาก็ใช้ไรพยายามต่อยใส่ฉัน
แต่หมัดซ้ายฉันกำแน่และหันหลังซัดใส่ไร โครงสร้างของถึงมือถูกออกแบบมาด้วยใยที่ทนต่อความแข็งทุกชนิดบนโลก
หรือพูดให้ถูกก็คือยิ่งแข็ง ยิ่งแตกง่ายเมื่ออยู่ในระยะโจมตีของหมัดนี้ “เปรี้ยง!!” แตนตนนั้นปลิวและฉันหันมาฟันกับหมาป่าตรงหน้า
หมาป่าตัวหนึ่งฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้ามากัดขาแต่ด้วยฉันที่สัมผัสรอบข้างด้วยพลังเวททำให้ฉันยกเท้าขึ้นและเหยียบลงบนหัวของมัน
“เอ๋ง!”
มันร้องเหมือนหมา ก็มันเป็นหมา… ฉันบดขยี้มันด้วยเท้า และพริบตานั้นเองคิงคองก็ทุบอกและฟาดหมัดมายังฉัน
ฉันย่นคิ้วและขยับเคลื่อนไหวกระโดดถอยหลังกลับกลางอากาศ แต่พริบตาเดียวกันแตนก็พุ่งมาต่อยใส่หลังฉันอย่างรุนแรง
“เจ็บ!”
ความเจ็บแสบวิ่งพล่านไปทั่วร่าง แต่ทว่าฉันตอบสนองทันที พิษที่วิ่งราวกับสายฟ้าเข้าสู่สายเลือด ฉันก็รีบแทรกแซงพิษเหล่านั้นให้มันหยุดวิ่ง
แต่จะลบมันออกก็ไม่ได้ อย่างน้อยต้องเปลี่ยนมันเป็นอย่างอื่น.. ฉันกัดฟันขมวดคิ้วคิด จะเปลี่ยนเป็นอะไรกันล่ะในเมื่อสิ่งเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วร่างแล้ว
แต่มันไม่รอเวลาให้ฉันคิดหมัดของคิงคองซัดมาอีกครั้ง ฉันจึงหันหลังรับเพราะมีแตนตัวหนึ่งอยู่ด้านหลัง
ด้วยความที่ลอยอยู่กลางอากาศจึงยากที่จะหลบ จึงทำได้แต่ให้แตนช่วยรับ “ปัง!” หมัดของมันหนักมากส่งผลให้ร่างฉันปลิวกระเด็น
และเวลาเดียวกันก็มีความคิดหนึ่งแปลบเข้ามา
“ใช่.. ถ้าเปลี่ยนมันไม่ได้ก็ทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งของเลือด..!”
ฉันคิดแบบนั้นและเริ่มที่จะทำให้พิษผสมผสานลงสายเลือดอย่างรวดเร็ว แต่หมาป่ากว่าสิบตัวก็พุ่งมา…
แต่สายไปแล้วล่ะ เพราะว่าฉันน่ะ..
“รุกฆาตแล้วไงล่ะ!”
ไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนเข้าใจฉัน.. แต่ฉันยืนขึ้นปล่อยให้หมาป่าพุ่งเข้ามา และหลับตาลงเบาแม้ฉันจะไม่เห็นภาพตรงหน้า
แต่แทบพริบตานั้นเสียงฉีกขาดของเนื้อและเลือดก็กระเซ็นมาติดหน้าฉัน.. และฉันลืมตาขึ้นช้าๆ ก็เห็นกองเนื้อของหมาป่าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หมดโอกาสชนะไปแล้วไงล่ะ
………..