การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 263
บทที่ 263 – คนที่ควรจะมีความสุข
ไม่ว่าเธอจะคร่ำครวญขนาดไหนชาร์ล็อตก็ไม่ตอบกลับมา..ถ้าจะพูดให้ถูกคือตอบกลับไม่ได้เพราะเธอไม่อยู่ที่ไหนในที่ตรงนี้แล้ว
อารมณ์มากมายเหลือจะเอ่ยอัดแน่นอยู่ภายในอกของอันน่า ดวงตาของเธอขุ่นมัวราวกับสูญเสียชีวิตและจิตใจ
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง เธอร้องไห้ออกมาโดยไร้ซึ่งเสียงกล่าวใดๆ มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลพาดผ่านดวงตาของเธอ
และท้องฟ้าที่เมื่อกี้ยังสดใสเต็มไปด้วยดาราเต็มราตรีก็ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกอย่างเงียบๆ ก่อนจะกลายเป็นฝนที่สาดเทลงมา
น้ำตาน้ำฝนปนเปกันไป ราวกับเสียงฝนที่ตกลงมานี้ หยาดน้ำฝนที่ร่วงหล่นลงมาจากก้อนเมฆคือกลุ่มก้อนความรู้สึกของทั้งสองคนที่เติบโตมาด้วยกัน
อันน่าพึ่งมารู้สึกตัว.. ว่าตนเองในตอนนี้.. รู้สึกว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมา เวลาที่อยู่กับชาร์ล็อตมันล้วนเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง
ของบางอย่างผู้คนมักรู้สึกตัวว่ามันสำคัญในยามที่ไม่มีมัน.. เธอพึ่งมารู้สึกตัวว่าหากในสักวันเธอต้องแยกจากชาร์ล็อต
มันจะทำให้เธอเจ็บปวดขนาดนี้.. ชาร์ล็อตที่สดใส.. รอยยิ้มที่ขาวสะอาด.. มันเป็นเหมือนกับสิ่งเดียวบนโลกนี้ที่เธอต้องปกป้อง
จนกระทั่งได้รู้จักบุคคลที่ชื่อเลทิเซีย ในตอนนั้นเลทิเซียกลายเป็นเหมือนแสงสีเทาที่สาดส่องเข้ามาในชีวิตเธอ
ทำให้เธอได้รู้สึกดี ได้รู้สึกสนุก ได้รู้สึกชื่นชอบ.. ใช่ มันทำให้เธอลืมตระหนักว่าชาร์ล็อตเองก็สำคัญ..
เธอหลงลืมเรื่องนั้นไปแล้วก็คิดแต่ว่าเพื่อชาร์ล็อตในวันที่ตนเองนั้นหายไป.. เธอไม่อยากสูญเสียไปเลย..
ช่วงเวลาแห่งความสุขอยู่ในห้องพักเล็กๆ ที่มีคนอยู่สองคนแต่มีจิตใจถึงสามจิตใจ.. เธอ ชาร์ล็อตและเลทิเซีย
เธออยากจะย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลานั้น ในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันสามคน เธอจะคิดถึงเรื่องของชาร์ล็อต คิดถึงเรื่องของเลทิเซีย
และคิดถึงเรื่องของตนเอง.. เธอจะไม่อิจฉา เธอจะไม่โกรธเคือง.. เธอจะไม่ปกปิด… เธออยากจะยิ้มด้วยกันอีกครั้ง..สามคน
“เพราะงั้น… เพราะงั้น.. ได้โปรดเถอะ.. กลับมาเถอะนะชาร์ล็อต..”
อันน่าพูด เธอรู้ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาชาร์ล็อตต้องเป็นกังวลเรื่องของตัวเธอมากแน่ๆ และในเวลาเดียวกันเธอคงสับสนที่เลทิเซียทำแบบนั้นกับตัวเอง
ชาร์ล็อตที่ใสสะอาด เธอที่ไม่รู้จักความโหดร้ายของสิ่งมีชีวิต เมื่อเจอสิ่งนั้นออกมาตรงๆ เธอจะกลัว. และหวาดผวา
ดังนั้นอันน่าเดาออกเลยว่า ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ชาร์ล็อตต้องจมปลักกับความรู้สึกแบบไหน
แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้น เธอกลับทิ้งให้ชาร์ล็อตอยู่คนเดียว จนเธอตัดสินใจที่จะออกจากโรงเรียน เก็บสัมภาระของตัวเองออกเดินทางเสร็จสรรพ
เขาของเธอทรุดลงกับพื้นพร้อมกับกำมือทั้งสองข้างทุบลงกับพื้นพร้อมกับตะโกนออกมา
“ทำไมกัน”
“ข้าแค่.. ข้าแค่ชอบเธอคนนั้นเอง…”
“หรือการที่ข้าชอบ.. การที่ข้าชอบเธอคนนั้นมันผิดขนาดนั้นอย่างงั้นเหรอ”
น้ำตาของเธอไหลออกมา เสียงตะโกนท่ามกลางเสียงฝฝนมันไม่ได้ดึงดูดใครในเมืองเลย.. เธอกำหมัดสองข้างทุบลงกับพื้น
“ทำไม.. ทำไม!!!”
เธอกรีดร้องออกมาจากเบื้องลึกแห่งความสิ้นหวัง.. แต่ในตอนนั้นเองเสียงที่เคร่งขรึมก็เดินเข้ามา
“งั้นสนใจที่จะฟังข้อเสนอของข้าหรือยั—”
“แกเป็นเพราะแกงั้นสินะ”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ ไม่ใช่เพราะข้าสักหน่อยนะ”
“หุบปาก แล้วแกรู้เรื่องของฉันกับชาร์ล็อตได้ยังไง”
อันน่าตะโกนออกมาพร้อมกับปามีดนับสิบเล่มออกมา ฮิสครอมขมวดคิ้วกำลังจะยกมือขึ้นร่ายเวทอาคมแต่ก็ต้องขมวดคิ้ว..
ก่อนที่จะเลือกกระโดดหลบแทนที่จะใช้พลัง อันน่าไม่รอให้เขาตอบเลยสักนิด เธอในตอนนี้กำลังจมดิ่งกับความคิดของตัวเอง
พอมานึกขึ้นได้ตรงนี้มีผู้ชายแปลกๆ ยืนอยู่ด้วย แถมยังรู้เรื่องของเธออีกต่างหาก เธอไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญ
หลังจากฮิสครอมหลบได้ เขาก็ทรงตัวอย่างงดงาม ถึงฝนจะตกอยู่ก็ตาม หลังจากทรงตัวเสร็จเขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเหมือนไม่พอใจเล็กน้อย
แต่ก็ไม่ได้ดูจริงจังขนาดนั้น
“ก็ฟังที่พูดก่อนสิครับ”
เขากล่าวเสร็จพร้อมจัดทรงเสื้อผ้า มองดูดีๆ ชุดของเขาไม่เปียกเลยสักนิดสายตาอันน่าจ้องไปที่เขาไม่วางจนเจ้าตัวคิดว่าอันน่าสงสัยเรื่องชุด
เขาก็ตอบสิ่งที่อันน่าไม่ได้ถามออกไปทันที
“อ้อ ชุดนี้เป็นชุดผลิตพิเศษจากทางศาสนจักรของพวกเราน่ะครับ กันแดด กันฝน กันภัยทุกชนิด ข้าไม่อยากจะพูดหรอกนะว่ามันล้ำค่าเทียบเท่ากับชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์เลยล่ะ เพราะได้รับพรจากพระผู้เป็นเจ้ายังไงล่ะ”
“….”
พอเห็นอันน่าไม่พูดไม่หือไม่อือ ฮิสครอมก็พ่นลมหายใจ
“ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลยนะครับเนี่ย”
เขาพูดเสร็จ ก็กอดอกแล้วก็พูด
“เหตุผลที่ข้ารู้ก็คือท่านสันตะปาปาที่เปรียบดั่งหัวใจของพระผู้เป็นเจ้านั้นสามารถหยั่งรู้อนาคตได้ ซึ่งพวกเราเหล่าคาร์ดินัลจะถูกส่งไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อรับบุคคลที่อยู่ในคำทำนายว่าในอนาคตจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก”
“กล่าวคือ หากพวกเราเอาคนที่จะโด่งดังในอนาคตมาเป็นพรรคพวกได้ ศาสนจักรพวกเราจะน่าเชื่อถือขึ้นมาอีกยังไงล่ะ”
“จะพูดอีกอย่างก็คือที่ข้ามาเผยแพร่ศาสนาในคราวนี้เป็นแค่ทางผ่าน ที่มาจริงๆ ก็มาเพื่อพบเจ้าและเชิญชวนเจ้าต่างหาก”
“แน่นอนว่าถ้ารู้อนาคตก็หมายความว่าต้องรู้เรื่องของเจ้าที่กำลังจะเกิดได้เช่นกัน ดังนั้นข้าเลยอยากจะมาเสนอแนะ ข้าเชื่อว่าข้อเสนอของพวกเราในตอนนี้ตรงกับความต้องการของเจ้าในตอนนี้พอดีแน่นอน”
เขายิ้มอย่างมีนัย สีหน้าของอันน่าแปรเปลี่ยน ดวงตาของเธอหวนนึกถึงชาร์ล็อต สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้นั้นแน่นอนว่ามีเพียงอย่างเดียว
ใช่ นั่นก็คือชาร์ล็อต โดยที่ยังไม่ทันได้ให้อันน่าได้กล่าวถาม ฮิสครอมก็พูดขึ้นมาทันที อันที่จริงเขากลัวว่าอันน่าจะไม่ยอมฟังที่เขาพูดเลยต้องรีบพูด
“สิ่งที่พวกเราต้องการก็คือชื่อเสียง.. ในอนาคตของเจ้า”
“แต่สิ่งที่เจ้าจะได้จากพวกเรา.. คือชีวิตของชาร์ล็อต”
“เป็นไงล่ะ เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลยใช่ไหม”
เขาพูดได้ตรงประเด็นไม่กล่าวชักแม่น้ำใดๆ ดวงตาของอันน่าลุกวาว แต่ในตอนนั้นเองสติของเธอก็ถูกดึงกลับมาพร้อมกับกำมีดไว้แน่น
“ข้า—”
“ไม่เชื่อข้า?”
ก่อนที่อันน่าจะได้พูดอีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นก่อน เขาก็ยิ้มหลังจากพูดคำนั้น ก่อนที่จะพูดต่ออย่างเชื่องช้า
“ข้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องหลอกเจ้า อันที่จริงพวกเราต่างได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายนะ อีกอย่างเจ้าเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน.. ข้าจะบอกให้ว่า.. ระวังมันจะสายเกินแก้นะ”
ฮิสครอมกล่าวเน้นย้ำทีละคำ พอคำสุดท้ายที่บอกว่า ‘สายเกินแก้’ อันน่าก็ไหลทั้งสองข้างสั่นเทา.. หวนนึกถึงเรื่องที่พึ่งเกิดไป
เธอกัดริมฝีปาก อันที่จริงอาจจะเป็นเพราะเธอกลืนกินด้านบวกเข้ามาแล้วมันเลยทำให้เธอมีเศษเสี้ยวความอ่อนโยนเหมือนกับชาร์ล็อต
ชาร์ล็อตที่เชื่อคำผู้อื่นอย่างง่ายดาย..
“ข้าต้องทำอะไร”
จู่ๆ เธอพูดขึ้นมาอย่างไร้หนทาง.. ดวงตาหวนนึกถึงชาร์ล็อต.. ต่อให้ตนเองต้องตายเธอก็จะเอาชาร์ล็อตกลับมาให้ได้..
ถึงเธอจะอยากอยู่ด้วยกันแบบสามคน.. แต่ว่า.. เธอน่ะ … เธอต้องการให้ชาร์ล็อตได้มีรอยยิ้มต่อไป.. แทนที่จะเป็นเธอ..
คนที่ควรจะมีอยู่น่ะเป็นคนแบบชาร์ล็อตมันดีกว่าตัวเธอเป็นไหนๆ ดังนั้นไม่ว่าจะยังไง เธอก็จะต้อง
ฮิสครอมฉีกยิ้มอย่างน่ากลัว
“งั้นก็มาพูดถึงวิธีการที่จะชุบชีวิต.. ตัวเจ้าอีกครึ่งหนึ่งขึ้นมากันเถอะ”