การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 319
บทที่ 319 – ดาบผ่าดาราสวรรค์
แม้จะมีม่านพลังอะไรสักอย่างปิดกั้นอยู่ แต่เพราะว่าม่านพลังนี้เกิดขึ้นจากอาร์ติแฟ็คบางอย่าง
เลยทำให้เลทิเซียที่จับมือกับซิลเวียเดินเข้าไปได้ ซิลเวียที่ไม่รู้ว่าเลทิเซียทำไมถึงจับมือตัวเอง จึงทำให้เธอสับสนเล็กน้อย
แต่ทั้งสองคนก็เข้าไปในบ้านหลังนั้นได้ พอเข้ามาด้านในสภาพของบ้านหลังภายในมีของตกแต่งหรูหรามากมาย
แต่ทว่าของพวกนั้นมันพังไปมากกว่าครึ่ง แต่ด้านข้างผนังยังมีพวกอาวุธแขวนโชว์อยู่เต็มทางเดิน
เหมือนที่บ้านหลังนี้เขาไม่ได้โชว์อย่างอื่นนอกจากอาวุธเลย ที่ประดับอยู่ตามผนังไม่ได้มีแค่ดาบเท่านั้น
แต่ยังมีทั้งดาบขวาน ทั้งธนูหรือแม้แต่ทวน แม้อาวุธทุกชิ้นจะไม่ได้ถือว่าอยู่ในสภาพดีนัก แต่ว่าก็ไม่ได้ทรุดโทรม
ราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตและละเมียดละไม.. เพราะนี่ไม่ใช่ภาพลวงตาที่มีแต่เลทิเซียที่เห็น ซิลเวียเองจึงเห็นเช่นเดียวกับที่เลทิเซียเห็น
“อาวุธพวกนี้มัน…”
ซิลเวียเปิดปากกว้างด้วยความประหลาดใจ.. ดูเหมือนอาวุธเหล่านี้จะมีความประหลาดต่างจากอาวุธปกติไปเยอะมาก…
เลทิเซียที่เห็นอาวุธเหล่านี้เธอก็ประหลาดใจ มันไม่ใช่อาร์ติแฟ็ค.. แต่เหมือนจะมีความประหลาดยิ่งกว่านั้น
ซึ่ง… มันเหมือนกับ…
“อ้ะ เลทิเซียดูนั่นสิ”
จู่ๆ ซิลเวียก็ชี้นิ้วไปทางด้านหนึ่งซึ่งปลายทางที่นิ้วเธอชี้ไปมีห้องห้องหนึ่งอยู่.. แถมในห้องนั้นเหมือนจะมีโต๊ะพร้อมกระดาษวางไว้ด้วย
เลทิเซียจึงเดินเข้าไปในนั้นด้วยความคาดหวังว่าอาจจะมีข้อมูลอะไรหลงเหลืออยู่ภายในนี้…
พอเข้าไปถึง.. เธอก็เห็นตัวหนังสือเขียนอยู่ในกระดาษเล่มนี้ เลทิเซียไม่กล้าจับมันขึ้นมาเพราะกลัวว่ามันจะขาดเอาง่ายๆ
ยังไงซะมันก็อยู่ที่นี่มาเป็นสิบปีแล้ว.. ดังนั้นเธอจึงอ่านมันทั้งแบบนั้น
ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นสมุดจดบันทึกอะไรบางอย่าง.. อาจจะเป็นบันทึกประจำวันก็ได้…
สิ่งแรกที่เธอเห็นในสมุดเล่มนี้คือ…
“สำเร็จแล้ว!”
“ในที่สุด.. พวกเราก็ทำสำเร็จแล้ว..”
“ท่านพ่อ.. ท่านแม่..”
“ข้าทำ.. ความปรารถนาของพวกท่านสำเร็จแล้ว”
“แต่ว่า.. ทำไมตัวข้าถึงได้…….”
จริงอยู่ที่ว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นหนังสือจากต้นกำเนิดอื่น แต่เหมือนจะไม่มีปัญหากับเลทิเซีย.. เพราะว่าภาษานี้เป็นหนึ่งในภาษามากมายที่เลทิเซียเคยศึกษาเอาไว้
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมถึงมีภาษาจากโลกเก่าหลุดมาในโลกปัจจุบันได้ แต่พอมานึกดูว่า.. หากผู้หญิงผมสีทองคนนั้นเป็นคนก่อสงครามทำลายล้างต้นกำเนิด
ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ภาษาของโลกเก่าจะถึงส่งต่อมาในโลกปัจจุบัน อันที่จริงเรื่องที่เลทิเซียไม่รู้คือ…
เพราะว่าชิ้นส่วนเวหานั้นมีคนเคยเข้าไปบ่อยครั้ง แน่นอนว่าเรื่องภาษาของทางฝั่งนี้เองก็แผ่หลายเข้าไปในโลกชิ้นส่วนเวหา
และภาษาชิ้นส่วนเวหาเองก็แพร่หลายมาทางฝั่งนี้ จนทำให้เลทิเซียบังเอิญไปศึกษามาพอดีนั่นแหละ..
“แต่ว่า…”
เลทิเซียจ้องมองไปที่สมุดบันทึก สำเร็จแล้ว.. สำเร็จที่ว่าคืออะไร.. เกี่ยวอะไรกับนิลหรือเปล่า ด้วยความสงสัยเลทิเซียจึงเปิดกลับไปหน้าแรกด้วยความพยายามอย่างมาก
แน่นอนว่าการอ่านสมุดบันทึกของคนอื่นเป็นเรื่องไม่ดี แต่ในเวลาแบบนี้จะมีใครมาใส่ใจกันล่ะ..
หน้าแรก.. มันจดวันเดือนปีเอาไว้ด้วย..
“ท่านพ่อ.. ท่านแม่..”
“ข้าทำตามที่ท่านบอกเอาไว้.. ข้าได้รับ ‘เศษเสี้ยวของค้อนแห่งเทพ’ มาแล้ว”
“………..”
“แต่ว่า….”
สมุดจดนั้น.. หยุดเขียนไปสักพักหนึ่ง เหมือนกับว่าเขากำลังลังเลที่จะเขียนข้อความต่อไปนี้..
“ข้า..ได้หลงรักเธอเข้าให้แล้ว.. และข้าก็.. มีลูกกับเธอไปแล้ว”
คำที่เขียนลงทั้งที่ควรเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เอาเรื่องนี้บอกพ่อแม่ตัวเอง แต่ราวกับว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ราวกับว่าเขากำลังรู้สึกผิด
กำลังรู้สึกว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้.. แต่สำหรับคนเขียนจดหมายฉบับนี้สำหรับเขาสิ่งที่ดีที่สุดกับเขาคือคนที่ถูกเขาเรียกว่า ‘เศษเสี้ยวของค้อนแห่งเทพ’
ข้อความมันจบลงแค่นี้..
เลทิเซียเปิดอ่านต่อไป.. หน้าถัดมาเป็นเรื่องบอกเล่าเกี่ยวกับความสามารถของ ‘เธอคนนั้น’
วันต่อๆ มาก็เช่นกัน..
วันแล้ว.. วันเล่า.. วันแล้ว.. วันเล่า
เลทิเซียที่อ่านอยู่ราวกับได้หลุดเข้าไปในโลกของคนที่เขียนบันทึกนี้… ราวกับเห็นเขานั้นได้มีความสุขกับคนที่รัก..
มันดูสวยงาม.. ราวกับภาพมายาแห่งวามฝัน.. แต่ทว่าในตอนนั้นเอง…
“วันนี้.. การบุกรุกของปีศาจทะเลมีมากขึ้นกว่าครั้งที่แล้วหลายเท่าและมีท่าทีว่าจะรุนแรงขึ้นอีก”
“ท่านพ่อ.. ท่านแม่ ข้าควรทำอย่างไรดี”
“…….”
“ขืนปล่อยไว้แบบนี้.. ข้าคงทำสิ่งนั้นไม่สำเร็จแน่..”
“…..”
ราวกับเขาอยากจะกล่าวอะไรสักอย่างแต่ก็หยุดไป.. เลทิเซียนิ่งเงียบพร้อมกับเปิดหน้าถัดไป สิ่งแรกที่เธอเห็นคือวันที่..
“ท่านพ่อ ท่านแม่..”
“ลูกของข้าคือ… ฝาแฝดขาวกับดำ”
“ตามคำที่ท่านเคยพูดเอาไว้เลยว่า.. หากพวกเรารักกับคนนอกจะนำพาภัยพิบัติมาสู่เมืองบาดาลแห่งนี้..”
“ลูกแฝดสัญลักษณ์แห่งการล่มสลาย.. ขาวจะนำพาเราไปสู่ประตูแห่งความหวัง.. ส่วนดำจะพาเราไปสู่การล่มสลาย..”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าควรทำอย่างไรดี”
……
เลทิเซียนิ่งเงียบลงไป บางทีสีดำที่ว่าคงหมายถึงนิล.. หรือว่าคนที่เขียนบันทึกอยู่นี้คือพ่อของนิลเอง?
ด้วยความสงสัยเลทิเซียจึงเปิดอ่านหน้าต่อไปที่มีวันที่เขียนอยู่..
“ข้าต้องทำอะไรสักอย่างใช่ไหม..”
“แต่ว่า.. แต่ว่า ข้าควรทำอย่างไร.. ข้าควรทำอย่างไร!!”
ลวดลายตัวหนังสือที่เขียนนั้นมันราวกับอุปกรณ์ที่ใช้เขียนนั้นถูกกดลงบนกระดาษด้วยความหนักอึ้งและสับสน..
แต่ในบรรทัดต่อไป..
“อ่า.. จริงสิ.. ข้าเพียงแค่.. ข้าเพียงแค่ทำตามที่หนังสือเล่มนั้นบอกไว้ก็พอ… ที่พวกท่านทิ้งไว้ให้..”
“กำจัดพิษร้ายของตระกูล.. ไม่สิ.. ของเมืองนี้..”
“ต้นตอแห่งความวินาศ…”
เขากล่าวแบบนั้นก็มีลอยหมึกเลอะตามกระดาษนิดหน่อย เห็นได้ชัดพอคิดได้แบบนี้เขารีบทิ้งปากกาขนนกลงแล้วจากไปทันที..
เลทิเซียแสดงสีหน้าน่ากลัว.. ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเด็กที่ว่าต้องเป็นนิลอย่างแน่นอน.. ในขณะคิดแบบนั้นก็เปิดหน้าถัดไป..
“ทำไม.. ทำไม.. ทำไมเธอถึงไม่เห็นด้วยกับข้า..”
“ทั้งที่แบบนี้ก็เพื่อพวกเรา เพื่อเมืองนี้ เพื่อครอบครัวของข้า..”
“ท่านพ่อ.. ท่านแม่.. ทำไมเธอถึงไม่เห็นด้วยที่จะกำจัด ‘พิษร้าย’ ของตระกูลพวกเรา เธอเอาแต่บอกว่านี่ลูกพวกเรานะ”
“ทั้งที่ข้าพยายามบอกอยู่แล้วว่านั่นไม่ใช่ลูก มันแค่คำสาป.. คำสาปของตระกูลเรา มันจะนำพาความวินาศมาสู่เรา เราต้องกำจัดมัน”
“ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้..”
……………………………………..
วันถัดมา
“มันสายเกินไปแล้ว เมืองนี้เริ่มตกอยู่ในความวุ่นวายมากขึ้นแล้ว..”
“อสูรทะเลเริ่มอาละวาดและโจมตีเขตแดนที่ปกป้องเมืองแล้ว..”
“ท่านพ่อ.. ท่านแม่.. ข้าควรทำอย่างไร..”
“………”
……………………………………..
วันถัดมา..
“ข้ารู้แล้ว.. ขอบคุณมากท่านพ่อ ท่านแม่.. ข้าต้องสร้างมันขึ้นมา.. ใช่แล้ว ข้าต้องสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา”
“..ใช่.. ไม่จำเป็นต้องเสียสละเธอคนนั้น..”
“แต่แค่..เสียสละนังเด็กคำสาปนั่นก็พอ..”
“เพื่อสร้าง… ดาบ..ผ่าดาราสวรรค์”