บทที่ 280 – อำนาจ [จบภาค]
“ถูกต้อง”
สันตะปาปากล่าวพร้อมกับพยักหน้า สำหรับเขาแล้วการห้ำหั่นกับเลทิเซียในตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่นัก
อีกทั้งหากเกิดการต่อสู้จริงๆ ละก็ทุกอย่างจะผิดแผนในอนาคตหมดพอดี ซึ่งกล่าวได้ว่าทางเลือกเดียวสำหรับเขาตอนนี้คือการเจรจาก็ไม่ผิด
แน่นอนว่าเลทิเซียเองก็เช่นกัน.. หากว่าอีกฝ่ายไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เลทิเซียถูกลักพาตัว เธอก็ไม่คิดจะหาเรื่อง
แน่นอนว่าการทำข้อตกลงถือเป็นทางออกที่ดีกับทั้งสองฝ่ายในเวลานี้เพียงแต่เลทิเซียเข้าใจกฎแห่งการเจรจาดี
เธอรู้ว่าหากเผยความต้องการของตนเองมากเกินไป ศัตรูจะใช้ประโยชน์จากมันเพื่อชักจูงได้ เธอไม่ได้คิดจะตอบพยักหน้าตกลงแล้วก็เดินจากไป
“ทำไมฉันต้องทำข้อตกลงกับนายด้วย ในเมื่อฉันสามารถชนะนายได้ตามคำพูดของตัวนายเอง”
ใช่ มันไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องถอยให้กับอีกฝ่ายเลย ในเมื่อเธอเก่งกว่า.. อีกฝ่ายก็หัวเราะเบาๆ
“ฮ่าๆ .. แน่นอนว่าข้ารู้จักสถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ดี..”
เขาไม่ได้กล่าวต่อ.. เพียงแต่จ้องไปที่เลทิเซีย เลทิเซียจ้องไปที่อีกฝ่ายเช่นกัน เธอรู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
หลังจากเงียบไปสักพัก เลทิเซียก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย..
“ข้อตกลงที่ว่าคืออะไร.. ฉันบอกไว้ก่อนนะว่าอย่าพูดอะไรไร้สาระอย่างการไม่ให้ฉันพาชาร์ล็อตกลับเชียวล่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ ข้อตกลงที่ข้ากำลังจะกล่าวต่อไปนี้เป็นการถอยคนละก้าวแต่ได้ประโยชน์คนละก้าวในเวลาเดียวกัน”
สันตะปาปากล่าวอย่างชาญฉลาด เลทิเซียเองก็ขมวดคิ้ว พอเห็นเลทิเซียไม่พูดอะไรเขาจึงพูดต่อ
“สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงการหยุดการสังหารที่มากไปกว่านี้ ส่วนเจ้าเองก็ต้องการที่จะพาเพื่อนกลับ”
“พอสรุปได้แบบนี้ เรื่องมันก็ง่ายนิดเดียว ข้าจะไม่ถือสาเอาความเจ้าที่เจ้าได้สังหารคนของข้าไป แต่ในทางกลับกันเจ้าต้องไม่มายุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก”
“อย่าเผยแพร่สิ่งที่เห็นในนี้ให้ใครรู้โดยเด็ดขาด และข้าจะปล่อยให้เจ้าเดินจากศาสนจักรไปพร้อมกับเพื่อนๆ ”
แน่นอนว่าสำหรับสันตะปาปา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเขาคือข้อมูลที่อยู่ในมิติพิเศษเหล่านี้เพราะว่าคนที่สามารถมาในที่แห่งนี้ได้มีเพียงผู้ศรัทธาระดับสูงเท่านั้น
อันที่จริงหากเขาฆ่าเลทิเซียได้ เขาคงเลือกที่จะฆ่าทิ้งไปแล้วเพราะคนตายมันพูดไม่ได้ แต่เพราะเขาทำไม่ได้จึงต้องทำเช่นนี้
เลทิเซียเองก้ไม่ได้คิดว่าข้อเสนอนี้มันแย่ อย่างไรก็ตามเลทิเซียไม่ได้ตอบตกลงเห็นด้วยในทันที เธอถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ข้อเสนอมันดูจงใจเกินไป… นายวางแผนอะไรไว้”
“ฮ่าๆ ข้าว่าเจ้าคิดมากไปเองแล้วแหละ สำหรับเจ้าคงไม่รู้ว่ามิติแห่งนี้นั้นล้ำค่าเพียงใด มันคือมิติพิเศษที่สร้างขึ้นโดยการทำให้ใกล้เคียงกับสภาวะพิเศษบางอย่าง”
“ถ้าหากฉันปฏิเสธล่ะ”
เลทิเซียกล่าวขึ้นและจ้องไปที่อีกฝ่าย แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ทุกร้อนอะไรเลย เขาเพียงตอบด้วยความสุขุมเช่นเดิม
“ถ้างั้น.. พวกเราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสู้กันตอนนี้.. และแม้ข้าจะตายเพราะเจ้า.. ทุกอย่างก็จะบานปลายเช่นกัน”
“…..”
“อ้อ ข้าจำได้ว่าตอนเจ้าเข้าเมืองมามีเพื่อนมาด้วยอีกสองคนนี่น่า ไม่เป็นห่วงพวกเธอหน่อยเหรอที่เข้าไปในห้องสารภาพบาป”
ทันทีที่อีกฝ่ายกล่าวแบบนั้นเลทิเซียก็เข้าใจทันทีว่านั่นคือคำขู่อย่างชัดเจน ดวงตาของเลทิเซียจ้องไปที่อีกฝ่ายนิ่งๆ
อีกฝ่ายก็หัวเราะแห้งๆ
“ข้าไม่ได้คิดจะขู่”
“ก็ได้.. แต่ว่าในทางกลับกันหากพวกนายมายุ่งกับเพื่อนของฉัน… ไม่สิ…”
เลทิเซียที่กำลังจะพูดแต่ก็หยุดชะงัก.. ดวงตาของเธอจ้องไปที่อีกฝ่ายและกวาดสายาไปทั่วหมอกแห่งนี้
ราวกับสายตาของเธอมันมองทะลุทุกสรรพสิ่งเห็นผู้คนมากมายที่อยู่ในมิติแห่งนี้ และยังทะลุไปยังมิติด้านนอกที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่เต็มไปหมด
การสูญเสีย.. เธอสูญเสียบางอย่างไปเพราะว่าเธอมีกำลังไม่พอเหรอ.. เปล่าเลย เธอไม่ได้คิดว่าตนเองแข็งแกร่งแต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองอ่อนแอขนาดนั้น
ดังนั้นปัจจัยสำคัญการสูญเสียไม่ได้เกิดจากแค่พลังของตัวเธอเท่านั้น.. แต่ทุกๆ ครั้งที่มีปัญหา เธอจะอยู่ห่างออกไปเสมอ..
แต่พอมามองดูที่แห่งนี้ แม้ตัวเองจะมีความแข็งแกร่งกว่าคนเหล่านี้… เธอกลับไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้
เธอรู้ดีว่าบนโลกไม่ได้มีแค่ความแข็งแกร่งที่จะสามารถปกครองทุกสิ่งแต่ยังมีปัจจัยโดยรวมอีกมากมาย
เธอถูกสันตะปาปาที่บอกว่าอ่อนแอกว่าเจรจาอย่างเท่าเทียม แถมเป็นตัวเองที่ต้องทำตามข้อตกลงของอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้
อีกฝ่ายไม่ได้เก่งกว่าเลยด้วยซ้ำ.. แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้…
ไม่สิ เลทิเซียรู้เรื่องนั้นดี เธอไม่ต้องให้ใครมาตอบเธอก็สามารถตอบคำถามนั้นได้.. เหตุผลที่อีกฝ่ายสามารถถือไพ่เหนือกว่าในการเจรจาครั้งนี้..
เพราะว่าอีกฝ่ายมีอำนาจ..ที่จับต้องได้
อันที่จริงเลทิเซียอาจจะมีอยู่บ้างแต่นั่นเป็นเพราะบารมีของพ่อแม่เธอ ซึ่งไม่ใช่ของเธอเองเหมือนชายตรงหน้า..
หากเธอมีอำนาจ.. เธอมีกำลังและความน่าเชื่อถือ.. ต่อให้เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเธอก็สามารถสร้างข้อตกลงเพื่ออยู่รอดต่อไปได้..
อำนาจ ความยิ่งใหญ่.. แผนการมากมายนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในหัวของเลทิเซีย สิ่งที่เธอควรทำในตอนนี้คืออะไร
ไม่สิ เธอสามารถทำอะไรได้บ้างในตอนนี้ เป็นสิ่งที่จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นคนสำคัญครอบครัวหรือเพื่อนทุกๆ คน
คิดให้ออกสิ.. เธอมีอะไรดี.. เธอเป็นจอมมารเป็นปีศาจ.. ที่เติบโตมาในดินแดนมนุษย์และสามารถใช้เวทมนตร์ได้ทั้งสองแบบ
ไม่ใช่.. มันต้องไม่ใช่แค่เรื่องพลังเท่านั้น เลทิเซียหลับตานึกจมดิ่งลงไปในความทรงจำ พอเห็นเลทิเซียยืนนิ่งสันตะปาปาก็ยืนงงไปสักพัก
“เอ่อ..”
แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง เลทิเซียกำลังท่องไปในโลกแห่งความทรงจำ ภาพต่างๆ มากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมอง
ตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลก เติบโต เรียนรู้ ศึกษา ความรู้ในอดีตชาติ ทุกๆ อย่างถูกค้นออกมากองตรงหน้า
ในปัญหาที่ว่าทำยังไงเธอถึงจะปกป้องคนสำคัญได้ดีที่สุด.. และในตอนนั้นเองดวงตาของเธอก็เปิดขึ้น..
มุมปากของเลทิเซียยกขึ้น.. พร้อมกับเสียงหัวเราะที่หลุดออกมาจากปากอย่างไม่ทราบสาเหตุ..
ใช่ เธอรู้แล้ว เธอรู้แล้วทั้งความรู้ทั้งร่างกาย ทุกๆ อย่างนี้.. เธอจะใช้มันให้เป็นประโยชน์ทั้งหมด เลทิเซียหยุดหัวเราะและฉีกยิ้มพร้อมกับพูดกับอีกฝ่าย
“อย่ามายุ่ง.. กับโรงเรียนลิเบอร์ของฉัน”
ใช่แล้ว เธอจะเปลี่ยนโรงเรียนลิเบอร์เป็นอาณาจักรของตัวเอง.. เธอเติบโตมาพร้อมกับสิ่งที่ไม่เคยมีในอดีตชาติอย่างความน่ารัก
เธอยังมีความรู้ที่คนอื่นไม่มีซึ่งสามารถแบ่งปันให้กับผู้อื่นได้เพื่อเรียนรู้เวทมนตร์แทรกแซงได้ดีขึ้น.. เลทิเซียจะสร้างสถานที่ที่สามารถต่อรองกับคนที่เก่งกว่าให้ได้
“ว่าไง ?”
สันตะปาปายืนตกใจอยุ่พักหนึ่งเพราะโรงเรียนลิเบอร์เป็นของจอมมารคนที่สิบสามนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะโรงเรียนลิเบอร์ไม่ขึ้นตรงต่อฝั่งไหนเลย
นั่นหมายความว่าหากมีจอมมารเข้าปกครองละก็สมดุลโลกคงจะพังลงในเวลาสั้นๆ เมื่อถึงยามนั้นเรื่องมันคงแย่กว่าการที่เขาต้องปะทะกับเลทิเซียซะอีกนะ
แต่สันตะปาปาก็ไม่ได้ขัด เพราะเขาก็ไปโจมตีที่นั่นไม่ได้อยู่ ดังนั้นคำขอของเลทิเซียจึงไม่ได้เกินจริงสำหรับเขาแต่อย่างใด
“แน่นอน.. ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยว”
“งั้นก็ตกลงตามนี้”
เลทิเซียไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เธอจับมือชาร์ล็อตพร้อมกับพูดกับชาร์ล็อตด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“กลับกันเถอะ”
“อืม”
ยังไม่ทันได้บอกวิธีออกไปเลทิเซียเดินไปข้างหน้าเพียงหนึ่งก้าวพร้อมกับชาร์ล็อต พวกเธอก็หายไปจากโลกทันทีพอเลทิเซียจากไปทั้งแบบนั้นสันตะปาปาก็บ่น
“นี่ออกง่ายขนาดนั้น ถ้าอยากหนีก็หนีไปได้ทันทีเลยนี่หว่า.. แล้วทำไมถึงไม่หนี.. หรือว่า…”
เขาเบิกตากว้าง ก่อนที่จะส่ายหน้าปฏิเสธ.. ถ้าหากอีกฝ่ายไม่หนีเพราะรอให้ตัวเป้งอย่างเขามาสร้างข้อตกลงเพื่อให้พวกเขาไม่ยุ่งกับชาร์ล็อตอีก..
เช่นนั้นอีกฝ่ายก็ไม่น่าใช่คนแล้ว.. เพราะตัวเขาสามารถเห็นอนาคต กล่าวคือทุกอย่างนั้นเขารู้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว..
แค่อาจจะไม่เห้นรายละเอียดทั้งหมด.. หากทุกอย่างกลายเป็นแผนของจอมมารที่ชื่อเลทิเซียนั้น.. หมายความเธอหลอกได้แม้แต่ผู้เห็นอนาคตอย่างเขาเลย
เขาส่ายหน้าละทิ้งความคิดเหล่านั้นมองไปทางที่เลทิเซียจากไปเล็กน้อย
“แต่ว่า.. มิติควอนตัมงั้นเหรอ.. พูดอะไรได้น่าสนใจดีนิ…”
เขากล่าวเสร็จก็หันกลับไปมองฮิสครอมที่สลบอยู่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม..
“ตอนนี้ข้ายังสู้เจ้าไม่ได้.. แต่รอก่อนเถอะ.. อีกไม่เกินสิบปีแน่นอน.. หึๆ ฮ่าๆ ”
………
…..
..
พอเลทิเซียออกมาจากนั้น ก็พบว่าทั้งอามาเระและลาน่าก็ยืนรออยู่ด้านนอกแล้ว พอฟังคำพูดของทั้งสองก็ได้รู้ว่า
ทั้งสองถูกจับได้ทันทีที่เข้าไป แต่เหมือนจะไม่โดนทำอะไรก่อนจะถูกเตะออกมาแล้วก็บอกว่าให้รอเลทิเซียอยู่ตรงนี้
อันที่จริงลาน่าก็ไม่อยากรอ แต่อามาเระสัมผัสถึงการใช้พลังของตัวเองจากเลทิเซียได้เลยคิดว่าไม่นานคงจบและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ..
เลทิเซียมองหน้าทั้งสามคน.. ก่อนจะหยุดอยู่ที่ชาร์ล็อตทั้งสองคนมองหน้ากันเงียบๆ ผ่านไปสักพักเลทิเซียก็พูดขึ้น..
“เอาล่ะ.. กลับกันเถอะ กลับไปยังบ้านของพวกเรา.. ที่ชื่อว่าโรงเรียนลิเบอร์น่ะ”
เลทิเซียหันหลังให้พร้อมกับก้าวเดินนำดวงตาของเธอมีแสงทมึนราวกับจอมมาร.. ไม่สิ.. เธอเป็นจอมมารอย่างแท้จริง!
“ฉัน… จะสร้างอำนาจของตัวเอง..”
[จบภาคสาม : การเปลี่ยนแปลงของเธอคนนั้น]
…………………
[และๆๆๆๆ และก็จบลงไปแล้วอีกภาคที่เคยกล่าวไว้ในภาคสองว่าเป็นภาคที่เจ็บปวดเรียกน้ำตา.. แต่ภาคนี้คงอัดแน่นไปด้วยความโหดร้ายทารุณที่เหมือนเขียนมาเพื่อยำเลทิเซียอย่างเดียวเลย แน่นอนว่าดั่งที่ผมเคยกล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าพอจบภาคนี้แล้ว.. หลังจากนี้จะเข้าสู่บทเฉลยทุกอย่าง และภาคต่อไปจะมีความเผ็ดขมขนาดไหนก็ต้องมารออ่านกัน..แต่ผมขอเกริ่นไว้ก่อนว่า.. หลังจากนี้จะไม่มีจุดพักหรือจุดกาวแล้ว เพราะเนื้อหาหลังจากนี้จะ เดือด มันแค่นี้จริงๆ – ผู้เขียน]
[ภาคต่อไปจะรีบเข็นออกมาให้อ่านกันต่อนะจ้ะ]
MANGA DISCUSSION