การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 305
บทที่ 305 – ศัตรูเก่า
“แกเป็นใคร”
เลทิเซียกล่าวขึ้นพร้อมกับหันไปบอกซิลเวียว่าระวังตัวด้วย เพราะพลังเมื่อกี้มันไม่ใช่พลังที่จะสามารถหลบได้เลย
แถมยังไม่ใช่ทั้งเวทมนตร์หรืออะไรที่เลทิเซียรู้จักมา มันแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นเสียอีกด้วยซ้ำ
ซิลเวียเองก็คิดไม่ตก ที่แห่งนี้ไม่ควรจะมีคนรอดอยู่ได้แท้ๆ ทำไมถึงมีคนรอดได้แถมยังโจมตีได้อีกต่างหาก
นี่มันแปลกเกินไปแล้ว ทั้งสองมองไปยังความมืดรอบด้านแต่กลับไม่พบเจอสิ่งใด ทว่าพริบตาต่อมาคลื่นพลังลึกลับก็พุ่งใส่จากด้านหลังโจมตีใส่ซิลเวีย
แต่เลทิเซียไหวตัวทันเธอใช้มือขวาที่ยังเคลื่อนไหวได้อยู่ฉีกเสื้อตัวเองและหันหลังกลับไปใช้เป็นโล่กันพลังที่สามารถฉีกได้แม้แค่แขนข้างหนึ่ง
ฟังดูเกินจริง แต่ทว่าเมื่อพลังนั้นกระทบกับเสื้อของเลทิเซีย เสื้อเลทิเซียก็ขาดเหมือนเป็นหลุมขนาดใหญ่
แต่พลังนั้นก็หายไปทันทีเมื่อกระแทกกับเสื้อของเลทิเซีย ทว่าวินาทีต่อมาเงาสีดำก็ฟาดใส่เลทิเซียจากด้านหลังอีก
แน่นอนว่าฟังดูเชื่องช้าแต่เพราะที่แห่งนี้ไม่มีทั้งพื้นที่และเวลาการเคลื่อนไหวทุกอย่างจึงไม่แน่นอน มันราวกับจู่ๆ ก็จมตีถึงร่างได้เลย
ที่เลทิเซียสามารถตอบสนองได้อาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณเอาตัวรอดของเธอเพียงเท่านั้น
แน่นอนว่าการโจมตีครั้งนี้มันไม่สามารถตอบสนองได้ทันเงาสีดำนั้นกระแทกใส่ร่างเลทิเซียกวาดเอาซิลเวียปลิวตามไปด้วย
เลทิเซียรู้สึกเหมือนร่างกายจะพังทลาย แต่ก็ควรขอบคุณความว่างเปล่าที่ไม่ให้เป็นเช่นนั้น เพราะแม้พลังทำลายล้างจะสูง
แต่ก็ไม่เหมือนท่าก่อนหน้านี้ ทำให้อย่างมากก็รู้สึกแค่ว่าหากเป็นโลกด้านนอกเลทิเซียคงแตกเป็นเสี่ยงแน่ๆ หากโดนเข้าไป
พอเลทิเซียปลิวออกไปอย่างไม่รู้ทิศไม่รู้ทาง ก็มีเสียงที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยดังขึ้น
“ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนไม่รู้ แต่ในโลกด้านนอกคงผ่านมาไม่นานขนาดนั้นหรอกมั้ง เพราะเจ้ายังเหมือนตอนที่เราเจอกันเลย คงไม่บอกว่าจะลืมข้าหรอกนะ?”
ในขณะกล่าวก็มีเงาร่างลึกลับปรากฏขึ้นตรงที่เลทิเซียเคยอยู่ เธอเป้นหญิงสาวที่อายุราวยี่สิบกว่าปี ทรวดทรงองเอวค่อนข้างเล็ก
ไม่ใหญ่ ผมสีดำยาวเหมือนกับเลทิเซีย เพียงแต่เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้นเลย ไม่สิ ถึงจะไม่ได้สวมแต่ก็ราวกับว่าความว่างเปล่ามันห้อมล้อมเธอคนนี้เอาไว้
และกลายเป็นอาภรณ์ที่ไร้รูปร่างให้กับเธอคนนี้ ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเลทิเซียก็เอียงคอ
“คนรู้จักเธอเหรอ ซิลเวีย”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“แต่อีกฝ่ายทักทายเราเหมือนรู้จักเลยนะ”
“เอ่อ นั่นนางหมายถึงเจ้าหรือเปล่าเลทิเซีย เพราะห้าปีที่ผ่านมาเจ้าไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”
“เอ๊ะ แต่ฉันจำไม่เห็นได้ว่าเคยเจอกับคนแบบนี้เลยนะ”
ทั้งคู่กระซิบกระซาบกันเบาๆ แน่นอนว่าที่แห่งนี้ไม่สามารถเปล่งเสียงได้ ดังนั้นที่คุยกันอยู่จึงเป็นการคุยผ่านจิต
อีกฝ่ายจึงไม่ได้ยินด้วยแน่ๆ แต่ที่น่าแปลกคือสภาพของเลทิเซียแล้วก็ซิลเวียตอนนี้ไม่น่ามองเท่าไหร่นัก
ซิลเวียมีแผลที่มือมองเห็นยันกระดูก หน้าอกถูกแทงเป็นรู ในขณะที่เลทิเซียเองก็หน้าอกเป็นรู แขนขาดข้างหนึ่ง
แถมเปลือยท่อนบนด้วย แต่เพราะมีชุดซับในอยู่จึงไม่ใช่ภาพที่ไม่น่าดูขนาดนั้น
แต่ทว่าตอนนั้นเองอีกฝ่ายก็พูดขึ้นโดยใช้ปากเหมือนเดิม
“แบบนี้นี่เอง”
เลทิเซียกับซิลเวียมองหน้ากัน พอมานึกดูแล้วเมื่อกี้อีกฝ่ายใช้ปากพูดนี่น่า แล้วพูดให้พวกเธอได้ยินได้ด้วยนี่มันหมายความว่าไงกัน
แต่แน่นอนว่าพอได้ยินคำว่าแบบนี้นี่เองทั้งซิลเวียและเลทิเซียต่างพากันเดาได้ทันทีว่า อีกฝ่ายอาจจะได้ยินที่พวกเธอคุยกันด้วย
และคำพูดต่อมาอีกฝ่ายก็เหมือนเป็นการพิสูจน์ว่าสิ่งที่พวกเธอทั้งสองคิดนั้นเป็นจริง
“ดูเหมือนว่าที่เจ้าโดนพลังของข้าแล้วไม่เป็นไรจะเป็นเพราะร่างกายของเจ้าแตกต่างจากคนอื่นสินะ.. เวลาไหลช้าก็คนอื่นเขาเป็นหลายสิบเท่างั้นเหรอ”
“เพราะแบบนี้ถึงโดนพลังของข้าแล้วไม่ตายทันทีสินะ”
พออีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้นเลทิเซียก็ขมวดคิ้วทันที… ใช่แล้ว.. คนตรงหน้านี่มัน.. ถ้าหากจากคำพูดเมื่อกี้ของมันละก็
บางทีเจ้านี่คงเป็นหมึกยักษ์เมื่อตอนนั้น!
แต่ว่า… ได้ยังไงกัน ไม่ใช่ว่าเลทิเซียลบมันออกจากโลกแล้วงั้นเหรอ.. ไม่สิ สิ่งที่เลทิเซียทำในตอนนั้นคือการขับไล่มันออกจากโลก
เพราะพลังของร่างมารนั้นแข็งแกร่งในระดับที่สามารถฝืนกฎเกณฑ์ได้เพียงชั่วครู่ ซึ่งในตอนนั้นเลทิเซียได้ทำให้โลกปฏิเสธและลบมันออกจากโลก
แต่ไม่คิดว่ามันจะถูกส่งมาในที่แห่งนี้.. ไม่สิ โดยปกติแล้วความว่างเปล่ามันก็ต้องไม่มีอะไรอยู่สิ แล้วทำไมเจ้านี่ถึง..
เลทิเซียขมวดคิ้วคิด ซิลเวียเองก็ตามเรื่องไม่ทันนิดหน่อย
“นี่มันหมายความว่าไง”
ซิลเวียถามขึ้น แต่คนที่ตอบกลับไม่ใช่เลทิเซีย แต่เป็นเจ้าหมึกแห่งกาลเวลาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“หมายความว่า ข้ากับเจ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นศัตรูกันไงล่ะ”
พอพุดเสร็จก็มีพลังระลอกหนึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของมัน นั่นไม่ใช่พลังแห่งกาลเวลาที่เลทิเซียเคยสัมผัส
แต่เป็นพลังแห่งความว่างเปล่าสีดำมืด ที่แผ่ขยายออกมาทำให้ทั้งซิลเวียและเลทิเซียต่างหน้าเผือดสี
พอคุยมาถึงจุดนี้เลทิเซียก็พอเข้าใจบางอย่างขึ้นมาบ้าง อีกฝ่ายบางทีคงสามารถแทรกแซงการคุยผ่านจิตได้ แต่ไม่สามารถอ่านใจได้
เพราะแบบนั้นเลยทำให้สามารถรู้ว่าพวกเธอคุยอะไรกัน แต่ไม่สามารถรับรู้ถึงความคิดของเลทิเซีย
ที่เลทิเซียโฟกัสตรงจุดนี้ก่อนเพราะเธอพึ่งเรียนรู้ว่านอกจากโลกที่เธอเห็นยังมีสิ่งที่เหนือกว่าอีกอยู่ด้วย
และขนาดเทพที่ส่งเธอมาเกิดใหม่ยังอ่านใจเธอได้ คนที่สูงกว่าไม่ต้องพูดเลยว่าทำไมจะทำไม่ได้ และเลทิเซียเป็นคนที่ชอบใช้ความคิด
วางแผนไว้ก่อนการต่อสู้ในบางสถานการณ์หากเธอถูกอ่านใจละก็แผนทุกอย่างก็จบ ดังนั้นเธอจึงโฟกัสตรงจุดนี้ก่อนสิ่งใดๆ
และเมื่อพิสูจน์ได้แล้วเลทิเซียก็พูดกระซิบซิลเวียว่า
“เจ้านี่คือปลาหมึกยักษ์เมื่อห้าปีก่นที่เคยปรากฏขึ้นตอนนั้น เจ้าน่าจะเคยเห็นมาแล้ว.. หลังจากที่ฉันลบมันออกจากโลกเหมือนว่าจะมาอยู่ที่นี่.. แถมยัง…”
“แถมยัง?”
เลทิเซียหรี่ตามองอีกฝ่าย ซิลเวียได้ยินเช่นนั้นก็เอียงคอด้วยความสงสัยในขณะที่เลทิเซียกำลังจะตอบ อีกฝ่ายก็ชิงพูดมาก่อน
“ข้ามีพลังของที่แห่งนี้ยังไงล่ะ”
อีกกฝ่ายกล่าวอย่างโอ้อวด ถึงจะไม่รู้ว่ามีรูปร่างเช่นนั้นได้ไง แต่เลทิเซียมั่นใจว่าต้องเกี่ยวพันกับที่อีกฝ่ายสามารถเคลื่อนไหวหรือทำอะไรได้อย่างอิสระในที่แห่งนี้เป็นแน่
“ตั้งแต่ที่เจ้าลบข้าออกมาจนข้าหายไป.. พอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกสีดำสนิทแห่งนี้อีกแล้ว”
“ความจริงข้าควรจะหายสาบสูญไปแล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าโชคดีที่ข้าไหวตัวทัน ข้าได้ดูดกลืนความว่างเปล่า”
“จนความว่างเปล่านั้นหลอมรวมกับตัวข้า ฮ่าๆ พูดตรงๆ ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ด้วย”
“เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ”
พออีกฝ่ายกล่าวเสร็จเลทิเซียกับซิลเวียก็มองหน้ากัน สามารถหลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่าได้ นั่นมันหมายความว่าไงกัน
เป็นไปได้ด้วยเหรอ..